webnovel

1030 การต่อสู้ระหว่างหุบเหวนิรันดร์และภัยพิบัติวันสิ้นโลก

ตอนที่ 1030 การต่อสู้ระหว่างหุบเหวนิรันดร์และภัยพิบัติวันสิ้นโลก

หนังสือแห่งชะตากรรมเปิดออก

ฉากที่เกิดขึ้นกับแอนนาและหลินปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่างรวดเร็ว

พวกนางยังคงก้าวไปข้างหน้าในทะเลบุปผา ในที่สุดก็พบบุปผาสามสิบหกกลีบ จากนั้นเข้าสู่แหล่งมรดกสุดท้ายแห่งความตาย

ทางฝั่งพวกกู่ฉิงซาน ราชาเคยฟาดใส่ความว่างเปล่าด้วยคทาก่อนพบทางเข้าซากปรักหักพังของเทพแห่งชีวิตจากความว่างเปล่า

ส่วนแอนนาและหลินพบแหล่งมรดกสุดท้ายแห่งความตายในทะเลบุปผาที่มีชีวิตชีวา

ความว่างเปล่าทำให้เกิดชีวิต

ชีวิตทำให้เกิดความตาย

การกระทำของเทพเต็มไปด้วยความหมายลึกล้ำที่คนอื่นไม่อาจล่วงรู้เสมอ

ถึงแม้เทพจะตายไปแล้วก็ตาม

พวกกู่ฉิงซานสังเกตการณ์การกระทำของแอนนาและหลินอย่างละเอียดจนพบว่าหลังจากผ่านมาหลายปี แหล่งมรดกที่เทพแห่งความตายสืบทอดยังถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี อย่างน้อยก็ไม่เหมือนซากปรักหักพังของเทพแห่งชีวิตที่ดึงดูดสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่ามามากมาย

แต่อย่างไรเสียเสีย มันคือสถานที่ลับที่ประกอบด้วยร่างหุบเหวกับตัวตนพิเศษมากมายที่เกิดในช่วงหนึ่งร้อยล้านปีก่อน

หลินคุ้มกันแอนนา ทำการสังหารตามทาง ในที่สุดก็มาถึงแหล่งมรดกแห่งความตาย

มันคือภูเขาสีดำเข้ม

ตอนนี้หลินได้รับบาดเจ็บสาหัส

แอนนาใช้พละกำลังทั้งหมดแล้วเช่นกัน

พวกนางคล้ายกับมีลางสังหรณ์บางอย่าง จึงไม่นั่งพักนานก่อนรีบปีนภูเขาสีดำ

หนังสือแห่งชะตากรรมพลิกหน้าก่อนถูกแทนที่ด้วยอีกภาพ

สัตว์ประหลาดกำลังเหาะไปในความว่างเปล่า

มันคือปากสีเทาขนาดใหญ่ มีเครายาวหนึ่งคู่อยู่ทั้งสองฝั่งของปาก ที่ปลายเครามีใบหน้ามนุษย์อยู่ ร่างของมันเกิดจากซากศพนับไม่ถ้วนขณะเลื้อยไปมาราวกับงู

ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยมือทั้งสองฝั่งราวหนึ่งพันข้างขณะกวัดแกว่งไปมาในความว่างเปล่าเพื่อพยายามทำให้ร่างกายของมันมั่นคง

สัตว์ประหลาดคำรามขณะม้วนตัวเข้ามา แต่มันไม่มีทางขัดขืนแรงกระแทกขนาดใหญ่นี้ได้เลย

พวกเขาเห็นสัตว์ประหลาดพลันกระแทกกับทะเลบุปผมก่อนล้มไปกองกับพื้นอย่างรุนแรง

มันดิ้นรนอยู่สักพัก พลิกตัวขึ้นมาแล้วมองสำรวจสถานที่ใหม่แห่งนี้

ไม่ช้า มันพบบุปผาพิเศษ

สัตว์ประหลาดเริ่มหาทางเปิดโลกในบุปผานั่น

แถวตัวอักษรปรากฏขึ้นบนหน้ากระดาษ

“เทพแห่งความว่างเปล่านี้กำลังจะเปิดโลกบุปผาแห่งความตายในอีกยี่สิบนาที”

กู่ฉิงซานเงียบ

จางหยิงห่าวเงียบ

เหล่าต้าครุ่นคิด “แบบนี้ ซากปรักหักพังของเทพแห่งชีวิตและมรดกของเทพแห่งความตายน่าจะอยู่ไม่ไกลกันมาก”

เมื่อทุกคนคิดตาม พวกเขาก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ลอร่ามองสีหน้าของกู่ฉิงซานและจางหยิงห่าวก่อนกล่าวว่า “นี่คล้ายกับเป็นผลลัพธ์ของใครบางคนที่บอกว่าสามารถซัดมันได้ จากนั้นมันก็ไปพาลใส่อีกคนแทน”

กู่ฉิงซานและจางหยิงห่าวตบหน้าผากตัวเองพร้อมกัน

ในตอนนั้น พวกเขาแค่อยากซัดสัตว์ประหลาดเพื่อไม่ให้ตามทุกคนเข้ามาในสวน

ใครจะรู้ล่ะว่ามันจะถูกซัดตรงมาอยู่ข้างประตูของเทพแห่งความตาย

เรื่องแบบนี้ใครจะคาดถึง ใครจะกล่าวโทษได้

หนังสือแห่งชะตากรรมพลิกไปหน้าใหม่อีกครั้ง

แถวตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นแถวแล้วแถวเล่าบนหน้านั้น

“เพราะการกลับมาของร่างหุบเหวส่วนหนึ่ง พลังของหุบเหวนิรันดร์จึงมีพละกำลังเพิ่มขึ้น”

“ภัยพิบัติวันสิ้นโลกของโลกคู่ขนานสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในหุบเหว จึงได้ทำการสำรวจแหล่งกำเนิดพลัง”

“ใช่ ซากปรักหักพังของเทพแห่งความตายและเทพแห่งชีวิตถูกพบแล้ว”

“ภัยพิบัติวันสิ้นโลกของโลกคู่ขนานเคลื่อนไหวแล้ว มันกำลังพุ่งไปทางแหล่งมรดกแห่งความตายกับซากปรักหักพังของเทพแห่งชีวิต”

“พลังของภัยพิบัติวันสิ้นโลกมากพอจะทำลายล้างซากปรักหักพังและแหล่งมรดก คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกสิบเก้านาที”

หลังจากอ่านแถวข้อความเหล่านี้จบ ทุกคนอดที่จะมองหน้ากันไม่ได้

กู่ฉิงซานถามว่า “เหล่าต้า เหตุผลที่จู่ๆ หุบเหวส่งข่าวนี้มาให้พวกเราเป็นเพราะอะไร”

เหล่าต้าไม่พูด แต่ชี้ไปที่หนังสือแห่งชะตากรรมแทน

แถวตัวอักษรขนาดเล็กใหม่ปรากฏขึ้นบนหนังสือ

“หุบเหวนิรันดร์มองเห็นจุดจบความตายมากมายของเจ้าและพวกนางก่อนจะพบหนทางที่พวกเจ้าจะรอดเพียงแค่ทางเดียว”

“หุบเหวนิรันดร์สร้างแหวนแห่งคำสาบานให้หลินขึ้นมาใหม่แล้วใช้พลังพิเศษของหนังสือแห่งชะตากรรมเพื่อส่งแหวนแห่งคำสาบานนี้ไปยังที่ที่เจ้าอยู่โดยตรง”

“ต่อมา หุบเหวทำได้เพียงเคลื่อนย้ายพริบตาคนคนเดียวไปยังแหล่งมรดกแห่งความตาย เจ้าต้องเลือกคนไปเข้าร่วมกับหลินพร้อมแหวนแห่งคำสาบาน”

“บอกก่อนว่าเจ้าต้องแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คนหนึ่งไปส่งแหวน ส่วนที่เหลือตามติดราชาหุบเหวเพื่อมุ่งสู่ปลายทางซากปรักหักพังของเทพแห่งชีวิต ทำแบบนี้จะปลอดภัย เจ้าต้องอัญเชิญพละกำลังของหุบเหวมาที่นี่เพื่อช่วยเกื้อหนุน ปกป้องภัยพิบัติวันสิ้นโลกแล้วคืนร่างที่สูญหายของหุบเหวให้กับหุบเหว”

“เวลากำลังจะหมดแล้ว เพื่อความอยู่รอด โปรดลงมือตอนนี้ด้วย!”

แถวตัวอักษรขนาดเล็กทั้งหมดที่แสดงอยู่นั้นหายไปจากหนังสือแห่งชะตากรรม

ใต้ความว่างเปล่ามืดมิดไร้ที่สิ้นสุด ลำแสงพลันมาจากไกลลิบก่อนกระแทกใส่หนังสือแห่งชะตากรรมทันที

หนังสือแห่งชะตากรรมถูกปกคลุมด้วยแสงเจิดจ้าก่อนเริ่มสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

“เกิดอะไรขึ้น” เย่เฟยหลีถาม

เหล่าต้าอธิบายว่า “หุบเหวนิรันดร์ข้ามมิติเพื่อมาส่งแหวนวงนั้นได้แล้ว”

ทันทีที่สิ้นเสียง แสงเจิดจ้าในหนังสือแห่งชะตากรรมเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น

แหวนที่สลักแมงมุมสีดำอยู่บนหนังสือแห่งชะตากรรมอย่างเงียบงัน

แหวนแห่งคำสาบานของหลิน

เหล่าต้ามองทุกคนแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องอยู่เพื่อเรียกพลังหุบเหวตอนไปถึงปลายทางซากปรักหักพัง ใครจะเป็นคนไปส่งแหวน”

กู่ฉิงซานสะบัดมือเพื่อรับแหวนทันที

ลำแสงร้อนแรงพุ่งออกจากหนังสือแห่งชะตากรรมก่อนมาอยู่ที่เขาแทน

“ข้าไปเอง”

เขามองเหล่าต้าแล้วตอบเช่นนั้น

เหล่าต้าพยักหน้า

ลอร่าพุ่งเข้ามา กระตือรือร้นที่จะพูดบางสิ่ง แต่กู่ฉิงซานถอดแหวนสีทองแล้วส่งให้กับมือนาง

กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “ลอร่า ความสามารถของเจ้าสามารถพาทุกคนไปปลายทางของซากปรักหักพังได้ เจ้าไม่อยากเห็นสมบัติของซากปรักหักพังแห่งนี้หรือ ไปเถอะ”

ลอร่ารีบกล่าวว่า “แต่เจ้า”

กู่ฉิงซานโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ฟังเขา

“สถานการณ์ทางฝั่งพวกนางอันตรายและซับซ้อน เจ้าไม่รู้วิธีต่อสู้ หากเผชิญหน้ากับศัตรูที่โจมตีจากระยะไกลได้ ชีวิตของเจ้าก็น่าห่วงเข้าไปอีก”

“ไปเถอะ พาทุกคนไปปลายทางของซากปรักหักพัง ถึงพวกเราจะแยกจากกัน แต่อีกเดี๋ยวก็ได้มาพบกันแล้ว”

ลอร่ากัดริมฝีปาก คำพูดทั้งหมดถูกกลืนลงคอ สุดท้ายพ่นลมออกจมูกแล้วกล่าวว่า

“กู่ฉิงซาน อย่าตายนะ ไม่อย่างนั้นข้าจะหาทางไปเอาวิญญาณเจ้ามาให้ได้”

ในแสงรุ่งโรจน์ไม่มีสิ้นสุด กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกระซิบว่า “ไม่ต้องห่วงนะ”

‘ตูม’

ลำแสงปกคลุมเขาไว้ในท้องนภาก่อนเดินทางไปไกลทันที

ด้วยความพยายามเพียงอึดใจ กลุ่มแสงนั่นหายไปในส่วนลึกของกระแสวังวนความว่างเปล่าก่อนจะไม่เห็นอีก

ลอร่าจ้องความมืดที่ไกลสุดลูกหูลูกตาอย่างเหม่อลอย พูดอะไรไม่ออกสักพัก

เหล่าต้ากล่าว่า “อย่าห่วงไปเลย เด็กคนนี้เก่งกาจ พละกำลังแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา ถ้าเขาทำไม่ได้ก็ไม่มีใครทำได้อีกแล้ว”

ลอร่าเอาแหวนสีทองสวมนิ้วก่อนพึมพำกับตัวเองว่า “นั่นสิ ถ้าขนาดเขายังทำไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีใครสามารถทำได้ แทนที่จะมาเป็นห่วงเขาที่เดินทางไปไกลแล้ว สู้ห่วงพวกเราเองจะดีกว่า”

“ฮ่าๆ ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเราลงมือกันเถอะ!”

“ลุย!”

กู่ฉิงซาน

…………………………..