webnovel

สกิลกระจอกแล้วไง

Author: DaoistGfn3ZO
Fantasy
Ongoing · 18.8K Views
  • 28 Chs
    Content
  • ratings
  • NO.200+
    SUPPORT
Synopsis

เมื่อเด็กหนุ่มลูกชาวนาจน ๆ ตัดสินใจช่วยเหลือผู้อื่น จนทำให้ได้รับวิชาของระบบสกิลที่มีแต่คนดูถูก เขาจึงตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านและใช้ชีวิตที่สงบ แต่ด้วยความกระจอกของสกิลที่กระจอกจริง ไม่จกตา ก็ทำให้มีคนคิดที่จะมาเอาเปรียบเขา เด็กหนุ่มจะทำเช่นไร ด้วยสกิลที่มีเขาจะต้องสู้ยังไงถึงจะชนะพวกคนเลวเหล่านี้

Chapter 1วิชาเพื่อการเกษตร

หกปีก่อน "โลก" ถูกรุกรานโดยปีศาจร้ายจากต่างมิติ ทั่วโลกลุกเป็นไฟโดยฉับพลัน แม้จะมีเทคโนโลยีมากมาย แต่ก็ไม่สามารถสู้เวทมนตร์ของเหล่าปีศาจได้เลย จนกระทั่ง

"โอเอซิส" ผู้นำของเหล่าทวยเทพจากอีกฟากจักรวาลอันไกลโพ้น ได้ตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือมนุษยชาติ

กองทัพเทพผู้แข็งแกร่งเข้ารบรากับเหล่าปีศาจร้ายอย่างอาจหาญ ใช้เวลาเพียงแค่สามวันเหล่าปีศาจก็จำต้องถอยกลับไปยังมิติของตน แต่สักวันหากไร้ซึ่งเทพคุ้มครอง ปีศาจร้ายเหล่านี้ก็จะกลับมาอีกครั้ง

เหล่าทวยเทพ ที่แม้จะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ด้วยผู้ที่เดือดร้อนมิได้มีเพียงแต่มนุษย์เท่านั้น หากแต่ยังมีเผ่าพันธุ์อื่นอีกมากมาย นั่นทำให้เหล่าทวยเทพไม่สามารถอยู่ปกป้องมนุษย์ได้ตลอดไป

โอเอซิสผู้มีเมตตาจึงได้สร้างวงแหวนเวทย์ขนาดยักษ์ เพื่อปิดกันมิให้เหล่าปีศาจร้ายสามารถข้ามมิติมายังโลกมนุษย์ได้เป็นระยะเวลายี่สิบปี โดยในช่วงระยะเวลานี้ มนุษย์จะต้องฝึกฝนสิ่งที่เรียกว่า "ระบบสกิล" เพื่อเอาไว้ใช้ต่อกรกับปีศาจร้าย และปกป้องตัวเอง

ปี คศ. 2066

เด็กหนุ่มและเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีจำนวนมาก กำลังเข้าแถวอยู่หน้าประตูสีทองบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางสนามหญ้า ประตูบานนี้เหล่าทวยเทพได้ทิ้งเอาไว้ เพื่อให้มนุษย์สามารถเดินทางไปยังดินแดนของเทพ เพื่อขอเรียนรู้วิชาตกทอดประจำตระกูลของเผ่าพันธุ์เทพได้ โดยเด็กหนุ่มและเด็กสาวทุกคนจะถูกประเมินพลังและได้รับเหรียญทองตามระดับพลังของตน

บริเวณหน้าประตูทองคำที่สลักไปด้วยลวดลายอันวิจิตรศิลป์ เทพผู้ประเมินพลังกำลังยืนแจกจ่ายเหรียญทองให้กับเหล่าเด็กหนุ่มและเด็กสาวตามความเหมาะสม เทพเหล่านี้มีลักษณะเหมือนมนุษย์ แตกต่างก็เพียงว่าเทพทุกตนนั้นมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่งเป็นประกาย และดูสง่างามกันทุกตน

เทพผู้มีใบหน้าหล่อเหล่ามองหน้าเด็กสาวหน้าตาน่ารักตรงหน้า แล้วหยิบเหรียญทองออกมาจากถุงใส่เงินที่ทำจากหนังสัตว์

"สองเหรียญ"

เด็กสาวรับเหรียญไปโดยมีใบหน้าผิดหวังเล็กน้อย ยิ่งได้รับเหรียญมากเท่าไหร่แปลว่ายิ่งมีพลังมากเท่านั้น โดยสูงสุดที่มนุษย์เคยได้รับ คือ สี่เหรียญ

เทพหน้าหล่อมองหน้าเด็กหนุ่มคนต่อไปแล้วล้วงหยิบเหรียญออกมา

"หนึ่งเหรียญ"

หญิงวัยกลางคนมองท้องฟ้ายามบ่าย ก่อนจะเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังต่อแถวอยู่ แล้วเอาน้ำผลไม้ปั่นไปให้

"เป็นไงลูก ร้อนมั้ย"

เด็กหนุ่มรูปร่างสมส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบ เอามือขวาขยี้ผมสีดำของตัวเองแล้วหันมามองผู้เป็นแม่ด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาล

"ไม่เท่าไหร่"

"ดีแล้วลูก ตั้งสมาธิให้ดี เห็นป้าข้างบ้านบอกลูกเขาได้สองเหรียญเพราะทำสมาธิแล้วทำจิตให้นิ่ง"

เด็กหนุ่มได้ฟังก็โวยวาย

"แงะ ป้าข้างบ้านอีกละ แม่อ่ะ เลิกไปฟังอะไรจากคุณป้าข้างบ้านซะทีจะได้มั้ย"

"เอ๊า ก็ป้าเขาบอกมาแบบนี้นี่นา แม่หวังดี ก็เลยมาบอกลูกต่อนี่ไง"

เด็กหนุ่มเชิดหน้าใส่ แล้วไล่แม่ไป

"เหอะ ไปไป แม่ไปยืนพักในร่มนู่น ใกล้จะถึงคิวชีฟแล้ว"

"จ้า จ้ะ"

เด็กหนุ่มผู้มีนามว่าชีฟไล่แม่เสร็จก็เดินไปหาท่านเทพ เพราะถึงคิวตัวเองพอดี

เทพหน้าหล่อจ้องมองชีฟอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะล้วงหยิบเหรียญออกมา

"สามเหรียญ"

เสียงพูดของท่านเทพ ทำให้ทุกคนพากันมองมาที่ชีฟด้วยความอิจฉา

ชีฟหันหน้าไปหาแม่แล้วชูเหรียญทองให้ดูอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะหันหน้าไปทางประตูที่เรืองแสงสีทองอร่ามออกมาต้อนรับ

เมื่อชีฟเดินเข้ามา เขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในสถานที่ที่คล้ายกับตลาดนัดถนนคนเดิน โดยสองฟากฝั่งนั้นมีประชาชนชาวเทพมากมายตั้งแผงลอยขายวิชาของตัวเองอยู่ ซึ่งแต่ละวิชาก็มีราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยแพงที่สุดจะมีราคาอยู่ที่สามเหรียญทอง

แผงลอยแต่ละร้านจะมีกระดาษอธิบายวิชาวางเอาไว้ ชีฟเดินเข้าไปหยิบของร้านต่าง ๆ มาอ่านเพื่อตัดสินใจ เมื่อได้กระดาษข้อมูลมาแล้วเขาก็หาม้านั่งสักตัวเพื่อนั่งอ่านข้อมูลสกิลที่เขาไปหยิบเอามา

"วิชานักดาบ ใช้ดาบในการตู้สู้ได้หลากหลายรูปแบบ และสามารถใช้สกิลสร้างปีกให้ตัวเองไว้สำหรับบินได้ด้วย อืม ถ้าบินบนท้องฟ้าได้ก็เจ๋งดีนะ"

ชีฟหยิบอีกหลายใบขึ้นมาอ่าน หลายแผงลอยมีเด็กหนุ่มและเด็กสาวไปมุงดูกันเป็นจำนวนมาก ด้วยเทพเจ้าของวิชาบางตนที่อยากได้เหรียญทอง ก็มักจะโชว์วิชาของตนให้ดูต่อหน้าต่อตาเลย

ชีฟอ่านกระดาษอธิบายวิชาจนหมด ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบจากร้านอื่นที่เขายังไม่ได้หยิบมาอ่าน ชีฟเดินไปได้สักพัก ก็ไปสะดุดตากับเทพชายชราตนหนึ่งเข้า

เทพชายชรานั่งขายวิชาของตนอยู่ริมถนน ตรงหน้าของชายคนนี้มีเพียงแค่เหรียญสอนวิชาเพียงสามเหรียญวางอยู่ ไม่มีโต๊ะไม่มีแผงลอย ไม่มีแม้แต่กระดาษอธิบายวิชา

เทพหญิงสาวผู้มีผมสีทองยาวและดูงดงามคนหนึ่งเดินมาข้างหลังชายชรา ก่อนจะพยายามพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น

"พอเถอะค่ะพ่อ ไม่มีใครซื้อวิชาของเราหลอก"

เทพชายชราขืนตัวและปฏิเสธ

"แค่สามเหรียญเองลูก แค่สามเหรียญเราก็จะมีเงินทุนไปหมุนเวียนต่ออายุให้กับกิจการของเรา"

ชายชรายังคงมีความหวังว่าวิชาของเขาจะขายได้ สักสามเหรียญก็ยังดี

ชีฟที่ฟังภาษาเทพออกเพราะเรียนมาบ้าง ก็เดินเข้าไปหาและสนทนาด้วย

"สอนวิชาอะไรเหรอครับ"

เทพหญิงสาวและชายชรามองหน้าชีฟ ก่อนจะเป็นเทพหญิงที่ตอบให้

"แค่วิชาเกษตรพฤกษาธรรมดาน่ะค่ะ ไม่มีอะไรน่าสนใจหลอก ขอโทษด้วยนะคะที่รบกวน"

ชีฟเลิกคิ้วแล้วถามต่อ

"มันเป็นยังไงเหรอครับ เกษตรพฤกษา"

"ก็ ทำไร่ทำสวน ปลูกพืชสมุนไพรขาย แค่นี้เองค่ะ"

พูดจบเทพหญิงก็พยายามจะดึงพ่อตัวเองให้ลุกขึ้น

"ไปกันเถอะค่ะพ่อ"

ชีฟมองทั้งสองคนอย่างสงสัย แล้วคิดในใจ

'เผ่าพันธุ์เทพมีลำบากกันด้วยเหรอ เหมือนมนุษย์เลยแฮะ'

ชีฟมองเหรียญสอนวิชาที่เทพหญิงกำลังจะก้มหยิบ แล้วรีบชิงหยิบทั้งสามเหรียญมาไว้ในมือ ชีฟมองดูเหรียญสีเขียวในมือ ก่อนจะเงยหน้ามองเทพหญิงแล้วส่งเหรียญทองสามเหรียญของตัวเองให้

เทพหญิงมีท่าทีอึกอัก เทพชายชราจึงเอื้อมมือมาหยิบไปหนึ่งเหรียญพร้อมความรู้สึกขอบคุณ

"วิชาของปู่มีราคาแค่เหรียญเดียวเท่านั้นลูก แล้วเหรียญในมือลูกก็เป็นวิชาเดียวกันทั้งหมด ขออีกสองเหรียญคืนให้ปู่นะ"

วิธีเรียนวิชาคือบีบเหรียญให้แตกใส่ตัวเอง หากบีบเหรียญต่างกันสองวิชา คนคนนั้นก็จะได้รับวิชาไปทั้งสอง แต่หากเป็นวิชาเดียวกัน ก็จะไม่ได้อะไรจากเหรียญที่สอง

ชีฟบีบเหรียญทั้งสามให้แตกพร้อมกันอย่างจงใจ ก่อนจะทำหน้าตกใจอย่างเสแสร้ง

"อุ้ย ผมเผลอทำแตกหมดเลย ถือว่าชดใช้ให้ละกัน"

ชีฟยัดเหรียญสองเหรียญใส่มือของเทพชายชรา แล้วหันหน้าเดินกลับไปที่ประตูทางเข้า โดยไม่หันไปมองเทพทั้งสองตนที่มองมาทางเขาด้วยสายตาที่งุนงง แต่ในสายตานั้น ก็มีความรู้สึกอื่นแฝงมาด้วย นั่นคือความรู้สึกขอบคุณ

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ภายในโรงยิมสำหรับฝึกซ้อมกีฬาในสถาบันสกิลศาสตร์แห่งประเทศไทย นักศึกษาสกิลหลายคนกำลังนั่งฟังที่อาจารย์สาวอธิบายอย่างใจจดใจจ่อถึงวิธีการใช้ระบบสกิล

"เอาละนักศึกษา อาจารย์ขอให้พวกเธอพูดคำว่า System (ซิด-เท่ม) เพื่อเรียกดูหน้าต่างข้อมูลสกิลของตนเอง"

นักศึกษาหลายคนที่ได้ฟังก็พูดตาม ก่อนจะมีหน้าจอโฮโลแกรมสี่เหลี่ยมขนาดเล็กโผล่ออกมาตรงหน้าตัวเอง ชีฟที่นั่งอยู่หลังสุดลองเอามือไปจับที่ปลายขอบแล้วลากดู ก่อนจะพบว่ามันสามารถขยายใหญ่ได้ด้วย

อาจารย์สาวมองนักศึกษาแต่ละคนที่เรียกหน้าจอโฮโลแกรมออกมาได้แล้วก็พูดต่อ

"เอาละ ทีนี้ขอให้พวกเธออ่านดูข้อมูลสกิลของวิชาตัวเองแล้วนำสองข้อนี้มาแจ้งอาจารย์ หนึ่ง สกิลของพวกเธอที่เปิดให้ใช้งานได้ในตอนนี้มีอะไรบ้าง สอง วิธีเพิ่มระดับของขีดค่าประสบการณ์คืออะไร ถ้าใครได้แล้วก็ให้มาแจ้งเลยนะ"

ชีฟที่ฟังจบก็มองเมนูข้อความหลายข้อความที่ปรากฏขึ้นมา ก่อนจะจิ้มใส่คำว่าเปลี่ยนภาษาแล้วเลือกภาษาของตัวเอง ซึ่งก็คือภาษาไทย ในที่สุดชีฟก็อ่านชื่อวิชาของตัวเองออก

"เกษตรพฤกษา ตามที่เทพบอกจริงด้วยแฮะ"

เมื่อรู้ชื่อสกิลแล้วก็กดเลือกเมนูแสดงข้อมูลสกิล ซึ่งสกิลที่เปิดใช้งานอยู่จะเป็นไอคอนสี่เหลี่ยมที่ภาพตรงกลางจะมีสีสัน ส่วนอันไหนที่ยังใช้ไม่ได้จะเป็นสีเทา ชีฟมองไอคอนที่มีกรอบสีขาวแล้วเริ่มอ่านทีละอัน

"พรวนดินหนึ่ง เพิ่มพูนสารอาหารหนึ่ง ดูดกลืนสารอาหารหนึ่ง รดน้ำหนึ่ง เร่งโตหนึ่ง"

จากนั้นชีฟก็เลือกเมนูที่เขียนว่าเงื่อนไขการเพิ่มขีดค่าประสบการณ์

"ทำให้พืชที่ตนปลูกมีประโยชน์กับตนเอง"

ชีฟเลิกคิ้ว แต่ก็พอจะเข้าใจความหมายของมัน จากนั้นเขาก็เดินไปแจ้งอาจารย์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครมาแจ้งเลยสักคน

อาจารย์ที่ได้ฟังความสามารถสกิลก็ถึงกลับอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วตะโกนถามเสียงดัง

"นี่มันวิชาอะไรของเธอเนี่ย!"

You May Also Like

บาเบลูน สงครามแห่งทวยเทพ

ในอดีตยุคที่มนุษย์ได้รุ่งเรืองอย่างขีดสุด เหล่ามนุษย์เกิดความสามัคคีปรองดองกันปราศจากสงคราม ทำให้เหล่ามนุษย์เกิดความคิดที่อุกอาจขึ้นมา โดยมีประเทศที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด โซอูล่า เป็นแกนกลาง คิดสร้างหอคอยที่เชื่อมต่อจากไปยังสรวงสวรรค์เพื่อทำให้มนุษย์ทุกคนกลายเป็นเทพเจ้า แต่แล้วความคิดที่เหิมเกิมนั้นทำให้เหล่าเทพเจ้าเกิดความพิโรธ จึงได้สาปหอคอยแห่งนั้นให้กลายเป็นสถานที่ให้กำเนิดเหล่าอสูรกายและปลดปล่อยเหล่าสัตว์ร้ายนั้นออกมาลงทัณฑ์เหล่ามนุษย์ มนุษย์ที่ต้องพบกับภัยพิบัติอย่างกระทันหันทำให้สูญเสียดินแดนไปส่วนนึง จึงสามารถยับยั้งการบุกรุกของเหล่าอสูรได้ และตั้งแต่นั้นมาสงครามระหว่างมนุษย์กับอสูรจึงอุบัติขึ้น เทพแห่งมนุษย์ผู้ช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดกล่าวเอาไว้ว่า มีเพียงทางเดียวที่หยุดการรุกรานของเหล่าอสูรได้ คือต้องมีมนุษย์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอคอยต้องสาปนั้น แต่ทว่าจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทำได้สำเร็จแม้จะพัฒนาทั้งทักษะและเทคโนโลยีมามากมาย ความหวังล่าสุดที่มนุษย์สร้างขึ้นคือ ทีมโรซิมาน หัวหน้าทีมคือชายที่ได้สมญานามว่าแข็งแกร่งที่สุดในรอบ500ปี และเหล่าลูกทีมที่พร้อมไปด้วยพรสวรรค์และเทคโนโลยี แต่สุดท้ายภารกิจก็ล้มเหลวและมีเพียงซัพพอตเตอร์เพียงคนเดียวที่รอดกลับมาได้จากการบุกหอคอยแห่งนั้น ทว่าในประวัติศาสตร์ ทุกเรื่องราวย่อมมีอีกมุมนึงที่ไม่ได้ถูกเล่าขาน และเรื่องราวทีท่านอ่านไปข้างต้นก็เช่นเดียวกัน ถ้าอยากรู้ความลับของเรื่องราวนี้นั้นก็เชิญท่านติดตามอ่าน บาเบลูน สงครามแห่งทวยเทพได้เลย

DaoistgYhiXD · Fantasy
Not enough ratings
3 Chs

ทรราชเกิดใหม่ไหงกลายเป็นพ่อคนได้เนี่ย

หน้าที่เก่าคือจัดการกับปีศาจสุดเขตจักรวาลที่มารุกราน อาจเพราะข้าแข็งแกร่งเกินไปพวกเทพเจ้าจึงหวาดกลัว และด้วยพันธสัญญาสัจประทับกายจึงทำให้ข้าไม่สามารถโจมตีเทพเจ้าบัดซบได้ เมื่อพวกมันรู้จุดนี้ก็แห่มาบูลี่ กดดันกีดกันวิถีชีวิตของข้า สร้างความรำคาญเนิ่นนานไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งข้าเบื่อ ไหนๆก็ไม่สามารถโจมตีพวกแม่งนั้นได้ อีกทั้งข้าอยู่นานจนไม่รู้จะอยู่ไปทำไม วันๆเอาแต่ฆ่าปีศาจ เลยตัดสินใจทำลายตัวเองไปสู่ความสงบนิรันดร์ แต่ไหงกลายเป็นว่ามาเกิดใหม่ได้เนี่ย แถมยังกลายเป็นพ่อคนอีก ที่สำคัญที่สุดคือทุกอย่างในอดีตได้ตามมาหลอมรวมกับร่างกายใหม่ ยกเว้นแต่พันธสัจประทับกายที่ไม่มีอีกแล้ว หึ ในเมื่อไม่มีพันธนาการบัดซบ ชาตินี้ขอตบเทพให้เลือดกบปากเลยละกัน

AU_Warawat_Norkham · Fantasy
Not enough ratings
10 Chs