ตอนที่ 967 เทพแห่งความตาย!
จางหยิงห่าววางปืนพกสีดำลงบนโต๊ะ
นี่มันหมายความว่าอย่างไร
หลายคนสงสัย แต่ทันใดนั้นปืนพกสีดำก็ลุกขึ้นก่อนหันมาทางกู่ฉิงซาน
“โย่ เจ้าหนู ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”
ปืนพกพูดได้
กู่ฉิงซานตกตะลึงสักพัก ทันใดนั้นก็นึกถึงร่างอันคุ้นเคย
มันคือปืนที่ทรงพลัง สามารถทำลายศัตรูได้อย่างสบายๆ
ตอนมันหันไปที่ทริสเต้ ทริสเต้ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม
แบร์รี่และเสี่ยวเมียวเป็นสหายของมัน ยวินจีและเฉินหวังเป็นพี่น้องเช่นกัน
แต่ตอนไปสำนักเพื่อสำรวจวิญญาณกรีดร้อง มันพ่ายแพ้ให้กับวิญญาณกรีดร้อง ผู้พิทักษ์หอคอยรายงานว่ามันถูกทำลาย
“ท่านคือปืนพกอาวุโสนี่!” เขากล่าวเสียงดัง
ปืนพกสีดำกล่าวว่า “ข้าเอง ไม่ได้เจอกันนานนะ”
“ท่านไม่ได้สละชีพไปแล้วหรือ” กู่ฉิงซานรีบถาม
ปืนพกสีดำถอนหายใจ “สัตว์ประหลาดนั่นทรงพลัง ข้าเพิ่งตื่นขึ้นมาในวินาทีสุดท้าย เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะได้ด้วยตัวเอง”
“ดังนั้น…”
“ดังนั้น ด้วยเศษเสี้ยวพละกำลังสุดท้าย ข้าเอาชิ้นส่วนสำคัญบางส่วนหลบหนีออกมาทันทีที่เกิดการสลายตัวก่อนล่องลอยไปในวังวนความว่างเปล่าอยู่หลายสิบวัน ท้ายที่สุดก็รวบรวมชิ้นส่วนเหล่านี้มาสร้างปืนพกกระบอกนี้ขึ้นมา”
ปืนพกสีดำไอเล็กน้อยก่อนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง โปรดเรียกข้าว่าปืนกลมือ”
กู่ฉิงซานมองมัน จากนั้นมองจางหยิงห่าวแล้วถามว่า “ท่านพบสหายของข้าได้ยังไง”
ปืนพกสีดำตอบว่า “ฝีมือการลอบสังหารของเสี่ยวหยิงห่าวนับว่าดี ระดับการใช้ปืนกลมือและปืนพกก็ใช้ได้ แต่พละกำลังยังต่ำไปเสียหน่อย อย่างน้อยพละกำลังก็ยังสามารถพัฒนาเสมอได้”
“เสี่ยวหยิงห่าวตามหาปืนจากนักฆ่าในโลกพลังจิต ข้าได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเขาจากนักล่าในโลกพลังจิตหลังจากใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้ว”
จางหยิงห่าวอธิบายว่า “ผู้อาวุโสและข้าทำข้อตกลงกัน เขาจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับข้า ข้าจะรวบรวมชิ้นส่วนพิเศษเพื่อนำมาซ่อมแซมช้าๆ สุดท้ายก็ช่วยเขากลับคืนสู่สภาพสูงสุด”
กู่ฉิงซานประหลาดใจ
เขาพลันจำได้ว่าเคยเห็นรายการค่าหัวของจางหยิงห่าวเมื่อไม่นานมานี้ ในตอนนั้น จางหยิงห่าวถือปืนพกในมือข้างหนึ่งและถือไพ่ไว้ในมืออีกข้าง
ดูท่าเขาจะใช้ปืนกระบอกนี้เมื่อนานมาแล้ว วิธีการต่อสู้ของเขาเติบโตขึ้นมาก นี่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนจำนวนมากจนเป็นการสร้างสถิติใหม่
“ดีมาก” กู่ฉิงซานชื่นชม “ข้าคิดเสมอว่าอุปกรณ์และจิตใจสำคัญกว่าพละกำลังในหลายกรณี เจ้าทำได้ดีมากเลยล่ะ”
“มันก็จริง การฆ่าก็เหมือนกับการล่าสัตว์อสูร มันดีกว่าการล่ามนุษย์เสมอ แต่สำหรับมนุษย์ มันมีวิธีใช้พลังที่แก่กล้าเพื่อล่าเป้าหมายอย่างเหมาะสม” จางหยิงห่าวกล่าว
ทั้งสองชกกำปั้นเข้าใส่กัน
ตอนนี้ แม่ทัพหนามลิเลียเดินเข้ามาในห้องแล้วรายงานว่า “นายท่าน พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว แขกจากทุกโลกมาถึงและพร้อมจะรับชมพิธีแล้ว”
“รับชมพิธีหรือ มีประโยชน์อะไรที่มารับชมล่ะ” ลอร่าสับสน
“นายท่าน ท่านลืมไปแล้วหรือ พวกเราปล่อยข่าวไปนานแล้วและมีกำหนดจะจัดพิธีตั้งแต่ท่านเอิร์ลให้เย่เฟยหลีในเย็นวันนี้” ลิเลียเตือน
“อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง ข้าเพิ่งกลับมาจนลืมไปชั่วครู่น่ะ” ลอร่าพลันเข้าใจ
นางมองเย่เฟยหลี ตอนนี้นางมีความรู้สึกดีกับเย่เฟยหลี ยังไงเสีย อีกฝ่ายสามารถช่วยนางให้รักษารูปร่างได้ อีกทั้งยังเป็นสหายของกู่ฉิงซานอีกด้วย
“ไปกันเถอะ เย่เฟยหลี มากับข้าเพื่อทำพิธีแต่งตั้งต่อหน้าโลกเก้าร้อยล้านชั้นให้เสร็จสิ้น” ลอร่าโบกมือ
“นี่ไม่ได้ใช้เพื่อเรียกจางหยิงห่าวมาโดยเฉพาะหรอกหรือ ทำไมถึงต้องจริงจังด้วย” เย่เฟยหลีถาม
“ข้าคือราชินี ข้าจะทำผิดพลาดได้ยังไง อีกอย่าง เจ้าจะต้องสู้ร่วมกับข้าและกู่ฉิงซานในอนาคต เจ้าจะว่ายังไงล่ะ” ลอร่าถามกลับ
“ข้าไม่คิดอย่างนั้น มีหลายคนกำลังไล่ตามพวกเราตอนขากลับ ดังนั้นข้าไม่คิดว่าเจ้าควรปรากฏตัวต่อที่สาธารณะ” กู่ฉิงซานกล่าว
ลิเลียเห็นด้วย “นายท่าน ข้ายังมีเรื่องรายงานอีก พวกเราได้รับข้อมูลลับมา ความปลอดภัยของท่านกำลังเผชิญกับการท้าทายครั้งใหญ่”
“ข้าถูกของชิ้นหนึ่งเตือนเรื่องความปลอดภัยตอนอยู่บนยาน แต่ใครกันจะกล้าเล่นงานข้า เขาไม่กลัวต้นไม้หนามโบราณเลยหรือ เขาไม่กลัวว่าข้าจะฆ่ากลับด้วยโลกสมบัติเก้าพันใบหรือ” ลอร่ากล่าวอย่างหงุดหงิด
กู่ฉิงซานคร่ำครวญว่า “ถ้าอีกฝ่ายกล้าปรากฏตัว หมายความว่าเขาต้องมีวิธีจัดการกับเจ้าแน่ มีความสามารถแปลกประหลาดมากเกินไปในโลกนับพันล้านใบ แถมเป้าหมายของพวกเราก็ยังชัดเจนมากอีกด้วย ยังไงเสีย ความปลอดภัยของเจ้าคือปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขให้ทันท่วงที”
“เจ้าจะช่วยหรือ” ลอร่าถาม
“ใช่ ข้าจะกลายเป็นเจ้า” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าจะกลายเป็นข้าหรือ” ลอร่าถามด้วยความประหลาดใจ
“อืม ข้าจะแสร้งเป็นเจ้า หลินกับจางหยิงห่าวติดตามข้า พออันตรายมาถึง พวกเราก็อัดมัน จากนั้นก็สืบหาต้นตอของสาเหตุ” กู่ฉิงซานกล่าว
หลินเห็นด้วย “ใช่ จะปล่อยให้ถูกจับจ้องในความมืดไปตลอดแบบนี้ไม่ได้ รีบแก้ไขให้มันจบๆ ไปเลยจะดีกว่า”
กู่ฉิงซานมองคนอื่น “พวกเจ้าคิดว่าไง”
จางหยิงห่าวตอบว่า “ข้าไม่มีปัญหา”
เขาหยิบปืนพกขึ้นมา จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะซ่อนมันไว้ที่ไหน
เย่เฟยหลีกล่าวว่า “ข้าก็เหมือนกัน”
กู่ฉิงซานมองลอร่า ในที่สุดก็ถามว่า “ลอร่า เจ้าคิดว่าไง”
ลอร่ากำหมัดเล็กน้อยแล้วถามอย่างเดือดดาลว่า “กู่ฉิงซาน เจ้าแน่ใจหรือ”
“นี่นับว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คนส่วนใหญ่จะถูกอัดจนราบทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเรา ไม่มีปัญหาแน่นอนหากไม่ใช่วิญญาณกรีดร้อง” กู่ฉิงซานยิ้ม
ลอร่ากล่าวว่า “เอาเถอะ ข้าเห็นด้วย แต่เจ้าจะแสร้งเป็นข้ายังไง ข้าต้องเรียกให้ช่างแต่งหน้าส่วนตัวมาช่วยไหม”
“ไม่ต้อง ขอยืมเส้นผมเจ้าสักเส้นก็พอ” กู่ฉิงซานกล่าว
เส้นผมหรือ
โดยไม่ลังเล ลอร่าดึงผมหนึ่งเส้นไปวางไว้ในฝ่ามือของกู่ฉิงซาน
…
อีกด้าน
ซูเสวี่ยเอ้อร์ แอนนาและหนิงเยว่ฉานนั่งบนไพ่ขนาดใหญ่ ใช้พลังสายลมจากความว่างเปล่าเพื่อเคลื่อนไปทางพื้นที่เอกฐานอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของหนิงเยว่ฉานยิ่งมายิ่งเคร่งขรึม
“ปล่อยไว้แบบนี้ต่อไม่ได้ ข้ารู้สึกแล้วว่ามีภัยพิบัติที่ขัดขืนไม่ได้กำลังใกล้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง” นางกล่าว
แอนนาถามว่า “ข้าได้ยินว่าผู้ฝึกยุทธอย่างเจ้าทุกคนมีการรับรู้วิญญาณ นี่คือการรับรู้วิญญาณของเจ้าหรือ”
“ใช่แล้ว” หนิงเยว่ฉานยืนยัน “ข้าแทบจะมองเห็นเศษเสี้ยวความตายของข้าเลยด้วย พวกเราจะไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ ต้องหาทางอื่นด้วย”
ซูเสวี่ยเอ้อร์ครุ่นคิดสักพักก่อนเริ่มจั่วไพ่ในความว่างเปล่า
นางจั่วไพ่รวดเดียว ออกมาสิบสองใบ หยิบไพ่อัญเชิญจากในนั้นออกมาก่อนโยนพวกมันทั้งหมดเข้าไปในความว่างเปล่าด้านหลัง
ไพ่เหล่านั้นหายไปในสายลม กลายเป็นวีรชนทะเลโลหิตเพื่อขวางทาง
มือของซูเสวี่ยเอ้อร์ขยับอย่างต่อเนื่อง จั่วไพ่ออกมาอีกครั้ง ปล่อยไพ่อัญเชิญออกไปอีกครา
ผ่านไปสักพัก นางใช้พลังวิญญาณจนเกือบหมด
“ข้าหวังว่านี่จะถ่วงเวลาเอาไว้ได้”
ซูเสวี่ยเอ้อร์ถอนหายใจ
“ข้าจะดูให้” หนิงเยว่ฉานหลับตาขณะกล่าวเช่นนั้น
นางเงียบไปหลายอึดใจก่อนถอนหายใจออกมา
“ไม่ จุดจบแห่งความตายยังไม่แตกสลาย บางสิ่งที่น่าสะพรึงกำลังเข้าใกล้พวกเราเรื่อยๆ”
ทั้งซูเสวี่ยเอ้อร์และแอนนารู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ความจริง พวกนางก็รู้สึกไม่มากก็น้อย
ยังไงเสีย ในกระแสวังวนที่ไล่หลังมา พลังยิ่งใหญ่สุดประมาณค่อยๆ ขยายตัวขึ้น
นั่นคือพลังยิ่งใหญ่เกินกว่าพละกำลังของพวกนาง ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถขัดขืนได้อย่างแน่นอน
“ไม่มีหนทางแล้ว” แอนนากล่าว
นางยืนขึ้นก่อนเดินไปสุดขอบไพ่ยักษ์
เปลวเพลิงสีดำไม่มีสิ้นสุดเผาไหม้บนตัวนาง เส้นผมยาวสีแดงร้อนแรงปลิวไสวตามสายลม
“แอนนา เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถาม
แอนนาตอบอย่างสงบว่า “ข้ารู้สึกถึงลมหายใจของมันแล้ว พวกเราเอาชนะมันไม่ได้หรอก หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ทุกคนจะตาย คงดีกว่าที่จะให้ข้าเผาชีวิตตัวเองเพื่อหยุดมัน”
ซูเสวี่ยเอ้อร์อดที่จะกรีดร้องออกมาไม่ได้ก่อนกล่าวว่า “ไม่ เจ้าจะมายอมแพ้ไม่ได้ พวกเรากำลังจะถึงพื้นที่เอกฐานแล้ว”
นางระเบิดพลังวิญญาณเฮือกสุดท้ายออกมา ยกมือขึ้นแล้วกระจายใส่ไพ่ทั้งหมดในความว่างเปล่าที่อยู่ด้านหลัง
“เปล่าประโยชน์ เจ้าและหนิงเยว่ฉานจะต้องส่งบัญญัติราชามารให้กู่ฉิงซาน นี่ข้องเกี่ยวกับชีวิตและทุกสิ่งของเขา ดังนั้นเจ้าทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”
แอนนาเผยรอยยิ้มเด็ดขาดออกมา
“และที่ตัวข้าไม่มีบัญญัติ มีเพียงข้าที่หยุดศัตรูได้”
หนิงเยว่ฉานพลันเคลื่อนไหว
นางตบถุงเก็บของ หยิบขวดยาเม็ดออกมาแล้วส่งให้แอนนา
“ยาเม็ดพลังอมตะชั่วคราวสามารถช่วยเจ้าได้”
“ขอบคุณ” แอนนารับขวดมาอย่างไม่ลังเล
หนิงเยว่ฉานกล่าวว่า “ข้าสิที่ควรขอบคุณ ที่จริง ข้าไม่กลัวตายหรอก แต่ข้ามีบางสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นครั้งนี้ข้าติดหนี้เจ้า”
แอนนากล่าวว่า “ข้าก็เช่นกัน”
เสียงของนางพลันติดขัด
“แอนนาตัวน้อย”
เสียงต่ำพลันดังขึ้น
เปลวไฟสีดำปกคลุมความว่างเปล่า
เปลวเพลิงเหล่านี้ตกลงบนไพ่ยักษ์ก่อนกลายเป็นสุนัขสีดำ
“ท่านเทพสุนัข ท่านมาได้ยังไง!”
แอนนาตกตะลึงก่อนพลันตะโกนเช่นนั้นออกมา
สุนัขสีดำเข้าหานางช้าๆ ก่อนยิ้มออกมา “ทำไมข้าจะมาไม่ได้ จะให้ดื่มแต่สุราของเจ้าหรือไง ตอนนี้เจ้ากำลังจะตาย เป็นธรรมดาที่ข้าอยากจะช่วยเจ้า”
แอนนาลังเล “แต่พละกำลังของท่านเอาชนะมันไม่ได้”
“ไม่ มันไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ” สุนัขสีดำขัดนาง สีหน้าค่อยๆ จริงจังขึ้นมา “จากยุคโบราณถึงวันนี้ ในที่สุดโลกใบนี้ก็กำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาของความโกลาหลและบัญญัติ ทุกสิ่งจะเข้าสู่การทำลายล้าง แต่เจ้าแบกรับมรดกของเทพแห่งความตายโบราณเอาไว้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าจมสู่ความมืดและความเงียบชั่วนิรันดร์ก่อนกำหนดไม่ได้”
แอนนาตกตะลึง
เทพแห่งความตาย…
เท่าที่นางเห็นและรู้จัก เจ็ดวิหารใหญ่เป็นเพียงข้ารับใช้ของเจตจำนงเทพลึกลับ ไม่เป็นมากไปกว่านั้น
แต่ตอนนี้ดูท่าว่าครึ่งเทพเหล่านี้คล้ายกับมีภารกิจลับซ่อนอยู่
ตอนนี้เปลวเพลิงสีดำอีกกลุ่มปรากฏขึ้นบนไพ่ยักษ์ กลายเป็นอีกายักษ์สีดำ
“แอนนา เร่งมือเข้า เจ้าขึ้นหลังข้าพร้อมกับผู้ครอบครองบัญญัติได้เลย ข้าจะพาเจ้าไป” อีกาสีดำกล่าว
“ท่านอีกาดำ ท่านก็มาอยู่ที่นี่ด้วย!” แอนนากล่าวเสียงหลง
สองสิ่งนี้คือครึ่งเทพของวิหารแห่งความตายผู้คงอยู่มานานและคอยรับใช้วิหารด้วยศรัทธาแรงกล้า
ไม่ว่า “เทพ” องค์ไหนปกครองพื้นที่จ้าวโลก พวกเขาก็จะเป็นเช่นนี้ พวกเขาเพียงแค่ลงมือทำเงียบๆ ไม่เคยคิดต่อต้านหรือขัดขืนแต่อย่างใด
อีกาแห่งความตายสีดำดุนพวกนางทั้งสามขึ้นหลังแล้วกล่าวว่า “ความเร็วข้าช้ากว่าสัตว์ประหลาดหุบเหวนั่น แต่มีเทพสุนัขที่จะถ่วงเวลาให้พวกเราได้สักพัก ข้าน่าจะสามารถพาพวกเจ้าไปอาณาจักรหนามได้!”
“แต่ว่า…เทพสุนัขล่ะ” แอนนากล่าว
“ไม่ต้องห่วงข้า ข้าสั่งสมพลังแห่งความตายมานานนัก ข้าจะไปทันทีหลังจากถ่วงเวลาไปสักพัก” สุนัขสีดำกล่าว
มันทะยานออกไปจากไพ่ยักษ์ กลายเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ปกคลุมท้องนภาและดวงตะวันในความว่างเปล่า
ศีรษะ ร่างกาย รวมถึงทั่วร่างของสุนัขแสดงความเคร่งขรึมไม่มีสิ้นสุดออกมา มันถือไม้เท้าสีดำที่สลักด้วยอักขระลึกลับเอาไว้
“ไปเสีย ช่วยให้บัญญัติรอดก่อน จากนั้นเจ้าค่อยทำภารกิจของตัวเอง”
“ในจุดจบของยุควันสิ้นโลก เทพแห่งความตายจะตื่นขึ้นมา!”
เสียงของสุนัขสีดำดังในหูของแอนนา
แอนนาไม่มีเวลาให้พูดอีกแล้ว
อีกาสีดำสยายปีกยาวสิบเมตรก่อนทะยานขึ้นสู่อากาศธาตุ
ความเร็วของมันไม่ได้มากกว่าไพ่ยักษ์เท่าไหร่นัก มันเหมือนกับอสนีสีดำ ผ่านความว่างเปล่าและหมอกอันหนาทึบ มันบินตรงเข้าสู่ส่วนลึกของพื้นที่เอกฐาน
……….……….……….……….