webnovel

0979 ผู้ช่วยเหลือร่วมกัน เหล่าต้า! (ตอนหนึ่ง)

ตอนที่ 979 ผู้ช่วยเหลือร่วมกัน เหล่าต้า! (ตอนหนึ่ง)

ในห้อง

เหล่าต้าผู้ยืนเงียบอยู่ด้านข้างมองกู่ฉิงซานก่อนจะอดถามไม่ได้ว่า “เรื่องผู้หญิงทำให้เจ้ามีปัญหามากงั้นหรือ”

“ใช่ เขาอาจจะมีปัญหาก็ได้”

หลินกอดอกก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่อธิบายไม่ถูก

“ทำไมเจ้าไม่ช่วยเขาล่ะ” เหล่าต้าถาม

“ข้าจะช่วยเรื่องนี้ได้ยังไง” หลินถามกลับ

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ในที่สุดหลินก็ไปยืนอยู่ด้านข้างกู่ฉิงซาน

เหล่าต้ามองฉากนี้พลางครุ่นคิด

มนุษย์พวกนี้มีการคิดที่แปลกประหลาดจริงๆ

ตอนนี้การต่อสู้ระหว่างโลกคู่ขนานกับวันสิ้นโลกมาถึงช่วงวิกฤติแล้ว

ความโกลาหลพลันปะทุขึ้นขณะพยายามจะทำลายบัญญัติเพื่อปล่อยให้เศษเสี้ยวดินแดนความว่างเปล่านี้เข้าสู่ยุคแห่งความโกลาหลอย่างสมบูรณ์

ผู้ส่งสารกำลังไล่ตามทั้งสามคน

นั่นคือวิญญาณกรีดร้อง ครอบครองทั้งพลังโกลาหลและพลังหุบเหว มันกำลังกวาดล้างทุกสิ่ง แม้กระทั่งตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่สามารถขัดขืนได้

นี่คือหายนะอย่างแท้จริง คือสิ่งที่ต้องเผชิญหน้าจริงๆ

ทว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่กังวลหายนะที่ความโกลาหลนำมา แต่กลับไปกังวลเรื่องเล็กน้อยเสียอย่างนั้น

พวกเขาไม่ห่วงชีวิตของตัวเองบ้างเลยหรือ

ไม่มีทาง!

พวกเขาไม่ห่วง แต่ข้าห่วง

ไม่อย่างนั้นทันทีที่ความโกลาหลกวาดล้างบัญญัติ มันจะตกอยู่ในปัญหา

เหล่าต้ายืนอยู่ด้านข้างขณะครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว

“พวกนางจะมาถึงที่นี่ในสิบห้าวินาที” เย่เฟยหลีเตือน

จางหยิงห่าวจุดบุหรี่แล้วถอนหายใจ “กู่ฉิงซาน คิดหาทางเข้า พวกเราไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้หรอกนะ”

ด้วยประสบการณ์หลายปีที่จางหยิงห่าวสั่งสมมา เขาไม่มีปัญหาที่จะรับมือเรื่องการทะเลาะของคู่รักกับการเกลี้ยกล่อมหนุ่มสาว

แต่สถานการณ์ตอนนี้ซับซ้อนและย่ำแย่เกินไป จางหยิงห่าวไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะโน้มน้าวอีกฝ่าย

ตอนที่การต่อสู้ในยมโลกสิ้นสุดลง กู่ฉิงซานจากไป ซูเสวี่ยเอ้อร์กลับมา จางหยิงห่าวเคยเห็นแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ทรงพลังมากแค่ไหน

เขาเคยติดต่อกับแอนนามาสักพัก นางเป็นผู้หญิงที่ทรงพลังมาก

ส่วนหนิงเยว่ฉานคนนั้นมาจากโลกฝึกฝน

ตัดสินจากแสงและเงา นางสามารถทำให้แอนนาและซูเสวี่ยเอ้อร์พร้อมกันได้เพียงแค่ไม่กี่คำ แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่บุคคลธรรมดา

ดังนั้น

มีเพียงกู่ฉิงซานที่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้

เหล่าต้าฟังคำของคนเหล่านั้นอย่างตั้งใจ จากนั้นมองสีหน้าของกู่ฉิงซาน

ขณะมองสีหน้าตอนนี้ของฉิงซาน เขาเห็นถึงความแตกตื่นจากการที่สามสาวใกล้จะมาถึง ดูแล้วไม่เหมือนคนที่จะสามารถรับมือวิญญาณกรีดร้องได้เลย

เหล่าต้ามองกระป๋องในมืออีกครั้ง

คาดไม่ถึง ในช่วงวิกฤตินี้ มีแต่ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น

เขาเดินมาอยู่หน้ามังกรมารก่อนเริ่มเทเครื่องดื่มพลังวิญญาณให้กับมังกรมาร

“เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ” เย่เฟยหลีถาม

“ในเมื่อพวกเจ้าไม่สนใจ ข้าก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะก้าวข้ามหายนะ” เหล่าต้ากล่าวอย่างเด็ดขาด

เย่เฟยหลีไม่ถามอะไรอีก

อีกฝ่ายสามารถฝึกมังกรมารได้ มังกรมารเองก็เชื่อฟัง ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องห่วง

คนอื่นก็ไม่ได้สนใจ

ถึงแม้การกระทำของเหล่าต้าจะเกินคาดไปหน่อย แต่ไม่มีใครสนใจว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่

เมฆสีดำเคลื่อนลงมาจากนอกหน้าต่าง

อีกาสีดำแห่งความตายมาถึงตำหนักแล้ว

สามสาวลงจากหลังของอีกาสีดำก่อนพุ่งเข้าไปในห้อง

หนิงเยว่ฉานและซูเสวี่ยเอ้อร์ปัดแถวข้อความแจ้งเตือนตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง

“ผู้ส่งสารความโกลาหลกำลังมา โปรดมอบบัญญัตินี้ให้กู่ฉิงซานเดี๋ยวนี้!”

“ผู้ส่งสารความโกลาหลกำลังมา โปรดมอบบัญญัตินี้ให้กู่ฉิงซานเดี๋ยวนี้!”

“ผู้ส่งสารความโกลาหลกำลังมา โปรดมอบบัญญัตินี้ให้กู่ฉิงซานเดี๋ยวนี้!”

ทั้งสองรู้ดี

พวกนางรู้สึกถึงลมหายใจของวิญญาณกรีดร้องผ่านวังวนความว่างเปล่าที่อยู่ไกลลิบ

มันทำให้ผู้คนตกตะลึงจริงๆ จนรู้สึกว่าไม่อาจขัดขืนอะไรได้

หวังว่าจะยังไม่สายเกินไป

หวังว่ากู่ฉิงซานจะสามารถช่วยบัญญัติเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูน่าสะพรึงนี้อย่างสงบได้

ซูเสวี่ยเอ้อร์และหนิงเยว่ฉานวิ่งมาข้างหน้า แต่ละคนยื่นมือข้างหนึ่งออกไปหากู่ฉิงซาน

“ยื่นมือเจ้ามา ฉิงซาน”

“ฉิงซาน เตรียมรับนี่ไว้!”

พวกนางตะโกน

หลังจากพูดจบ ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นมองกู่ฉิงซาน

อีกฝ่ายเรียกเขาว่าฉิงซาน

เป็นเพราะผลจากบัญญัติหรือเปล่า

แต่นี่คือช่วงวิกฤติที่สุด มันสายเกินกว่าจะมาถามเรื่องนี้

ตรงข้ามพวกนาง กู่ฉิงซานรู้ว่าพวกนางไม่ได้มาทำร้าย เขาจึงยื่นมือออกไป

มือขนาดเล็กสองข้างแตะมือของเขาอย่างแผ่วเบา

ทันใดนั้น แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ท่านได้รับส่วนหนึ่งของบัญญัติราชามาร”

“ท่านได้รับอีกส่วนหนึ่งของบัญญัติราชามาร”

“บัญญัติราชามาร ราชามารกำลังจุติ ทำงานอีกครั้ง”

ในความว่างเปล่าตรงหน้ากู่ฉิงซาน หน้างต่างระบบสีแดงอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นอีกครั้ง

บัญญัติราชามาร!

หลังจากผ่านไปหนึ่งหมื่นปี มันก็พบกู่ฉิงซานอีกครั้ง!

ทันใดนั้น เสียงของผู้สร้างปฐพีดังขึ้นในหูของเขา “กู่ฉิงซาน ข้าแบ่งบัญญัติราชามารออกเป็นสองส่วน ซ่อนพวกมันไว้ในโชคชะตาของคนสองคนที่ใกล้ชิดกับเจ้า เมื่อเจ้าต้องใช้มัน เจ้าก็จะได้รับมันมา”

“จะว่าไปแล้ว หลังเจ้ากลับมายังช่วงเวลาของพวกเรา ข้าหวังว่าสิ่งที่ตระเตรียมไว้บนแผนที่ดวงดาวจะสามารถช่วยเจ้าได้”

เสียงของผู้สร้างปฐพีหายไป

กู่ฉิงซานไม่มีเวลาคิดถึงความหมายของคำพูดเหล่านี้

เพราะเสียงของผู้สร้างปฐพีเพิ่งหายไปได้ไม่นาน บัญญัติราชามารก็ส่งคำแจ้งเตือนจนดังก้องไม่หยุด

“ผู้ส่งสารความโกลาหลกำลังไล่ตามมา เพื่อกวาดล้างบัญญัติให้สิ้น มันจะฆ่าท่านอย่างแน่นอน ราชามารแห่งบาปเอ๋ย ตอนนี้ท่านต้องหนีแล้ว!”

แต่ตอนนี้เอง เงื่อนไขทั้งหมดก่อเกิดทีละอย่าง แม้ในสถานการณ์อันปั่นป่วนนี้ กู่ฉิงซานกลับไม่ได้ยินคำเตือนของบัญญัติราชามาร

ตรงข้ามเขา

ซูเสวี่ยเอ้อร์ แอนนาและหนิงเยว่ฉานกำลังมองเขาพร้อมกัน

ดวงตาของสามสาวอ่อนโยนดังที่คาดไว้

นานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้เจอหน้ากัน

ฉากดังกล่าวทำให้เกิดความเงียบสักพัก

ซูเสวี่ยเอ้อร์กำลังจะพูด

เดิมนางอยากถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของกู่ฉิงซาน แต่ทันใดนั้นนางก็ถูกแอนนาแย่งไป

แอนนาเห็นหลินอยู่ข้างกู่ฉิงซานตั้งแต่แรก จึงถามด้วยความมุ่งร้ายว่า “แม่นางเป็นใครกัน ทำไมถึงมายืนอยู่ข้างเขา”

น้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความสงสัย หลินยักคิ้วทันที

นี่กำลังถามข้างั้นหรือ

ทำไมข้าต้องสนใจเจ้าด้วย

หมัดของหลินค่อยๆ กำ

นางคือนักรบในยุคโบราณ คือปรมาจารย์ที่สังหารคนได้หากไม่ลงรอยกัน แม้กระทั่งในช่วงเวลาของนางก็ไม่มีใครกล้ามาสนทนากับนางเช่นนี้

หลินกำลังจะพูดบางอย่างหือไม่ก็จะลงมือทำบางสิ่ง แต่แสงในดวงตาของนางพลันกวาดมาที่กู่ฉิงซานผู้อยู่ด้านข้าง

นางนิ่งไปสักพัก ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นในใจ

หมอนี่ไม่เคยได้ลิ้มรสชาติของผู้หญิงมาก่อน แต่เขากำลังเผชิญกับคำถามของสามสาวพร้อมกัน

หากเข้าไปผสมโรงด้วยอีกคน ผลลัพธ์คงร้ายแรงกว่านี้แน่

นี่ไม่ยุติธรรมกับเขาเลย

…อึ่ก

หลินถอนหายใจก่อนคลายหมัด

นางตอบอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าคือพี่สาวของเขา แล้วพวกเจ้าล่ะ”

พี่สาวหรือ

สามสาวนิ่งพร้อมกัน

กู่ฉิงซานมีพี่สาวด้วยหรือ

หัวใจของแอนนาดิ่งวูบ ความรู้สึกผิดค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น

ถ้าผู้หญิงคนนี้คือพี่สาวของกู่ฉิงซาน สิ่งที่นางทำเมื่อครู่ก็ออกจะเสียมารยาทเกินไปหน่อย

ด้านข้าง ซูเสวี่ยเอ้อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน

นางมองกู่ฉิงซานเพื่ออยากให้เขายืนยันว่าที่ผู้หญิงคนนี้พูดเป็นความจริงหรือเปล่า

จะว่าไป!

ทำไมกู่ฉิงซานถึงเอาผ้าสีดำมาปิดตาล่ะ

หัวใจของซูเสวี่ยเอ้อร์บีบรัด

นางอ้าปากเพื่อกำลังจะพูด

หนิงเยว่ฉานยืนอยู่ด้านข้าง มองซูเสวี่ยเอ้อร์ จากนั้นมองแอนนา

ด้วยประสาทอันเฉียบคม นางรู้สึกได้ว่าการตอบสนองของพวกนางในครั้งนี้มันแปลกไปนิดหน่อย

ตรงข้ามสามสาว กู่ฉิงซานถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก

เขาไม่ได้อยู่กับผู้หญิงมานาน เขาจึงไม่รู้จริงๆ ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

ในช่วงวิกฤตินี้เอง

เหล่าต้ามายืนอยู่ข้างศีรษะมังกรมารก่อนวางกระป๋องเปล่าในมือลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา

“ตอนนี้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นเลยต้องยืมพละกำลังของเจ้าหน่อย” เหล่าต้าติดต่อผ่านจิตของเขา

“ขอรับ นายท่าน” มังกรมารตอบอย่างว่าง่าย

หลังจากพูดจบ พลังที่เพิ่งฟื้นคืนมาก็เริ่มสั่นคลอนอย่างบ้าคลั่ง

เสียงศักดิ์สิทธิ์และเคร่งขรึมดังก้องทั่วห้องจนดึงดูดความสนใจของทุกคน

“จุดจบของยุคสมัยกำลังใกล้เข้ามา ชีวิตของพวกเจ้าตกอยู่ในความเสี่ยง อย่าได้ล่าช้าไปกว่านี้!”

ทุกคนหาต้นตอเสียง

พวกเขาเห็นว่าอุปกรณ์ผนึกทั้งหมดบนศีรษะมังกรมารถูกคลายออกหมดแล้ว

เหล่าต้าวางมือบนศีรษะมังกรก่อนกล่าวต่อว่า

“ยุคแห่งความโกลาหลกำลังใกล้เข้ามา ในช่วงวิกฤตินี้ ข้าต้องการให้ข้ารับใช้ของเทพโบราณเข้าร่วมการต่อสู้เดี๋ยวนี้!”

สิ้นคำพูด กำไลที่สวมอยู่มือข้างซ้ายของซูเสวี่ยเอ้อร์ทอประกายเล็กน้อย

กำไลทำงาน

นี่คือกำไลตัวแทนของจ้าววิหารแห่งชะตากรรม เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงสถานะและตัวตนของนาง ในเวลาเดียวกัน มันครอบครองความสามารถพิเศษบางอย่างเอาไว้

นั่นคือหลักประกันว่าตัวแทนจ้าววิหารจะกลับวิหารเมื่อถึงเวลา

สิ่งที่อยู่ในมือของวิหารคือมิติเคลื่อนย้ายพริบตาลับ แม้กระทั่งสัตว์ประหลาดหุบเหวเหล่านั้นที่เชี่ยวชาญวิชามิติก็ไม่รู้ถึงตัวตนของช่องทางนี้

เสียงอันโอ่อ่าของเหล่าต้าดังขึ้น “ข้ารับใช้ของเทพธิดาแห่งชะตากรรมเอ๋ย พวกเจ้าต้องกลับวิหารด้วยเส้นผมนี้เพื่อปลุกจ้าววิหารที่หลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้นแล้วให้นางคลายผนึกผู้ส่งสารแห่งบาป”

เส้นผมพันรอบกำไลของซูเสวี่ยเอ้อร์อย่างเงียบงัน

กำไลปลดปล่อยแสงเจิดจ้าออกมา

มันถูกกระตุ้นแล้ว!

“สวรรค์ เดี๋ยวนะ ข้า”

ก่อนที่ซูเสวี่ยเอ้อร์จะทันกล่าวจบ นางถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างจากกำไล

เหล่าต้าส่งสัญญาณ

แสงเรืองรองนั่นปกคลุมหนิงเยว่ฉานเอาไว้ด้วยเช่นกัน

“ไปเสีย พวกเจ้าสองคนไปด้วยกันเลย แค่นี้ก็มากพอจะรับมือกับสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว”

ในเวลาอันสั้น ซูเสวี่ยเอ้อร์และหนิงเยว่ฉานหายไปจากห้องก่อนถูกเคลื่อนย้ายพริบตาด้วยกำไล

เหล่าต้ามองแอนนาและอีกาสีดำที่รออยู่นอกหน้าต่าง

เขากล่าวกับอีกาสีดำว่า “ข้ารับใช้ของเทพแห่งความตายผู้เป็นอมตะเอ๋ย เรื่องนี้ช่างเร่งด่วนนัก ข้าอยากให้เจ้าพาผู้หญิงคนนี้ที่สืบทอดพลังของเทพแห่งความตายไปยังเส้นทางลับของวิหารแห่งความตาย จงใช้สิ่งนี้คลายความลับที่เทพแห่งความตายทิ้งเอาไว้ให้”

เขาโยนรูปปั้นสีดำให้อีกฝ่าย

……….……….……….……….