webnovel

ตอนที่ 43 โผล่

อัศวินบัญชาการทหารนอกเมืองส่งม้าเร็วไปรายงานและขอกำลังเสริมกับอัศวินบัญชาการทหารชั้นใน

และมันก็ได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว ทหารเมืองชั้นในถูกแบ่งออกเป็นสองกอง

กองแรกให้สนับสนุนนักผจญภัยเข้าโจมตีดันเจี้ยนและยึดครองแกนดันเจี้ยนให้เร็วที่สุด โดยจะมีอัศวินองครักษ์ของพระราชาตามมาช่วยหลังจากนี้

และอีกกองถูกส่งไปช่วยทหารนอกกำแพงเมือง หยุดยั้งไม่ให้พวกมอนสเตอร์หลุดเข้าไปในป่า

*****

ด้วยการช่วยเหลือจากคนที่นับถือยกย่องลาสวิน เอลด้าจึงถูกอุ้มไปยังโซนที่กิลด์ [เวทกังวาน] รับผิดชอบ

ลาสวินขอให้ฮีลเลอร์ [แรงค์ B] กับหมอลองช่วยรักษาและดูอาการ

แต่ทั้งฮีลเลอร์กับหมอต่างส่ายหน้าจนปัญญา

คำตอบที่ได้ คือ [แรงค์ S] กับ อีลิกเซอร์ เท่านั้นที่ช่วยได้

หัวหน้ากิลด์มีอยู่ขวดนึง แต่เขาสงวนใช้กับคนในกิลด์เท่านั้น

ส่วนรองหัวหน้ากิลด์ยังไม่พอใจที่ท่านเลร่ายอมสละชีวิตเพื่อช่วยเด็กสลัมคนนึง จึงคัดค้านการพาพวกเธอเข้ากิลด์

ด้วยเหตุว่าการรับเธอเข้ามามีแต่จะสร้างภาระและกิลด์เราไม่ใช่สถานพินิจหรือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

รองหัวกิลด์ยังบอกอีกว่าแม้ท่านเลร่าจะยกทรัพย์สินให้กิลด์ทั้งหมด แต่การเสียท่านเลร่าไปมันประเมินค่าไม่ได้

พี่สาวก็ได้ท่านเลร่าช่วยแล้ว น้องสาวก็หาเจอแล้ว การช่วยเหลือพวกเนฮิวจึงควรสิ้นสุดได้แล้ว

ลาสวินที่ถูกตอกย้ำเรื่องท่านเลร่าจึงยอมคล้อยตามในที่สุด

แต่ก็ช่วยเหลือครั้งสุดท้ายด้วยการจ้างทหารให้พาเอลด้ากับเทียร่าไปส่งให้คาลิก้าที่น่าจะอยู่นอกเมือง

เพราะนักผจญภัยออกจากสลัมไม่ได้ ส่วนเอลด้าจ่ายเงินเยอะหน่อยพวกทหารก็จะช่วยโกหกให้เอง

โดยเขียนจดหมายประทับตรากิลด์ ให้ทหารนำไปพิสูจน์กับพนักงานในกิลด์สาขารอง

พนักงานที่อยู่ในกิลด์เป็นคนธรรมดา กิลด์ใหญ่มักจ้างพวกเขามาช่วยทำพวกเอกสาร ทำความสะอาด เรื่องจิปาถะต่างๆ และเพราะไม่ได้เป็นนักผจญภัยจึงไม่โดนกฎบังคับให้เข้าสลัม พวกกิลด์ใหญ่จึงไม่ต้องห่วงเรื่องหลังบ้านและสู้ได้อย่างสบายใจ

และเมื่อมีจดหมาย พวกพนักงานก็จะยอมให้เทียร่ากับพวกทหารเอง

*****

ไจเกีย นักผจญภัย [แรงค์ A] เจ้าของฉายา สัตว์ร้ายกระหายเลือด หัวหน้ากิลด์ [เขี้ยวประกายแสง]

จากสายข่าวที่แฝงตัวอยู่ในกิลด์ต่างๆ ข้าจึงได้รู้ว่าน้องสาวคาลิก้ายังไม่ตาย แต่ก็ไม่มีสติตอบสนองอะไรได้แล้ว

ข้าตัดสินใจแล้วว่าไม่จำเป็นต้องมีตัวภาระเกาะแกะคาลิก้าถึงสองตัว

ถ้าให้เลือกระหว่างเทียร่ากับเอลด้า เอลด้าที่มีอาจมีปาฏิหาริย์ตอบสนองขึ้นมาจึงไม่ใช่ตัวเลือกแน่ เพราะคาลิก้าจะมีพลังใจไปดูแลน้องสาวจนไม่เชื่องกับข้า

เทียร่าที่ร่อแร่ไม่มีวันรอดแบบนั้นจึงเหมาะสมกว่า

และเพื่อให้คาลิก้าเศร้าเสียใจและสำนึกว่าตัวเองไร้พลัง ไร้ที่พึ่ง จึงต้องตัดพันธะที่อาจทำให้คาลิก้าคิดหนีจากข้าทิ้งให้หมด

เอลด้าจึงต้องตาย

ข้าขอชุดคลุมจากพวกแนวหลังมาใส่ทับเพื่อปิดบังตัวตนเหมือนพวกนักเวทแล้ววิ่งปะปนไปกับฝูงนักผจญภัย

ในสถานการณ์วุ่นวายที่มีคำสั่งให้นักผจญภัยกับทหารเข้าโจมตีดันเจี้ยนให้เร็วที่สุด จึงไม่มีใครสนใจข้า

ข้ากวาดตามองหาทหารที่วิ่งสวนออกมาในฝั่งนักผจญภัยและก็เจอตัวได้ไม่ยาก

ข้าเดินเข้าไปขวางเส้นทางของมัน เมื่อเข้าประชิดก็ออกน้ำหนักหมัดเอาแค่พอสลบแล้วชิงตัวเอลด้ามา

ดัดเสียงเพื่อตะโกนเรียกฮีลเลอร์ให้มาช่วยแล้วรีบออกห่างจากทหารคนนี้ทันที

ข้าคิดที่จะวิ่งไปที่แนวหน้า ใช้ไอน้ำบดบังแล้วโยนมันใส่มอนสเตอร์สักตัว

แต่เพราะคำสั่งบุกเข้าโจมตี ทำให้คนแออัดจนข้าใช้ความเร็วเต็มที่ไม่ได้

จะกระโดดไปเลยก็เป็นการเปิดเผยตัว จึงต้องอดทนรอจนกว่าจะถึงม่านไอน้ำ

แนวหน้าตอนนี้น่าจะเริ่มปะทะกับพวกปลาดาวน้ำเดือดแล้ว

แล้วอยู่ๆ แผนที่วางไว้ก็พังลง ม่านไอน้ำถูกเป่าหายไปอย่างรวดเร็ว แม้ที่ไกลๆ จะหายไม่หมดแต่ก็จางลงมาก

โดยตัวการที่ทำไม่ใช่นักผจญภัย ทหารเวท หรืออัศวิน

แต่เป็นเพราะอสูรตัวนึง อสูรที่ไม่ได้มาจากดันเจี้ยนทะเล

จากรูปร่างและสีของมันจึงบอกได้ว่ามันคือ อสูรสไลม์พาหะ

แล้วมันมาได้ไงวะ?!!

*****

อสูรสไลม์พาหะ

หลังจากกินและวิวัฒนาการอยู่หลายครั้ง ล่าสุดมีเสียงในหัวบอกให้มันเลือกรูปแบบการวิวัฒนาการ

จากการที่มันถูกขังในอ่างและถูกทำร้ายด้วยเวทไฟมานาน มันจึงมีความคิดอยากวิวัฒนาการให้เร็วกว่านี้

อยากแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด ต้องการเป็นจุดสูงสุด เป็นราชาพาหะ ที่ไม่เกรงกลัวแม้แต่เปลวเพลิง

มันจึงได้รูปแบบเร่งด่วนมา

ร่างกายของมันจึงขยายใหญ่จนเต็มทุกพื้นที่ ทำให้สามารถทนความร้อนได้ในระดับหนึ่ง

หลังจากนั้นมันก็อยู่แบบเอื่อยๆ เพราะไม่มีใครรบกวน

ซึ่งสาเหตุที่มันไม่ยอมออกไปข้างนอกเพราะยังเหลืออาหารอยู่ตัวนึง ที่มันเข้าไปกินไม่ได้สักที

ในความเป็นจริงชั้นใต้ดินลับของพีโวด้าอยู่ในเขตที่ทหารเดินทัพผ่าน แต่เพราะคำสั่งให้รีบเดินทัพ จึงไม่มีใครเข้าไปค้นสำรวจตามบ้าน มันจึงไม่ถูกพบจนถึงตอนนี้

ตามปกติมันควรจะยึดติดกับอาหารชิ้นนี้จนกว่าจะทนความหิวไม่ได้ถึงค่อยออกไป

แต่ดันเกิดเหตุการณ์ที่พวกปลาดาวยิงกระสุนน้ำเดือดถล่มใส่บ้านหลังนี้ กองขยะที่ปิดกั้นน้ำไม่ให้ไหลลงไปในชั้นใต้ดินมาตลอดจึงปลิวกระจายหายไป

เมื่อไม่มีกองขยะขวางกั้น น้ำขังจึงไหลลงชั้นใต้ดิน ความร้อนของน้ำทำให้มันแสบผิว ยิ่งเป็นน้ำเดือดก็เหมือนมันกำลังถูกฆ่าอย่างช้าๆ ถ้าเป็นร่างก่อนวิวัฒนาการมันคงตายไปนานแล้ว

สไลม์พาหะที่เกลียดและแพ้ทางความร้อนที่สุดจึงทนไม่ไหว

ระหว่างอาหารกับชีวิต มันจึงรีบทะลวงขึ้นบันไดออกจากชั้นใต้ดิน

ตำแหน่งที่มันโผล่ขึ้นมาอยู่เกือบใจกลางของทั้งสองฝั่ง แต่ค่อนไปทางด้านทหารเล็กน้อย

ด้วยขนาดร่างกายขนาดมหึมาทำให้ทุกคนสังเกตเห็นและอึ้งกับการที่อยู่ๆ มันก็โผล่ออกมา

สไลม์พาหะที่ออกมาข้างนอกแล้วเจอกับไอน้ำร้อน บวกกับน้ำเดือดที่ต้มมันไม่หยุด

มันจึงกรีดร้องคำรามเสียงแสบแก้วหูและสะบัดตัวด้วยความทรมาน

ความคิดเดียวในหัวของมันตอนนี้คือ ไม่อยากตาย ต้องรอดให้ได้

มันจึงระเบิดเชื้อพาหะรูปแบบละอองน้ำออกไปรอบตัว

ละอองพาหะพัดทุกอย่างทั้งน้ำเดือด ไอน้ำและอาหาร (มนุษย์) ออกไปอย่างรวดเร็ว

และแทนที่พื้นที่โล่งนั้นด้วยละอองสีดำเข้มที่มันชื่นชอบ

แต่เมื่อมันเห็นน้ำเดือดและไอน้ำทยอยกลับมา มันก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวและโกรธแค้น

สไลม์พาหะจึงทำการระเบิดเชื้อพาหะอีกครั้ง แต่คราวนี้รุนแรงยิ่งกว่าเดิมและเพิ่มการยิงร่างกายชิ้นเล็กๆ ของตัวมันเองออกไปทุกทิศทาง

ร่างกายชิ้นเล็กกลายเป็นสไลม์พาหะ พวกมันบางตัวหากจมลงไปในน้ำเดือดก็จะตายในเวลาไม่นาน

ถ้ามันเจอมอนสเตอร์มันจะเกาะติดสอยห้อยตาม รอจนกว่าจะเจอมนุษย์แล้วค่อยเข้าโจมตี

แต่หากเจอมนุษย์มันจะแทรกตัวเข้าไปปล่อยเชื้อโรคในร่างกายแล้วเริ่มทำการกัดกินจากภายใน

เมื่อกินอิ่ม มันก็จะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว จนร่างอาหารพองขยายแตกดัง

โพละ!

สไลม์พาหะเกิดใหม่พวกนี้ก็จะกระจายตัวไปหาอาหารตัวใหม่ เพื่อเพิ่มจำนวนและส่งบางส่วนกลับเข้าร่างหลัก

ด้วยละอองเชื้อโรคในอากาศ ใครก็ตามที่สูดหายใจเข้าไปจะเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ปวดหัว เป็นไข้และล้มทั้งยืนในเวลาไม่นาน

กลายเป็นอาหารทานง่ายเพราะไม่มีการขัดขืน

*****

ทหารกับนักผจญภัยที่ยังไม่โดนเชื้อพาหะเล่นงานถึงกับวงแตกกระเจิง

เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือและเสียงร่างกายระเบิดออก ทำให้คนที่ทนเห็นภาพน่ากลัวนี้ไม่ไหวอ้วกแตกออกมา

ด้านหน้าก็ต้องปะทะกับมอนสเตอร์ ใจกลางก็ต้องหยุดยั้งอสูรสไลม์พาหะ

อัศวินกับหัวหน้ากิลด์ระดับสูงจึงสั่งให้นักเวทไฟรวมตัวกันระดมยิงใส่มันอย่างต่อเนื่อง

แต่ยิ่งมันเจ็บปวดมันก็ยิ่งยิงตัวเองออกไปไกลมากขึ้น

*****

หลังม่านไอน้ำจางลงจนหายไป และกำลังเสริมของทหารที่เข้ามาเติมรุกขึ้นหน้ามาไม่หยุด ถึงจะมีชะงักบ้างตอนเจอกับสไลม์พาหะ

แต่บอสชั้นสุดท้ายก็ตัดสินแล้วว่านี่คือภัยคุกคาม

มันจึงสั่งการให้มอนสเตอร์แบ่งกำลังไปโจมตีในพื้นที่สลัมเพื่อหยุดไม่ให้เข้าถึงดันเจี้ยน

บอสนางเงือกหยุดปล่อยคลื่นน้ำทะเลตามคำสั่ง แล้วสั่งให้บริวารหันที่พำนักไปยังแนวหน้าทหารกับนักผจญภัย

แล้วทำการซัดไข่มุกกว่าร้อยลูกเข้าใส่ทันที

ไข่มุกสีขาวนวลกระแทกพื้นดังสนั่น คนที่โดนทับศพเละแบนติดพื้น ส่วนพวกที่รอดแต่อยู่ใกล้เคียงโดนแรงกระแทกพัดตัวปลิวไปไกล

การโจมตีของไข่มุกที่คิดว่าจบแล้ว กลับเป็นแค่การเริ่มต้น

ไข่มุกลูกยักษ์เริ่มปริแตกเหมือนไข่ที่กำลังจะฟักและสิ่งที่อยู่ในไข่มุกก็พังเปลือกออกมา

พวกมันคือเมอแมนตัวเล็กประมาณ 50 ตัว

แต่เมื่อสัมผัสกับอากาศภายนอก ไม่นานมันก็เริ่มโตขึ้นจนเทียบเท่าชายฉกรรจ์

เมอแมนเป็นมอนสเตอร์เงือกชายมีหน้าตาเป็นปลาปากกว้าง สองมือมีเล็บยาวแหลมคม

พอพวกมันโตจนร่างกายเข้าที่ พวกมันก็คลานไปทั่วสนามรบอย่างรวดเร็วราวกับแมลงสาบ และเปิดฉากไล่ฆ่าด้วยการกัดหรือใช้เล็บฟันจนเป็นแผลเหวอะ

น้ำลายของเมอแมนมีสารกระตุ้นให้เลือดไหล แผลที่โดนพวกเมอแมนกัดจึงเลือดจะไหลกระฉูดไม่หยุด

กำลังเสริมทหารเมืองชั้นในรีบวิ่งเข้ามาเติมเต็มทั้งสองฝั่งแล้วทำการตอบโต้ด้วยธนูหัวระเบิดและเวทสายทำลาย

เมอแมนกับสไลม์พาหะตัวเล็กจึงถูกกวาดล้างอย่างรวดเร็ว

หลังโจมตีด้วยไข่มุก เงือกสาวก็อ้าปากกว้างแล้วพ่นคลื่นน้ำทะเลออกมา

ภายในคลื่นน้ำทะเลแฝงมาด้วยมอนสเตอร์หลากหลายชนิดทั้งนากา ทหารกุ้ง มนุษย์ฉลาม หอยกาบคลั่งเลือดและอีกสารพัดมอนสเตอร์ชั้นที่ลึกกว่าชั้น 20 ก็เข้าร่วมด้วย

มิวมินจึงรีบสร้างกำแพงล่องหนหยุดคลื่นน้ำไม่ให้มันทะลวงเข้าใจกลางทัพ

ต่างกับเหตุการณ์ของพวกมอนสเตอร์เต่า เมื่อเห็นว่าคลื่นน้ำทะเลชนกับอะไรบางอย่างและไปต่อไม่ได้

มอนสเตอร์พวกนี้ต่างรีบว่ายน้ำเปลี่ยนทิศเบนออกหรือโดดออกจากกระแสน้ำทะเลทันที จึงไม่มีใครสักตัวชนกำแพงล่องหนตาย

[มอนสเตอร์นากา]

พวกมันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วหลบการโจมตีได้แม้แต่ระยะใกล้ พละกำลังมหาศาลสามารถต่อยโล่แทงค์บางคนที่ไม่มีสกิลเสริมพลังป้องกันให้ฟังไปพร้อมกับแขนของแทงค์ได้ หางของนากาใหญ่มากใช้หวดโจมตีจนตัวปลิวได้ง่ายๆ

พวกมันยังมีสามง่ามที่ทนทานต่อการโจมตีทั้งกายภาพและเวทมนตร์ ใบมีดของสามง่ามคมจนสามารถเจาะทะลวงหรือตัดเกราะกับโล่หนาเตอะได้

นากาจึงเป็นฝันร้ายสำหรับทุกคนหากมันเข้าประชิดตัวได้ เอโตสจึงต้องฝืนใช้สกิลปราการเหล็กแล้วให้ทุกคนเข้าไปรุมจัดการให้ไวที่สุด

[มอนสเตอร์ทหารกุ้ง]

สวมใส่ชุดเกราะหนาเตอะอีกชั้นแม้จะมีเปลือกที่แข็งจนฟันไม่เข้าอยู่แล้วก็ตาม มันเดินสองขาโดยใช้หางช่วยพยุง อีก 6 ขาถือดาบเล่มยาวฟาดฟันทุกสิ่งรอบตัวด้วยความเร็วสูง

มันต่อสู้ได้ทั้งระยะใกล้และกลาง ด้วยการใช้ก้ามใหญ่สองแขนบีบด้วยความเร็วเหนือเสียง สร้างแรงอัดอากาศที่มองไม่เห็นโจมตี ท่าแรงอัดอากาศแรงจนทำให้ร่างกายยุบเป็นหลุมได้ง่ายๆ

มิวมินจึงต้องเหมาปราบพวกมันด้วยการสร้างกำแพงล่องหนล้อมรอบตัวมันโดยเหลือพื้นที่ให้มันขยับตัวได้

พอมันใช้ท่าแรงอัดอากาศ ท่านี้ก็จะสะท้อนกลับจนก้ามทั้งสองข้างพัง มันจะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเริ่มบ้าคลั่งฟันไปทั่ว ดาบทั้งหกเล่มที่ฟันอย่างรวดเร็วก็จะชนกำแพงแล้วกระเด้งกลับเข้าตัวจนสาหัส มิวมินก็จะปลดกำแพงแล้วให้คนอื่นเข้าไปรุม

[มอนสเตอร์มนุษย์ฉลาม]

มีร่างกายเหมือนมนุษย์แต่ผิวหนังเป็นฉลาม ส่วนหัวเป็นฉลามแล้วแต่สายพันธุ์ พวกมันมีพละกำลังมหาศาลยิ่งกว่านากา สามารถใช้มือฉีกทุกอย่างทิ้งราวกับฉีกขนมปัง ชุดเกราะหรือโล่แทบจะไร้ประโยชน์เมื่อต้องสู้กับมัน ผิวหนังฉลามของพวกมันยังทนทานต่อเวทมนตร์ทุกชนิด แม้แต่ไฟก็เผาพวกมันจนบาดเจ็บไม่ได้ง่ายๆ ถ้าไม่นานและร้อนมากพอ

ท่าที่น่ากลัวที่สุดคือการกัด ส่วนที่โดนกัดจะแหว่งหายจนอวัยวะภายในไหลทะลักออกมา

แม้พวกมันจะแพ้ทางของมีคม แต่สายระยะประชิดก็ยังกลัวที่จะสู้กับมัน นักธนูจึงมีบทบาทสำคัญ

แม้มันจะแพ้ทางลูกธนูแต่มันก็ถึกพอวิ่งเข้าไปฆ่าคนที่ยิงได้ก่อนมันตาย จึงต้องใช้นักธนูมากกว่า 20 คนล้อมรุมยิงจากทุกทิศทาง

[มอนสเตอร์หอยกาบคลั่งเลือด]

พวกมันเคลื่อนที่ด้วยการกระโดดไปข้างหน้า เปลือกของมันหนาและทนทานต่อการโจมตีทุกรูปแบบ ถ้าไม่มีพละกำลังมหาศาลเทียบเท่ามนุษย์ฉลาม 5 ตัว ก็ไม่มีวันง้างฝามันออกมาได้

เพราะร่างจริงอยู่แต่ภายในเปลือกหอย มันจึงมองไม่เห็น แต่มันมีประสาทดมกลิ่นเลือดที่ดีเยี่ยม ไม่จำเป็นต้องเลือดออก ขอแค่มีเลือดไหลเวียนในตัว มันจะรับรู้ได้ทันว่าคนคนนั้นอยู่ตรงไหน

หอยกาบจะโจมตีด้วยการเข้าประชิดแล้วอ้าปากงับเข้ามาข้างในแล้วปิดเปลือกทันที ภายในเปลือกมีเขี้ยวเป็นร้อยๆ ทิ่มแทงจากทุกด้าน เลือดจะไหลออกมาไม่หยุดให้มันดื่มกิน

เมื่อดื่มจนหมดมันถึงจะเปิดปากคายศพแห้งๆ ออกมา พร้อมกับยิงกระสุนเลือดที่มันดูดมาแบบลูกปรายโจมตีเป็นวงกว้าง

กระสุนเลือดแต่ละนัดแรงพอเจาะทะลุผิวหนังของคนได้ หากไม่สวมเกราะหรือใช้โล่หนาๆ

ทีนอยจึงต้องลงมือจัดการเอง ด้วยการยัดมีดเล่มเล็กเข้าไปในเนื้อแห้งชุบเลือดก่อนโยนไปที่ปากของมัน

หอยกาบคลั่งเลือดมีนิสัยอ้าปากกินทุกอย่างที่มีเลือดเข้าใกล้ พอมันกินเข้าไปทีนอยก็จะใช้สกิลขยายมีดง้างฝาหอยให้เปิดออก แล้วให้นักเวทหรือนักธนูแม่นๆ ยิงใส่ร่างจริงของมันโดยตรง ซึ่งร่างจริงของมันเปราะบางมาก

มอนสเตอร์ 1 ตัวของดันเจี้ยนทะเล ในสนามรบปัจจุบัน เปรียบเทียบได้ดังนี้

นักผจญภัยที่มี [แรงค์ E] หรือ [แรงค์ D] มีแต่ไปให้มันฆ่าเล่นเท่านั้น จำนวนไม่มีผลกับพวกมัน

หากเป็น [แรงค์ C] ต้องใช้ความหลากหลายของอาชีพเข้ารุม โดยใช้ 20 - 40 คน ขึ้นไป

หากเป็น [แรงค์ B] ถ้าแบ่งหน้าที่ลงตัวและประสานกันได้ดี ใช้แค่ 5 – 10 คนก็สามารถโค่นพวกมันลงได้

หากเป็น [แรงค์ A] มอนสเตอร์ต้องมีความหลากหลายและเป็นตัวที่พวกเขาแพ้ทาง อีกทั้งยังต้องเน้นจำนวน ถึงจะสามารถโค่นพวก [แรงค์ A] ลงได้