webnovel

0033 หนิงเยว่ฉาน

ตอนที่ 33 หนิงเยว่ฉาน

“ฉันยังไม่รู้เลยว่าควรจะเรียกคุณว่าอย่างไร”

ในหัวใจของกู่ฉิงซานเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงเอ่ยถามหญิงสาวเกราะทองที่อยู่ตรงหน้า

หญิงสาวลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ฉันเรียกว่า หนิงเยว่ฉาน”

ที่แท้ก็คือเธอ!

หนิงเยว่ฉานคือผู้มีชื่อเสียงก้องกระฉ่อนไปทั่วทั้งโลก ในฐานะนักบุญแห่งนิกายเทียนจีผู้งดงามและน่าหลงไหล

สาวงามที่ผู้ฝึกยุทธชายได้แต่เก็บไปฝันหวานหนิงเยว่ฉาน!

หนิงเยว่ฉานเงียบไปครู่หนึ่ง เธอกำลังเฝ้ารอเสียงกรีดร้องแสนอันคุ้นเคยเช่นเดียวกับสายตาอันร้อนแรงที่จับจ้องมายังเธอ และคำกล่าวสาบานอันน่าสะอิดสะเอียนออกมา

ทุกครั้งที่เธอพบกับชายหนุ่มผู้ฝึกยุทธ ไม่ว่าจะใคร เกือบทั้งหมดก็หนีไม่พ้นออกมาในรูปแบบนี้

พวกผู้ชายเหล่านี้ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าหนิงเยว่ฉานแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธทั่วไปเกือบทั้งหมด เธอไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องจากพวกเขาเลย

แต่มันก็ตำหนิพวกเขาไม่ได้ เนื่องเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือหนิงเยว่ฉาน!

กงซุนซีก็ยังคงเฝ้ารอเช่นกัน รอดูปฏิกิริยาที่กู่ฉิงซานจะแสดงออกมา

หลังจากที่อีกฝ่ายสามารถทำให้กองทัพมารเคลื่อนพิภพทั้งหมดที่ทำการปิดล้อมอยู่จากไปได้ อย่างน้อยทั้งสองคนก็ควรจะแสดงท่าทีโปรดปรานให้เขาได้รู้สึกชื่นใจสักเล็กน้อย

ทว่ายืนรออยู่ครู่หนึ่ง กู่ฉิงซานก็ยังคงนิ่ง ไม่ขยับ ไม่ส่งเสียง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

เอ๋?

ทั้งสองหันมาสบตากันด้วยความประหลาดใจ เนื่องเพราะกู่ฉิงซานกลับยืนสงบราวกับน้ำนิ่ง แถมคิ้วทั้งสองยังขมวดมุ่นจนแทบจะชิดกันแทน

เจ้าหมอนี่พิลึกคน หนิงเยว่ฉานคิดในใจ

แต่จะตำหนิกู่ฉิงซานก็คงจะไม่ได้ เนื่องเพราะฉากตรงหน้าที่บังเอิญพบเจออย่างไม่คาดคิดนี้ มันดันไม่ตรงตามประวัติศาสตร์ แตกต่างออกไปโดยสมบูรณ์

เขาจมลงสู่ห้วงความคิด

สองคนที่สมควรจะต้องตาย ทำไมถึงมาอยู่ด้วยกันได้?

สิ่งที่ทำให้ประวัติศาสตร์ในปัจจุบันผิดเพี้ยนไปคืออะไร?

ผู้เล่นทุกคนรวมไปถึงกู่ฉิงซาน ไม่เคยมีใครทราบมาก่อนว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันก่อนที่จะตกตาย

ในบันทึกประวัติศาสตร์พวกเขาร่วงหล่นลงในจุดที่อยู่ห่างไกลกันออกไป

แต่ตอนนี้มันกลับผิดแผกไปโดยสมบูรณ์

ทั้งร่างของกู่ฉิงซานสั่นด้วยความกังวล

ประวัติศาสตร์ที่บิดเบี้ยว และเต็มไปด้วยความลึกลับที่ไม่อาจจินตนาการได้ ขณะเดียวกันเงาแห่งความตายก็กำลังก้าวใกล้เข้ามาทีละก้าว

การที่กองทัพมารเคลื่อนพิภพปิดล้อมกรอบคนทั้งสอง แสดงให้เห็นว่ากองทัพมารได้ค้นพบพวกเขาอีกครั้งแล้ว

สำหรับกู่ฉิงซานผู้กระตือรือร้นที่จะหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด คิดแม้กระทั่งการไม่ยอมช่วยเหลือกงซุนซีและหนิงเยว่ฉาน กะจะทิ้งทั้งสองไว้เป็นตัวล่อ แต่ฝีเท้าของเขายังไม่ทันจะก้าวไปได้ไกล ก็ดันมาเจอกับทั้งสองเสียนี่

นับจากนี้ เมื่อกองทัพปีศาจเริ่มบุกลอบสังหาร ตราบใดที่เกิดความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยกู่ฉิงซานที่เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธปราณปรับแต่งก็จะต้องตกตายลงอย่างแน่นอน

ฉันควรจะทำอย่างไรดี ถึงจะสามารถรอดชีวิตไปได้ในสถานการณ์เช่นนี้?

กู่ฉิงซานฝืนบังคับตนให้สงบลง

นิกายเฉิงเต๋าและนิกายเทียนจี อยู่ห่างจากกันหลายพันลี้ สองนิกายใหญ่ไม่สมควรจะมาพบเจอกันโดยง่าย

กงซุนซีเป็นถึงผู้อาวุโส ส่วนหนิงเยว่ฉานเป็นรุ่นเยาว์ดาวรุ่งพุ่งแรง จากบันทึกประวัติศาสตร์ ชีวิตของทั้งสองคนนี้ไม่สมควรมาบรรจบกัน และพวกเขาควรไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ

ทว่าในกรณีนี้ การที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน เป็นไปได้สูงว่าพวกเขากำลังปฏิบัติภารกิจทางทหารร่วมกันอยู่!

ใช่ ต้องใช่แน่ๆ พวกเขาต้องทำภารกิจร่วมกันแน่ๆ ไม่อย่างนั้นก็ต้องกำลังทำอะไรสักอย่างที่สำคัญมากๆ อยู่

มันจะต้องเป็นสิ่งสำคัญ ที่ถึงกับทำให้กองทัพมารต้องส่งตัวตนอันทรงพลังออกมา เพื่อค้นหาร่องรอยของพวกเขาไปทั่วทุกที่

ในวันพรุ่งนี้ กงซุนซีจะจบชีวิตลงภายในค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่ของเขา

ในกรณีนี้ เขาจะสามารถดึงดูดความสนใจจากกองทัพมารได้ และสามารถยื้อเวลาให้หนิงเยว่ฉานหลบหนีไป

ส่วนหนิงเยว่ฉานก็จะตายลงในวันถัดมา ในที่ราบสูงใกล้กับที่ตั้งของมนุษยชาติ!

เธอเกือบจะหลบหนีเข้าสู่อาณาจักรของมนุษยชาติได้แล้ว ทว่ากลับถูกห้ามารผู้ยิ่งใหญ่จับได้เสียก่อน สุดท้ายจึงสู้กันทั้งวันทั้งคืนและจบชีวิตลง

ต่อสู้กันทั้งวันทั้งคืน แต่เธอกลับไม่ได้ใช้ยันต์สื่อสาร ดังนั้นจึงไม่มีใครมาช่วยชีวิตเธอ

กงซุนซียอมตายเพื่อต้องการให้หนิงเยว่ฉานหลบหนีไป แต่หนิงเยว่ฉานก็ยังคงถูกลอบสังหารอยู่ จนกระทั่งสิ้นชีวิตลงก็ยังไม่มีใครรับรู้หรือมาช่วยเหลือเธอ

เรื่องดังกล่าวช่างแปลกประหลาด หากกู่ฉิงซานไม่ได้รู้เรื่องนี้มาก่อนล่วงหน้า เขาก็คงจะไม่เชื่อเหมือนกัน

ไม่ต้องกล่าวถึงความลับอีกอย่างหนึ่งนั่นคือสิ่งที่พวกเขากำลังกระทำ ที่ถึงกับทำให้กองทัพมารต้องออกไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง

ในโลกก่อนหน้า ความลับอันแสนจะน่าสนใจสิ่งนี้ ได้กลายเป็นปริศนาในประวัติศาสตร์ไปพร้อมกับการตกตายลงของพวกเขา

ทว่า!

ทว่า!

สถานที่มันกลับไม่ถูกต้อง!

เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้มันอยู่ห่างไกลจากจุดที่พวกเขาจบชีวิตลง ต่อให้กงซุนซีผู้แข็งแกร่งเร่งรีบอย่างเต็มกำลัง วิ่งตรงมาจากจุดที่ตกตายจนมาถึงที่นี่ มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

ประเด็นนี้มันไร้สาระเกินไปแถมยังไม่สมเหตุสมผล

แต่เดี๋ยวก่อน!

ในหัวใจของกู่ฉิงซานปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นอย่างฉับพลัน

“ในที่สุดฉันก็ได้พบกับนักบุญหญิง” กู่ฉิงซานกล่าวพร้อมกับเกร็งกำปั้นเล็กน้อย เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะเอ่ยถามออกไป “ในตอนที่ฉันยังอยู่ในค่ายทหาร ฉันได้พบเห็นรามสูรไร้พักตร์และมารกระหายเลือดเคลื่อนพลผ่านไป ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังตามล่าคุณสินะ?”

หนิงเยว่ฉาน เฝ้ารอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอยู่นาน ทว่าพอเจอคำถามนี้เข้าไป เธอก็ถึงกับพูดไม่ออก

ไม่ใช่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ พวกผู้ชายทั้งหลายจะพากันพูดจาอวดโอ้ตนเองหรอกหรือ เหตุใดเขากลับถามแบบนั้นออกมา?

เธอไม่ทันตั้งตัวจึงไม่มีเวลาคิด เลยกล่าวออกไปอย่างไม่ปิดบังว่า “พวกมันไล่ล่าเราอย่างกระชั้นชิดในตอนแรก แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน จู่ๆ พวกมันก็เปลี่ยนทิศทางและเคลื่อนพลไกลห่างออกไป ดังนั้นพวกเราจึงเปลี่ยนเส้นทางและมาจบลงที่นี่”

กู่ฉิงซานนิ่งคิดเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก ก่อนจะหยิบแผ่นหยกสีเลือดขึ้นมา

ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง

มอนสเตอร์นกที่เขาฆ่า กลับกลายเป็นว่ามันกำลังไปจะรายงานข้อมูลล่าสุดของบุคคลทั้งสอง

นกมารถูกเขาฆ่าตาย แถมยังถูกเผาจนไม่เหลือซาก ดังนั้นรามสูรไร้ลักษ์จึงยังไม่ได้รับข้อมูลเส้นทางล่าสุดที่ควรมุ่งตรงไป

ภายใต้สถานการณ์คับขัน กงซุนซีกับหนิงเยว่ฉานจึงสามารถหลบหนีจากการไล่ล่ามาได้

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมทั้งสองจึงสามารถเบี่ยงเบนโชคชะตาให้แตกต่างไปจากเดิม และมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่

ที่แท้ตัวแปรที่ทำให้ทุกอย่างบิดเบี้ยวก็คือตัวของเขาเอง

เหมือนดั่งในทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก บัตเตอร์ฟลายเอฟเฟกต์ เป็นแค่สิ่งเล็กๆ แต่กลับสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลุกลามใหญ่โตขึ้นได้ทำให้ประวัติศาสตร์ที่ถูกลิขิตไว้เบี่ยงเบนออกไป!

กู่ฉิงซานส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น

ตัวฉันที่มีเพียงพื้นฐานวรยุทธขั้นต่ำ เดิมทีเตรียมที่จะหลีกเลี่ยงจากพวกเขา กลับกลายเป็นว่าสร้างทางหนีให้พวกเขาเสียนี่

โชคชะตาช่างเล่นตลกเสียจริง ไม่คาดคิดเลยว่าด้วยการแผลงศรเพียงครั้งเดียวของตนจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

ต้องการที่จะหลบเลี่ยง แต่ตอนนี้กลับต้องมีพบเจอกับสองตัวตนระดับตำนานโดยบังเอิญ

ตอนนี้หากคิดจะหลบหนีไปอีกครั้ง เกรงว่าจะสายไปแล้วที่จะคิดเกี่ยวกับมัน

เขาได้กระโจนเข้ามาร่วมชะตากรรมกับทั้งสองที่เกือบจะถึงวาระ หากพวกเขาตาย กู่ฉิงซานที่บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็จะถูกกองทัพมารปิดล้อมโดยสมบูรณ์ จำต้องตกตายตามทั้งสองไปอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

และนั่นคือสถานการณ์สิ้นหวัง เป็นหนทางสู่ความตาย

ทันทีที่กู่ฉิงซานหยิบแผ่นหยกสีเลือดขึ้นมา สีหน้าของกงซุนซีก็เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

เขาเอื้อมมือออกไปคว้าแผ่นหยกสีเลือด จากนั้นก็ถ่ายเทพลังวิญญาณลงไป

น้ำเสียงของมอนสเตอร์ที่ฟังดูแปลกประหลาดจนยากจะจินตนาการก็พลันดังขึ้นจากแผ่นหยก

“เป้าหมายยังคงเคลื่อนที่ไปทางทิศใต้ พิกัดเก้าสิบสี่ ใต้, เจ็ดร้อยยี่สิบหก ตะวันออก คำสั่ง : ไล่ตามรามสูรไร้พักตร์และมารกระหายเลือดอย่างเต็มกำลัง”

กงซุนซีเดิมเป็นคนที่หลักแหลมอยู่แล้ว เขาคิดเพียงครู่หนึ่งก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ก่อนจะเอ่ยถามออกมา “รามสูรไร้พักตร์และมารกระหายเลือดกำลังไล่ล่าพวกเรา กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเป็นคุณนั่นเองที่ช่วยพวกเราเอาไว้โดยการฆ่าพลส่งสารของพวกมัน?”

“ก็แค่บังเอิญไปเจอกับพลส่งสาร และที่สำคัญร่างของมันก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วด้วย” กู่ฉิงซานตอบตามความจริง

กงซุนซีตรวจสอบแผ่นหยกอย่างระมัดระวังก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ “แผ่นหยกนี่เป็นของจริง”

เขาหันไปมองหนิงเยว่ฉาน

หนิงเยว่ฉานพยักหน้าและกล่าว “เขาไม่ได้โกหก อสูรวิญญาณของฉันทำร้ายพลส่งสารจนได้รับบาดเจ็บจริงๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นสังหารมันลงได้”

เธอถามอีกครั้ง “แต่จากที่สังเกตดู ฉันเห็นว่าพื้นฐานวรยุทธคุณยังไม่ถึงระดับก่อตั้ง ดังนั้นคุณไม่น่าจะสามารถจับตัวพลส่งสารของกองทัพมารได้ แล้วคุณไปได้รับเจ้าสิ่งนี้มาได้อย่างไร”

กู่ฉิงซานตบลงบนธนูกองทัพขึ้นและกล่าว “ก็เป็นแค่กำไรเล็กๆ น้อยจากธนูคันนี้ ดังนั้นฉันเลยได้รับแผ่นหยกนั้นมา”

มองไปยังสายตาสองคู่ที่ยังคงสงสัย หัวใจของกู่ฉิงซานก็รับรู้ว่าจะต้องทำให้ทั้งสองเชื่อใจ

ระบำผันผวน!

ยิงต่อเนื่อง!

เงาสีเทากลายเป็นเส้นแสง เลื้อยไปมาผ่านอากาศราวกับงู

ฟึบ!

เสียงสะท้อนของศรหลายดอกดังขึ้นพร้อมๆ กัน ทั้งหมดปักลงบนภาพแกะสลักหยินหยางบนเพดานวิหารเต๋าอย่างพร้อมเพรียง

......................................