webnovel

0405 ช่วงเวลาที่เงียบสงบ

ตอนที่ 405 ช่วงเวลาที่เงียบสงบ

แสงกระจายตัวกันออกไป

แล้วสำรับไพ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

ไพ่อย่างนั้นหรือ?

มีคำถามปรากฏขึ้นในจิตใจของทั้งฝูงชน

เมื่อมากันครบแล้ว ต่อไปก็สมควรที่จะเป็นการต่อสู้ระหว่างทั้งสิบแปดนรกอย่างชัดเจน แล้วเหตุใดจึงมีไพ่โผล่ออกมาล่ะ?

พวกเขาลองสังเกตไปที่มันดูอีกครั้ง

มันคือไพ่จริงๆ

เป็นไพ่ที่วางซ้อนๆ กันเป็นสำรับ ขณะที่บนไพ่แต่ละใบจะถูกปกคลุมไปด้วยสีเทาของความตาย

ไพ่ที่วางอยู่ด้านบนสุดพลิกตลบขึ้น

บนหน้าไพ่ คือรูปที่เป็นฉากภูมิทัศน์

ผืนป่ากันดาร

มหาสมุทร

แสงจันทร์ส่องสว่างในยามค่ำคืน

เรือใหญ่ทอดสมออยู่ตรงชายฝั่ง

และสุดท้าย สิบแปดคนตัวตนสุดแกร่งที่ยืนอยู่บนเรือ ที่กำลังล้อมวงอยู่รอบไม้เท้า

นั่นคือองค์ประกอบทั้งหมดที่อยู่ภายในไพ่

“สถานการณ์นี่มันอะไรกัน?” มีบางคนยกมือขึ้นเกาหัวพร้อมกับเอ่ยถาม

เห็นแค่เพียงไพ่ที่ลอยอยู่กลางเวหา หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว

“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทียนซวนนะ” หนึ่งในตัวตนแข็งแกร่งเอ่ยกระซิบ

“เป็นแค่ไพ่ แต่กลับสามารถดึงดูดเราทั้งหมดเข้ามา นี่มันเป็นไปไม่ได้...” อีกคนหนึ่งกล่าวเรียบๆ

“เหอะ เจ้ามันจะไปรู้อะไร...”

ตัวตนสุดแกร่งคนเดิมไม่คิดจะกล่าวอะไรเพิ่มเติมอีก

แต่ดูจากสีหน้าของเขา บ่งบอกได้ว่ามันกำลังหนักอึ้งอย่างชัดเจน

ส่วนกู่ฉิงซาน ขณะนี้เขาก็เริ่มที่จะจริงจังมากขึ้นบ้างแล้วเช่นกัน

แค่ไพ่ใบเดียว แต่กลับสามารถสร้างโลกขนาดย่อมขึ้นมาได้ นอกจากนี้ยังรองรับคนตายจำนวนมากให้มาต่อสู้กันจากภายใน ดูแล้วกฎเกณฑ์ของเทียนซวนนี้ จะมีอำนาจเหลือล้นอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ

ไพ่ใบแรกยังคงลอยนิ่งอยู่ในอากาศ

ทันทีหลังจากนั้น ไพ่อีกสิบแปดใบก็ลอยออกมาจากในกองสำรับ และมาหยุดอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าของตัวตนสุดแกร่งทั้งสิบแปดคน

ตัวตนสุดแกร่งมองไพ่ตรงหน้าพวกเขา ก่อนจะหันไปมองดูไพ่ของคนอื่นๆ

ไม่นานนัก ทุกคนก็พบว่าหน้าไพ่ของพวกเขา คือภาพที่ตนเองกำลังอยู่ในลักษณะหลับใหล

และในไพ่ของคนอื่นๆ แน่นอนว่าก็เป็นคนอื่นที่กำลังหลับอยู่เช่นกัน

เมื่อกระบวนการดำเนินมาถึงขั้นตอนนี้ ไม้เท้าแห่งการจองจำก็ยังคงนิ่งเงียบ

มันมิได้ให้คำแนะนำใดๆ อีกต่อไป

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันน่าฉงนมากเกินไป

สิบแปดตัวตนสุดแกร่งเฝ้าสังเกตไพ่เบื้องหน้าตนอย่างรอบคอบ แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับมันดี

“เดิมทีแล้ว มันกลับกลายเป็นว่านี่คือไพ่โลกแห่งความฝัน” กู่ฉิงซานลอบพูดอย่างลับๆ

และตัวตนสุดแกร่งบางคนในที่นี้ก็คิดไปในทำนองเดียวกัน

ไม่มีใครทันคาดคิดได้เลยว่าไม้เท้าราชาภูต จะเกี่ยวข้องกับเทียนซวน

กู่ฉิงซานพลันจดจำได้ว่า ในชีวิตก่อนหน้า ช่วงเวลานั้นก็มีบางคนที่มีความสามารถโดดเด่นในด้านเทียนซวนอยู่เหมือนกัน และพวกเขาเหล่านั้นก็สามารถสร้างไพ่จากเทคนิคเทียนซวนได้

แต่ในปัจจุบันนี้ ยังไม่มีผู้ใดสามารถทำเช่นนั้นได้

ตอนแรกก็ไพ่ที่มีรูปของพวกเขากำลังจะต่อสู้กัน จากนั้นก็มีไพ่อีกชุดหนึ่งปรากฏขึ้นตามมา และมันเป็นไพ่ที่สามารถช่วยให้เข้าไปยังโลกแห่งความฝันได้

มีไพ่ ซ้อนอยู่ในไพ่อีกที

แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปอีกล่ะเนี่ย?

กู่ฉิงซานครุ่นคิด

แต่แล้วจู่ๆ ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมา

ด้วยพลังอันน่าเหลือเชื่อที่สามารถสร้างโลกจำลองได้ และซ้อนโลกแห่งความฝันทับเข้าไปอีกที ฉะนั้นแล้ว กล่าวได้ว่าหากมันคิดจะใช้อำนาจสังหารทุกคนในที่นี้ก็ย่อมจะเป็นเพียงเรื่องง่ายดายยิ่ง

เช่นนั้นแล้วในสถานการณ์แบบนี้ คงไม่จำเป็นมามัวกังวลว่า ไพ่ที่จะพาเข้าสู่โลกความฝันนี้ จะมีอุบายอันใดแอบแฝงอยู่เลย

ไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว

เขายื่นมือออกไปยังไพ่เบื้องหน้าตนเอง

“ไพ่ใบนี้คือโลกแห่งความฝัน และมันจำเป็นที่จะต้องเข้าไปเพื่อที่จะได้รู้ว่าสิ่งที่อยู่ภายในคืออะไร” กู่ฉิงซานหันไปแนะนำผู้คุมนรกทั้งเจ็ด

ขณะที่ผู้คุมนรกหลายคนยังคงลังเล กู่ฉิงซานก็ได้หายตัวไปแล้ว

เขาถูกดึงดูดเข้าไปในไพ่อย่างรวดเร็ว

สิบเจ็ดตัวตนสุดแกร่งที่เหลืออยู่สะดุ้งตกใจ

“น่าสนใจดีนี่ อย่างนั้นข้าขอลองไปดูด้วย” ชูร่าหญิงกล่าว

เธอแตะลงบนไพ่ของตัวเอง และวาบ! หายไปในพริบตา

ตัวตนสุดแกร่งคนอื่นๆ พอเห็นแบบนั้น ทั้งหมดก็เริ่มทยอยกันสัมผัสไพ่ของตนทีละคนๆ

แล้วในที่สุดสิบแปดตัวตนสุดแกร่งก็เหลืออยู่เพียงสองคนสุดท้าย

“ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าไปข้างในล่ะ?” คนหนึ่งถาม

“นี่จะต้องเป็นกับดักแน่ๆ หากเจ้าเข้าไปข้างในแล้ว เจ้าอาจจะถูกสังหารก็ได้ มิใช่หรือ?” อีกคนกล่าว

“มันก็ฟังดูมีเหตุผลดีนะ...อย่างไรก็ตาม ไพ่ใบแรกได้แสดงให้เราเห็นแล้วถึงอำนาจของมันที่สามารถสร้างโลกขึ้นมาได้ ดังนั้นถ้าให้พูดถึงตามตรรกะนี้แล้ว...” คนแรกกล่าวพลางครุ่นคิด

แล้วจู่ๆ เขาก็ยืนมือไปสัมผัสลงบนไพ่และหายวับไป

ตอนนี้หลงเหลืออยู่เพียงคนสุดท้ายแล้วบนดาดฟ้าเรือ

ตัวตนสุดแกร่งคนสุดท้ายยืนอยู่คนเดียวบนดาดฟ้าเรือใหญ่อย่างเงียบๆ ครุ่นคิดถึงสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น

เจ้าคนพวกนั้นมันจะประมาทเกินไปแล้ว ยอมให้ตัวเองถูกดูดเข้าไปในไพ่อย่างกะทันหันเนี่ยนะ

เอ หรือว่าข้าเองก็ควรที่จะลองเข้าไปในไพ่ของตัวเองดูบ้างจะดีไหม?

ทว่าขณะที่เขากำลังลังเลนั้นเอง จู่ๆ ไพ่ที่มีร่างของตนก็ลอยสูงขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่มันจะหายวับไป

เขาเฝ้ามองดูฉากนี้ และไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ทันใดนั้นเอง อำนาจบางอย่างก็โถมลงมาจากฟากฟ้า และกระแทกเขาลอยปลิวออกไปจากเรือใหญ่

เขากลายเป็นคนแรกที่ถูกคัดออก!

อีกด้านหนึ่ง

กู่ฉิงซานหย่อนเท้าทั้งสองลงบนพื้น

แสงไฟสลัวๆ

ทำนองเพลงไพเราะและผ่อนคลาย

ตามด้วยเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบ เสียงหัวเราะคิกคัก และฉากสังสรรค์ที่ดูมีชีวิตชีวา

“มิสเตอร์ ไม่ทราบว่าต้องการจะดื่มอะไรงั้นหรือ?” บาร์เทนเดอร์เอ่ยถามอย่างสุภาพ

กู่ฉิงซานไม่ได้ตอบกลับทันที แต่เลือกที่จะมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว

ที่นี่มันคือบาร์

บาร์ที่แสนจะคุ้นเคยและตราตรึงอยู่ในใจ

ขณะนี้ตนเองกำลังยืนอยู่หน้าบาร์

ทันใดนั้นเขาก็มองไปเห็นเย่เฟย์หยูกับเหลียวฮัง

ทั้งสองกำลังนั่งอยู่บนดาดฟ้า กินดื่มและพูดคุยกัน

“เอ่อ มิสเตอร์?” บาร์เทนเดอร์เอ่ยถามด้วยความลังเล

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไป และชี้ไปที่ขวด

“ทราบแล้ว โปรดรอสักครู่”

บาร์เทนเดอร์เดินไปเปิดขวดสุราด้วยความชำนาญ หยิบแก้วออกมา แล้วเทมันลง

กู่ฉิงซานนั่งลงหน้าบาร์

ทันใดนั้นเสียงแหบห้าวก็ดังเข้ามาในหูของเขา

“มีใครบางคนถูกตัดสิทธิ์ไปแล้ว”

กู่ฉิงซานหันขวับออกไป

และก็พบกับชายในชุดดำที่มานั่งอยู่ข้างๆ เขา โดยไม่อาจทราบได้เลยว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่

กู่ฉิงซานนึกพลันย้อนคิดไปถึงฉากที่เพิ่งเกิดขึ้น

คนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างลับๆ จากอากาศอันบางเบา ไม่พูดไม่จา ไม่เคลื่อนไหวใดๆ เลย

กู่ฉิงซานลังเล ปากเอ่ยพึมพำ “เจ้าเป็นคนสร้างที่นี่ขึ้นมาใช่ไหม?”

“ไม่ แต่เป็นเจ้าและข้าต่างหาก ที่ร่วมกันสร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา” คนชุดดำกล่าว

เขารับแก้วสองใบจากบาร์เทนเดอร์ และวางแก้วหนึ่งลงหน้ากู่ฉิงซาน

“พอจะอธิบายเพิ่มได้หรือไม่?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“กฎของข้า คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายที่สุดสำหรับเจ้า”

ชายชุดดำดูเหมือนว่าจะทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “ชีวิตของเจ้าดูจะเคร่งเครียดมาก มันเต็มไปด้วยความกดดันเหลือคณา กฎเกณฑ์แห่งไพ่จึงจำต้องใช้เวลาเลือกเฟ้นอยู่นาน จึงจะหาสถานที่เดียวที่ผ่อนคลายนี้ได้”

เขายกแก้วของตัวเองขึ้น และส่งท่าทางมา

กู่ฉิงซานก็ยกแก้วขึ้น และชนกับแก้วของอีกฝ่าย

พวกเขายกแก้วสุราขึ้นดื่ม

“เหล้านี้มัน กี่ทีๆ ก็ยังเผ็ดร้อนแรงเหมือนเคย นี่ถ้าข้าไม่ทราบมาก่อนล่วงหน้าแล้วละก็ ข้าคงคิดไปแล้วว่านี่มันคือความจริง”

ชายในชุดดำยิ้ม “เจ้าเป็นสุขก็ดีแล้ว สภาพแวดล้อมนี่ถือเป็นรางวัลสำหรับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจากหนึ่งในนรก”

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าคิดว่าตัวเจ้ายังดูระแวดระวังเกินไปอยู่นะ ลองดูนั่นสิ” พอได้ฟัง กู่ฉิงซานก็หันไปมองตามสายตาของอีกฝ่าย

ในมุมบาร์ สายตาของเย่เฟย์หยูกับเหลียวฮังเลื่อนมายังพวกเขา แต่แล้วก็เบนออกไป โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ

พวกเขาดูราวกับเป็นคนแปลกหน้าสำหรับทั้งสอง

“เห็นหรือไม่ มีเพียงเจ้าและข้าเท่านั้นที่สามารถเข้ามายังที่นี่ได้ มันเป็นห้องลับที่ไม่มีใครสามารถสอดแนมได้”

คนในชุดดำกล่าว

เขาดูจะเหนื่อยล้าและไม่มั่นคงนัก ร่องรอยของการตรากตรำชีวิตจนใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาถูกเผยออกมาภายใต้แสงไฟสลัว

กู่ฉิงซานวางแก้วลง “ถ้าอย่างนั้นเวลานี้พวกเราสมควรจะทำสิ่งใดดี?”

“ก็แค่ตอบคำถามเล็กน้อยน่ะ มันก็คล้ายๆ กันกับเกม ‘กล้าจะพูดความจริงหรือเปล่า’ นั่นแหละ”

ขณะกล่าว ชายชุดดำก็หยิบหนังสือเล่มหนาขึ้นมา

เขาเอื้อมมือไปหยิบไพ่ออกจากหนังสือ

จากนั้นก็วางไพ่ลงบนโต๊ะ

กู่ฉิงซานจ้องมองไปที่ไพ่

บนไพ่ เป็นรูปผู้ชายที่สวมใส่เสื้อผ้าดูเป็นทางการ กำลังคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ขณะที่ในมือถือช่อดอกไม้สด และกำลังพูดบางสิ่งกับหญิงที่ดูหมดจดงดงามเบื้องหน้า

สีหน้าของหญิงงามรับฟังด้วยความสุข ราวกับว่าเธอกำลังมึนเมาจากคำหวานปานน้ำผึ้งของอีกฝ่าย ทว่าอย่างไรก็ตาม สองมือของเธอก็เกี่ยวกันอยู่เบื้องหลังกลับกำลังถือหัวกะโหลกอยู่

“ผ่อนคลายเถอะ ตราบใดที่เจ้าพูดความจริง ไพ่ของข้าใบนี้จะไม่เปิดทำงานใดๆ” ชายชุดดำกล่าว

“แล้วถ้าโกหกล่ะ?”

“เจ้าก็ดูไปในหัวกะโหลกนั่นสิ”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

ชายชุดดำอะแฮ่มๆ กลั้วคอของเขา จะได้พูดให้มันชัดๆ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาเริ่มอย่างเป็นทางการกันเลย”

“เจ้าโสดหรือไม่?” เขาเอ่ยถาม

“อุ๊...นั่นมัน ”

“นั่นมัน?”

“ความสัมพันธ์มันยังไม่ได้ถูกยอมรับอย่างเป็นทางการน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่สบายใจ

ชายชุดดำมองไปที่ไพ่บนโต๊ะ

ไพ่ไม่ได้มีแจ้งเตือนใดๆ

“เจ้ามีสหายหรือไม่?”

“มี”

“แล้วพวกเขาเชื่อถือได้ไหม?”

“เชื่อถือได้”

“กีฬาอะไรที่เจ้าชอบ”

“กีฬาบอล”

“เจ้ามีงานอดิเรกที่ถนัดเป็นพิเศษหรือไม่?”

“ข้ามักจะทำอาหารได้ค่อนข้างดี จริงสิ สูตรบาร์บีคิวซี่โครงของข้าถูกใส่ไว้ในคู่มือการทำอาหารประจำชาติด้วยนะ”

“นับว่ามีพรสวรรค์ไม่เลว แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

“ล่วงลับไปแล้ว”

“เสียใจด้วยจริงๆ”

ชายชุดดำดูเหมือนจะรู้สึกว่าคำถามของตนเองมันช่างยิบย่อย เขาจึงเอ่ยอธิบายว่า “ข้าแค่อยากจะรู้ว่าเจ้ายึดติดกับโลกอย่างลึกซึ้งเพียงใดก็เท่านั้นเอง”

แล้วเขาก็หยิบไพ่อีกใบออกจากหนังสือ

นี่คือไพ่ที่ว่างเปล่า และภายในมีเพียงบรรทัดตัวเลขบรรทัดหนึ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่รู้จบเท่านั้น

“อาชีพของเจ้า” ชายชุดดำเอ่ยถามต่อไป

“นักวิทยาศาสตร์”

พอได้ยินเสียงของชายชุดดำก็แลดูสงสัย “แต่ตอนที่อยู่บนเรือ เจ้าได้กล่าวว่าอาชีพตนเกี่ยวข้องกับการฆ่า และแตกต่างจากวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้น แต่นี่มัน...”

“ขออภัยด้วย อาชีพในการดำรงชีวิตของข้าคือนักวิทยาศาสตร์ แต่อาชีพในการต่อสู้ของข้าคือผู้ฝึกดาบ”

“ผู้ฝึกดาบ? โอ้ ไม่ได้ยินชื่อนี้มานานมากแล้ว อดคิดถึงมันไม่ได้จริงๆ”

ชายชุดดำกล่าว ขณะเดียวกันก็มองไปยังตัวเลขบนไพ่ของเขา

ภายในไพ่ ตัวเลขที่ผันแปรไปมาไม่มีที่สิ้นสุดได้หยุดนิ่งลงแล้ว

เก้าสิบเจ็ด

“เก้าสิบเจ็ดเลยหรือ ช่างเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม เจ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโลกของเจ้าอย่างแท้จริง และไม่เต็มใจที่จะสูญเสียอีกฝ่ายไป”

บนใบหน้าของชายชุดดำ แสดงออกถึงรอยยิ้มแย้ม

“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังเป็นผู้ฝึกดาบ เอาล่ะ สามารถกลายเป็นผู้ฝึกดาบในนรกได้ สันนิษฐานว่ากำลังรบของเจ้าจะต้องไม่เลวแน่ๆ”

“ดีมาก ขอแสดงความยินดีด้วย เจ้าได้ผ่านรอบแรกแล้ว”

กู่ฉิงซานตกอยู่ในความมึนงงเล็กน้อย

ที่ทำไปนี่คือผ่านแล้วเหรอ? แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง?

เดิมทีตนกำลังจะต่อสู้ภายในไพ่ แต่แล้วสุดท้ายก็กลับต้องเข้ามาในโลกแห่งความฝันของไพ่ใบนี้อีกที

หลังจากที่เข้าสู่ไพ่แห่งความฝัน ใครบางคนก็ได้ถือหนังสือมา และใช้ไพ่ทำการทดสอบตนเองอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กำลังคิด เขาก็เห็นว่าชายชุดดำได้ดึงไพ่อีกหกใบออกมาจากหนังสือเล่มหนา

ชายชุดดำประกอบไพ่ทั้งหกใบเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วเพื่อก่อร่างไพ่ขนาดใหญ่ขึ้น

บนหน้าไพ่ เป็นฉากสงครามขนาดใหญ่

วิญญาณร้าย เทพวิญญาณ จ้าวอสูร และอาชูร่าได้ก่อตั้งกองทัพที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์

พวกเขากำลังเจรจากันในไพ่ และจัดพิธีสาบานตน

เทพวิญญาณยืนอยู่บนแท่นสูง และตะโกนอะไรบางอย่างออกไป

แล้วนักรบจากทั้งสี่โลกก็เริ่มสวมชุดเกราะ และคว้าจับอาวุธขึ้นในมือของพวกเขา

ฉากต่อไป ทั้งหมดได้กรีธาทัพเข้าสู่โลกปรภพ

ภูเขาล้อมเหล็กที่นานนับหมื่นปีก็ยังไม่เคยเคลื่อนไหวใดๆ พลันแยกตัวออก

พร้อมกับคนตายจากทั้งสิบแปดขุมนรกที่กรูกันออกมา

กองทัพของทั้งสองปะทะกัน

สงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

กู่ฉิงซานเพียงแค่มองดูจากระยะไกล กลับสัมผัสได้ถึงความหมายของความมหึมาของมัน

บัดนี้บังเกิดเสียงแว่วของท่วงทำนองเพลงอันเศร้าสร้อย และท่วงทำนองแห่งความหาญกล้าดังขึ้นมาตลอดเวลา

ชายชุดดำที่กำลังถือไพ่ใบนี้ แสดงออกถึงความโศกสลดบนใบหน้า

“ข้าไม่ทราบว่าเจ้าจะแบกรับความเข้มข้นของสงครามนี้ได้หรือไม่ ทว่าหากคิดหมายจะขึ้นเป็นราชาภูต เจ้าจะต้องเข้าสู่ความฝันชั้นถัดไป เพื่อเป็นสักขีพยานในยุคสมัยนั้น”

“นี่ถือเป็นการทดสอบด่านที่สองใช่หรือไม่?”

“ใช่”

“ถ้าอย่างนั้นก็มาเริ่มกันเลย”

กู่ฉิงซานยื่นมือของเขาออกไปและสัมผัสลงบนไพ่

…………………………………………….