ตอนที่ 583 เมื่อเจ้าตาย
ท่ามกลางแสงสลัวในค่ำคืนอันมืดมิด
เบื้องบนท้องฟ้า ปรากฏกระแสแสงโฉบดิ่งลงมา
กระแสแสงทะลุผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงสุด พุ่งตรงมายังเมืองไห่เช่า
‘ปัง!’
พื้นดินถูกกระแทกเป็นหลุมขนาดใหญ่โดยตรง ส่งคลื่นอัดอากาศแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง
แต่เมื่อก้มมองลงไปอีกครั้ง กลับไม่มีอะไรอยู่ในหลุมที่ว่านี่เลย
กู่ฉิงซานคว้าจับอีเลีย และใช้ออกด้วยย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้วโดยตรง
เพียงพริบตา ทั้งสองคนก็มาถึงที่พักชั่วคราวของลอร่า
ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว อาวุธมากกว่าโหลก็พุ่งตรงเข้ามายังทั้งสอง
“เป็นพวกเราเอง” กู่ฉิงซานกล่าว
“ท่านนายพล!”
“นายน้อย!”
ทหารพิทักษ์กับฉานนู่ เมื่อระบุสถานะของอีกฝ่ายได้ ทั้งหมดก็ชักอาวุธกลับ
กู่ฉิงซานกวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปตรวจสอบ แล้วในหัวใจเขาก็รับรู้ได้ว่าผู้คนทั้งหมดที่นี่ยังมิได้รับบาดเจ็บใดๆ
“มีอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม?” เขาเอ่ยถาม
“ไม่มีเลย แต่เพราะเหล่าสายพันธุ์เทพกำลังทำพิธีกรรมอยู่ในวิหาร และพวกเขาไม่อนุญาตให้เข้าใกล้ ดังนั้นข้าจึงมาอยู่ด้วยกันกับลอร่า” ฉานนู่กล่าว
“ลอร่า!”
อีเลียก้าวออกมา และตรวจสอบลอร่าอย่างใกล้ชิด
แต่ลอร่ายังคงปลอดภัย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ อีเลีย?” ลอร่ากล่าวด้วยความสับสน
อีเลียมองไปยังกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานไม่มีเวลามากพอที่จะมาอธิบาย เขาโยนดิสก์ค่ายกลออกไปให้ฉานนู่
“ฉานนู่ เจ้ามารับหน้าที่จัดวางค่ายกล หน้าไหนกล้าเข้าใกล้ที่นี่ ฆ่ามันให้หมด” เขาสั่ง
“เจ้าค่ะ” ฉานนู่รับคำ
กู่ฉิงซานปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง และเขาก็ค้นพบถึงที่หมายของตนเองอย่างรวดเร็ว
“ส่วนคุณ คอยปกป้องลอร่า ผมจะไปตรวจสอบสถานการณ์ก่อน” เขาหันไปบอกกับทางอีเลีย
“เข้าใจแล้ว”
อีเลียเขยิบเข้ามาใกล้กับลอร่า คอยพิทักษ์กายเธออย่างใกล้ชิด
หลังจากที่เธอกลับมา และได้ยินข้อสรุปของอีกฝ่าย เธอก็ไม่กล้าห่างจากตัวลอร่าไปแม้ครึ่งก้าว
กู่ฉิงซานย่อตัวลง ใช้ออกด้วยย่นระยะ และหายวับไป
ช่วงเวลาเดียวกัน ฉานนู่ก็เริ่มควบคุมดิสก์ค่ายกล และเริ่มทำการจัดวางมันทันที
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเราจึงรู้สึกราวกับว่าเจ้ากำลังทำท่าทีราวกับภัยพิบัติใหญ่กำลังใกล้เข้ามา”
จนกระทั่งเวลานี้ ลอร่าจึงค่อยมีเวลาให้เอ่ยถาม
อีเลียถอนหายใจและกล่าว “มนุษย์ผู้นั้น เขาสงสัยว่าต้นกำเนิดจะประสบความสำเร็จแล้ว”
“มันจะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร สัตว์ประหลาดผียังไม่ได้เข้ามาล้อมเมืองอีกรอบเลยนะท่าน” ทหารพิทักษ์คนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา
“ไม่ทราบว่าเจ้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับโลกหกวิถีหรือไม่?”
“ขอรับ มันเป็นโลกวัฏจักรปิดที่หาได้ยากยิ่ง โดยทั่วไปแล้วมักจะเห็นได้เฉพาะในดินแดนอัศจรรย์เป็นครั้งคราว” ทหารพิทักษ์อีกคนกล่าว
“อ้างอิงตามการพิจารณาของเขา ดูเหมือนว่ามารสวรรค์แห่งโลกหกวิถีก็จะมาที่นี่ด้วยเช่นกัน” อีเลียกล่าว
“มารสวรรค์!”
สีหน้าของลอร่าแปรเปลี่ยน
ขณะที่ทหารพิทักษ์มากมายต่างงุนงง
ลอร่ามองไปยังทุกคนและอธิบายว่า “มารสวรรค์ เป็นการดำรงอยู่ที่แสนพิเศษในโลกหกวิถี”
“ด้วยเหตุผลพิเศษบางประกาย เหล่าทวยเทพได้ใช้เวลามากมายในการรังสรรค์โลกหกวิถีขึ้น ทว่าระหว่างกระบวนการก็ได้ถือกำเนิดมารสวรรค์ที่มีร่างกายอันแสนพิเศษขึ้นเช่นกัน ซึ่งพวกมันมักจะกัดกินจิตเทวะของสิ่งมีชีวิตในโลกหกวิถีเป็นอาหาร”
อีเลียช่วยเสริม “การปรากฏตัวขึ้นของมารสวรรค์มิได้อยู่ในการคาดการณ์ของเหล่าทวยเทพโบราณ ดังนั้นเหล่าทวยเทพโบราณจึงต้องการที่จะลบมารสวรรค์ให้หายไปโดยสิ้นเชิง แต่แล้วพวกเขากลับพบว่ามารสวรรค์น่ะไม่สามารถสังหารได้”
“เพราะมารสวรรค์คือส่วนหนึ่งของกฎเกณฑ์แห่งโลกหกวิถี พวกมันมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาสมดุลของตลอดทั้งหกโลก”
“เช่นนั้น หมายความว่ามันคือมอนสเตอร์ที่สามารถควบคุมได้ทั้งโลกหกวิถีในเวลาเดียวกันอย่างนั้นหรือ?” บางคนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ พวกมันทำได้เพียงพิพากษาสิ่งมีชีวิตที่มีความปรารถนามากเกินไปหรือสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากเกินไปเท่านั้น โดยพวกมันจะเฟ้นหาวิธีเข้าไปกัดกินจิตวิญญาณของตัวตนเหล่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้โลกหกวิถีถูกทำลายโดยการดำรงอยู่ที่กล่าวมา”
“อย่างนั้นมารสวรรค์ก็ทรงพลังมากเลยสิ?”
“จะว่าทรงพลังก็ใช่ แต่ที่น่าหวาดกลัวจริงๆ ก็คือรูปแบบการโจมตีของพวกมันต่างหาก...พวกมันมักจะปรากฏกายขึ้นในจิตใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นในยามที่เจ้ากิน เดิน พูดคุย หรือแม้กระทั่งหลับใหล มันจะย่องเข้าไปในจิตใจของเจ้าอย่างเงียบงัน สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ หรือไม่สามารถป้องกันตัวได้ ก็จะมิอาจตระหนักถึงมันได้ล่วงหน้า แล้วสุดท้ายจิตเทวะก็จะถูกกลืนกินไปโดยมารสวรรค์”
ทหารพิทักษ์เมื่อได้ลองขบคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ขณะที่ฉานนู่มัวแต่คิดตริตรองอย่างลึกซึ้ง
เธอได้รับความทรงจำมากมายมาจากกู่ฉิงซาน และได้ตระหนักถึงบางสิ่งที่มันน่าประหลาดมาตั้งนานแล้ว นั่นคือ
ไม่มีมารสวรรค์ในโลกล่องเวหา แต่ในโลกเทวะกับโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์กลับมีการดำรงอยู่ของมารสวรรค์
ทันใดนั้น เธอก็ตระหนักได้ถึงปัญหาบางอย่างที่มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสถานการณ์ปัจจุบันเลย
“หรือว่า…แท้จริงแล้วโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์กับโลกเทวะจะเป็นโลกหกวิถี?” ฉานนู่พึมพำด้วยความสงสัย
อีกด้านหนึ่ง
กู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าทางเข้าวิหาร
จิตสัมผัสเทวะของเขาขยายเข้าไป แต่กลับถูกขัดขวางไว้ตรงหน้าประตู
ไม่คาดคิดเลยว่าตัววิหารแห่งนี้จะสามารถป้องกันการตรวจสอบของจิตสัมผัสเทวะได้
กู่ฉิงซานเปิดประตูวิหารด้วยดาบ และเดินตรงเข้าไป
ภายในวิหารเต็มไปด้วยผู้คน
ผู้รอดชีวิตเกือบทั้งหมดมาอยู่ที่นี่
กู่ฉิงซานมองไปยังผู้คนที่นิ่งงัน ไม่ขยับเขยื้อน ในหัวใจของเขาก็อดเศร้าเล็กน้อยไม่ได้
เห็นแค่เพียงทุกคนที่คุกเข่าลงกับพื้น คล้ายกับกำลังร่วมพิธีกรรมลึกลับบางอย่าง
ขณะที่บนใบหน้าของพวกเขามีรอยยิ้มแปลกประหลาด บนร่างกายยังคงอบอุ่น แต่…ทั้งหมดได้ตายไปแล้ว
ฉากนี้ มันเหมือนกันกับสิ่งที่เขาเคยเห็นในเมืองก่อนหน้านี้เลย
เหลาเจียวยืนอยู่ปลายสุดของวิหาร ในมือกำลังถือกุมอะไรบางอย่าง บรรยากาศบนตัวเขาแลดูศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพลึก
แต่แท้จริงแล้วในมือของเขา มันกลับไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
หรือมันอาจจะเคยมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ แต่ถูกพรากจากไปแล้วโดยมารสวรรค์
และแน่นอน ว่าเหลาเจียวเองก็ตายไปแล้วเช่นกัน
เขาคงถูกสิงสู่โดยมารสวรรค์ และยามเมื่อเขาได้รับสมบัติที่เหล่าทวยเทพทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง ขณะที่ยังไม่ทันจะได้รับการทดสอบ มารสวรรค์ก็ได้ผุดออกมาจากในจิตใจของเขา กัดกินดวงจิตจนสิ้น และรับเอาสมบัติไป
“เหลาเจียว…” กู่ฉิงซานบ่นงึมงำ
ในช่วงเวลาเดียวกัน หน้าต่างเทพสงครามก็กลายเป็นสีแดงเข้มโดยสมบูรณ์
กระแสแสงน่าหวาดกลัวเด้งอยู่กลางหน้าต่าง และกลายเป็นตัวอักษรขนาดใหญ่
“คำเตือน”
“ตรวจพบแรงผันผวนจากการสั่นสะเทือนจากรากฐานบางประการของโลก”
“หลังจากการวิเคราะห์เปรียบเทียบ ระบบได้ตรวจพบสถานการณ์ดังต่อไปนี้”
“เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์ต้นกำเนิด ได้เข้าสู่สภาวะจำศีลแล้ว”
“พิจารณา...ระบบต้นกำเนิด กำลังเริ่มกระบวนการอัปเกรด!”
“หนึ่งวันต่อจากนี้ เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์ปฏิวัติ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ”
“‘ปฏิวัติ’ จะแพร่กระจายออกไปในโลกสามร้อยล้านชั้น และไปบรรจบเข้ากับระบบของราชามารในดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรู ร่วมกันพัฒนาระบบให้ลึกไปอีกระดับ”
“และนั่นหมายความว่าโลกเก้าร้อยล้านชั้นจะต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้จนแตกหักเป็นครั้งสุดท้าย”
กู่ฉิงซานจ้องมองไปยังคำเตือนเหล่านั้น
จู่ๆ เขาก็ตวัดดาบพิภพอย่างรุนแรง และคำรามก้อง “จงออกมา!”
บนตัวดาบพิภพ ปรากฏชั้นแสงสายฟ้าชั้นแล้วชั้นเล่าผุดออกมา ปกคลุมไปตลอดทั้งวิหาร
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าดังสนั่น จนตลอดทั้งวิหารกลายเป็นทะเลสายฟ้า
ในจุดหนึ่ง ทันใดนั้นดูเหมือนว่าสายฟ้าจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
พร้อมด้วยเสียงที่ฟังดูขบขันดังขึ้น
“ดูสิ ที่แท้ก็เจ้าสารเลวขี้แพ้นี่เอง เจ้านี่มันมักจะใจร้อนอยากจะสู้อยู่เสมอเลยนะ มีชีวิตอยู่ปกติมันน่าเบื่อมากนักหรือไง?”
กู่ฉิงซานเก็บดาบยาว และสายฟ้าก็หายไปทันที
“แกเป็นใครกัน?”
“พวกเราเคยพบกันมาครั้งหนึ่งแล้ว” เสียงนั้นตอบ
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนา เห็นแค่เพียงทุกร่างของสายพันธุ์โบราณล่มสลายลง แตกตัวกลายเป็นสระเลือด
ขณะที่เลือดเหล่านั้นราวกับมีชีวิตชีวา มันขีดเขียนพื้นวิหารจนเกิดอักษรรูนขนาดใหญ่ขึ้น
พร้อมด้วยเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาจากอักษรรูน
เปลวไฟนับไม่ถ้วนลากยาวเป็นหางทอเข้าด้วยกัน ก่อร่างม่านเปลวไฟขึ้น
‘ปัง!’
เปลวไฟลุกไหม้ขึ้นสู่ท้องฟ้า
ปรากฏถึงเงาดำขนาดใหญ่ที่ดูดุร้ายและน่าหวาดกลัวขึ้นท่ามกลางเปลวไฟ มันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสนภาคภูมิอย่างช้าๆ
“ก่อนจะได้ลิ้มชิมรสผลไม้อันหอมหวานที่เรียกกันว่าผลไม้แห่งชัยชนะ เวลานี้หากยิ่งได้ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของผู้แพ้ คอยเฝ้ามองไปยังใบหน้าขลาดกลัวและสิ้นหวังของพวกมัน แล้วประทับภาพความทรงจำนี้ไว้ในส่วนลึกของจิตใจ...ต้องบอกว่าข้าชมชอบในความรู้สึกนี้เสมอมา”
นายเหนือแห่งแดนชำระล้าง การดำรงอยู่ที่สามารถรอดชีวิตมาได้จวบจนปัจจุบันจากโบราณอันไกลโพ้น!
มันปรากฏตัวขึ้นต่อหน้ากู่ฉิงซานอีกครั้ง
“ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะบอกเจ้าว่า ทุกอย่างกำลังเป็นอย่างราบรื่น แม้กระทั่งตอนจบของสงครามก็ยังถูกขีดเขียนเอาไว้แล้วโดยพวกเรา” นายเหนือแดนชำระล้างกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
กู่ฉิงซานโบกสะบัดดาบยาวของเขาออกไป
รังสีดาบทะลวงผ่าเปลวไฟโดยตรง ตัดเข้าใส่เพดานเหนือวิหาร
ไม่โดน นี่เป็นเพียงร่างเงาที่ฉายออกมาเท่านั้น
กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว “ทำได้แค่พูดข่มไร้สาระกับคนอื่นเป็นอย่างเดียวรึไง? ไอ้แมลงสาบโบราณเอ๊ย!”
รอยยิ้มของนายเหนือแดนชำระล้างหุบลง
“เจ้าควรจะรู้นะว่า เมื่อเจ้าตาย ข้าจะเป็นคนไปนำดวงวิญญาณของเจ้ามาด้วยตนเอง” มันกล่าว
“ก็แล้วอย่างไร ตอนนี้ฉันยังมีชีวิตอยู่ดี” กู่ฉิงซานสวนกลับ
“ผู้ถูกเลือกโดยดาบโบราณเอ๋ย เจ้าเหยื่อตัวจ้อย ข้าผู้เป็นนายเหนือแห่งแดนชำระล้าง มาเยือนถึงที่นี่เพื่อต้องการจะบอกแก่เจ้าว่า เจ้ากำลังจะตายในไม่ช้า”
เสียงของมันกลับกลายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้น “‘ปฏิวัติ’ กำลังจะถือกำเนิดขึ้น! มดเช่นเจ้า หรือแม้กระทั่งการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตอื่นใด ที่อยู่ในช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่นี้ ล้วนไม่สามารถหลบเร้นกระแสธารแห่งประวัติศาสตร์ได้!”
“อีกไม่นาน โลกตลอดทั้งสามร้อยล้านชั้นก็จะกลายเป็นดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรูอีกครั้ง!”
“เมื่อไหร่ที่เปลวเพลิงแห่งสงครามแผดเผาไปตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น พวกเราเหล่าผู้สนับสนุนระบบของราชามารก็จะเข้าร่วมการต่อสู้ ได้รับเกียรติยศอย่างหาที่ใดเปรียบ เป็นผู้ครอบครองตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น!”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสบายๆ “ฉันไม่คิดเลยว่าสุนัขก็ยังฝันกลางวันเป็นกับเขาด้วย”
เงาดุร้ายชะงักงัน
เสียงของมันกลับกลายเป็นหม่นทะมึนและโหดร้าย “เด็กน้อย วาจาเจ้าช่างคมคายนัก คอยดูเถิด ได้รับวิญญาณของเจ้ามาเมื่อไหร่ ข้าจะใช้ลิ่มตอกปากเจ้า แล้วนำดวงจิตเจ้าไปมัดแขวนไม้บนศีรษะของอาชาเพลิง ปล่อยให้เจ้าทุกข์ทรมานจากการแผดเผา คอยเฝ้าดูชะตากรรมของโลกเก้าร้อยล้านชั้นด้วยตาตนเอง”
“วันนั้น มันจะไม่มีทางมาถึงหรอก” กู่ฉิงซานส่ายหัว
“โง่เง่า!” เงาดุร้ายหัวเราะกึกก้อง “สถานการณ์โดยรวมได้ถูกตัดสินแล้ว มดที่น่าสงสารเช่นเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? หาก ‘ปฏิวัติ’ ถือกำเนิดขึ้น นั่นแหละคือจุดจบของเจ้า! จุดจบของทุกสิ่ง!!”
“แต่ตอนนี้สงครามมันยังไม่จบลงสักหน่อย!”
กู่ฉิงซานสะบัดดาบในมือเขา
คราวนี้ เป้าหมายของตนคือรูนเลือดที่กำลังควบแน่น
‘ปัง!’
ภายใต้รังสีดาบสายฟ้า อักษรรูนถูกบดขยี้โดยสมบูรณ์
ม่านเปลวไฟขนาดใหญ่พังทลายลง
“เมื่อปฏิวัติถือกำเนิดขึ้น เจ้าก็จะถูกสังหารลงโดยมัน เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไปรับจิตวิญญาณของเจ้าเป็นการส่วนตัว…”
พร้อมกันกับถ้อยคำเหล่านี้ ร่างเงาดุร้ายก็สลายไปพร้อมกับเปลวไฟที่มอดดับลงในที่สุด
....................................................