webnovel

ตอนที่ 42 แผนการ

ลูกน้องมอนสเตอร์ชั้น 10 พวกกองทัพปูถูกเสาเถาวัลย์เก็บเกลี้ยงไม่มีหลุดรอดมาได้สักตัว

แต่ 4 แถวหน้าของเสาเถาวัลย์ก็ยังถูกโค่นลงไป

ส่วนเต่าที่เหลือถูกกวาดล้างโดย [แรงค์ A] ทั้งสองคน

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจไม่กี่วิ มอนสเตอร์ชั้น 11 ก็ออกมา แบบไม่ให้พักหายใจ

มันเป็นปลาดาวสีม่วงดำ เจ้าพวกนี้วิ่งสองขาดูน่ารัก แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็รู้ว่าพวกมันต้องมีอะไรน่ากลัวซ่อนอยู่แน่

ไม่นานร่างกายมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีส้ม ส้มแบบเหล็กที่โดนเผาไฟจนร้อนจัด

บนกำแพงนักธนูขึ้นสายตามคำสั่ง รอยิงหลังจากพวกมันออกมาเยอะกว่านี้

แล้วสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พวกมันทุกตัวปล่อยไอน้ำร้อนออกจากตัว

ไอน้ำที่เกิดจากการสร้างน้ำขึ้นมาในตัว แล้วทำให้ร่างกายตัวเองร้อนจัดคล้ายหม้อต้ม พอน้ำเดือดจัด ไอน้ำก็ทะลักออกมา

แม้แต่น้ำขังยังโดนต้มจนเดือดปุดๆ หิมะที่ตกลงมาละลายกลายเป็นควัน

ไอน้ำร้อนจากปลาดาวนับพันกว่าตัวทำให้ทุกสิ่งขาวโพลนยิ่งกว่าห้องซาวน่า แม้แต่ร่างกายของพวกมันที่มีสีส้มสะดุดตายังถูกกลืนหายไป

อุณหภูมิรอบตัวเริ่มอุ่นขึ้น พวกนักผจญภัยมือใหม่ ทาส คนสลัมกับทหารใหม่ ต่างรู้สึกยินดีกับความสบายของอากาศ ต่างกับพวกที่ชำนาญการต่อสู้ในดันเจี้ยนหลายรูปแบบ ที่เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี

อัศวินตัดสินใจสั่งให้ยิงสุ่ม เพราะไม่ควรปล่อยให้มันปิดบังตัวตนได้ ไม่งั้นหลังจากนี้จะวางแผนรับมือไม่ถูก

ลูกธนูตกลงไปเหมือนห่าฝนอีกครั้ง

บนพื้นด้านล่างที่ไม่มีใครมองเห็น เมื่อหัวปลายแหลมของลูกธนูกำลังจะโดนตัวปลาดาว มันกลับละลายหายไปหมด

พวกปลาดาวจึงไม่มีตัวไหนได้รับความเสียหาย

เมื่อเห็นว่าไอน้ำยังคงคืบคลานปกคลุมพื้นที่ไม่หยุด อัศวินจึงสั่งให้เปลี่ยนเป็นการยิงเวทลงไป

แต่นักเวทแทบจะหมดสภาพจากการต่อสู้ก่อนหน้า พลังที่ฝืนยิงลงไปก็เบาจนไม่สามารถฆ่ามันได้

ทำได้แค่ชะลอพวกมันบางตัว

พอน้ำบนพื้นเดือดจัดเสาเถาวัลย์ที่แช่น้ำอยู่ก็เริ่มโงนเงน

และก่อนถึงระยะโจมตีของเสาเถาวัลย์พวกปลาดาวก็ยิงกระสุนน้ำเดือดโจมตีใส่เสาเถาวัลย์ตั้งแต่โคนจรดปลาย

เมื่อเจอกระสุนน้ำเดือดโจมตีอย่างต่อเนื่อง เสาเถาวัลย์ก็เริ่มอ่อนตัวและล้มลง

*****

แนวหน้าสลัม ฝั่งทหาร

น้ำขังที่ไหลผ่านขาพวกเขาหลังจากเคลียร์ขยะออกไปก็ค่อยๆ ร้อนขึ้น

ชุดเกราะทหารมีแต่เหล็ก พวกเขาจึงเริ่มทรมานเหมือนขาถูกต้มอย่างช้าๆ

แต่พวกก็ทำไมได้แม้แต่ถอดเกราะหรือถอยหนี ได้แต่ยืนรอคำสั่งจากอัศวินคนใหม่

อัศวินคนใหม่ที่เข้ามาบัญชาการแทนไม่กล้าตัดสินใจผลีผลามได้แต่รอดูท่าทีฝั่งนักผจญภัยแล้วทำตาม

ไม่นานแนวหน้าทหารก็กรีดร้องแล้วล้มลงไป

*****

แนวหน้าสลัม ฝั่งนักผจญภัย

หลังได้รับรายงานจากทาสกับคนสลัมเรื่องน้ำที่ร้อนขึ้นจนไม่สามารถยืนแช่ได้

หัวหน้ากิลด์ระดับสูงรีบสั่งให้ทุกคนถอยออกมาแล้วรีบสร้างแนวกั้น

หน่วยสำรวจที่บินหรือลอยตัวได้ยังต้องรีบถอยออกมา มีบางรายถูกกระสุนน้ำเดือดยิงสอยร่วงลงไป มีเสียงกรีดร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือ แต่ไม่นานก็เงียบหายไป แล้วคนคนนั้นก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย

เอโตส เปิดใช้สกิลบงการปฐพีแล้วยกผืนดินขึ้นเป็นกำแพง แต่เขาไม่ได้มีพลังพอครอบคลุมทั้งสนาม จึงทำได้เพียงไม่กี่กิโลเมตรและเน้นส่วนที่หนาที่สุดหน้ากิลด์ตัวเอง

นักเวทธาตุดินกับไม้ทุกคนรีบช่วยกันสร้างกำแพงต่อจากที่เอโตสทำไว้เพื่อให้มันยาวและหนาที่สุดเท่าที่ทำไหวหรือทำทัน

ฝั่งทหารได้รับคำสั่งให้เอาขยะกลับไปอุดกั้นน้ำไว้ดังเดิมและให้นักเวทดินกับไม้ช่วยกันอุดรอยรั่ว

เอโตสสลบเหมือดทันทีหลังใช้สกิล โดยสั่งลูกกิลด์ไว้ก่อนแล้วว่าให้อัดยาปลุกเขาขึ้นมาทันที เพื่อให้ใช้สกิล ปราการเหล็ก ได้ทันก่อนที่พวกมอนสเตอร์จะมาถึง

เสาเถาวัลย์ล้มหายไปหมดแล้ว

การที่ศัตรูกำลังรุกคืบเข้ามา แต่มองไม่เห็นและไม่รับรู้ว่ามันกำลังจะทำอะไร ทำให้ความกลัวแผ่ขยายเข้าไปในจิตใจ

โดยเฉพาะทาส คนสลัมและพวกนักผจญภัยแรงค์ต่ำ ที่เริ่มก้าวขาถอยหลังทีละก้าว

จนกระทั่งไอน้ำถึงเขตกั้นน้ำขัง หัวหน้ากิลด์ระดับสูงก็ออกคำสั่งให้เตรียมยิง

แต่ด้วยความกลัวพวกแรงค์ต่ำจำนวนมากกลับยิงออกไปทันที กระสุนเวทมนตร์นานาธาตุ ธนูและอาวุธขว้างทุกชนิดถล่มเข้าใส่อย่างไม่เสียดายเงิน

กว่าทุกคนจะตั้งสติและรับรู้ว่ามีคำสั่งให้หยุด ก็เพราะไม่ว่ายิงไปเท่าไหร่ กลับไม่มีเสียงกรีดร้องของพวกมอนสเตอร์เลยแม้แต่ตัวเดียว

จนกระทั่งไอน้ำปะทะกับแนวหน้าสุด

"ร้อนนนนนนนน!"

"อ๊าาาาาาาา! แสบตาาาาาา!"

"โอ๊ยยย! ไหม้แล้ว! ผิวไหมแล้ว!"

"เฮ้ย! อาวุธข้าอยู่ไหน!"

"แสบผิวไปหมดแล้วโว้ยยยย!"

"มะ มองไม่เห็น!"

"ยิงเลย! ยิงเลย!"

นักเวทลมช่วยกันใช้เวทพัดมันกลับไป แต่ทำได้แค่ยื้อให้มันเข้ามาช้าลง

ตามปกติหากลาสวินไม่พลังหมด ไอน้ำพวกนี้คงหายไปจากสนามรบนานแล้ว

แทงค์ที่ตั้งโล่อย่างมั่นคงยังอยากถอดเกราะกับโล่ที่ทำจากโลหะตัวเองทิ้งเพราะมันเริ่มร้อนจนแทบใส่กับจับไม่ไหว

คนที่อยู่ในม่านไอน้ำมีอาการหายใจลำบาก เหงื่อออกเต็มตัวจนเสื้อชุ่ม เหนอะหนะไม่สบายตัว เคลื่อนไหวช้าลง มือเปียกจนจับอาวุธไม่ถนัด บางคนทำหลุดมือแล้วหาไม่เจออีกเลย

ฝั่งทหารที่ไม่มีการถอยแม้แต่ก้าวเดียว แนวหน้าถูกหามกลับแนวหลังคนแล้วคนเล่า จากกว่าคำสั่งจะลงมา พวกเขาก็ฝ่าฝืนวินัยไม่ได้ เพราะโทษไม่ได้ลงแค่ที่พวกเขา แต่เป็นทั้งครอบครัว

ฝั่งนักผจญภัยพวกแนวหน้าต่างถอยไปชนกับแนวหลังจนโดนผลักกลับมา

จวบจนไอน้ำปกคลุมไปถึงครึ่งทัพ

ตอนนั้นเองที่กระสุนน้ำเดือดนับไม่ถ้วนลอยตกใส่หัวจากด้านบน ด้วยการยิงแบบวิถีโค้ง

เสียงกรีดร้องดังขึ้นไปทั้งครึ่งทัพ

คนที่โดนกระสุนน้ำเดือดผิวหนังจะพุพองอย่างรวดเร็ว สีผิวแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศสุก เนื้อหนังนุ่มเหมือนโดนต้ม

รวมกับแรงกระแทกของกระสุน หากโดนนัดที่สองเข้าที่เดิม เนื้อจะหลุดลุ่ยจนเห็นกระดูก

คนโดนยิงซ้ำต่างล้มลงดิ้นทุรนทุรายมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนหนีตายจนเหยียบกันเอง ผิวหนังที่อ่อนนุ่มจนสุกทำให้โดนเหยียบแล้วเท้าทะลุเข้าไปในร่างกาย

ความเสียหายเริ่มแผ่กระจายเป็นวงกว้าง คนบาดเจ็บมีจำนวนมากจนฮีลเลอร์รับมือไม่ทัน ฮีลเลอร์บางคนที่โดนกระสุนน้ำเดือดยิงยังเอาตัวแทบไม่รอด

มิวมินจึงต้องสร้างกำแพงล่องหนบนอากาศ ทำหน้าที่คล้ายหลังคากันฝนปกป้องทั้งสองฝั่ง

ความชิลของเธอหายไปสิ้น เปลี่ยนเป็นความเครียดเพราะไม่คาดคิดว่าต้องใช้สกิลต่อเนื่องหลังจากที่พึ่งใช้กับมอนสเตอร์เต่าไป

ทีนอยพุ่งไปที่แนวหน้า ใช้สกิลยืดดาบออกไปแล้วฟันวัดระยะไปเรื่อยๆ จนเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำหนักดาบที่เหวี่ยงตัดโดนอะไรสักอย่าง เขาถึงได้รู้ว่าพวกมันยิงมาจากระยะที่ไกลมากกว่าสิบกิโลเมตร

ไกลแบบที่ถ้าไม่ใช่นักธนูกับนักเวทแรงค์สูงจะสามารถยิงถึง

เมื่อไม่มีเสาเถาวัลย์ โวแคน จึงเสกดาวตกลูกยักษ์ยิงถล่มสนามรบเบื้องหน้า

ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!

เสียงระเบิดดังกึกก้อง พื้นดินสั่นสะเทือน เกิดหลุมดาวตกขนาดใหญ่ แรงระเบิดพัดไอน้ำหายไปเกินครึ่งสนาม

และภาพตรงหน้า คือ มอนสเตอร์ชั้น 12 งูทะเลคลั่ง กำลังเลื้อยผ่านขาของแนวหน้าทั้งสนามรบอย่างเงียบๆ

เมื่อถูกเปิดเผยตัว พวกมันต่างพุ่งเข้ากัดพร้อมกัน

แนวหน้าที่ไม่ทันได้ตั้งตัวโดนเล่นงานไปตามๆ กัน แทงค์แถวหน้าหลายกิลด์โดนพิษเล่นงานจนล้มลงไป

หากส่วนไหนไม่มีกำแพงแทงค์ งูทะเลคลั่งก็แห่ทะลักเข้าจุดนั้น

คำสั่งจึงเปลี่ยนเป็นประจัญบาน

คนที่ถูกพิษงูเริ่มแสดงอาการ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงสดเพราะเลือดไหลทะลักออกทางตา ตามมาด้วยจมูก ปากและหู ตามลำดับ

จากนั้นพวกเขาก็เริ่มคลุ้งคลั่ง เห็นทุกคนเป็นอสูรร้าย แต่เห็นพวกงูเป็นสิ่งสวยงามที่กำลังโดนทำร้าย

พวกถูกพิษงูคว้าอาวุธแล้วเริ่มโจมตีพวกเดียวกันเอง

แนวหน้าจึงเละเทะจนคุมไม่อยู่ ต่างคนต่างสู้ชุลมุนวุ่นวายไปหมด

เมื่อกำแพงล่องหนหายไปเพราะพลังหมด กระสุนน้ำเดือดก็ยิ่งสร้างความเสียหายซ้ำ

พวกงูทะเลคลั่งมีเกล็ดหนากระสุนน้ำเดือดจึงไม่มีผลกับพวกมัน

ฝ่ายนักผจญภัยกับทหารเริ่มล้มตายมากขึ้น

จากการที่ต้องรับมือทั้งงูทะเลคลั่ง ป้องกันกระสุนน้ำเดือดและหยุดเพื่อนตัวเองที่กำลังคลุ้มคลั่ง

ไม่นานแนวหน้าทหารก็พังลง อัศวินสั่งถอยทัพเพื่อไปตั้งหลักใหม่ในที่ที่ไอน้ำยังมาไม่ถึง

ส่วนฝ่ายนักผจญภัยยื้อไว้ได้อยู่นาน เพราะแต่ละคนต่างชินกับการสู้แลกชีวิตแบบนี้เป็นปกติ

แม้จะเริ่มถอยร่นไปข้างหลังทีละนิด แต่จากประสบการณ์การลงดันเจี้ยนสู้กับมอนสเตอร์มานาน ทำให้พวกเขาเลือกเปลี่ยนเป็นจัดรูปแบบปาร์ตี้ ให้จับกลุ่มแบบสมดุลแล้วเริ่มโต้กลับ

เพียงไม่นานก็เริ่มป้องกันกระสุนน้ำเดือด กำจัดงูทะเลคลั่งและหยุดยั้งเพื่อนตัวเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ที่ทุกคนไม่รู้คือแผนการของบอสเฝ้าแกนดันเจี้ยน มันเริ่มทันทีที่พวกเขาถอยร่นออกไป

ภายใต้ม่านหมอกไอน้ำแถวดันเจี้ยนที่ยังไม่จางหาย มอนสเตอร์ตั้งแต่ชั้น 13 ลงไปแห่กันออกมาจากดันเจี้ยนไม่หยุด

พวกมันไม่เข้าโจมตีแนวหน้าของทั้งสองฝั่ง ทำเพียงยืนรวมกลุ่มคละกันกับมอนสเตอร์ชั้นอื่นตามคำสั่ง

จนบอสชั้น 20 ออกมา เป็นหอยไข่มุกขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้ลูกน้องของมันกว่า 100 ตัวช่วยกันแบกออกมา

มอนสเตอร์ลูกน้องของหอยไข่มุกคือนากาตัวสูงใหญ่เท่าหลังคาบ้าน ร่างกายกำยำส่วนบนเหมือนมนุษย์แต่มีส่วนหัวกับช่วงเอวลงมาเหมือนงู แต่ละตัวมีอาวุธสามง่ามขนาดใหญ่เท่าตัวมันสะพายไว้ข้างหลัง

หลังออกมาจากดันเจี้ยน พวกนากาก็เดินหันทิศของหอยไข่มุกไปที่กำแพงเมือง

จนเมื่อนากาทุกตัวหยุดขยับ เปลือกหอยจึงเปิดอ้าออก ข้างในมีนางเงือกแสนสวยตัวใหญ่ยักษ์นั่งอุ้มไข่มุกสีขาวนวลขนาดเท่าช้างอยู่

นางเงือกหน้าตางดงามจนสะกดได้แม้แต่เพศเดียวกัน แต่แววตากับฟันเขี้ยวเวลายิ้มออกมา แสดงให้เห็นความดุร้ายกระหายเลือดของนาง

เมื่อคำสั่งส่งตรงถึงหัว นางเงือกก็ใช้พลังทำให้ไข่มุกลอยขึ้นไปบนอากาศ ก่อนจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นร้อยลูก

ทันทีที่โบกมือ ไข่มุกก็พุ่งเข้าโจมตีกำแพงเมือง

นางโจมตีต่อด้วยการอ้าปากกว้างขนาดที่สามารถกลืนช้างห้าตัวเข้าไปได้

ภายในปากมีน้ำทะเลถูกสร้างขึ้น มันหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง จนมันเต็มความจุนางจึงพ่นออกมา

คลื่นน้ำทะเลพุ่งซัดทุกอย่างไปข้างหน้า ทะลักออกไปทางช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่โดนไข่มุกทำลาย

มอนสเตอร์ทุกตัวที่ยืนนิ่งมานานต่างรีบพุ่งเข้าไปว่ายในคลื่นทะเลอันแสนบ้าคลั่ง น้ำทะเลพาพวกมันพ้นออกนอกกำแพง

และสิ่งแรกที่พวกมันทำ คือการล้างบางพวกมนุษย์ที่ขวางทางไม่ให้มันผ่านไป

*****

บนกำแพงเมือง

เนื่องจากทัศนวิสัยเป็นศูนย์ นักเวทหมดพลังและเพื่อไม่ให้ลูกธนูถูกใช้อย่างสูญเปล่า ทหารที่ประจำตำแหน่งใกล้ดันเจี้ยนจึงถูกสั่งให้เตรียมพร้อมอยู่เฉยๆ

ต่างกับฝั่งใกล้ประตูเมืองที่ระดมกำลังคนและอาวุธไปเติมอย่างไม่ขาดสายเพื่อทำการตอบโต้พวกงูทะเลคลั่งกับปลาดาวน้ำเดือด

และตอนที่พวกเขาไม่รู้และไม่ทันตั้งตัว ไข่มุกหลายร้อยลูกต่างกระจายตัวพุ่งเข้าชนกำแพงเมืองอย่างรุนแรง

กำแพงเมืองที่มีรอยแตกร้าวจากปลาดาวชุดแรกที่ทำไว้ยิ่งพังลงอย่างง่ายดาย

ด้านบนกำแพงถูกทำลายจนไม่เหลือเค้าเดิม ทหารแทบทุกนายปลิวว่อนไปบนท้องฟ้า

เศษหินขนาดใหญ่กับศพทหารมีทั้งกลิ้งทับกับตกใส่ทหารนอกเมืองตายไปอีกหลายร้อยทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มสู้

ฝุ่นควันคละคลุ้ง กำแพงเมืองเริ่มแตกร้าว บางจุดพังทลายลงมาเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่

อัศวินนอกเมืองค่อนข้างมากประสบการณ์จึงสั่งยิงในทันที

ลูกธนูกับเวทมนตร์จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปในช่องโหว่ของกำแพง สวนกันกับน้ำทะเลที่ทะลักออกมาพร้อมกับฝูงมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลหลากหลายชนิด

"ฆ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!"

หลังคำสั่งเปิดศึก ทุกคนก็ตะโกนคำเดียวกันกับคำสั่งดังไปทั่วสนามรบ

ฝ่ายมอนสเตอร์ยิงเวทธาตุน้ำรูปแบบต่างๆ มีสามง่ามที่ทนทานต่อเวทมนตร์ปาสวนกลับไป

ก่อนจะได้ปะทะกันในระยะประชิด แนวหน้าของทั้งสองฝั่งก็เล่นล้มตายกันเป็นเบือ

เพราะน้ำทะเลปริมาณมหาศาลทำให้หนามที่ปักหรือหลุมที่ขุดไร้ความหมายในทันที

น้ำทะเลซัดทหารแนวหน้าจนปลิวถอยหลังไปถึงเกือบกลางทัพ มอนสเตอร์ที่ว่ายมาตามน้ำจึงเข้าโจมตีกลางทัพได้ทันที

เกิดศึกระยะประชิดแบบตะลุมบอน มั่วซั่วไปหมด

ต่างฝ่ายต่างเข้าโรมรันฆ่าอีกฝ่ายกันอย่างดุเดือดจนน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม

ชิ้นส่วนอวัยวะของคนกับมอนสเตอร์ลอยเกลื่อนกลาด เสียงคำราม เสียงกรีดร้องและการฆ่าฟันดังขึ้นทั่วสนามรบ

บนหัวมีลูกธนูพุ่งเข้าประหัตประหารมอนสเตอร์ทั้งเจาะทะลุหรือเคลือบพิษและมีอาวุธสามง่ามทรงพลังที่ทะลวงร่างมนุษย์ได้นับสิบคนจากการปาเพียงครั้งเดียว

สูงขึ้นไปมีเวทมนตร์วิ่งสวนกันไปมาแน่นขนัดจนแทบบดบังท้องฟ้า บางเวทพุ่งเข้าปะทะกันและระเบิดตกใส่หัวของผู้โชคร้ายเบื้องล่าง

ไม่มีช่องว่างให้พักหายใจ ใครพลาดเท่ากับตายทันที