webnovel

ตอนที่ 11 พบท่านอาอีกครั้ง

ตอนที่ 11 พบท่านอาอีกครั้ง

ดวงตาดำลึกล้ำของหลิงโม่หานฉายแววประหลาดใจอยู่เบาๆ เขาค่อนข้างแปลกใจที่เจอขอทานน้อยในนี้ เดิมเขาคิดว่าหลังจากพบอันตรายที่เกิดขึ้นในป่าเก้าหมอบ ขอทานน้อยคงออกไปเอง ใครจะนึกว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงด้านในนี้ด้วยตัวคนเดียว

หลิงโม่หานพบเขาเมื่อตอนบ่าย ตอนนั้นเด็กน้อยกำลังนั่งขุดสมุนไพรอยู่บนพื้น สมุนไพรพวกนั้นหลิงโม่หานมองว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทว่าเขากลับเก็บมันขึ้นมา และยังนึกไม่ถึงว่าเขาจะเดินเอ้อระเหยอยู่คนเดียวในป่านี้เหมือนไม่รู้จักอันตราย

ด้วยนิสัยอันเฉยชาของเขา หลิงโม่หานจะไม่ให้ความสนใจกับขอทานน้อยคนนี้มากนัก ทว่าไม่รู้ทำไมเขากลับไม่ยอมจากไป ยังแอบตามดูทางนั้นอยู่ ตอนเห็นขอทานน้อยใช้กริชทำรูเล็กๆ บนกิ่งไม้แห้งที่เก็บมา แล้วหยิบกิ่งไม้เล็กอีกก้านมานั่งหมุนปั่นลงไปในรูนั้น เดิมทีหลิงโม่หานยังไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกันแน่ แต่หลังจากเขานั่งปั่นอยู่กว่าหนึ่งชั่วยามเต็มก็เห็นควันไฟพวยพุ่งออกมา หลิงโม่หานยิ่งแปลกใจ

นึกไม่ถึงว่าพอใช้ไม้สองแท่งเสียดสีกันจะมีไฟออกมาได้ด้วย? วิธีการแปลกๆ เช่นนี้เขาไม่เคยเห็นใครใช้มาก่อน ต้องรู้ไว้ว่า ปกตินอกจากกระบอกจุดไฟแล้วก็ยังมีหินเหล็กไฟที่ใช้จุดไฟได้ หากโชคไม่ดีนำสองสิ่งนี้มาเสียดสีด้วยกันจะปะทุประกายไฟออกมาได้ แต่วิธีก่อไฟที่คล้ายๆ แบบนี้เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก

แต่ก็ชัดเจนว่าขอทานน้อยผู้นี้ไม่ใช่ไม่รู้จักอันตราย หลังจากใช้กองไฟเล็กๆ นั้นย่างงูที่ถูกถลกหนังมากินประทังท้อง เขาก็ดับไฟลง จากนั้นปีนขึ้นไปหาที่นอนพักบนต้นไม้ใหญ่อย่างคล่องแคล่ว ท่าทางไม่คิดอะไรมากมาย หลิงโม่หานอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเสียงเขากรนอยู่เลย

ถ้าตอนนี้หลิงโม่หานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ คาดว่าเขาคงไม่คิดแบบนั้น

เดิมทีเฟิ่งจิ่วก็ไม่สังเกตเห็นว่ามีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เพราะเธอไม่รู้สึกถึงจิตสังหารรอบๆ ตัว แต่ขณะที่ปรือตาหลับบนต้นไม้ ต่อให้ไม่ต้องลืมตาเธอก็รู้สึกได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังมองสำรวจมาที่ตัวเอง เพราะเหตุนี้เธอจึงส่งเสียงกรนออกมาราวกับหลับสนิทไปแล้ว

แท้ที่จริงเฟิ่งจิ่วกำลังคิดอยู่ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจ้องมองมาตั้งแต่ตอนไหน และคิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าถูกคนแอบมองอยู่

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่โผล่หน้ามา และก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไร จึงเป็นปกติที่เธอจะไม่เปิดโปงคนในมุมมืดนั้น ทว่าก็แอบระแวดระวังขึ้นมา ถึงอย่างไรคนของโลกนี้ก็ฝึกบำเพ็ญเป็นเซียน จะปฏิบัติกับพวกเขาเช่นคนธรรมดาไม่ได้ มิเช่นนั้นฝ่ายที่เสียเปรียบคงมีแค่ตัวเธอเอง

เช้าตรู่วันต่อมา เฟิ่งจิ่วตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงร้องของนกในป่า ระหว่างที่กึ่งหลับกึ่งตื่น เธอยื่นมือบิดขี้เกียจพลางหาวหวอด แต่ก็เสียสมดุลจากการยืดเส้นยืดสายร่างกายจนตกลงจากต้นไม้

“อ๊ะ!”

“ตุ้บ!”

เธอร้องอุทาน ตามด้วยเสียงผัวะยามเมื่อตกลงบนพื้น ร่วงลงในพุ่มวัชพืชใต้ต้นไม้นั้น

“อึก! เจ็บชะมัดเลย” เธอลุกขึ้นยืนแล้วลูบๆ ที่เอว บิดตัวเล็กน้อยก่อนถอนหายใจออกมา “โชคดีที่ไม่หัก”

จุดที่ไม่ไกลออกไป ใบไม้เขียวชอุ่มกำลังบดบังเงาร่างสีดำของหลิงโม่หานไว้ครึ่งหนึ่ง ดวงตาดำขลับลึกล้ำกวาดมองร่างนั้นแล้วก็รีบเบนสายตาออกไป

ตั้งแต่ตอนที่ขอทานน้อยตื่นขึ้นมา เขาก็ลืมตาขึ้น จึงเห็นว่าขอทานน้อยที่กำลังงัวเงียยืดตัวบิดขี้เกียจตกต้นไม้ไป ใต้ต้นไม้มีทั้งวัชพืชและดินโคลน ถึงตกลงไปแบบนั้นก็คงจะไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไร เขาจึงมองสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ โดยไม่เข้าไปดึงอีกฝ่ายขึ้นมา

ขอทานน้อยลูบเอวพลางมองหาก้อนหินสองก้อนใหญ่ที่อยู่รอบๆ จากนั้นนั่งลงใต้ต้นไม้ตรงนั้น ล้วงพวกสมุนไพรจากในอกเสื้อมาบดผสมกันก่อนจะยัดเข้าปาก หลิงโม่หานขมวดคิ้วกระบี่อย่างอดไม่ได้ขณะมองขอทานน้อย เขาแอบคิดว่าเมื่อคืนขอทานน้อยเพิ่งกินเนื้องูย่างไป หรือว่าไม่ทันไรก็หิวเสียจนต้องหยิบสมุนไพรมาประทังความหิวแล้ว?

แต่สมุนไพรพวกนั้นยัดกินไปแบบนั้นเลยไม่ได้กระมัง หรือเขาไม่รู้ว่าถ้ากินสมุนไพรไปมั่วซั่วแล้วจะมีปัญหา? ขณะหลิงโม่หานกำลังคิด ก็เห็นขอทานน้อยส่งเสียงพรวดและกระอักเลือดสีดำๆ ออกมา ก่อนที่ทั้งร่างจะล้มลงไป...

…………………………………………………….