webnovel

0993 ชิ้นส่วนของผู้ทำลายทุกสรรพสิ่ง

ตอนที่ 993 ชิ้นส่วนของผู้ทำลายทุกสรรพสิ่ง

ความโกลาหลสิ้นสุดลง

เย่เฟยหลีกระโดดกลับขึ้นยานอวกาศราชินีหนาม

จนกระทั่งเขาถอดหน้ากากออก จางหยิงห่าวจึงกล่าวว่า “เป็นงานที่งดงามมาก”

“นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้ทำแบบนี้จนกระทั่งพบความโกลาหลมากมายนี่แหละ”

เย่เฟยหลีหัวเราะ ดูร่าเริงขึ้นมาก

เป็นการยากนักที่จะบอกได้ว่าเขาคือตัวตลกน่าหลงใหลคนนั้น

จิตเทพของกู่ฉิงซานกระจายไปทั่วเมือง

ความโกลาหลส่วนใหญ่ตายแล้ว

แต่ยังมีคนของความโกลาหลมากมายที่ไม่โมตีคนธรรมดา ดังนั้นพวกมันจึงหลบหนี

พวกมันมีมาตรฐานการลงมืออยู่ในใจและคิดว่าไม่ควรลงมือสังหารเหมือนเมื่อครู่

“เจ้าได้ความโกลาหลอะไรมา”

กู่ฉิงซานถามด้วยความสนใจ

เย่เฟยหลีจ้องมองความว่างเปล่าก่อนตอบว่า “ตอนแรกพวกมันหลอมรวมกัน ตอนนี้กลับแยกออกมา”

“ตัวตลกชั่วร้าย เหอะ ชื่อนี้ห่วยบรม”

เย่เฟยหลีไม่พอใจ

แต่แววตาตื่นเต้นของเขากลับหักหลังความคิดที่อยู่ข้างใน

โดยไม่สนทนากับทุกคน เย่เฟยหลีเริ่มทดลองการทำงานของแผงควบคุมส่วนตัว

กู่ฉิงซานและจางหยิงห่าวมองหน้ากัน ทั้งสองต่างทำอะไรไม่ถูก

เด็กคนนี้

เขาต้องใช้ความโกลาหลมาเป็นทำเทมเพลตเกมแน่ๆ

กู่ฉิงซานอยากเตือนเย่เฟยหลีว่าให้ดูการเปลี่ยนแปลงของความโกลาหลหน่อย แต่หลังจากนั้นเขาคิดบางอย่างขึ้นมาได้

หากเย่เฟยหลีสามารถเล่นเทมเพลตความโกลาหลสู่ระดับสูงสุดได้ละก็…

ช่างเถอะ ให้เขาทำไปแล้วกัน

กู่ฉิงซานกล่าวกับทุกคนว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้ารอสักครู่ ข้าจะลงไปหาสิ่งนั้นก่อน”

เขาเริ่มย่อตัวก่อนหายไปจากชั้นดาดฟ้าของยานอวกาศ

ถึงแม้ความโกลาหลจะเพิ่งเกิดได้ไม่นาน แต่ทั่วทั้งเมืองก็พังพินาศไปแล้ว

กู่ฉิงซานมาถึงสะพานอาทิตย์อัสดงขณะสังเกตการณ์อย่างละเอียด

ทิวทัศน์ที่นี่เดิมงดงาม ผืนน้ำและท้องนภาเป็นสีเดียวกัน ยามสนธยาสามารถชมอาทิตย์ตกดินได้

แต่โลกพังพินาศแล้ว

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กองกำลังแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ไม่เคยสนใจสะพานแห่งนี้

เพราะว่าเป็นคนแข็งแกร่ง จึงสามารถบินหรือเคลื่อนย้ายพริบตาไปในที่ที่ต้องการได้

สะพานอาทิตย์อัสดงธรรมดาเกินไป มันเป็นสถานที่สำหรับคนธรรมดาที่มีพละกำลังต่ำ ไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนใหญ่โตได้

ดังนั้นจึงไม่มีใครพบว่ามีหินจำนวนไม่มากนักอยู่ในโคลนที่ก้นแม่น้ำลึก

หินก้อนใหญ่หายากยิ่งกว่า

กู่ฉิงซานยังคงเงียบ

ดาบยาวส่งเสียงหึ่งก่อนพุ่งมาอยู่ด้านหลังเขา มันชี้ไปที่แม่น้ำ

ดาบคลื่นเสียง

น้ำในแม่น้ำพัดพาคลื่นลูกใหญ่ ตะกอนกระจายออกไปทั้งสองฝั่ง

ฉากที่ก้นแม่น้ำถูกเผยให้เห็นต่อหน้ากู่ฉิงซานจนหมด

จิตเทพของกู่ฉิงซานปกคลุมรอบหินก้อนใหญ่ที่ก้นแม่น้ำ เขาอยู่ในสภาพดังกล่าวเป็นเวลาเนิ่นนาน

เขารู้สึกถึงพลังของปฐพี

พลังนี้ถูกซ่อนเอาไว้ เกรงว่าหากไม่ใช่เทพปฐพีองค์ใหม่ เขาไม่มีทางหาพบได้อย่างแน่นอน

ตอนนี้ เสียงถอนหายใจยาวของผู้สร้างปฐพีดังขึ้น

“วันสิ้นโลกกำลังแพร่กระจาย หุบเหวรุกรานโลกเก้าร้อยล้านชั้น สิ่งที่คาดเดาไม่ได้มากมายกำลังเกิดขึ้นเงียบๆ”

“ดูจากประสบการณ์ของเจ้า ข้ามองเห็นเพียงเศษเสี้ยวนี้เท่านั้น นับจากนี้ไป ทุกสิ่งในอนาคตช่างเลือนราง”

“เดิมข้าวางแผนจะเตรียมหนทางมากมายให้เจ้าในแผนที่ดวงดาว ถึงนี่จะเป็นหนทางที่ดีที่สุดของข้า แต่น่าเสียดาย…”

“การต่อสู้ระหว่างความโกลาหลและบัญญัติสร้างความไม่แน่นอนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในอนาคตขึ้นมา ดังนั้นข้าทำได้แค่ช่วยเจ้ามาที่นี่เท่านั้น”

“ไปเสีย ไปเอาสิ่งนั้นมา”

ในจิตของกู่ฉิงซาน แผนที่ดวงดาวพลันหายไป

กลายเป็นว่าแม้แต่ผู้สร้างปฐพีก็ทำได้เพียงเท่านี้

เมื่อเผชิญหน้ากับอนาคตที่เกิดจากความโกลาหลและบัญญัติ จึงทำให้มองไม่เห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนอีกต่อไป

เขาทำได้เพียงใช้แผนที่ดวงดาวเพื่อทิ้งของที่เป็นประโยชน์ไว้ให้กู่ฉิงซาน

จะเป็นของแบบไหนกันนะ

กู่ฉิงซานเหาะลงไป

ขณะถือดาบคลื่นเสียงไว้ เขาฟาดลงไปที่ก้อนหินอย่างเบามือ

หินแตกร้าว เผยให้เห็นบางสิ่งตรงหน้ากู่ฉิงซาน

นี่คือเศษชิ้นส่วนขนาดเท่านิ้วมือ มีสีสันหลายหลากงดงาม

เสียงของผู้สร้างปฐพีดังขึ้นอีกครั้ง

“กู่ฉิงซาน เจ้าเคยเห็นหอกหลากสีสันของวิญญาณกรีดร้องมาแล้ว นี่คือชิ้นส่วนขนาดเล็กของหอกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ”

“เมื่อเจ้าถือชิ้นส่วนนี้ไว้จะสามารถสัมผัสถึงตำแหน่งของหอกได้”

“ถือเอาไว้ มันจะพาเจ้าไปหาหอก ข้าก็บอกไม่ได้ว่าทำไม แต่ข้าคิดเสมอว่าหอกนี่แหละคือกุญแจที่จะใช้ยับยั้งวิญญาณกรีดร้อง”

“ที่จริง ตอนแรกข้าไม่รู้เรื่องนี้ ที่ข้าทิ้งชิ้นส่วนนี้ไว้ให้เจ้าเพียงเพราะอยากให้ไปตำแหน่งที่หอกอยู่เท่านั้น”

“ความหวังทั้งหมดมันเริ่มขึ้นจากตรงนี้นี่แหละ”

“เวลา…กำลังหมดแล้ว”

เสียงของผู้สร้างปฐพีค่อยๆ หายไป

กู่ฉิงซานมองชิ้นส่วนหลากสีสันขนาดเล็ก

เขายื่นมือหยิบไปชิ้นส่วนขึ้นมา

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นทันที

“ท่านได้รับหนึ่งในเจ็ดทหารศักดิ์สิทธิ์ของหุบเหว ชิ้นส่วนของผู้ทำลายทุกสรรพสิ่ง”

“ในช่วงการต่อสู้อันน่าสลด ผู้ทำลายทุกสรรพสิ่งถูกโจมตีจนชิ้นส่วนนี้ตกลงมา”

“เมื่อท่านถือมันไว้ ท่านจะสามารถสัมผัสได้ว่าหอกอยู่ที่ไหน”

“นำชิ้นส่วนนี้ไปคืนผู้ทำลายทุกสรรพสิ่ง มันจะเปลี่ยนความประทับใจในตัวท่าน”

กู่ฉิงซานจ้องชิ้นส่วนหลากสีสันจนอดที่จะหัวเราะแห้งออกมาไม่ได้

เพื่อช่วยหกโลกเอาไว้ เขาจึงปาหอกออกจากเขาเหล็กใหญ่

คาดไม่ถึง หลังจากผ่านมานานนม สุดท้ายเขาต้องไปตามหาเอง

กู่ฉิงซานถือชิ้นส่วนหลากสีสันก่อนสัมผัสมันอย่างเงียบงัน

ไม่ช้า

เขาสัมผัสถึงมันได้จากสถานที่ไกลลิบ

ภาพก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วปรากฏขึ้นในจิตของกู่ฉิงซาน

เขาพบว่าตัวเองกำลังก้าวไปข้างหน้า

โลกนับพันใกล้เข้ามา จากนั้นถอยไปอยู่ด้านข้างทั้งสองฝั่งอย่างรวดเร็ว

วังวนความว่างเปล่าถูกทิ้งไว้ด้านหลังเช่นกัน

เขามาถึงสุดขอบหุบเหวนิรันดร์โดยไม่รู้ตัว

เขายังไปต่อ

เคลื่อนผ่านส่ายลมแห่งความโกลาหลที่จะทำลายทุกสิ่ง

มุ่งสู่ทางที่สิ่งมีชีวิตจะไม่สามารถไปถึง เป็นการเดินทางที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

มิติและเวลาไม่อาจวัดทุกสิ่งในสภาพนี้ที่คล้ายกับภัยพิบัติทำลายล้างได้อีกต่อไป

ประเดี๋ยวก็เงียบสงัด ประเดี๋ยวก็อึกทึก

ในทิศทางนั้นเอง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งอยู่

หลังจากนั้น

กู่ฉิงซานกำลังจะไปดูว่ามีอะไรปรากฏอยู่ตรงนั้น แต่จู่ๆ ก็ถูกดึงกลับมา

เขาพบว่าตัวเองยังยืนอยู่ที่เดิม

“…มันไกลเกินไป ตอนนี้ไม่มีทางไปถึงที่นั่นได้” กู่ฉิงซานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

เขาส่ายหน้า ร่างกายขยับก่อนกลับมาที่ยานอวกาศ

จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีนั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งสองมองตรงไปในความว่างเปล่าขณะสนทนาเรื่องพลังแห่งความโกลาหล

เดิมเหล่าต้ากำลังเล่นเกมคอนโซลของเย่เฟยหลี แต่เมื่อไม่สามารถผ่านด่านได้ เขาก็ควานหาบทสรุป

เสียงของลอร่าดังขึ้น “กู่ฉิงซาน พวกเราต้องไปไหนต่อหรือ”

“รอเดี๋ยวนะ ข้าต้องคิดก่อน”

กู่ฉิงซานกล่าวด้วยสภาพที่ปวดหัว

เดิมที ความคิดของเขาคือไปดูสิ่งที่ผู้สร้างปฐพีได้เตรียมการเอาไว้ จากนั้นไปพบซูเสวี่ยเอ้อร์กับหนิงเยว่ฉาน

ในบรรดาสามเหรียญตอนนี้ เหลือเพียงทูตสวรรค์แห่งบาปเท่านั้น

ต้นไม้หนามโบราณสามารถถูกอัญเชิญมาเมื่อไหร่ก็ได้

บัญญัติราชามารก็อยู่กับตัวเขา

ทูตสวรรค์แห่งบาปก็ไม่ต่างกัน

ทันทีที่เขาได้พบกับซูเสวี่ยเอ้อร์และหนิงเยว่ฉานก็จะสามารถรวบรวมสามเหรียญได้ จากนั้นเริ่มต้นทวนกระแสของมิติและเวลาเพื่อย้อนกลับสู่อดีต

เพื่อไปช่วยแม่นางเฮยไห่!

คนที่แข็งแกร่งระดับจ้าวโลกจะได้รับการช่วยเหลือเช่นกัน

แต่น่าเสียดาย

ตอนนี้ยุคแห่งความโกลาหลมาถึงแล้ว วิญญาณกรีดร้องกำลังไล่ล่าเขาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อใดก็ตามที่มันแข็งแกร่งขึ้น สัตว์ประหลาดน่าสะพรึงจะถูกส่งให้ข้ามโลกนับพันมา

เขาจะไปวิหารแห่งชะตากรรมได้อย่างไร

ทันทีที่เขาไป สัตว์ประหลาดมันก็จะตามมาด้วยไม่ใช่หรือ

บัดซบ!

ช่องว่างของพละกำลังมากเกินไป

ด้วยพละกำลังของเขา เป็นการยากนักที่จะสู้กับวิญญาณกรีดร้อง

แต่ถ้าไปเอาหอกหลากสีสันตอนนี้ การเดินทางก็จะไกลเกินไป

นี่ยังไม่รวมเรื่องที่ต้องหาวิธีผ่านสายลมแห่งความโกลาหลอีก หุบเหวนิรันดร์คือคูน้ำบนท้องนภาที่ไม่อาจผ่านไปได้

หุบเหวไม่เคยปฏิบัติกับสิ่งมีชีวิตของโลกเก้าร้อยล้านชั้นอย่างอ่อนโยน สหายของหลินก็ถูกทำลายล้างสิ้นเช่นกัน

อีกอย่าง จุดจบของโลกคู่ขนานกำลังโหมกระหน่ำอยู่ที่นั่น

มีการกัดกร่อนโชคชะตาที่น่าสะพรึงที่สุดอยู่ที่นั่นด้วย

ถ้าไปเปลี่ยนอดีตก็จะสามารถหาทางไปได้อย่างช้าๆ

แต่ตอนนี้วิญญาณกรีดร้องยังไล่ล่าเขาอยู่ ไม่มีเวลาให้มาเอ้อระเหย

กู่ฉิงซานตกอยู่ในความลังเล

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อบังคับให้ตัวเองสงบลง

ไม่มีทางอื่นเลยจริงๆ หรือ

กู่ฉิงซานลอบครุ่นคิดในใจ ทันใดนั้นก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้

เมื่อพูดถึงการต่อสู้กับวิญญาณกรีดร้อง ในอดีต มีบัญญัติกับทหารฝึกหัดสองคนเท่านั้นก็สามารถหยุดยั้งมันได้

“หน้าต่างระบบเทพสงคราม เจ้าจำเทพวารีได้หรือเปล่า” กู่ฉิงซานถาม

‘ติ๊ง!’

หลังจากสิ้นเสียงคมชัด หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า

“จำได้ ข้าเปิดใช้งานระบบสงครามขนาดใหญ่ท่ามกลางเศษเสี้ยวโลกคู่ขนานโบราณก่อนวิวัฒนาการให้เป็นกองทัพมนุษย์ ชื่อของนางคือเทพวารี”

กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “นั่นคือระบบสงครามขนาดใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณ มันเปิดใช้งานและวิวัฒนาการในยุคโบราณก่อนกลายเป็นบัญญัติ น่าเสียดาย ตอนข้ากลับมา มันถูกผู้สร้างปฐพีทิ้งไว้ในยุคโบราณ”

สำหรับเทพวารีในโลกปัจจุบัน นางน่าจะถูกวิญญาณกรีดร้องทำลายในช่วงการต่อสู้สมัยโบราณไปแล้ว

“ท่านอยากให้เทพวารีตื่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างนั้นหรือ” หน้าต่างระบบเทพสงครามถาม

“ใช่ พละกำลังของนางน่าประทับใจจริงๆ ข้าคิดว่านางสามารถช่วยข้าได้มาก” กู่ฉิงซานตอบ

หน้าต่างระบบเทพสงครามกล่าวว่า “เพื่อการเดินทางผ่านมิติและเวลาเพื่อกลับสู่ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตที่แล้ว พลังวิญญาณที่ข้าสั่งสมมานานจะถูกใช้เป็นจำนวนมาก จึงไม่มากพอที่จะเปิดใช้งานเทพวารีได้”

กู่ฉิงซานตกตะลึงก่อนรีบกล่าวว่า “ข้าสามารถรวบรวมพลังวิญญาณได้อีกครั้ง”

หน้าต่างระบบเทพสงครามกล่าวว่า “ช้าเกินไป ท่านต้องไปปลุกบัญญัติอื่นขึ้นมา หนทางเดียวในตอนนี้คือใช้บัญญัติราชามาร”

“เพราะมันมีความสามารถนี้”

…………………………