webnovel

0582 เสียงของผู้หญิง

ตอนที่ 582 เสียงของผู้หญิง

นอกเหนือไปจากผีร้ายกลืนวิญญาณที่ตายลงไปแล้ว

กู่ฉิงซานกับอีเลียก็ไม่ได้ค้นพบอะไรอีกเลย

หุบเขาทั้งลูกได้แปรสภาพกลายเป็นเทือกเขาสูงตระหง่าน ขณะเดียวกันสัตว์ประหลาดผีทั้งหมดก็หายตัวไป

เบาะแสเดียวก็คือเสียงแปลกประหลาดของผู้หญิง

อย่างไรก็ตาม จะตัดสินได้อย่างไรว่านี่เป็นเสียงผู้หญิงของใคร?

“เจ้าเชื่อคำกล่าวของสัตว์ประหลาดผีตนนี้หรือไม่?” อีเลียเอ่ยถาม

“มันไม่คุ้มค่าที่จะเชื่อ แต่ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกภาคภูมิใจในเฮือกสุดท้ายของมัน” กู่ฉิงซานกล่าว

“แล้วกองทัพผีล่ะ? เมื่อครู่นี้พวกเราได้ยินว่ามีบางสิ่งสั่งให้มันล่าถอย อย่าบอกนะว่าพวกมันล้มเลิกความคิดที่จะโจมตีแล้วจริงๆ?” อีเลียเอ่ยถาม

“ผมไม่คิดแบบนั้น สำหรับต้นกำเนิดน่ะ มันไม่ใส่ใจกับความล้มเหลวใดๆ ตรงกันข้ามมันกลับทุ่มเทอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะได้สิ่งที่มันต้องการมาครอบครอง” กู่ฉิงซานกล่าว

“แต่กองทัพของพวกมันทั้งหมดได้หายไป”

“หรือบางทีที่พวกเราไม่เจอพวกมันจะเป็นเพราะ…”

กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า ปากเอ่ยกล่าวต่อ “พวกมันอาจจะออกจากโลกใบนี้ แล้วกลับไปยังชั้นน้ำแข็งก็เป็นได้”

ในโลกสมบัติของทริสเต้ โดยสิ้นเชิงแล้วจะแบ่งออกเป็นสามชั้น โดยแต่ละชั้นแยกจากกัน คือ ชั้นน้ำแข็ง ชั้นทะเล และสุดท้ายชั้นของสายพันธุ์เทพ

หากสัตว์ประหลาดผีออกจากชั้นสายพันธุ์เทพ ที่ที่พวกมันจะไปได้ ก็คงมีเพียงชั้นน้ำแข็งที่อยู่นอกสุดเท่านั้น

และผู้เข้าสู่วิถีมารทั้งหมดก็อยู่ในชั้นที่ว่านั่นเช่นกัน

อีเลีย “แต่ข้าได้ใช้สมบัติที่สามารถแทรกซึมผ่านกำแพงอุปสรรคได้เพียงครั้งเดียวไปแล้ว เกรงว่าหากออกไป ข้าจะไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีก”

“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล ผมสามารถรับประกันว่าพวกเราจะเดินทางกลับมาได้”

“อย่างนั้นก็ดี พวกเราไปตรวจสอบต่อกันเถิด”

ร่างของทั้งสองทะยานตัวขึ้น ปะทะกับสายลมอย่างรุนแรง เตรียมมุ่งหน้าออกจากโลกชั้นในสุด

เมื่อมาถึงกำแพงอุปสรรคของเหล่าทวยเทพ กู่ฉิงซานก็วาดดาบเช่าหยินออกไป

กำแพงอุปสรรคเปิดออกทันที เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ทั้งสอง

เมื่อออกมา เขาก็เหวี่ยงดาบยาวไปอีกครั้ง และทะเลก็วิ่งผ่านเจ้ามาในกำแพงอุปสรรค กลบทางเข้าที่เคยเปิดออก ให้หุบลงดังเดิม

“ที่แท้ดาบยาวของเจ้าก็ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าทวยเทพ และมีพลังที่สามารถใช้ในการควบคุมจิตวิญญาณแห่งน้ำนี่เอง” อีเลียถอนหายใจ “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดลอร่าจึงเอาแต่คิดถึงดาบของเจ้าอยู่เสมอ”

“มาเถอะ ไปดูกันว่าข้างนอกมันเกิดอะไรขึ้นกันบ้าง” กู่ฉิงซานกล่าว

ทั้งสองบินขึ้นไป

เมื่อใกล้จะไปถึงชั้นเปลือกน้ำแข็ง กู่ฉิงซานก็หยุด

“มีอะไรอย่างนั้นหรือ?” อีเลียเอ่ยถาม

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องทำการสำรวจขึ้นไปจากทะเลเบื้องล่าง ไม่ขึ้นไปใกล้บนบกมากเกินไป เพราะเดี๋ยวจะถูกจับสังเกตได้” กู่ฉิงซานกล่าว

อีเลียเงยหน้าขึ้น

เห็นแค่เพียงเหนือน้ำทะเลสีฟ้า เป็นชั้นบางๆ ของเปลือกน้ำแข็งสีขาว

ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ ต่อให้อยู่ในทะเล เธอก็ยังสามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวบนเปลือกน้ำแข็งได้ โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นไป

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะแฝงตัวโดยการไหลไปตามทิศทางของกระแสน้ำ และเฝ้าตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพื่อดูว่าจะพบเบาะแสอะไรบ้าง”

ว่าจบ ทั้งสองก็ปล่อยตัวไปตามกระแสน้ำ ลอยขึ้นไปอีกไม่กี่นาทีจึงหยุดลง

เหนือพวกเขาขึ้นไป เป็นเปลือกน้ำแข็งที่แต่เดิมสมควรมีสีขาวบริสุทธิ์ แต่บัดนี้กลับดำทะมึนไปด้วยกลิ่นอายอันมืดมิด ของสัตว์ประหลาดผีที่กระจุกรวมตัวกันอย่างหนาแน่น

กองทัพผีมารวมตัวกันที่นี่น่ะเอง!

ทั้งสองมองหน้ากันและกัน และเห็นถึงความประหลาดใจบนสีหน้าของอีกฝ่าย

ระบบของราชามารได้สั่งให้ทหารถอนทัพจริงๆ น่ะหรือ?

อย่างไรก็ตาม แม้อีเลียจะยังคงสับสน แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายใจลงเล็กน้อย

แต่กู่ฉิงซานน่ะตรงกันข้าม คิ้วของเขาขมวดมุ่น

นี่มันไม่ถูกต้อง

ถึงแม้ว่าตนจะได้มาเห็นว่ากองทัพผีล่าถอยแล้วจริงๆ ด้วยตาตัวเอง แต่กู่ฉิงซานก็ไม่มีความคิดว่าต้นกำเนิดมันจะยอมรับความพ่ายแพ้จริงๆ

ซึ่งเขารู้เรื่องนี้ดี…ดีกว่าใครๆ

มันไม่เลือกวิธีการ ใจดำอำมหิต ไร้ซึ่งความปรานีและแสนโหดร้าย

แล้วด้วยการดำรงอยู่เช่นนั้น จู่ๆ มันจะมาใจดี ยอมให้กองทัพผีถอยทัพไปได้อย่างไรกัน?

ไม่เพียงกองทัพผี แต่กระทั่งผีแห่งความอลหม่าน ทั้งหมดก็ยังถอนตัวออกจากโลกของสายพันธุ์เทพ

กุญแจสำคัญของเรื่องนี้มันอยู่ที่ไหนกันแน่นะ?

กู่ฉิงซานจมลงสู่ห้วงการตริตรอง

“มาเถอะ ไปดูกันว่าทางฝั่งเหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารกำลังทำอะไรกันอยู่” อีเลียกล่าว

“รับทราบ” กู่ฉิงซานขานรับ

ทั้งสองดิ่งลงไปในทะเลลึก และว่ายไปอีกทิศทางจนถึงบริเวณใต้ค่ายที่ผู้เข้าสู่วิถีมารประจำการอยู่

อีเลียเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง

กู่ฉิงซานจีบออกด้วยวิชาลับยับยั้งลมหายใจ และเพ่งตรวจสอบการเคลื่อนไหวเหนือเปลือกน้ำแข็งอย่างรอบคอบ

เห็นแค่เพียงเหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารกำลังจัดเก็บกระเป๋าเดินทาง เตรียมตัวที่จะจากไป

ใช่แล้วล่ะ กระทั่งกระโจมพักแรมที่ใช้ค้างคืนก็ยังถูกพับเก็บ

เป็นเรื่องจริงแน่นอนที่ผู้เข้าสู่วิถีมารกำลังจะออกเดินทาง

“ถ้ากระทั่งพวกเขาก็ยังถอนตัว ต่อจากนี้ไปพวกเราก็คงจะปลอดภัยแล้ว” อีเลียกล่าว

กู่ฉิงซานไม่ตอบ เขายังคงไม่อยากจะเชื่อ

“ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถ้าฉันเป็นต้นกำเนิด ฉันจะบอกให้สมุนทั้งหมดถอนทัพจริงๆ หรือ...”

เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง

“นี่สมควรจะเป็นคำสั่งของระบบราชามาร ที่สั่งการให้ยกเลิกการโจมตีทั้งหมด” อีเลียกล่าว

“ยกเลิกการโจมตี ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ?” กู่ฉิงซานกล่าว

อีเลียลองคิดเกี่ยวกับมันจึงเอ่ยถาม “ก็แล้วจักต้องเป็นภายใต้สถานการณ์ใดเล่า เจ้าจึงจะเลิกโจมตี ยอมแพ้ในการต่อสู้?”

“ผมเหรอ? ไม่หรอก ถ้าเป็นผม...ผมจะไม่ยอมแพ้แน่นอน และต้นกำเนิดเองก็น่าจะเหมือนกัน”

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จู่ๆ เขาก็ย้อนนึกไปถึงเสียงถอนหายใจของผู้หญิงอีกครั้ง

“ฝ่าฟันหนทางแสนยาวไกลจนมาถึงที่นี่ ตัวข้าคล้ายดั่งตกอยู่ในห้วงฝัน ไม่ทันจะคาดคิดเลย ว่าจักต้องจากบ้านมาเยือนต่างแดนอย่างกะทันหัน...”

แน่นอน ว่ามันไม่ได้มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเนื้อเพลงหรอก แต่เป็นทำนองในการร้องเพลง ที่มันเหมือนกับว่าจะปลุกความทรงจำบางอย่างในหัวของเขาขึ้นมาต่างหาก

กู่ฉิงซานที่ลอยล่องอยู่ในทะเลลึก เค้นสมองไตร่ตรอง

สถานการณ์ในปัจจุบัน มันเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันจริงๆ

มันจะต้องมีบางอย่างที่เขาไม่ทันจะได้รู้ตัว และเกิดขึ้นไปแล้วแน่ๆ

กู่ฉิงซานหลับตาลง แล้วลองเค้นสมองอย่างรอบคอบ

เขาย้อนนึกไปตั้งแต่ที่ตนได้เข้ามาสู่โลกที่ถูกทอดทิ้งโดยเหล่าทวยเทพใบนี้ สะท้อนภาพมันให้ปรากฏขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง

ตั้งแต่แรกที่เขาได้เข้ามายังโลกใบนี้ เขาไม่มีความคิดอื่นใดอีกเลย นอกจากพิจารณาว่าสมควรจะร่อนลงหาที่ซ่อนตัวตรงจุดไหนดี สุดท้ายตนจึงเลือกทิศทางที่ห่างไกลจากตัวเมือง และร่อนลงบริเวณชานเมืองที่ห่างออกไป

‘ตัวฉันมองเห็นอะไรบ้างนะ ในเวลานั้น?’

ใช่แล้ว

เป็นเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงที่กำลังกอดกันแน่น

บนใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว ตายลงทั้งๆอย่างนั้น

ต่อมา ผีแห่งความอลหม่านก็ปรากฏตัวขึ้น

จากนั้น ตลอดเส้นทางที่กำมุ่งเดินก็เต็มไปด้วยตึกปะการังอยู่ทั่วทุกหนแห่ง

ผู้คนที่อยู่ภายในปะการัง ยังคงอยู่ในกริยาเคลื่อนไหวเดิม ดื่ม กิน เดิน วิ่ง หรือกระทั่งพูดคุยกับคนอื่นๆ

การแสดงออกของพวกเขาเหมือนกับมีชีวิต ราวกับไม่รู้ตัวเลยว่าตนได้ตายไปแล้ว

ภายหลัง ม้าทมิฬยังเคยกล่าวกับตัวกู่ฉิงซาน ว่ามันคลับคล้ายคลับคลาว่าจะตาฝาด เห็นใบหน้าของศพผุดรอยยิ้มขึ้นมา

จากนั้น เขาก็ทิ้งลอร่าไว้กับดาบขุนเขาเทวะหกโลกา เพื่อให้มันคอยปกป้องเธอ ส่วนตนก็แยกตัวออกไปสำรวจเมืองคนเดียว

ในช่วงเวลานั้น ฉันเห็นอะไรอีกบ้างนะ?

ผู้คนนับพันหมื่นที่เสียชีวิต บนใบหน้าแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ เดินเรียงรายกันเป็นแถวอย่างเรียบร้อย ก้าวช้าๆตรงไปยังจัตุรัสอย่างเงียบๆ

ขณะที่บนจัตุรัส มีมอนสเตอร์ยอดเขาทะมึนกำลังกลืนกินศพเหล่านั้นอยู่

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะพูดในสิ่งที่คิดออกมาดังๆ

“มันออกจะแปลกๆไปสักหน่อยนะ…”

“ตัวอะไรกัน ที่จะสามารถขโมยชีวิตของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั้งหมดไปอย่างเงียบเชียบได้?”

“การดำรงอยู่ชนิดใดกันที่สามารถจัดการกับร่างศพ และควบคุมมันให้เคลื่อนไหวต่อไปได้?”

กู่ฉิงซานคิดตริตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะย้อนนึกไปถึงผีร้ายกลืนวิญญาณที่เพิ่งเสียชีวิตไป

ฉันรู้สึกว่า…มันมีบางอย่างผิดปกติ

เจ้าผีร้ายกลืนวิญญาณตนนั้น มีห้วงอารมณ์ ความนึกคิด และจิตสำนึกเป็นของตัวเอง ระหว่างที่สนทนากัน น้ำเสียงของมันกระจ่างชัดมาก

อย่างไรก็ตาม ผีร้ายกลืนวิญญาณที่ตัวเขาได้เจอกันในตอนแรก กลับไม่เป็นเช่นนั้น

ช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้ถามฉานนู่ และเธอก็ได้พิจารณาตัวมันว่าอย่างไรนะ?

‘แล้วเราพอจะสามารถสื่อสารกับพวกมันได้ไหม?’

‘ไม่ได้ พวกมันได้สูญเสียจิตนึกคิดไปแล้ว พวกมันรู้จักเพียงแต่การฆ่าเท่านั้น’

นี่คือคำพูดในตอนนั้นของฉานนู่

แปลกจริง

ทำไมผีร้ายกลืนวิญญาณที่พบในตอนนั้นถึงสูญเสียจิตนึกคิด แต่ผีร้ายกลืนวิญญาณที่พวกเขาเพิ่งจะเจอล่าสุด กระทั่งใกล้ตาย มันก็ยังมีสติปัญญา รู้สึกตัวเป็นอย่างดี?

เป็นไปได้ไหมว่า…

ผีร้ายกลืนวิญญาณที่เขาพบเจอกับมันในตอนแรกนั้น เป็นสิ่งที่ถูกวางเอาไว้ที่นั่นอย่างจงใจ?

แต่หากเป็นแบบนั้น ประโยชน์เดียวของผีร้ายกลืนวิญญาณที่ว่า ก็คือการดักรอให้ถูกตนค้นพบและกำจัดทิ้งอย่างนั้นหรือ?

การพบเจอเจ้านั่น มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่านะ?

ไม่ ไม่ใช่

มันไม่สมควรที่จะมีเรื่องบังเอิญมากขนาดนั้น

หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว ดูเหมือนว่าตลอดเส้นทาง เขาจะไม่ได้พบเจอกับผีร้ายกลืนวิญญาณตนอื่นอีกเลย

ยิ่งคิด คิ้วของกู่ฉิงซานก็ยิ่งย่นเข้าหากัน

เขาเอ่ยถามดาบพิภพในทันใด “ในตอนที่พวกเรามายังโลกใบนี้ครั้งแรก พวกเราได้พบกับผีร้ายกลืนวิญญาณที่ดูจะแปลกประหลาด ช่วงเวลานั้นมันแฝงตัวอยู่ในศพ เจ้าจดจำมันได้หรือไม่? ”

“ข้าจดจำมันได้” ดาบพิภพกล่าว

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าพอจะรู้ไหมว่าเจ้าวิญญาณร้ายที่ว่ามันคร่าชีวิตผู้คนอย่างไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“คร่าชีวิตอย่างไรหรือ?” ดาบพิภพเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ผีจากปรภพน่ะจะทำได้เพียงกลืนกินวิญญาณที่ตายแล้วจากปรภพเท่านั้น เพื่อที่จะสร้างความทุกข์ทรมานบาดลึกแก่จิตวิญญาณ”

“หมายความว่าถ้าเป็นวิญญาณของสิ่งมีชีวิต มันจะไม่สามารถกินได้?”

“ไม่ได้ แต่หากพบเจอสิ่งมีชีวิต มันก็สมควรที่จะสังหารสิ่งมีชีวิตเหมือนกับมอนสเตอร์ธรรมดาทั่วไป”

พอได้ฟัง กู่ฉิงซานก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น

ความจริงเรื่องนี้มันง่ายดายยิ่ง แต่ตนกลับตามืดบอด

เขาเอ่ยถามอีเลียอีกครั้ง “ผมมีคำถามที่สำคัญมาก และคุณจะต้องตั้งใจตอบผมให้ดี”

อีเลียเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของเขา เธอก็ขานรับ “ว่ามาสิ ข้ากำลังฟังอยู่”

“ผีแห่งความอลหม่าน อสุรกายประเภทปฐมบทแห่งความโกลาหล มันฆ่าสังหารศัตรูอย่างไร?”

“ข้าเองได้เคยเห็นมันอยู่หลายครั้ง พวกมันจะทำการเจาะทะลวงเกราะป้องกันของศัตรู และกัดกินพวกเขาโดยตรง”

“กัดกินอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่ ผีแห่งความอลหม่านคือการผสมผสานกันระหว่างภูตผีจากปรภพนับไม่ถ้วน มันจึงมีความสุขสมในยามที่ได้กินเลือดและเนื้อ” อีเลียเผยให้เห็นถึงสีหน้ารังเกียจ

“คุณแน่ใจใช่ไหม?”

“เต็มร้อยเลยล่ะ”

กู่ฉิงซานถอนหายใจลึก

นี่มันผิด ผิดทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง

ในช่วงเวลานั้น เขาได้ทำการตรวจสอบสภาพศพด้วยตัวเอง

และพบว่าอวัยวะภายในของศพยังไม่บุบสลาย และไม่มีอาการบาดเจ็บภายในเลย

บางซากศพก็ยังคงอุ่นอยู่ด้วยซ้ำ

ในช่วงเวลานั้น เขาได้ตัดสินด้วยตัวเองว่ามันคงจะเป็นการโจมตีเข้าสู่จิตเทวะโดยตรง

ทำให้ตนเข้าใจผิดไปโดยปริยายว่านี่คือฝีมือของผีแห่งความอลหม่าน หรือผีร้ายกลืนวิญญาณ

แต่อีเลียกลับบอกเขาว่าผีแห่งความอลหม่านชอบกินเลือดเนื้อ

นอกจากนี้ ครั้งแรกที่ผีแห่งความอลหม่านค้นพบตนเอง มันก็พุ่งฝ่าวงล้อมค่ายกลมา และพยายามที่จะฉีกทึ้งตนเองโดยตรง

อย่างนั้นสิ่งที่อีเลียบอกก็ไม่น่าจะใช่เรื่องโกหก

ดังนั้น

การสังหารหมู่ผู้คนทั้งหมดในเมืองจึงย่อมไม่ใช่ฝีมือของผีแห่งความอลหม่าน และไม่ใช่ผีร้ายกลืนวิญญาณที่ไม่มีจิตสำนึกตนนั้น!

ส่วนมอนสเตอร์จากแดนชำระล้าง วิธีการของมันคือกลืนกินศพทั้งตัว ดังนั้นย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ที่มันจะสังหารผู้คนให้ตกตายโดยไม่รู้ตัว

ทันใดนั้น เสียงถอนหายใจของหญิงสาวก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในจิตใจของกู่ฉิงซาน

ส่งผลให้ความทรงจำจากส่วนลึกวาบผ่านเข้ามาในหัวใจของเขา

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นอีกครั้ง

ดูเหมือนว่า…ตัวฉันเองจะประมาทไป

ตนเองไม่คาดคิดเลย ว่าเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์ต้นกำเนิด แท้จริงแล้วจะมีแผนการอันล้ำลึกถึงเพียงนี้

บางที คงจะเป็นตั้งแต่การต่อสู้ในคราวก่อนแล้ว ที่มันเพิ่มความระมัดระวังในตัวเขา

ตรงกันข้ามกับกู่ฉิงซาน เพราะหลังจากที่ตนสามารถเข้าสู่โลกสายพันธุ์เทพที่มีกำแพงอุปสรรคของทวยเทพคอยขวางกั้นได้ เขาก็ผ่อนคลายความหวาดระแวงลง

อย่างไรก็ตาม ตนไม่อาจคาดคิดได้เลยว่า นับตั้งแต่ที่ตนเองก้าวเข้ามาเหยียบลงบนโลกใบนี้ ต้นกำเนิดจะวางแผนการรับมือกับเขาเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างแรกเลยคือการโจมตีของผีแห่งความอลหม่าน แล้วก็ผีร้ายกลืนวิญญาณที่สิงอยู่ในศพ มันจงใจให้เขาค้นพบและสังหารเสีย

แม้กระทั่งมอนสเตอร์จากแดนชำระล้างก็ถูกส่งออกมา

เมื่อเขาทำลายสัตว์ประหลาดทั้งหมด คนกลางที่คอยโน้มน้าวใจจากแดนชำระล้างก็ปรากฏตัวขึ้น

ในทุกขั้นตอนการเผชิญหน้า ในทุกมอนสเตอร์ที่ปรากฏขึ้น ล้วนถูกจัดวางเป็นอย่างดีโดยต้นกำเนิด

เมื่ออยู่ต่อหน้ามอนสเตอร์สที่โผล่ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ต่อให้เป็นตัวเขาเองที่แม้จะเห็นถึงเงื่อนงำบางอย่าง แต่ก็ยังถูกจิตวิทยาเบี่ยงเบนทิศทางความคิดออกไป

“ต้นกำเนิด…มันช่างร้ายกาจเสียจริง”

กู่ฉิงซานถอนหายใจ เกิดความคิดอย่างเงียบงันขึ้นในสมอง

มันดูเหมือนว่า เหตุผลที่ทั้งโลกนั้นล่มสลายลงภายใต้อำนาจระบบของราชามารในชีวิตก่อนหน้าของเขา มันจะไม่ใช่เพียงเพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นตามืดบอด และอ่อนแอเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว

ต้นกำเนิดนี่มันแสบเกินไปจริงๆ

ในขณะนั้นเอง เสียงของผู้หญิงที่อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในจิตใจของกู่ฉิงซาน

“ฝ่าฟันหนทางแสนยาวไกลจนมาถึงที่นี่ ตัวข้าคล้ายดั่งตกอยู่ในห้วงฝัน ไม่ทันจะคาดคิดเลย ว่าจักต้องจากบ้านมาเยือนต่างแดนอย่างกะทันหัน...”

มันขับขานเป็นท่วงทำนองเบาๆ

กู่ฉิงซานนิ่งงันไป

“ไปเถอะ พวกเราต้องรีบกลับเดี๋ยวนี้!”

เมื่อคิดทุกอย่างได้ กู่ฉิงซานก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาคว้าจับมือของอีเลีย และบินลงไปยังส่วนลึกของทะเลทันที

“เจ้าค้นพบปัญหาอะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?” อีเลียเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ผมคิดว่าพวกเราไม่ควรที่จะออกจากเมืองไห่เช่า! โธ่เอ๊ย ประมาทไปจริงๆ!”

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นรึ?”

“ผมเองก็ยังไม่รู้ แต่จากการอนุมานของผม สถานการณ์ที่จะทำให้ต้นกำเนิดถอนทัพไปได้น่ะมีเพียงแค่หนึ่งเดียว”

“สถานการณ์อะไร?”

“ก็สถานการณ์ที่มันได้รับสิ่งที่ตนเองปรารถนาแล้วอย่างไรล่ะ!”

“นั่นเป็นไปไม่ได้!” อีเลียอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ

กู่ฉิงซานเผยสีหน้าแปลกประหลาดและกล่าวออกมา “ใช่ จริงๆ แล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่ถ้าหากว่ามันสามารถอัญเชิญการดำรงอยู่ที่พิเศษของ ‘ตัวตน’ นั้นมาได้ละก็ จะมีความเป็นไปได้มากทีเดียว…”

“การดำรงอยู่ที่พิเศษ? มันคืออะไร หรือเจ้าจะหมายถึงเจ้าของเสียงผู้หญิงคนนั้น?” อีเลียตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ใช่ นั่นแหละคือกุญแจสำคัญของความจริงทั้งหมด” กู่ฉิงซานถอนหายใจ

น้ำทะเลตลอดเส้นทางแหวกเปิดทางให้พวกเขา ดำดิ่งลึกลงสู่เบื้องล่าง

เมื่อลองย้อนนึกถึงเสียงของผู้หญิง ในหัวใจของกู่ฉิงซานก็ยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้น

“แบบนี้ไม่ดีแล้ว พวกเราจะต้องเร่งความเร็วให้มากกว่านี้!”

กู่ฉิงซานระเบิดพลังวิญญาณเต็มพิกัด ในมือจีบออกด้วยวิชาลับ ทั้งคนทั้งร่างของเขาดั่งสายฟ้าฟาด ผ่าดิ่งลงไปยังโลกสายพันธุ์เทพอย่างรวดเร็ว

เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาก็ตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบสิ่งหนึ่งออกมาทันใด

มันคือสร้อยข้อมือ ที่ร้อยเรียงไปด้วยกระดิ่งห้าลูก

สร้อยข้อมือกระดิ่งนี้หนักอย่างไม่คาดคิด มันสาดกลิ่นอายหนาวเหน็บ ที่แม้กระทั่งพลังวิญญาณก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ออกมา

กู่ฉิงซานผูกมันไว้กับข้อมือเขา แล้วกำมันไว้แน่น

ชั่วขณะที่ตนกำลังมุ่งหน้าลึกลงไปในท้องทะเล สายลมก็พัดผ่านตัวกระดิ่ง ส่งเสียง ‘กริ๊ง กริ๊ง’ ดังก้องออกมา

เสียงของกระดิ่งทะลุผ่านชั้นมิติและเวลา ข้ามผ่านไปสู่โลกที่ไม่มีผู้ใดได้รู้จัก

..........................................................