ตอนที่ 12 จูบแรกของท่านอา
พอเห็นภาพเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วมองอยู่ครู่หนึ่งพลางครุ่นคิด จนผ่านไปสักพัก เขาไม่เห็นทีท่าว่าขอทานน้อยจะตื่นขึ้นมา จึงสูดหายใจเข้าแล้วเดินไปทางด้านนั้น
“ตายแล้วรึ?”
เขาใช้เท้าถีบร่างที่ไม่ขยับเขยื้อนนั้นเบาๆ ทีหนึ่ง เห็นว่าไม่มีการโต้ตอบ จึงโน้มตัวลงเพื่อตรวจดูลมหายใจของขอทานน้อย ใครจะรู้ว่าพอเขาโน้มตัวลงไป ร่างเล็กที่เดิมทีนอนไร้ลมหายใจจู่ๆ ก็ผลุงขึ้นและกระโจนมาทางเขา ทำให้หลิงโม่หานที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจล้มลงบนพื้น
“ท่านอา! ฮ่าๆๆ... เอ๋!”
เสียงของเฟิ่งจิ่วที่กำลังหัวเราะอย่างสบายใจชะงักไป รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย เธอมองท่านอาที่ถูกเธอผลักจนล้มอยู่บนพื้น ดวงตาเขาดูตกตะลึง ก่อนจะเห็นอุ้งมือมารที่ตะปบอยู่ตรงหน้าอกของตัวเอง ผ่านไปพักหนึ่งเธอก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้
นี่ นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? นี่เธอถูกลวนลามเสียแล้วหรือ
สัมผัสอันอ่อนนุ่มที่ส่งผ่านมาถึงฝ่ามือทำให้ในหัวของหลิงโม่หานขาวโพลนไปในทันที ความตกตะลึงเต็มเปี่ยมในดวงตาของเขา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาพูดตะกุกตะกัก “เจ้า เจ้าเป็นผู้หญิงรึ?” ขณะที่พูดก็พลันดึงสติและสองมือนั้นกลับมา
แต่พอเขาดึงมือกลับ เฟิ่งจิ่วที่นิ่งอึ้งไปไม่ต่างกันก็ไม่โต้ตอบอะไรมา พอสูญเสียแรงค้ำจากสองมือของเขา ทั้งร่างก็ล้มลงไป ปากจิ้มลิ้มทาบลงบนริมฝีปากบางที่เต็มไปด้วยหนวดยาวๆ โดยบังเอิญ
“อื้อ!”
ทั้งสองคนส่งเสียงขึ้นจมูก สองริมฝีปากชนกันจนรู้สึกเจ็บ
ครั้งนี้ร่างหลิงโม่หานแข็งทื่อไปแล้ว ดวงตาเขาเบิกกว้างเพราะความเหลือเชื่อ ราวกับตื่นตกใจจากอะไรบางอย่าง จากนั้นสองตาก็เหลือกขึ้นหมดสติไป
ครั้นเห็นท่านอาหมดสติ สีหน้าเฟิ่งจิ่วก็ดำมืดลง เธอตะกายตัวขึ้นมาลูบๆ ใบหน้าที่ถูกหนวดทิ่มจนเจ็บเบาๆ พลางถมน้ำลายและเช็ดปาก “ข้าไม่ได้รังเกียจที่ท่านเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อนหรอกนะ แต่ท่านยังจะหมดสติอย่างไม่เกรงใจได้อยู่อีกหรือ?”
เมื่อแตะพวกโคลนที่เกาะอยู่บนใบหน้า แล้วมองท่านอาที่หมดสติไปแล้วจริงๆ อีกที เธอก็แค่ว่ารู้สึกหมดคำพูด
เฟิ่งจิ่วจัดการกับสมุนไพรแก้พิษ บดแล้วกลืนมันลงไปทั้งดิบๆ ผลของยานี้รุนแรงเกินไปจนเธอกระอักเลือดสดๆ ออกมา เธอจึงอาศัยโอกาสนี้หลอกล่อคนในมุมมืด จะลองดูว่าเป็นใครกันแน่? กลับไม่นึกว่าเสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงของท่านอา ดังนั้นเธอเลยอยากแกล้งเขาสักหน่อย ใครจะนึกว่าสุดท้ายตัวเองกลับถูกเขาลวนลาม ซ้ำยังกลายเป็นว่าคนที่ลวนลามเธอดันตกใจจนหมดสติไปอย่างไม่คาดคิดอีก
เฟิ่งจิ่วนั่งขัดสมาธิลงข้างๆ และอาศัยโอกาสตอนที่เขายังไม่ตื่นพินิจมองเขาอย่างละเอียด เธอพบว่าท่านอาผู้นี้ก็หน้าตาไม่เลวเลยจริงๆ
ถึงแม้ใบหน้าจะถูกหนวดเคราบดบังไปกว่าครึ่ง แต่สองคิ้วกระบี่ จมูกโด่งเป็นสัน โครงหน้าที่เด็ดเดี่ยวเย็นชา รวมถึงริมฝีปากน่าดึงดูดที่ซ่อนอยู่ใต้เครา แทบไม่มีส่วนใดไร้เสน่ห์ความเป็นชายของเขาเลย
สายตาที่ชื่นชมของเธอค่อยๆ เคลื่อนลงมา มองผ่านร่างกายกำยำและสองขาที่เรียวยาวแข็งแกร่งของเขา ก่อนจะแอบพยักหน้ากับตัวเอง ‘อืม ร่างกายเขาใส่เสื้อผ้าก็ดูได้ถอดเสื้อผ้าก็ดูดี ถึงไม่เห็นก็รู้ว่าเขาต้องมีกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นมัดๆ แน่นอน’
ขณะกำลังจะยื่นมือออกไปสัมผัสกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาราวกับถูกผีเข้า ทว่าตอนนั้นเอง น้ำเสียงเยือกเย็นก็ดังขึ้นมาข้างหู
“เจ้าทำอะไรน่ะ!”
หลิงโม่หานขมวดคิ้วมอง พลิกตัวลุกยืนขึ้นแล้วถอยออกห่างจากนาง ตอนที่เพิ่งฟื้นเขานึกไม่ถึงเลยว่าจะเห็นนางกำลังพินิจมองเรือนร่างของเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย ถึงจะบอกว่าที่จริงสายตานั้นคือความชื่นชม แต่ผู้หญิงคนหนึ่งใช้สายตาเช่นนั้นจ้องมองผู้ชายมันดูเหมาะสมหรือ?
พอได้ยินเสียงของเขา มือที่เพิ่งยื่นไปก็ยกขึ้นเกาหัวตามธรรมชาติ เธอพูดยิ้มๆ อย่างเหนียมอายว่า “ท่านอา ข้าไม่ได้ทำอะไรนะ!” ชิ! ทำไมถึงตื่นมาเร็วขนาดนี้? เธอยังอยากสัมผัสกล้ามหน้าท้องนั่นอยู่เลย!
…………………………………………………….