webnovel

ตอนที่ 13 แผ่นยาหนังวัว

ตอนที่ 13 แผ่นยาหนังวัว

พอเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้านาง รวมถึงประกายที่ฉายอยู่ในดวงตาคู่นั้น นึกถึงความนุ่มหยุ่นที่มือเขาจับไปก่อนหน้านี้ และยังมีสัมผัสยามริมฝีปากชนกัน เพียงชั่วครู่สีหน้าเขาก็มืดทะมึน แต่แค่ใบหน้าถูกหนวดเคราบังไว้จึงมองไม่ออกเท่านั้น

ครั้นเห็นเขาหันเดินจากไปโดยไม่พูดไม่จา เฟิ่งจิ่วจึงตะลึงอยู่เล็กน้อย เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะสาวเท้าก้าวตามไป “ท่านอา ที่จริงพวกเราก็มีวาสนาต่อกันไม่ใช่หรือ? ขนาดท่านอยู่ด้านในนี้ก็ยังได้พบกันอีก ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมพวกเราไม่ร่วมทางกันเสียเลยล่ะ?”

เมื่อเห็นเขาเดินไปโดยไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง เธอก็ไม่ใส่ใจ หากคิดถึงความแข็งแรงของตัวเอง วิ่งพล่านอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวก็อันตรายอยู่บ้างจริงๆ แต่ถ้าตามเขาคนนี้ไปด้วยจะปลอดภัยมากกว่าเยอะ

ดังนั้นเขาเดินเธอตาม เขาหยุดเธอก็หยุดตาม ทว่าหากเทียบกับคนที่ไม่คิดอะไรมากเช่นเธอแล้ว กลิ่นอายเย็นเยียบบนร่างของหลิงโม่หานตรงหน้ากลับยิ่งเข้มข้นขึ้น จนสุดท้ายเขาก็กวาดตามองมาด้วยความเย็นชาอย่างเหลืออดพลางขมวดคิ้วถาม “ทำไมเจ้าถึงเอาแต่ตามข้า?”

เขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนที่เข้าหาง่ายอะไร ปกติพวกคนที่พบเห็นเขามีใครบ้างที่ไม่รักษาระยะห่างสักสามก้าว?

ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้กัน พอถูกเขาผลักไสก็จะไม่ทำตัวหน้าด้านหน้าทนตามติดไปตลอดอีก แต่กลายเป็นว่าหญิงนางนี้กลับทำตัวปานแผ่นยาหนังวัวเหนียวหนาที่สะบัดอย่างไรก็ไม่พ้น

“เพราะข้ารู้จักแค่ท่านคนเดียวน่ะสิ!” เฟิ่งจิ่วบอกเขาไปตามเหตุผลอันสมควร ถึงแววตาจะมีประกายหยอกล้อ แต่สิ่งที่แสดงออกบนใบหน้ากลับเป็นความจริงจังหาใดเปรียบ “ตั้งแต่ท่านให้เศษเงินกับข้า ข้าก็มั่นใจว่าท่านเป็นคนที่ดีมากๆ คนหนึ่ง!”

เส้นเลือดบนหน้าผากหลิงโม่หานเริ่มไม่สงบ คิ้วเขากระตุก สีหน้าก็แข็งกระด้าง แม้กระทั่งริมฝีปากยังเม้มแน่นเป็นเส้นตรง สายตาลึกล้ำกวาดมองไปทางนาง ก่อนจะเดินหน้าต่อไปโดยไม่พูดอะไรอีก

หากรู้แต่แรกว่าเงินที่โยนช่วยไปจะนำพาแผ่นยาหนังวัวชิ้นนี้มาหาเขา ต่อให้มีเงินนั้นติดตัวเขาก็คงไม่โยนออกไปแน่ สวรรค์รู้ดีว่าตอนนั้นเขาไม่ได้มอบเศษเงินนั้นให้ด้วยความมีน้ำใจ แต่เพียงคลำเจอก้อนเงินจากข้างเอวพอดี และเห็นว่าขอทานน้อยนั่งอยู่ตรงนั้นจึงโยนมันออกไป ใครจะไปรู้ว่า...

เฟิ่งจิ่วที่เดินตามหลิงโม่หานเห็นเขายิ่งเดินไปในจุดที่ลึกขึ้น สายตาก็เป็นประกายเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ เธอมองร่างสีดำเบื้องหน้าแล้วถาม “ท่านอา ข้าได้ยินว่าด้านในนั้นมีสัตว์ร้ายอยู่มากนักจริงหรือไม่?” เดิมก็ไม่หวังให้เขากล่าวอะไร แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงอันเฉยเมยและเย็นชาดังมา

“ในเมื่อรู้แล้วก็รีบออกไปเสีย”

“ท่านอา ข้าก็ตามเก็บยาอยู่ข้างกายท่านนี่แหละ จะไม่สร้างปัญหาให้ท่านหรอก” เธอเพิ่งตรวจเส้นชีพจรดู พบว่าพอกระอักเลือดออกมาก็ถอนพิษในร่างไปมากกว่าครึ่ง ขอแค่ตอนเย็นกินสมุนไพรแก้พิษอีกรอบก็น่าจะใช้ได้แล้ว

เดิมทีเธอคิดจะถอนพิษในร่างแล้วค่อยออกไปจากป่าเก้าหมอบ ใครใช้ให้เธอได้พบท่านอาอีกกันล่ะ? เธอวางแผนจะหายาไประหว่างที่ตามติดอยู่ข้างๆ เขา ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอจะเข้ามาด้านในแล้ว แต่ก็เป็นแค่รอบนอกของด้านในอีกที ตอนนี้เดินตามเขาลึกเข้าไป ในใจเธอก็ทั้งตื่นเต้นและตั้งตารออยู่บ้าง

ไม่รู้ว่าด้านในจะมีสมุนไพรแบบไหนอีก ได้ยินว่ายิ่งเป็นที่อันตรายก็ยิ่งได้พบยาทิพย์ หากเธอสามารถหายาทิพย์ได้ยิ่งดี ถึงไม่ได้ใช้ก็ยังเอาไปขายได้!

อีกอย่าง ตอนนี้ใบหน้าเธอถูกซูรั่วอวิ๋นทำลายจนเป็นเช่นนี้ ขนาดมองตัวเองยังรู้สึกกลัวเลย จึงเป็นธรรมดาที่เธอต้องคิดหาวิธีรักษาบาดแผลบนใบหน้าให้หายดี มิเช่นนั้นหากต้องใช้ใบหน้านี้ไปตลอดชีวิต คงได้ถูกปรามาสว่าเป็นปีศาจแน่

…………………………………………………….