webnovel

0404 ต่อสู้เพื่อตำแหน่งราชาภูต

ตอนที่ 404 ต่อสู้เพื่อตำแหน่งราชาภูต

ตามคำแจ้งเตือนจากไม้เท้าแห่งการจองจำ  กู่ฉิงซานก็ได้กระโดดขึ้นไปบนเรือใหญ่

ที่ซึ่งเหล่าผู้เข้มแข็งจากทั้งสิบแปดขุมนรกได้มารวมตัวกัน

“ในที่สุดตัวแทนจากนรกทะเลเลือดก็ออกมาสักที ดูท่าแล้วเจ้าหมอนี่คงจะไม่อ่อนแอเกินไปนัก”

บางคนมองมายังเขา และกล่าวด้วยรอยยิ้มกริ่ม

“ใช่ ไม่เหมือนเจ้ายักษ์ไร้สมองนั่น มาทำเป็นนั่งกินคนต่อหน้าพวกเรา คิดจริงๆ หรือว่าพวกเราจะกลัว?”

“มันพยายามเขียนเสือให้วัวกลัวน่ะสิ ภายนอกแข็งแกร่ง แต่ภายในอ่อนแอล่ะไม่ว่า”

“ตายเสียได้ก็ดีแล้ว ข้าเกือบจะทนดูมันไม่ไหวพอดี”

ตัวตนแข็งแกร่งพากันกระซิบกล่าวถึงมัน

และคนตายทั้งสิบเจ็ดคนต่างก็หันมามองกู่ฉิงซานเป็นสายตาเดียว

เจ็ดผู้คุมนรกนั้นรู้จักกันอยู่แล้ว แต่อีกสิบคนที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งนี่สิ

หากอิงตามที่กระบี่ภูตตัดกระดูกกล่าว พวกมันสมควรที่จะเป็นอีกฝ่ายที่สนับสนุนให้มารปกครองนรกและทำลายโลก

กู่ฉิงซานเงยหน้ามองไปยังเจ็ดผู้คุมและเอ่ยถามว่า “จะให้ข้าเข้าร่วมกับพวกเจ้าได้ไหม?”

“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ชูร่าหญิงตอบรับด้วยรอยยิ้ม

แล้วในตอนนั้นเอง เสียงของชูร่าชายก็ดังขึ้น “พี่สาว เขาแข็งแกร่งอย่างที่ท่านพูดจริงๆ น่ะหรือ?”

ชูร่าหญิงไม่ได้หันหน้ากลับไปตอบ เธอเพียงยื่นมือออกไปแล้วหยิกเอวชูร่าชายโดยตรง จนอีกฝ่ายต้องเงียบปากลง

ขณะที่อีกด้านหนึ่งมีเสียงที่ฟังดูไม่พอใจดังขึ้น

“เจ้าหนู จะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ ก่อน รู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้หรือเปล่า?”

กู่ฉิงซานหันไปมอง แล้วก็พบว่ามันเป็นเสียงของยักษ์

ยักษ์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ

ซึ่งในบรรดาผู้คุมนรกทั้งเจ็ด ก็มีมนุษย์ปีศาจที่เรืองแสงสีทองปกคลุมไปทั่วร่างกาย คล้ายๆ กับยักษ์ไฟอยู่เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองตนนี้หากเทียบเปรียบกัน ยักษ์ไฟในปัจจุบันดูเหมือนว่าจะทรงพลังมากกว่า

“เจ้าดูหน้าไม่คุ้นนะ แต่ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าสามารถฆ่าเจ้ายักษ์บ้านั่นได้ แม้จะไม่เต็มใจ แต่ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังก็แล้วกัน” ยักษ์ไฟพูด

“ข้ายินดีรับฟังรายละเอียดเพิ่มเติม” กู่ฉิงซานกล่าว

“ความจริงก็คือ เจ้าพวกเจ็ดคนที่อยู่ข้างหลังเจ้ามันเป็นแค่ไก่อ่อนขลาดเขลา”

“ไก่อ่อน?” กู่ฉิงซานยิ้ม

เขาหันมามองเจ็ดผู้คุมนรก และเห็นว่าสีหน้าของทั้งหมดดูมืดหม่น เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

แต่น่าเสียดาย ที่แม้ความแข็งแกร่งในรายบุคคลของแต่ละฝ่ายจะเท่ากัน ทว่าฝ่ายตรงข้ามมีถึงสิบ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอดทนไว้ในเวลานี้

ยักษ์ไฟกล่าว “เจ้าไก่อ่อนพวกนั้น มันคิดจะสั่งสมบุญให้ตัวเอง เพื่อที่จะขจัดความทุกข์ทรมานจากนรกและกลับไปเกิดใหม่”

“แต่สำหรับคนตายแล้ว การอยากไปเกิดใหม่ นี่สมควรเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ?”

“เจ้าโง่! ตอนนี้ปรภพน่ะแตกพ่ายแล้ว และพวกเราจะสามารถขึ้นไปยังโลกที่มีมนุษย์อยู่นับไม่ถ้วนได้ ตราบใดที่ได้กินร่างพวกมัน ความทุกข์ทรมานของพวกเราที่ได้รับจากนรกก็จะบรรเทาลง แล้วยิ่งถ้าได้กินจิตวิญญาณของพวกมันล่ะก็ พวกเราก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”

“ทีนี้เข้าใจแล้วหรือยัง? ในเมื่อสถานการณ์ดีๆ แบบนี้มันเกิดขึ้นแล้ว แต่พวกมันก็ยังคิดที่จะไปเกิดใหม่! ช่างโง่บรม!”

กู่ฉิงซานหันไปมองตัวตนแข็งแกร่งทั้งสิบและเอ่ยถามออกไปว่า “ฟังจากที่พูดมา หมายความว่าพวกเจ้าทุกคนกำลังคิดจะยึดครองโลกใช่หรือไม่?”

“แน่นอน เพราะนั่นมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว! มาเถอะ จงมาร่วมกับพวกเรา!” ยักษ์ไฟกล่าว

กู่ฉิงซานยังคงมีข้อสงสัย เขาเอ่ยถามต่อว่า “หากเรากินคนเข้าไป บาปจะไม่ยิ่งหนักหนาขึ้นหรอกหรือ แล้วในกรณีที่ถ้าวันหนึ่งทางปรภพกลับมาสงบอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเราจะต้องกลับไปทุกข์ทรมานดังเดิม หรืออาจจะร้ายแรงกว่าเดิม แล้วไม่มีโอกาสที่จะหลุดพ้นออกไปจากทะเลแห่งความทุกข์ระทมนี้อีกเลยหรอกหรือ?”

“ก็เพราะอย่างนั้น พวกเราถึงได้ร่วมมือกับเผ่ามารเพื่อทำลายนรกอย่างไรเล่า แล้วจากนั้นก็ยกพลทั้งหมดพากันบุกไปยังโลกนี่ไง” ยักษ์ไฟตะเบ็งเสียงอย่างภาคภูมิใจ

“ข้าเข้าใจแล้ว ช่างขลาดเขลาเป็นไก่อ่อนจริงๆ ด้วย” กู่ฉิงซานพยักหน้า

เหล่าตัวตนที่แข็งแกร่งทั้งสิบพอได้ยินเขาพูดแบบนั้น พวกมันก็ต่างพากันยิ้มออกมา

อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานกลับถอยหลังไป และมาหยุดยืนอยู่เคียงข้างกับผู้คุมนรกทั้งเจ็ด

“นั่นเจ้าคิดจะทำ” ยักษ์ไฟกล่าวด้วยความสับสน

“กระทั่งบาปของตนเองก็ยังมิกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน แต่ตรงกันข้าม กลับกลายเป็นว่าพวกเจ้าดันเลือกที่จะกระทำความผิดบาปมากขึ้น เติมเต็มความชั่วร้ายให้แก่ตนเอง ช่างขลาดเขลาเสียจริง” กู่ฉิงซานก่นด่า

“บาปนั้นคือความสุขที่แท้จริง อย่าบอกข้านะว่ายามกระทำมัน เจ้ามิเคยรู้สึกเป็นสุขเลย?” ยักษ์ไฟสวนพลางมองมาที่เขา

กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้น จ้องสวนกลับไปยังฝ่ายตรงข้าม

บัดนี้ดวงตาของทั้งสองจ้องสบกัน

ภายในดวงตาของยักษ์ไฟ มันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและบ้าคลั่ง

มันไม่คิดจะปกปิดสิ่งนี้เลย

“สังหารผู้คนได้โดยตาไม่กะพริบ กลิ่นคาวเลือดอันหอมหวานฟุ้งติดตัว ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับสิ่งใด ทำทุกวิธี ทุกหนทางแม้มันจะเป็นเรื่องเลวร้ายก็ตามเพียงเพื่อให้ได้ไขว่คว้าเป้าหมายของตนเอง เจ้ามนุษย์ ข้ารู้ดีว่าเจ้านั้นเป็นคนประเภทนั้น…เป็นเช่นเดียวกันกับพวกเรา!”

“เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนั้น?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“กลิ่นอย่างไรเล่า! ข้าสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นที่คล้ายคลึงกัน! เจ้านั้นเป็นปีศาจที่แสนร้ายกาจ เหมือนกันกับข้า!” ยักษ์ใหญ่คำราม

“สังหาร” กู่ฉิงซานเงียบไปครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อ “บางทีในตอนที่ลงมือสังหาร พวกเราอาจจะเป็นเหมือนกันก็ได้”

ชูร่าหญิงกำอาวุธในมือของเธอแน่นขึ้น

คนอื่นๆ ทางฝั่งผู้คุมนรกทั้งเจ็ดก็เริ่มประหม่าแล้วเช่นกัน

พวกเขาตระหนักดีถึงความแข็งแกร่งของกู่ฉิงซาน

ฝั่งตัวตนทั้งสิบที่อยู่ตรงข้ามหันมาสบตากันวูบหนึ่ง ก่อนจะเผยสีหน้ายิ้มแย้มออกมาอย่างชัดเจน

“ใช่แล้ว วายร้ายน่ะมันจะเข้าใจวายร้ายด้วยกันมากที่สุดแล้ว!”

“มันเป็นประเภทเดียวกันกับพวกเรา!”

“มีปีศาจร้ายเพิ่มขึ้นมาอีกตนแล้ว ฮ่าๆๆ”

พวกมันเริ่มพูดคุยกันอย่างไร้ยางอาย

แต่กู่ฉิงซานก็ยังกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม พวกเรานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”

“แตกต่างอย่างไร? เจ้าต้องการจะบอกว่าเจ้าน่ะโหดเหี้ยมกว่าข้าอย่างนั้นหรือ?” ยักษ์ใหญ่หัวเราะ

“ฟังนะเจ้าหนู ข้าน่ะ สังหารคนมาแล้วมากกว่าหมื่นคน!”

ถัดไปจากยักษ์ใหญ่ หญิงมนุษย์ปีศาจตะโกนข้ามมา

น้ำเสียงของเธอฟังดูเหมือนว่ากำลังโอ้อวด

คนตายรอบข้างเธอเริ่มส่งเสียงโห่ร้อง

ทว่าสีหน้าของกู่ฉิงซานกลับยังคงสงบ

เขาเอ่ยกระซิบ “การสังหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งในอาชีพของข้า แต่สำหรับเจ้านั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงวิญญาณร้ายที่ถูกครอบงำโดยการฆ่าเท่านั้น ดังนั้นพวกเราจึงแตกต่างกัน”

“สังหารมาแล้วมากกว่าหมื่นคน...บางทีบุพการีเจ้าคงจะอบรมสั่งสอนมาไม่ดี และนั่นคงจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงได้ผลิตขยะเช่นนี้ออกมา ช่างนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับคนในโลกเดิมของเจ้าจริงๆ”

บังเกิดความเงียบขึ้น

ชูร่าหญิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ขณะที่สีหน้าผู้คุมนรกทั้งเจ็ดคลายลง และเผยถึงความปีติออกมา

สิบตัวตนสุดแกร่งโกรธแค้น

ยักษ์ไฟระเบิดพลังของมันออกมาอย่างกะทันหัน

ขณะที่มนุษย์ปีศาจหญิงถลาเข้าหาเขาอย่างดุร้าย

“ตายเสีย!” เธอหวีดร้องโวยอย่างบ้าคลั่ง

“หยุดนะ! เจ้ากล้าเหรอ!” ชูร่าหญิงชักกระบี่ออกมา แล้วพุ่งไปข้างหน้าเพื่อขวางเธอ

“เรามีกันถึงสิบคน! คิดว่าตนเองเป็นชูร่าแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?” มนุษย์ปีศาจหญิงหวีดร้องคลุ้มคลั่ง

“ตราบใดที่เจ้ากล้าลงมือล่ะก็ ข้าสัญญาเลยว่าข้านี่แหละจะสังหารเจ้าก่อนเป็นคนแรก!” ชูร่าหญิงสวนกลับอย่างดุเดือด

ผู้คุมนรกทั้งเจ็ดก้าวออกมารวมตัวกัน

ยักษ์ใหญ่คำราม

สิบตัวตนแข็งแกร่งพร้อมจะปะทะแล้ว

กู่ฉิงซานค่อยๆ ชักดาบออกมาอย่างช้าๆ

ทว่าในขณะนั้นเอง เห็นแค่เพียงไม้เท้าที่ตกลงมาจากอากาศอันบางเบา

ตัวไม้เท้าเป็นสีดำ ส่วนหัวเป็นกะโหลกแหลม ขณะที่ทั้งร่างของมันกำลังปลดปล่อยหมอกสีดำออกมา

ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูต

จู่ๆ มันก็ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน

วู้ม

ไม้เท้าแห่งการจองจำลอยอยู่บนดาดฟ้าเรือ เปล่งเสียงหวิวที่ฟังคมชัด

ทุกคนหยุดชะงักไป

ข้อความจากไม้เท้าถูกส่งเข้ามาในจิตใจของทุกผู้คน

‘ผู้ใดก็ตามที่เริ่มลงมือ จะถูกตัดสิทธิ์ทันที’

“โชคดีจริงๆ นะเจ้าหนุ่มน้อย!” มนุษย์ปีศาจหญิงกล่าวด้วยนัยน์ตาขุ่นเขียว

“เจ้าต่างหากที่โชคดี เพราะเจ้านั้นมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก” ชูร่าหญิงถากถางอีกฝ่าย

แน่นอนว่ามนุษย์ปีศาจหญิงย่อมโกรธที่ได้ยิน ทว่ามันก็พยายามยับยั้งตนเองอย่างเต็มที่

“คอยดูเถอะ ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะทรมานเจ้าให้สาสม นังหญิงตัวเหม็น” เธอกล่าว

ชูร่าหญิงกำลังจะสวนกลับ แต่แล้วเธอก็ต้องหุบปากลง

ทุกคนหยุดทั้งการสื่อสารและเคลื่อนไหว สายตาเบนขึ้นไปจับจ้องยังไม้เท้าแห่งการจองจำ

เพราะเวลานี้ จู่ๆ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นบนไม้เท้า มันเริ่มทำงานอย่างกะทันหัน

จุดแสงสว่างปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า เริ่มหมุนวนโคจร ซ้อนทับเข้าด้วยกัน

จุดแสงเหล่านี้เวียนวนรอบหัวกะโหลกแหลมบนตัวไม้เท้าอย่างเงียบๆ

หนึ่ง สอง สาม สี่...รวมทั้งสิ้นห้าสิบสี่จุดแสง

จุดแสงโคจร หมุนวน และซ้อนทับเข้าด้วยกันเป็นกลุ่มมวลแสงที่พร่างพราว

ความสว่างของแสงนี้ สาดส่องผ่านทุกสิ่งอย่าง และทำให้ตลอดทั้งอากาศที่ว่างเปล่าไสวราวกับกลางวัน

สิบแปดผู้แข็งแกร่งทนไม่ไหวจำต้องปิดตาของพวกเขาลง ไม่ก็หันหลังไปอีกทาง

ทันใดนั้นรังสีแสงก็แยกตัวออกไป

พร้อมกับสิ่งหนึ่งที่ปรากฏสู่สายตาเบื้องหน้าของทุกผู้คน

…………………………………………….