webnovel

0584 แลกเปลี่ยน

ตอนที่ 584 แลกเปลี่ยน

“เมื่อปฏิวัติถือกำเนิดขึ้น เจ้าก็จะถูกสังหารลงโดยมัน เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไปรับจิตวิญญาณของเจ้าเป็นการส่วนตัว…”

เสียงของนายเหนือแห่งแดนชำระล้างยังไม่ทันจะตกลง ดาบพิภพก็โฉบออกไป สับอักษรรูนสีเลือดทั้งหมดเป็นผุยผง

เทคนิคมนตราพังทลาย ม่านเปลวไฟกลายเป็นพร่ามัว

กู่ฉิงซานเฝ้ามองดูไฟที่ลุกโชติช่วงค่อยๆ มอดดับลงอย่างเงียบเชียบ

ดวงตาของเขาสาดประกายเย็นเยียบและมืดมน

ดาบพิภพลอยมาอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดลงข้างกายของกู่ฉิงซาน

“เจ้าคิดว่าที่มันพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่?” ดาบพิภพเอ่ยฮึมฮัม

“มันเป็นความจริงแน่นอน” กู่ฉิงซานพยักหน้า “แต่…”

“แต่อะไร?” ดาบพิภพซักไซ้

“ขณะที่อีกฝ่ายยังมีไพ่อยู่เต็มกำมือ แต่ตัวมันเองกลับตีตนไปว่าได้กลายเป็นผู้ชนะเสียแล้ว นั่นนับว่าเป็นพฤติกรรมที่โง่เง่านัก” กู่ฉิงซานกล่าว

“ถึงคำพูดเจ้ามันจะฟังดูดี แต่ข้าไม่เห็นว่าในมือเจ้าจะมีไพ่ใบใดอยู่เลย” ดาบพิภพกล่าว

“นั่นเพราะข้าซ่อนมันเอาไว้อย่างไรเล่า นี่เป็นหนึ่งในเทคนิคเล่นไพ่แสนง่ายและมันจะเผยโฉมออกมาให้เจ้าได้เห็นเองในช่วงเวลาวิกฤติ” กู่ฉิงซานอธิบาย

“แล้วแต่เจ้าเถอะ ว่าแต่เจ้าคิดจะทำอะไรต่อไป?” ดาบพิภพเอ่ยเสียงหึ่งๆ

กู่ฉิงซานพึมพำ “จู่ๆ ภาพฉายจากแดนชำระล้างก็โผล่ออกมาสาดคำก่นด่า แต่มันกลับไม่คิดจะลงมือโจมตีข้า…มันคงคิดว่าลูกไม้เก่าจะเบนความสนใจข้าได้เหมือนครั้งก่อนอย่างนั้นสินะ?”

เห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่ก้าวอย่างรวดเร็วตรงไปยังใจกลางวิหาร ชูดาบพิภพขึ้นเหนือหัว ก่อนจะหมุนมัน และเหวี่ยงสับลงมาด้วยเจตนาร้าย!

“จงเปิดทางให้แก่ข้า!!”

เขาคำรามด้วยความโกรธ

สายฟ้าสาดประกายรุนแรง พร้อมกับลมที่มองไม่เห็นกระจายตัวกวาดออกมาจากดาบพิภพ

ในอากาศที่ว่างเปล่า เหมือนกับว่าจะได้ยินเสียงมากมายฮึมฮัมออกมาด้วยความประหลาดใจ

แน่นอน ว่านี่มิใช่แค่เพียงเสียงของสายฟ้า

สายฟ้ายังคงสาดประกายอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวของกู่ฉิงซาน ทั้งคนทั้งร่างของเขาถ่ายเทแต้มพลังวิญญาณลงไปยังดาบพิภพ

ดาบพิภพคือสิ่งประดิษฐ์เทวะที่อุทิศตนให้แก่สวรรค์และโลก นับตั้งแต่ช่วงโบราณอันไกลโพ้น มันมีความสามารถ ‘สื่อสาร’ กับเทพวิญญาณได้

เมื่อไหร่ที่มันครอบครองแต้มพลังวิญญาณ มันจักสามารถสำแดงอำนาจที่สามารถสังหารเทพมารลงได้ออกมา!

ภายใต้กระแสแต้มพลังวิญญาณอันท่วมท้น ดาบพิภพเปล่งเสียงกระซิบฮึมฮัมแผ่วเบา

เห็นแค่เพียงทั้งตัวดาบพิภพที่สั่นสะท้านขึ้นทันใด

คลื่นที่มองไม่เห็นกวาดกระจายออกไปตลอดทั้งวิหาร พลังเหนือธรรมชาติเกิดการระเบิดขึ้น!

เสียงหนักทึบของดาบพิภพก้องกังวานไปทั้งภายในและภายนอกวิหาร

“ไม่ว่าจักเทพหรือมาร ทุกสรรพสิ่งที่แฝงกายอยู่ในที่แห่งนี้ จงปรากฏร่างของพวกเจ้าออกมา!”

เปรี้ยง!

ทุกสถานที่พลันเงียบสงัด แต่แท้จริงแล้วในอากาศที่ว่างเปล่ากลับบังเกิดการสั่นสะเทือน สะท้านอยู่ในจิตใจของผู้คน

ท่ามกลางความว่างเปล่า บุปผาดำที่ดูละเอียดงดงามเริ่มผลิดอกออกมา

บนหมู่มวลบุปผาเหล่านั้น ปรากฏให้เห็นถึงผ้าแพรที่ปิดทับลงบนร่างกายของหญิงสาวแสนทรงเสน่ห์ ตนแล้วตนเล่าเริ่มผุดออกมา

พวกเธอมองมายังกู่ฉิงซานด้วยความประหลาดใจ

มารสวรรค์

เป็นมารสวรรค์จริงๆ ด้วย!

“ฮี่ๆๆ เขาดูเกรี้ยวกราดมากทีเดียว”

เสียงของผู้หญิงดังกังวานขึ้น สะท้อนไปตลอดทั้งรอบตัววิหาร

“ผู้ฝึกดาบรึ? น่าจะมาจากอารยธรรมโลกของบรรดาผู้ฝึกวรยุทธ์ แต่การที่เขาสามารถตระหนักถึงการมีอยู่ของพวกเราได้ นี่ใช่ว่าโลกของเขาเป็นโลกหกวิถีหรือไม่?” เสียงของผู้หญิงอีกคนหนึ่งดังขึ้น

“โง่น่า ก็มีคนตายมากเสียขนาดนี้ จึงย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะตระหนักถึงความผิดปกติ คงไม่ถึงขั้นรู้หรอกว่าพวกเราคืออะไร”

“ถูกอย่างที่เจ้ากล่าว โลกหกวิถีน่ะพบเจอได้ยากเย็นยิ่ง จึงมีมนุษย์น้อยคนนักที่จะรับรู้ถึงสถานะของพวกเรา”

“ว่าก็ว่าเถอะ จิตวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์น่ะมักจะอร่อยเป็นพิเศษเลยนะ”

“ฮี่ๆๆ ใช่แล้ว”

เสียงของผู้หญิงที่ฟังดูไร้ยางอายกังวานขึ้น

วินาทีต่อมา สาวงามบนหมู่มวลบุปผาก็หายวับไปอย่างสิ้นเชิง

ในอากาศที่ว่างเปล่า เรือนร่างอันงดงามและทรงเสน่ห์ปรากฏขึ้น

พวกเธอลอยมาข้างกายกู่ฉิงซาน เผยท่าทียั่วยวนทรงเสน่ห์ เล้าโลมเขา

“หนุ่มน้อย เจ้าต้องการที่จะมาละเล่นกับพี่สาวหรือไม่?”

“พี่สาวเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน เจ้าช่วยมาบีบนวดให้พี่สาวหน่อยจะได้หรือไม่ แล้วจากนั้นพวกเราค่อยไปหาสถานที่เงียบๆ พูดคุยกัน”

“พอลองมองดูแล้ว หนุ่มน้อยก็หล่อเหลาเหมือนกันนะ ข้าเองชักจะรู้สึกตื่นเต้นซะแล้วสิ”

มารสวรรค์กล่าวด้วยรอยยิ้มคิกคัก

พวกเธอเริ่มเอนกายลงอย่างแผ่วเบา พิงเข้าหากู่ฉิงซาน ทว่ากลับทะลุผ่าน คล้ายกำลังจะหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขา

กู่ฉิงซานมิได้ขยับกายเคลื่อนไหว แต่ดาบพิภพในมือของเขาพลันหายวับไปอย่างกะทันหัน

ดาบพิภพฉวัดเฉวียนไปมา ตัดไปในอากาศจนเกิดเสียงดังสนั่น

กลิ่นอายที่มองไม่เห็นปะทุขึ้นมาจากดาบพิภพ แปรสภาพเป็นดาบสายลม หวีดหวิวไปทั่วตัววิหาร

ค่ายกลดาบไท่หยี รูปแบบย่อส่วน!

กู่ฉิงซานได้ใช้เพียงดาบเดียว ปลดปล่อยอำนาจส่วนหนึ่งของค่ายกลดาบไท่หยีออกมา

‘วู้ม!’

ท่ามกลางเสียงลมกรรโชก บังเกิดเสียงร่ำไห้นับไม่ถ้วนโหยหวนขึ้น

หมู่มวลบุปผาพลันเหี่ยวเฉา และหายวับไปไม่เหลือแม้ร่องรอยในอากาศที่ว่างเปล่า

หลังจากผ่านพ้นไปหนึ่งลมหายใจ

ลมกรรโชกก็แยกย้าย เสียงทั้งหมดจมลงสู่ความเงียบ

ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ ในอากาศที่ว่างเปล่าอีกต่อไป

หลงเหลือเพียงคมกล้าของดาบพิภพ ที่กวาดเป็นแนวนอนอยู่บนลำคอของมารสวรรค์หญิงตนสุดท้าย

“เก็บตัวสอบปากคำไว้หนึ่งชีวิตเรียบร้อย” ดาบพิภพกล่าวกับกู่ฉิงซาน

“ทำได้ดีมาก” กู่ฉิงซานชมเชย

เวลานี้ บนใบหน้าของมารสวรรค์หญิงมิได้แสดงออกถึงความภาคภูมิอีกต่อไป เธอตะโกนร่ำร้องด้วยความหวาดกลัว “อย่านะ! อย่าฆ่าข้า! เจ้าเป็นใครกัน!?”

กู่ฉิงซาน “ไม่ต้องสนใจหรอกว่าข้าเป็นใคร แต่ข้าจะถามเจ้า ว่าแท้จริงแล้วพวกเจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับต้นกำเนิดกันแน่?”

พอได้ยินถึงต้นกำเนิด สีหน้าของมารสวรรค์หญิงก็ผ่อนคลายลงทันที ปากเอ่ยกล่าว “ฮี่ๆ หากเจ้าต้องการที่จะทราบถึงเรื่องนี้ เจ้าก็ต้องมีบางสิ่งบางอย่างมา...”

ดาบพิภพกะพริบไหว

“กรี๊ด!!”

เธอกรีดร้องตะโกนน่าสมเพช ทั้งตนทั้งร่างร่วงตกจากในความว่างเปล่า กระแทกลงกับพื้น

กู่ฉิงซานได้ทำการตัดทั้งสองแขน สองขาของเธอลงโดยตรง!

“ข้ารู้ดี ว่าเจ้าสามารถเชื่อมต่อมือกับเท้าให้กลับมาเหมือนเดิมได้อย่างง่ายดาย แต่ข้ารับประกันเลย ว่าถ้าเจ้าไม่สารภาพออกมา ข้าจะให้เจ้าได้เพลิดเพลินไปกับสิ่งที่เรียกว่าความเจ็บปวดเอง!” กู่ฉิงซานกล่าวโดยไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆบนใบหน้าเขา

“เจ้าสารเลวรังแกผู้หญิง!”

“จงบอกมา ว่าพวกเจ้ากับต้นกำเนิดเกี่ยวข้องกันอย่างไร?”

“อา...”

มารสวรรค์หญิงเพียงเผยท่าทีลังเลเล็กน้อย ดาบพิภพก็แทงทะลุอก เข้าสู่หัวใจของเธอทันที

“อ๊า! ให้ตายเถอะ! เจ้ามันปีศาจร้าย!”

เสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังฟังชัด มารสวรรค์หญิงคร่ำครวญน่าสมเพช

“หากข้าเป็นปีศาจร้าย แล้วเจ้าที่สูบกินจิตวิญญาณของผู้คนไปมากมายเล่า จะนับว่าเป็นสิ่งใด?” น้ำเสียงของกู่ฉิงซานช่างไร้เยื่อใย

ดาบของเขาเริ่มจะบิดคว้านเบาๆ ลงบนหน้าอกของมารสวรรค์หญิง

มารสวรรค์หญิงมิอาจฝืนทนได้อีกต่อไป เธอตะโกนลั่น “ข้าจะบอก! ข้าจะบอกแล้ว! ต้นกำเนิดได้ไปพบกับท่านอาจารย์สูงสุดของพวกเรา และขอความร่วมมือ”

“ขอความร่วมมือ? เช่นนั้นอาจารย์สูงสุดของเจ้าก็มาด้วยใช่หรือไม่?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

ในบรรดามารสวรรค์ มารสวรรค์ระดับสูงจะมองมารสวรรค์ระดับต่ำเป็นเพียงของใช้ส่วนตัวเท่านั้น พวกมันมักจะถูกใช้งานโดยไร้ซึ่งอิสระ

ขณะเดียวกัน มารสวรรค์ระดับต่ำ จะต้องเรียกขานมารสวรรค์ที่ระดับสูงกว่าว่าอาจารย์

ดังนั้น ดูเหมือนว่าประโยคเมื่อครู่ของมารสวรรค์ตนนี้จะเป็นเรื่องจริง

“มันได้ยื่นเงื่อนไขอันยอดเยี่ยมให้แก่อาจารย์แห่งข้า ดังนั้นท่านอาจารย์จึงส่งพวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกมัน” มารสวรรค์กล่าว

“ไม่ อย่ามาโกหก งานใหญ่เช่นนี้ อาจารย์สูงสุดของพวกเจ้าย่อมจักต้องลงมาด้วยตนเองอย่างแน่นอน” กู่ฉิงซานส่ายหัว

ดาบพิภพเริ่มคว้านเร็วขึ้น

มารสวรรค์หญิงตะโกน ร่ำไห้อย่างขมขื่น “ขออภัย! โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ข้าผิดไปแล้ว!”

จนกระทั่งกู่ฉิงซานหยุดการหมุนคว้านลง เธอจึงค่อยได้พักหายใจเล็กน้อย

“จงไตร่ตรองให้ดี ถึงสิ่งที่จะเอ่ยต่อจากนี้ไป” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่แยแส

มารสวรรค์อ้าปากค้าง “ข้าไม่ได้ต้องการจะหลอกลวงเจ้า แต่อาจารย์สูงสุดของพวกเรานั้นทรงอำนาจเหลือแสน การจักมายังที่นี่เป็นเรื่องยากเย็นยิ่ง ท่านจึงไม่สามารถที่จะมาด้วยตัวเองได้”

“เจ้ากำลังโกหก”

กู่ฉิงซานส่ายหัว “อาจารย์เจ้าแม้จะทรงอำนาจ และการมาเยือนโลกใบนี้ย่อมเป็นเรื่องยากเย็นอย่างที่ว่าก็จริง แต่ขณะเดียวกันนางก็ยังสามารถเข้ามายังโลกใบนี้ได้เช่นกัน โดยการลดความแข็งแกร่งของตนเองลง และระงับมันมิให้สำแดงออกมา”

กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “นางอาจจะปลอมแปลงเป็นมารสวรรค์ธรรมดา แต่ขณะเดียวกันก็คอยบงการอยู่เบื้องหลัง จนกระทั่งทุกอย่างจบลง”

“การที่สามารถชักชวนมารสวรรค์ระดับสูงมาได้ ต้นกำเนิดคงจ่ายราคาออกไปมหาศาลยิ่ง ดังนั้นอาจารย์เจ้าจะต้องเดินทางมาด้วยตนเองอย่างแน่นอน เพื่อควบคุมให้กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างถูกต้อง”

มารสวรรค์หญิงพอได้ยิน ก็แทบจะลืมเลือนความเจ็บปวดของตัวเอง เธออดไม่ไหวต้องฝืนพูดออกมา “เจ้า...เจ้าทราบเกี่ยวกับเรื่องราวของพวกเรามารสวรรค์มากถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“บอกมา อาจารย์ของเจ้า ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?”

มารสวรรค์เมื่อเห็นว่าไม่สามารถปกปิดความจริงได้อีกต่อไป เธอก็สารภาพอย่างสูญสิ้นน้ำเสียง “นางบรรลุสัญญาแล้ว ดังนั้นจึงเตรียมการที่จะกลับไปก่อนล่วงหน้า”

“คำถามสุดท้าย ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ถูกบังคับให้โหลดต้นกำเนิด?”

“นั่นเพราะโลกมารสวรรค์ของพวกเราเป็นโลกปิด ระบบทั้งมวลมิอาจย่างกรายเข้ามาหาเราได้” มารสวรรค์หญิงกล่าว

กู่ฉิงซานพยักหน้า เขาเก็บดาบกลับคืน และหันหลังเดินแยกออกมา

สมบัติล้ำค่าของเหล่าทวยเทพถูกฉกฉวยไป ขณะเดียวกัน ‘ปฏิวัติ’ ก็กำลังจะถือกำเนิดขึ้น ดังนั้นอยู่ที่นี่ต่อไปมันคงไม่มีความหมาย

อีกอย่าง เขาเองก็ได้รับข้อมูลมาแล้ว

เบื้องหลังเขา บนตัวของมารสวรรค์หญิงปรากฏรังสีดาบสาดประกายเย็นเยียบขึ้นอย่างกะทันหัน

เธอส่งเสียงกรี๊ดเล็กน้อย แล้วเงียบลงโดยสมบูรณ์

กู่ฉิงซานเดินออกจากวิหาร

เขาเดินมาจนกระทั่งถึงจัตุรัสหน้าวิหารจึงค่อยหยุดฝีเท้าลง

ในเวลานี้ อีเลียได้พาลอร่าและคนอื่นๆ มาสมทบที่นี่แล้ว

“พวกคุณมาอยู่ที่นี่กันได้อย่างไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“ข้าพบว่าตลอดทั้งเมืองไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่อีกต่อไปยกเว้นพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงมารวมตัวกับเจ้าก่อน แล้วค่อยหารือกันว่าจะเอาอย่างไรต่อไป” อีเลียตอบ

เธอถอนหายใจ “ต้นกำเนิดได้รับวัตถุของเหล่าทวยเทพแล้ว เกรงว่ามันคงกำลังจะยกระดับไปอีกขั้น และเมื่อกระบวนการของมันเสร็จสมบูรณ์ มันย่อมไม่มีทางให้พวกเราที่เป็นตัวขัดขวางมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน”

“จริงสิ คุณเป็นนายพลแห่งอาณาจักรหนามนี่นา ดังนั้นย่อมต้องมีทั้งประสบการณ์และความรอบรู้มากมายใช่ไหม พอดีว่าผมมีเรื่องต้องการที่จะปรึกษาคุณน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาถอดสร้อยห้ากระดิ่งในมือออกมา และมอบมันให้แก่อีกฝ่าย

“นี่คือสิ่งที่ใช้เป็นหลักฐานยืนยันของมารสวรรค์ ในโลกอื่น หากผมเพียงแกว่งกระดิ่งนี้ มารสวรรค์ก็จะรับรู้และมาเยือนทันที แต่ทำไมกัน ทั้งๆ ที่ผมสั่นมันตั้งนานแล้ว แต่มารสวรรค์กลับยังไม่ปรากฏตัวออกมาเสียที”

“นี่เจ้ามีความสัมพันธ์กับมารสวรรค์อย่างนั้นหรือ?”

อีเลียสงสัยว่าเธอจะได้ยินผิดไป จึงถามย้ำด้วยความประหลาดใจ

เพราะนับตั้งแต่สมัยโบราณ เธอไม่เคยได้ยินว่าเคยมีใครมีความเกี่ยวข้องกับมารสวรรค์มาก่อนเลย

เพราะท้ายที่สุดนี้ ในสายตาของมารสวรรค์ ทุกสิ่งมีชีวิตน่ะเป็นเพียงอาหารเท่านั้น

กู่ฉิงซานกล่าว “พอดีว่าระหว่างผมกับพวกเธอยังมีหนี้ติดค้างกันอยู่อีกเล็กน้อย และตอนนี้ผมก็พร้อมที่จะจ่ายมันให้กับเธอแล้ว!”

........................................................