webnovel

0034 ถ้าไม่กินก็โยนทิ้งไป

ตอนที่ 34 ถ้าไม่กินก็โยนทิ้งไป

“ฝีมือการยิงธนูระดับนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณได้อยู่กองพันทหารม้าแนวหน้า”กงซุนซีกล่าวยกย่อง

หนิงเยว่ฉานพยักหน้าอย่างเงียบๆ

เทคนิคการต่อสู้ไม่เพียงแต่จะต้องฝึกฝน แต่ยังจำเป็นต้องมีพรสวรรค์อีกด้วย บางคนแม้มีพื้นฐานวรยุทธที่โดดเด่น แต่หากพวกเขาไม่เรียนรู้เทคนิคระดับสูง จะตายเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

ชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้ มีพรสวรรค์ที่ดีจริงๆ

ทั้งสองสบตากัน ดูเหมือนจะเชื่อคำกล่าวของกู่ฉิงซานไปแล้วอย่างน้อยก็เจ็ดถึงแปดส่วน

กู่ฉิงซานเชื่อว่า ภายในจิตใจของทั้งสองคงกำลังคิดว่าตนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพื้นฐานวรยุทธของพวกเขานั้นสูงส่ง หรือแม้กระทั่งมีส่วนร่วมในการสร้างผลงานอันโดดเด่นมากมาย แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าทั้งสองได้รับการช่วยชีวิตจากเด็กชายที่ยังไม่แม้แต่จะทะลวงผ่านระดับปราณปรับแต่ง

ในปัจจุบัน รามสูรไร้พักตร์ได้นำทางมารกระหายเลือดวนไปมาอย่างไร้จุดหมายดั่งแมลงวันไร้หัว ส่วนกองทัพมารเคลื่อนพิภพก็ถูกหลอกจนถอนกำลังกลับไปยังฐานหลักของกองทัพมาร

สำหรับทั้งสอง อาจกล่าวได้ว่าไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว และในที่สุดพวกเขาก็จะสามารถหายใจได้อย่างทั่วท้องเสียที

กงซุนซีปรบมือดังฉาดแล้วกล่าวทันที “ยอดเยี่ยมมาก สหายน้อยกู่ ถ้าพวกเรารีบหลบหนีไปทันที บางทีอาจจะยังมีโอกาสรอดชีวิตกลับไปยังที่ราบสูงในอาณาเขตของมนุษยชาติก็เป็นได้”

เขาถามอีกครั้ง “นักบุญหญิง คุณสามารถยังพอเดินไหวไหม?”

หนิงเยว่ฉานส่ายหัวและกล่าว “ยังไม่ค่อยไหว ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจริงๆ”

กงซุนซีชี้ไปยังกู่ฉิงซานและกล่าว “สหายน้อยกู่ คุณช่วยพยุงหนิงเยว่ฉานหน่อยจะได้ไหม พวกเราจะได้ออกเดินทางกันเสียที”

ค่ายกลของเขาจำเป็นจะต้องใช้สองมือในการผนึกสัญลักษณ์ การที่มีเด็กคนนี้คอยช่วยพยุงหนิงเยว่ฉานนับว่ามีประโยชน์ยิ่ง หากในกรณีที่เกิดเหตุวิกฤติขึ้นอย่างกะทันหัน กงซุนซีจะได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างเต็มกำลัง

หนิงเยว่ฉานรับรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดี ดังนั้นเธอจึงไม่เอ่ยปฏิเสธ และยื่นมือออกไปให้อีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

กู่ฉิงซานมองอีกฝ่าย เท่าที่เห็นเรียวแขนบอบบางดั่งกิ่งต้นหลิวของเธอถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดเกราะทองโดยสมบูรณ์ ข้อมือของเธอถูกห่อไปด้วยผ้าสีแดงเข้ม บดบังฝ่ามือที่ขาวเนียนราวหยกสลัก

ภายใต้ท้องฟ้าสรวงสวรรค์เบื้องบน ไม่รู้เลยว่ามีผู้ฝึกยุทธชายกี่ล้านคนใฝ่ฝันว่าตนจะได้จับมือกับหล่อน สำหรับพวกเขา ต่อให้จะต้องจ่ายออกไปมากสักเพียงใดพวกเขาก็ไม่คิดจะลังเล

แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ความคิด

หนิงเยว่ฉานที่แสนบริสุทธิ์ และวิสัยทัศน์สูงส่ง แน่นอนว่าย่อมไม่มีความสุขกับเพียงแค่คำสรรเสริญเยินยอเหล่านี้ มีน้อยครั้งนักที่เธอจะใกล้ชิดกับผู้อื่น

ถ้ามันไม่ใช่ช่วงเวลาเป็นตายถึงชีวิต ต่อให้เธอไม่อาจฝืนยืนขึ้นไหว เธอก็จะไม่ยอมให้ผู้ชายยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานกลับไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว

เอ๋?

เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กนี่?

สองตัวตนที่มีพื้นฐานวรยุทธอยู่ในขอบเขตระดับสูงส่งหันมามองหน้ากันและกัน ก่อนที่จะหันไปมองกู่ฉิงซาน

พวกเขาเห็นแค่เพียงคิ้วของกู่ฉิงซานที่ขมวดมุ่นบนใบหน้า และสีหน้ายังคมจมอยู่กับความคิด ไม่ได้เผยให้เห็นถึงความสุขและความกระตือรือร้นที่จะได้ใกล้ชิดกับหญิงงาม

“มีอะไรงั้นเหรอ?” กงซุนซีกล่าวถาม

“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ? ทำไมฉันถึงต้องช่วยพยุงเธอด้วย?” กู่ฉิงซานชี้ไปยังหนิงเยว่ฉาน

หนิงเยว่ฉานที่ถูกชี้นิ้วใส่บังเกิดความไม่มั่นใจในตัวเองขึ้น

เจ้าหมอนี่ ช่วยพยุงฉันสักหน่อยมันจะตายไหม?

อย่าบอกนะว่าฉันไม่มีเสน่ห์เลย?

ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในจิตใจของหนิงเยว่ฉาน เธออดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก และกล่าวอธิบายด้วยตัวเอง “ฉันต่อสู้อย่างหนักเป็นเวลาหลายวัน และถูกโจมตีด้วยพิษที่มีฤทธิ์แตกต่างกันถึงสี่ชนิด นอกจากนี้บนร่างกายฉันยังได้รับบาดเจ็บกว่ายี่สิบเจ็ดแห่ง”

“ไม่สมควรจะเป็นเช่นนั้น”กู่ฉิงซานมองเธอด้วยความสงสัย “คุณไม่ได้นำเสบียงอะไรมาเลยหรือ? แล้วในถุงสัมภาระเล่า มันควรที่จะมีเม็ดยารักษาและยาแก้พิษไว้ไม่ใช่เหรอ”

หนิงเยว่ฉานเบนสายตาไปอีกทางและกล่าว “มันถูกใช้ไปหมดแล้ว”

กงซุนซียิ้มอย่างขมขื่นและกล่าว “พวกเรามุ่งลึกเข้าไปในกองทัพมารเพื่อค้นหาความลับ แต่ผลที่ได้คือกลับถูกพบตัวโดยเก้าราชันมารโลกันตร์ หลังจากนั้นพวกมันก็ไล่ล่าเรามานานกว่ายี่สิบวัน สิ่งต่างๆที่พกติดตัวมาได้ถูกใช้ออกไปจนหมด จนไม่เหลือแม้กระทั่งเม็ดยารักษา”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

ปรากฏว่าเดิมทีสถานการณ์ของนักบุญหนิงเยว่ฉานก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วแม้กระทั่งเสบียงขั้นพื้นฐานที่สุดอย่างเม็ดยารักษาก็ยังถูกใช้ไปจนหมด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่ถูกจับตัวได้โดยห้ามารผู้ยิ่งใหญ่และถูกลากออกไปต่อสู้ทั้งวันทั้งคืนจนตัวตาย เธอจะรู้สึกแค้นใจขนาดไหน

เธอคงจะเป็นคนที่รู้สึกคับแค้นใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์

กู่ฉิงซานใช้มือคลำตามร่างกายของเขา ดูเหมือนว่าเขาพยายามที่จะหาเสบียงอะไรบางอย่าง

กงซุนซีและหนิงเยว่ฉานจ้องมองการกระทำของเขา ก่อนที่ดวงตาของทั้งสองจะเปล่งประกายสดใส

ใช่แล้ว! บางทีเจ้าเด็กคนนี้อาจจะมีเสบียงอย่างเม็ดยารักษาพกติดตัวมาก็เป็นได้

เมื่อทั้งสองคิดถึงจุดนี้ จู่ๆกู่ฉิงซานผละมือออกและกล่าว “ขอโทษด้วย ฉันไม่มีเม็ดยาหรืออะไรที่จะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของคุณได้เลย”

และทั้งสองก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

หนิงเยว่ฉานเริ่มหงุดหงิด ก็ถ้านายไม่มีเม็ดยารักษา แล้วจะแสดงท่าทางเหมือนคลำหาอะไรบางอย่างทำไม!

“ไปกันเถอะ พวกเราจะต้องทำเวลาให้ดีที่สุด” กงซุนซีหันหลังกลับและกล่าว

“เดี๋ยวก่อน”

จู่ๆกู่ฉิงซานก็นึกได้ถึงสิ่งหนึ่ง

เขาหยิบกระเป๋าหนังขึ้นมา จากนั้นก็เทถุงน้ำดีงูที่เปล่งแสงระยิบระยับออกมา

“นี่คือถุงน้ำดีจากมอนสเตอร์งู มันเป็นของหายากมาก บางทีมันอาจจะพอมีประโยชน์ ในการรักษาพิษและอาการบาดเจ็บของคุณได้”

กล่าวจบ กู่ฉิงซานก็ถือถุงน้ำดีงูไว้ในมือของเขา

กงซุนซีจ้องมองมัน ด้วยท่าทีที่ดูมีความสุขมาก

“ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ แต่มันยังมาได้ถูกจังหวะ! ถุงน้ำดีงูไม่เพียงช่วยละลายพิษร้าย แต่มันยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและฟื้นฟูบาดแผลอีกด้วย! ยอดเยี่ยม นี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ!”

กงซุนจีร้องเรียก “นักบุญหญิง ดูเหมือนว่าคุณจะรอดแล้ว รีบกินเจ้าสิ่งนี้ไปเร็ว”

หนิงเยว่ฉานจ้องมองถุงน้ำดีงูในมือของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ

ทว่าจากประสบการณ์ของเธอ เธอจึงรู้ว่าถุงน้ำดีงูอันนี้มีค่าและสำคัญสำหรับเธอขนาดไหนในช่วงเวลานี้

อย่างไรก็ตาม ฉากนี้กลับย้อนเอาความทรงจำอันแสนเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเธอออกมา

จู่ๆหนิงเยว่ฉานก็เอ่ยถามอย่างฉับพลัน “หากมอบถุงน้ำดีงูอันนี้ให้ฉัน แล้วคุณล่ะ?”

“ฉัน?” กู่ฉิงซานตบลงบนหน้าอกและกล่าว “ฉันสบายดี”

หนิงเยว่ฉานเงียบไปดั่งน้ำนิ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงอ่อน “คุณยังมีพื้นฐานวรยุทธต่ำ บางทีมันอาจจะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับตัวคุณเองก็ได้ ทำไมคุณไม่เก็บมันไว้ใช้ช่วยชีวิตตัวเองล่ะ?”

กู่ฉิงซานคิ้วกระตุก

พื้นฐานวรยุทธต่ำ?

อาจเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้น?

ดูแต่ละอย่างที่ผู้หญิงคนนี้แพล่มออกมาสิ!

กู่ฉิงซาน จ้องไปยังหน้ากากเงินของอีกฝ่ายและกล่าวอย่างหงุดหงิด “คุณจะไม่กินมันใช่ไหม ถ้าไม่กินมันงั้นฉันจะโยนมันทิ้งไปเสีย”

หนิงเยว่ฉานดูจะอารมณ์ดีมากในตอนนี้ เธอจึงไม่โต้เถียงใดๆ แต่ดวงตาของเธอที่กำลังจดจ้องไปยังเด็กหนุ่มผ่านหน้ากากดันกระตุกไม่หยุด

นี่มันทัศนคติบ้าบออะไรกัน ถ้าไม่กินก็โยนทิ้งไปงั้นเหรอ ดูสิ่งที่ชายคนแพล่มออกมาสิ!

เธอกัดริมฝีปากแน่น มันเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธดี

ถุงน้ำดีของมอนสเตอร์งูมีค่ามากยิ่งกว่าเม็ดยาถอนพิษนับร้อยเท่า หากกินมันจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องพิษตกค้างในร่างกาย และยังเสริมสร้างปราณและเลือดลมขึ้นใหม่อีกด้วย

แม้ว่ามอนสเตอร์งูจะไม่ได้แข็งแกร่ง ทว่าหนึ่งปีมันจึงจะออกล่าหาอาหารสักครั้ง เมื่อมันยัดอาหารลงเต็มกระเพาะ มันจะจะหลบลี้เข้าไปในภูเขาลึก และจำศีลตลอดทั้งปี

และเมื่อมันทำเช่นนี้วนเวียนไปเรื่อยๆ ถึงสามร้อยหกสิบปี มอนสเตอร์งูก็จะออกห่างจากสถานที่จำศีลของพวกมัน และไล่ค้นหาอาหารที่ครอบครองธาตุทั้งห้าเพื่อนำมาบำรุงจิตวิญญาณ และเตรียมพร้อมสำหรับการกลายร่างเป็นมังกร

มันจึงเป็นเรื่องยากที่มอนสเตอร์งูจะปรากฏตัว และยากยิ่งกว่าที่ค้นหามันจนพบ

ถุงน้ำดีงูชิ้นนี้ ดูเหมือนว่าจะมีอายุเกือบๆ สามร้อยปี การได้พบเจอและได้มันมาคงจะเหมาะสมกับคำกล่าวที่ว่า ‘บางสิ่งอาจได้มาด้วยโชค ไม่ใช่แค่ต้องออกไปค้นหา’

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายกลับหยิบมันออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับไม่คิดอะไร

หากพลิกผันเหตุการณ์ เปลี่ยนเป็นช่วงที่หนิงเยว่ฉานไม่ได้อยู่ในสภาวะอ่อนล้าราวกับตะเกียงไฟที่น้ำมันแห้งเหือด และต้องพิษร้ายแรง ยามเมื่อพบเห็นอีกฝ่ายนำถุงน้ำดีที่สามารถละลายพิษออกมา ตัวเธอคงไม่มีอารมณ์แปรปรวนขนาดนี้

แต่สถานการณ์มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว และจู่ๆ ความทรงจำอันเจ็บปวดก็ย้อนเตือนเธอ

ในอดีต ช่วงเวลาที่เธอได้เข้าสู่นิกายเทียนจีเป็นครั้งแรก หนิงเยว่ฉานได้ใช้พรสวรรค์ในการฝึกยุทธของของเธอดึงดูดความสนใจจากทุกผู้คน

ขณะที่เธอค่อยๆ เติบโตขึ้น ใบหน้าอันงดงามของเธอก็ค่อยๆ ปรากฏสู่สายตาของทุกผู้คนเช่นกัน

เกือบทุกวันศิษย์พี่ศิษย์น้องของเธอ ต่างก็คอยอุทิศตัวปรนนิบัติทุกอย่างให้เธอ ทว่าดูเธอจะไม่สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

จนในที่สุดเธอก็ได้พบกับชายหนุ่มที่เป็นศิษย์พี่และโดดเด่นไม่น้อยไปกว่าเธอ จากนั้นเธอก็เริ่มพยายามติดต่อกับอีกฝ่าย

ใครจะรู้ว่าในช่วงระหว่างการทดสอบออกไปฝึกฝนเบื้องนอก ทั้งสองจะถูกขังอยู่ในซากปรักหักพังโบราณที่เต็มไปด้วยพิษร้าย และติดอยู่ภายในเป็นเวลาหลายเดือน

ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุด ศิษย์พี่ที่เธอไว้ใจกลับลอบวางกับดักเธออย่างลับๆ และพยายามที่จะฆ่าเธอเพื่อชิงเม็ดยาสลายพิษที่มีเพียงหนึ่งเดียวในถุงสัมภาระของเธอ

หนิงเยว่ฉานยังคงจดจำได้ถึงใบหน้าอันบ้าคลั่งและเสียงคำรามอันชั่วร้ายของเขาได้อย่างขึ้นใจ

“นังแพศยา! นังคนชั้นต่ำ ส่งเม็ดยาสลายพิษที่อยู่ในมือแกมาซะ!”

วันนั้นเป็นวันเดียวกันกับวันเกิดของหนิงเยว่ฉาน และยังเป็นวันเดียวกันกับที่เธอได้สังหารคนเป็นครั้งแรกในชีวิตอีกด้วย

นับตั้งแต่นั้นมา หนิงเยว่ฉานก็ปิดตายหัวใจของเธอ และแสวงหาเพียงเส้นทางแห่งเต๋า

แต่ในตอนนี้ เมื่อเธออยู่ในสภาวะที่สิ้นหวังเฉกเช่นในคราก่อน ร่างกายต้องพิษร้ายเหมือนกัน แต่เด็กหนุ่มตรงหน้ากลับยื่นถุงน้ำดีงูออกมาอย่างไม่ใส่ใจ แถมยังกล่าวอย่างป่วยๆ หว่า “ถ้าไม่กินมัน งั้นฉันจะโยนทิ้งไปเสีย!”

......................................