webnovel

0403 กลิ่นจางๆ ของกุหลาบป่า

ตอนที่ 403 กลิ่นจางๆ ของกุหลาบป่า

โลกมนุษย์

ณ เมืองหลวงของรัฐบาลกลาง

โลงศพคลาคล่ำ เบียดเสียดปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า

โลงศพเหล่านี้ลอยอยู่กลางเวหา แกว่งไกวไปมาราวกับกำลังอยู่ในแอ่งน้ำ

อย่างไรก็ตาม โลงศพเหล่านี้มิได้ลอยอยู่เฉยๆ พวกมันสามารถเคลื่อนที่ได้

และพวกมัน ก็กำลังค่อยๆ บินไปยังแถบชานเมืองของเมืองหลวงอย่างช้าๆ

ณ วิลล่าบนหุบเขา

สมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่าและประธานาธิบดีอยู่ในห้องนั่งเล่น

ก่อนที่กู่ฉิงซานจะเดินทางไปยังโลกปรภพ เทพธิดากงเจิ้งได้ทำตามคำขอของเขา โดยการแจ้งข่าวให้สองผู้นำที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกมนุษย์ก่อนเป็นอันดับแรก

สาธารณรัฐฟูซีกับรัฐบาลกลางได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในระยะเวลาอันสั้น

เพื่อต่อกรกับกองทัพนรกที่กำลังใกล้เข้ามา กองทัพจักรกลของทั้งสองประเทศจึงได้ถูกส่งมอบให้เทพธิดากงเจิ้งและม่านเหล็ก คอยทำหน้าที่รับผิดชอบโดยสมบูรณ์

เฝ้ามองมายังกู่ฉิงซานที่อยู่ในลักษณะราวกับหลับลึก สมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่าก็กล่าวออกมาว่า “เขาสามารถเดินทางไปยังปรภพได้จริงๆ หรือนี่ ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก”

ขณะเดียวกัน สีหน้าของประธานาธิบดีค่อนข้างที่จะกังวลเล็กน้อย

เขาเอ่ยถามเทพนักสู้ “สถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”

เทพนักสู้ซางซ่งหยางตอบกลับมา “นรกจากทั่วทุกสถานที่จู่ๆ ก็เคลื่อนกำลัง มุ่งตรงมาทางนี้ ฉันเดาว่ากู่ฉิงซานอาจจะได้ลงมือทำอะไรบางอย่างในปรภพไปแล้วก็ได้‘

“มันไม่สำคัญหรอก เทพธิดากงเจิ้งบอกว่าศัตรูนั้นมีจำนวนไม่มากนัก แล้วคนตายก็ดูเหมือนว่าจะถูกขัดขวางโดยบางสิ่งบางอย่างอยู่” เย่เฟย์หยูกล่าว

ว่าจบ เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้น “รายงานทุกท่าน เรือรบประจัญบานพบกลุ่มของมนุษย์ปีศาจกำลังบินใกล้เข้ามายังรัฐบาลกลางอย่างรวดเร็ว ขณะนี้กองยานรบที่เข้าไปขวางได้ถูกทำลายลงแล้ว”

ซางซ่งหยางผุดลุกขึ้น “อย่างนั้นฉันจะไปเอง”

ซางหยิงฮ่าวมองไปที่เขาแล้วเอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ “แน่ใจเหรอ ตอนนี้ปู่มีพื้นฐานวรยุทธอยู่ในขั้นไหนแล้วล่ะ ถึงได้กล้าพูดแบบนี้”

“แก่นทองคำ”

ภายในห้องพลันเงียบงันลง

ซางหยิงฮ่าวกับเย่เฟย์หยูเหลือบมองกันวูบหนึ่ง

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ กู่ฉิงซานช่วยเขาโดยการมอบให้แค่เทคนิคลับเท่านั้น แต่พวกเม็ดยาหรืออะไรนอกจากนี้ ก็ไม่ได้มอบให้เลยนี่นา แล้วทำไมปู่ถึงยกระดับได้รวดเร็วนักล่ะ?” ซางหยิงฮ่าวงง

ในความเป็นจริงแล้ว ไอ้สิ่งที่เรียกกันว่าการฝึกยุทธนั้นมันมิใช่อารยธรรมที่มีในโลกนี้ก็จริง แต่ด้วยตัวตนที่สามารถไต่เต้าขึ้นมาได้ถึงตำแหน่งเทพนักสู้ ก็ย่อมต้องมีพรสวรรค์ที่สูงส่งเป็นธรรมดาอยู่แล้ว นี่จึงพออธิบายได้ว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดของชายผู้นี้น่าสะพรึงขนาดไหน

ซางซ่งหยางเป็นรุ่นที่โดดเด่นที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยสัมผัสกับอำนาจที่ไม่รู้จักอย่างพลังวิญญาณมาก่อนเลย

ทว่าตอนนี้ กลับกลายเป็นกู่ฉิงซานที่ดึงเขาเข้ามาสู่เส้นทางใหม่

และความแข็งแกร่งของเทพนักสู้ก็ทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขอบเขตวรยุทธของเขาจึงพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ซางซ่งหยางเดินจากไป

ไม่นานนักความเงียบก็ถูกทำลายลง โดยเสียงของเทพธิดากงเจิ้งที่ดังขึ้นอีกครั้ง

“แจ้งเตือน ได้รับข้อมูลมาว่ามียักษ์ใหญ่หลายพันตนกำลังเคลื่อนพลออกจากทะเลทราย”

เย่เฟย์หยูที่นั่งอยู่ผุดลุกขึ้น แต่แล้วเขาก็จำต้องนั่งลงอีกครั้ง

“ไม่ได้สิ ฉันจะต้องเฝ้าปกป้องเขาที่นี่” เย่เฟย์หยูบ่นพึมพำ

“ฉันจะพาใครสักคนออกไปลุยกับพวกมันเองก็แล้วกัน” ซางหยิงฮ่าวลุกขึ้นยืนและกล่าว

สมเด็จจักรพรรดินีมองซางหยิงฮ่าว “เทพธิดากงเจิ้ง ข้าอนุญาตให้ซางหยิงฮ่าวสามารถออกคำสั่งแก่มืออาชีพทั้งหมดในสาธารณรัฐฟูซีได้”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว

ซางหยิงฮ่าวตัวแข็งทื่อ เขาเอ่ยออกมาด้วยความลังเลใจ “ฝ่าบาท นี่ท่าน...”

เวโรน่าตบไหล่ของซางหยิงฮ่าว “ไปเถอะ เจ้าเป็นผู้นำที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการสังหาร”

ซางหยิงฮ่าวสูดลมหายใจลึกแล้วกล่าวว่า “พะย่ะค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาท”

แล้วเขาก็ออกไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานนัก เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“แจ้งเตือน!”

“โลงศพที่อยู่เหนือนน่านฟ้าของเมืองหลวง จู่ๆ ก็เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่มากขึ้น!”

“หลังจากนี้อีกสิบเจ็ดนาที พวกมันจะมาถึงสถานที่แห่งนี้!”

“รายงานสถานการณ์เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้บัญชาการรบสูงสุดโปรดทำการตัดสินใจด้วย!”

ประธานาธิบดีกล่าวทันที “ฉันอนุมัติให้ส่งกำลังทหารทั้งหมดออกไปตอบโต้ศัตรูเต็มกำลัง ส่วนเขตทหารอื่นๆ ก็ขอให้ทำการระดมพล และเตรียมพร้อมเข้ามาเป็นกำลังเสริมตลอดเวลา”

เทพธิดากงเจิ้ง “ไม่ขัดข้อง!”

“สาม สอง หนึ่ง กองกำลังติดอาวุธเริ่มทำการโจมตีได้!”

ทันทีที่เสียงนี้ตกลง ทั้งโต๊ะทั้งเก้าอี้ตลอดทั้งตัววิลล่าบนภูเขาก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นพร้อมกัน

ตามด้วยเสียงระเบิดของปืนใหญ่ที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตูม

ตูม

ตูม!

รังสีแสงทะลุสาดเข้ามาทางหน้าต่าง ส่งผลให้ทั้งห้องสว่างขึ้นราวกับตอนกลางวัน

เรือรบประจัญบานและเกราะรบขับเคลื่อนขนาดยักษ์ถูกปล่อยตัวออกมาไม่มีกั๊ก

ส่วนผู้คนในเมืองหลวงทั้งหมดได้ถูกอพยพออกไปตั้งนานแล้ว

ดังนั้นเมืองนี้จึงเปรียบดั่งเป็นแนวหน้าของสงครามแห่งการเผชิญหน้ากันระหว่างมนุษย์กับนรก

“รายงาน! มีมอนสเตอร์จำนวนมากอยู่ในโลงศพ และพวกมันกำลังโจมตีตำแหน่งป้องกันของเรา!”

“หลังจากการวิเคราะห์ข้อมูล กลยุทธที่ดีที่สุดก็คือการต่อสู้ทางอากาศ”

“กระจายคำสั่งของฉันออกไป ให้ทีมเฉพาะของเกราะรบเชิงกลเร่งโจมตีเต็มกำลัง!”

“น้อมรับคำสั่ง!”

เสียงคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไปทั่วท้องฟ้า

หลังจากนั้นไม่นาน เทพธิดากงเจิ้งก็รายงานอีกครั้ง

“สถานการณ์ต่อสู้เข้าสู่สถานะหยุดชะงัก การโจมตีด้วยปืนใหญ่ได้ถูกอีกฝ่ายหยุดลงแล้ว ขณะนี้ทีมเกราะรบขับเคลื่อนที่หนึ่ง สอง และเจ็ดที่อยู่ห่างออกไปจากสนามรบกว่าสิบห้ากิโลเมตรกำลังจะไปเป็นกำลังเสริมในการต่อสู้นี้”

“เทพธิดากงเจิ้ง ช่วยส่งรายงานตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อครู่ให้ฉันหน่อยสิ” ประธานาธิบดีร้องขอ

“รับทราบ ใต้เท้า”

แล้วแถวตัวเลขก็ปรากฏขึ้นบนสมองควอนตัมของประธานาธิบดี

ประธานาธิบดีเฝ้ามองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปิดสองตาลงด้วยความเจ็บปวด

“ฉิงซาน เธอจะทำสำเร็จจริงๆ ใช่ไหม?” เขาเอ่ยงึมงำ

ภายในห้องจมลงสู่ความเงียบ

“ปัง!”

ทันใดนั้นประตูก็ถูกเตะออก

สีหน้าของเย่เฟย์หยูแปรเปลี่ยนกลับกลาย เขากระโจนขึ้นอย่างฉับพลัน เคลื่อนกายมาปกป้องกู่ฉิงซานที่อยู่เบื้องหลังเขา

ทว่าแท้จริงแล้วกลับได้ยินเสียงหวีดด้วยความโมโหของผู้หญิงดังขึ้นมา

“ซูเซี่ยเอ๋อ! เสนอหน้าออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้!”

เธอราวกับกลุ่มก้อนเปลวเพลิงที่ถูกโยนเข้ามาในห้องนั่งเล่น อุณหภูมิโดยรอบทั้งหมดทะยานสูงขึ้นอย่างกะทันหัน

“อ้าว? แอนนา! นั่นเธอเองเหรอ!”

เย่เฟย์หยูผ่อนคลายลง

เลือดสังหารในกายเขาถูกดูดกลับคืน

“ใช่แล้ว เป็นเธอนั่นเอง ดังนั้นฉันจึงไม่กล้าที่จะหยุดมิสแอนนา” เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้น

เห็นแค่เพียงแอนนาที่เดินเข้ามา ตามด้วยหมาดำ

เธอมองไปที่กู่ฉิงซานก่อนเป็นคนแรกแวบหนึ่ง ก่อนจะเห็นประธานาธิบดีของรัฐบาลกลางและสมเด็จจักรพรรดินีเวโรน่า

สีหน้าของแอนนาเผยถึงความประหลาดใจออกมาทันที

“ท่านป้า ทำไมท่านป้าถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วซูเซี่ยเอ๋อล่ะ?”

เธอเอ่ยถาม และจู่ๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศในห้องพักแลดูจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

บรรยากาศในที่นี้เต็มไปด้วยความหนักอึ้งและโศกสลด

มองไปยังกู่ฉิงซานอีกครั้ง และพบว่าสองตาของเจ้าตัวบัดนี้ปิดลง นั่งนิ่งงันโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ

อย่าบอกนะว่า

แอนนาถลาเข้าไปคว้าข้อมือของกู่ฉิงซาน

เนื้อตัวเย็นเฉียบ ไร้ซึ่งชีพจร

เขาตายไปแล้ว

สีหน้าของแอนนาเริ่มซีดขาว

น้ำตาที่มิอาจหักห้ามได้ไหลลงมาเป็นสาย

เธอปาดน้ำตาออก ขณะที่เปลวเพลิงแห่งความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดแล้วเดือดดาลขึ้นตามร่างกายเธอ

ผมสีแดงเพลิงลุกชันเป็นฟืนเป็นไฟ เปลี่ยนกลายเป็นสีดำโดยอัตโนมัติ กระแสอากาศถูกเผาไหม้จนเกิดกลุ่มควันดำฟุ้งไปทั่ว

อากาศเริ่มสั่นสะเทือน

แจกันตรงขอบประตูพลันเด้งขึ้นจากพื้น และค่อยๆ ถูกยกขึ้นไปลอยในอากาศด้วยพลังที่มองไม่เห็น

“ใครฆ่าเขา! ฉันจะหั่นมันให้เป็นชิ้นๆ!”

แอนนาแผดเสียงด้วยความเกลียดชัง

“สงบลงก่อน เขายังไม่ตาย” หมาดำกล่าวออกมา

มันวิ่งเหยาะๆ ไปข้างๆ กู่ฉิงซาน และยื่นจมูกไปดมกลิ่นของเขา

“อื้ม นี่ไม่ใช่กลิ่นของความตายจริงๆ ด้วย”

หมาดำวนไปๆ มาๆ หน้ากู่ฉิงซานด้วยความสนใจ “แม้จะดูเหมือนว่าได้ตายไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงพลังชีวิตทั้งหมดกลับยังคงผูกติดอยู่กับร่าง เพื่อเหนี่ยวนำจิตวิญญาณให้สามารถสัมผัสกับปรภพได้”

“หลักแหลมจริงๆ” หมาดำทอดถอนหายใจ ปากเอ่ยสรรเสริญ

จู่ๆ เย่เฟย์หยูก็ผุดลุกขึ้น

คู่เดือยแหลมที่ดูน่าผวาปูดออกมาจากเบื้องหลังเขา

“แอนนา เธอมาที่นี่ได้ถูกจังหวะจริงๆ แต่ยังไงก็ช่วยมั่นใจว่าจะต้องปกป้องกู่ฉิงซานให้ได้ล่ะ ส่วนฉันขอไปรับมือกับศัตรูก่อน”

เขาเปิดประตู ก่อนจะทะยานบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเบื้องบน มุ่งหน้าสู่น่านฟ้าของเมืองหลวง

แอนนาได้สติกลับคืน

ดูเหมือนว่ากู่ฉิงซานจะยังไม่ตาย

เปลวเพลิงสีดำบนตัวเธอมอดดับลง

ผมสีดำไหม้ที่ชูชันขึ้นในอากาศค่อยๆ เปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง

แจกันที่ลอยอยู่หล่นลงกับพื้น ทว่ามันกลับไม่ส่งเสียงตกกระทบใดๆ ออกมา แต่ก็ช่างเถอะ แค่มันยังอยู่ในสภาพเดิมก็ดีแล้ว

แอนนามองไปทางสมเด็จจักรพรรดินีเวโรน่าแล้วรีบเอ่ยถามว่า “ท่านป้า นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

“ท่านป้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“อ๊ะ! แล้วนังซูเซี่ยเอ๋อมันไปอยู่ที่ไหน!”

เวโรน่าถอนหายใจ “แอนนา เจ้าเป็นผู้นำตระกูลเมดิซีนะ แล้วในเร็วๆ นี้ก็จะกลายเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ด้วย เหตุใดจึงไม่มีความสงบจิตสงบใจเช่นนี้”

แล้วเวโรน่าก็เล่าทุกเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดออกมาอีกครั้ง

ดวงตาของแอนนาเปล่งประกายสดใส เธอกล่าวเสียงกระซิบออกมา “เขาทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับฉัน...”

เธอค่อยๆ ยกนิ้วขึ้นมาเกี่ยวปลายผมแล้วม้วนมันเบาๆ

“สัญญา? สัญญาอะไรกัน?” เวโรน่าเอ่ยถาม

“อ๊ะ ไม่มีอะไรหรอกท่านป้า” ใบหน้าของแอนนาเริ่มจะแดงเรื่อขึ้น

ตูม!

จู่ๆ ก็สั่นสะเทือนทั่วทั้งวิลล่า

สีหน้าของแอนนาเปลี่ยนไป เธอเอ่ยออกมา “หนูจะไปดูเอง!”

เธอเคลื่อนกายกระโดดออกทางหน้าต่าง บินขึ้นไปบนท้องฟ้า

เห็นแค่เพียงเย่เฟย์หยูที่ถูกฟาดตีดังโครม! เข้าใส่ภูเขา แรงปะทะก่อให้เกิดหลุมลึกที่แลดูคล้ายปล่องภูเขาไฟขนาดย่อมขึ้น

บนพื้นราบไม่ไกลจากภูเขา ยักษ์ใหญ่นับไม่ถ้วนกำลังเดินทัพมาอย่างช้าๆ

“ใกล้ๆ นี่แหละ” เสียงยักษ์ใหญ่คำราม

ในภูเขา เส้นแสงเลือดสังหารพวยพุ่งขึ้นเหนือท้องฟ้า

เย่เฟย์หยูถุยฟองเลือดออกมาจากปากและกล่าวว่า “บ๊ะ! เมื่อกี้ฉันแค่ประมาทไปหน่อยเท่านั้นเอง!”

เขาคำรามคลั่ง แปรเปลี่ยนร่างตนเป็นภาพติดตา และพุ่งเข้าใส่ฝูงยักษ์อีกที

แอนนามองไปยังทิศทางของยักษ์ จากนั้นก็มองไปทางโลงศพมากมายที่ลอยอยู่ไกลออกไป

ก่อนจะก้มลงมองวิลล่าเบื้องล่าง ซึ่งเป็นสถานที่ที่กู่ฉิงซานยังคงหลับใหลอยู่

ดูเหมือนว่าเป้าหมายของนรกเหล่านี้จะเป็นกู่ฉิงซานจริงๆ

ผมยาวสีแดงเพลิงสยายไปตามสายลม คู่ดวงตาอันงดงามของแอนนาค่อยๆ หรี่แคบลง

ตามด้วยเสียงกระซิบอันไพเราะและอ่อนโยนที่ลอยตามไปกับกระแสลม

“กล้าดียังไงถึงคิดจะมาทำร้ายชายที่ฉันหมายปองเอาไว้...”

“เทพแห่งความตายอันเป็นนิรันดร์!”

เธอกำหมัดขึ้น

ปัง!

ทันใดนั้นเปลวเพลิงทมิฬก็พลันปะทุขึ้นจากเหนือน่านฟ้าบริเวณนอกภูเขา

เปลวเพลิงกระจายเป็นจุดดวงดารา ปกคลุมตลอดทั้งอากาศที่ว่างเปล่า

พริบตานั้นเมฆหมอกก็ถูกบดบังโดยสมบูรณ์

ตลอดทั้งภูเขาที่ล้อมรอบตัวเมืองหลวงของรัฐบาลกลาง บัดนี้ตกอยู่ในความมืดมิด

ตามด้วยรูปร่างหนึ่งที่ใหญ่โตปกคลุมไปทั่วฟ้า บดบังทั้งแสงอาทิตย์ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าภูเขา

โลงศพที่ลอยอยู่ในอากาศ บัดนี้ตกอยู่ภายใต้เมฆเบื้องหน้า

ยามอยู่ต่อหน้าร่างอันใหญ่โตไร้ที่เปรียบ แอนนาก็เปล่งเสียงกระซิบอันนุ่มนวลออกมา “ท่านเทพสุนัข ตรงหน้าท่านคืออาหารกลางวันสำหรับวันนี้”

“ไหนขอเราดูสิ โอ้ พวกมันล้วนเป็นจิตวิญญาณชั่วร้ายจากนรก นี่ช่างเข้ากับรสนิยมของเราเสียจริงๆ”

ร่างอันใหญ่ไร้ที่เปรียบกล่าวอย่างสบายๆ ไร้กังวล ทว่าในทุกๆ กระแสเสียงของมันกลับถึงขั้นสั่นสะเทือนอากาศโดยรอบได้

ร่างนี้ประกอบไปด้วยเปลวเพลิงทมิฬอันมืดมิดโดยสมบูรณ์ มันสูงยิ่งกว่าตึกระฟ้าหลายเท่านัก

เทพสุนัขตัวมโหฬารเผยคมเขี้ยวในปากของมันออกมา และก้มลงมองไปยังมื้ออาหารกลางวันเบื้องล่าง

“แอนนาน้อย อย่าลืมเตรียมสุราอร่อยๆ สำหรับวันนี้เอาไว้ด้วยล่ะ”

“เจ้าค่ะ!”

“เราจะเริ่มกินละนะ”

เปลวเพลิงทมิฬถูกพ่นออกมาจากร่างที่บดบังไปทั้งผืนฟ้าไม่เว้นกระทั่งแสงจากดวงอาทิตย์ สาดลงไปยังพื้นที่ราบเบื้องล่าง

และบริเวณพื้นที่ราบกว้างใหญ่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงโดยสมบูรณ์

เหล่ายักษ์ใหญ่ต่างก็ถูกกลืนกินโดยเพลิงทมิฬนี้

ยักษ์ตัวหนึ่งแผดเสียงดังออกมา และพยายามต่อต้านเปลวเพลิงสีดำนี้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มันมี

ทว่าไร้ประโยชน์! ร่างอันใหญ่โตของมันสุดท้ายก็ค่อยๆ ถูกกลืนกินลงโดยเพลิงดำ

ยักษ์ใหญ่ยอมแพ้ที่จะดิ้นรนขัดขืน มันตะโกนด้วยความโกรธว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ! ฟื้นตื่นคืนจากการหลับใหลเมื่อไหร่ข้า”

แต่แล้วเสียงที่ฟังดูเห็นอกเห็นใจก็ดังลงมาจากอากาศที่ว่างเปล่าเบื้องบน

“ตื่นอย่างนั้นเหรอ? เจ้ามดที่น่าสงสาร สิ่งที่กำลังรอเจ้าอยู่ต่อจากนี้คือความว่างเปล่าอันเป็นนิรันดร์ และจิตวิญญาณของพวกเจ้าจะกลายมาเป็นพลังให้แก่เรา”

นี่คือเสียงของเทพสุนัข

เพลิงทมิฬกลับมารวมตัวอีกครั้ง และช้อนตัวสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อร่างเป็นรูปเทพสุนัข

“ถึงแม้จะเป็นเพียงมด แต่รสชาติจิตวิญญาณก็ยังคงยอดเยี่ยม...”

เทพสุนัขครางออกมาอย่างมีความสุข

คราวนี้มันจ้องมองไกลออกไปทางโลงศพที่ลอยอยู่ทั่วฟ้า

“นี่มันกลิ่นอายของเทพ!”

“มันเป็นเทพ!”

“หนีเร็วเข้า หากถูกกินโดยมัน พวกเราจะไม่สามารถคืนชีพจากการหลับใหลได้”

เสียงตื่นตระหนกและหวาดกลัวนับไม่ถ้วนดังออกมาจากภายในโลงศพ

แล้วโลงทั้งหมดที่คลาคล่ำไปทั่วน่านฟ้าก็แตกกระเจิงหนีออกไป

เทพสุนัขเฝ้ามองดูเหล่าโลงศพที่เผ่นหนีไปอย่างเงียบๆ และกล่าวว่า “เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย กลับกลายเป็นเพียงพวกขี้ขลาด แต่การกระทำของพวกเจ้านั้นมันไร้ประโยชน์!”

เทพสุนัขเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก กระแสเสียงของมันก้องกังวานออกไปทั่วฟ้า

เมฆเพลิงทมิฬกระจายตัวออกจากร่างของมัน และไล่ล่าเหล่าโลงศพที่พากันหลบหนีออกไป

ณ วิลล่าบนภูเขา

เวโรน่ากับประธานาธิบดียืนเคียงข้างกันอยู่ตรงหน้าต่าง เฝ้ามองฉากอันน่าตกตะลึงนี้อย่างเงียบๆ

“ใต้เท้า พอได้เห็นกับตาแล้วท่านคิดเห็นว่าอย่างไร?” สมเด็จพระจักรพรรดินีเอ่ยถาม

“โลกไม่ใช่อย่างที่มันเคยเป็นมาก่อนอีกต่อไปแล้ว” ประธานาธิบดีถอนหายใจ

“ดังนั้น แล้วจากนี้ไปสหพันธรัฐ รัฐบาลกลางจะเอาอย่างไรต่อ? ผู้คนทางฝั่งคุณได้เตรียมการที่จะฝึกยุทธแน่นอนแล้วใช่ไหม?” เวโรน่าเอ่ยถามอีกครั้ง

ประธานาธิบดียื่นมือของเขาออกไป และสะบัดนิ้วเบาๆ

ทันใดนั้นแจกันที่ตกลงบนพื้นก่อนหน้านี้ค่อยๆ เคลื่อนกลับมาตั้งตรงดังเดิมอีกครั้งอย่างเงียบๆ

ตามด้วยกุหลาบป่าพวงหนึ่งในแจกันลอยออกมา ตกลงในมือของประธานาธิบดี

“ปราณปรับแต่งสินะ ขั้นไหนแล้วล่ะ?” เวโรน่าเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“ปราณปรับแต่งขั้นสาม กำลังจะทะลวงต่อไปขั้นสี่”

ประธานาธิบดีสูดกลิ่นจางๆ ของกุหลาบป่าและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ฟังจากที่กู่ฉิงซานเล่ามา ว่าขอบเขตวรยุทธยิ่งสูง มนุษย์ก็จะยิ่งได้รับพลังอำนาจแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และจะสามารถต่อกรกับกองกำลังชั่วร้ายของเผ่ามารได้”

“ข้าเข้าใจแล้ว” เวโรน่าผงกหัวตอบรับ

…………………………………………….