แดดรอนๆยามทินกรจะลับเหลี่ยมเมฆา ท้องฟ้าเปล่งประกายสีแสดจ้าสวยสดงดงามดั่งภาพวาดที่ถูกจินตนาการขึ้น สานลมหนาวเริ่มพัดเอื่อยๆบ่งบอกว่าใกล้ถึงฤดูหนาวอย่างเต็มตัว บ้านไม้หลังเล็กบนยอดเขาในภาคเหนือของประเทศกลับอบอุ่นไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังเล่าเรื่องราวต่างๆรอบๆกองไฟกองเล็กๆที่ก่อขึ้น
" เรื่องนี้น่ากลัวเกินไปแล้วนะคะคุณอัญ...ตัวแบบนั้นจะมีจริงๆหรือคะ" ริสากอดเด็กชายตัวอวบอ้วนเอาไว้ในอ้อมแขนรู้สึกสยดสยองไปกับเรื่องเล่าของอัญชัน
" มีจริงสิริสา...ตอนเด็กๆฉันก็เคยเห็นมากับตานะ...มีแต่หัวกับเครื่องในลอยไปๆมาๆหน้าซีดๆขาวๆสยดสยองพิกล" อัญชันเล่าย้ำถึงอมนุษย์ชื่อดังที่คนทะ่วประเทศไทยได้รู้จัก เธอรู้สึกเหมือนโดนเบียดโดยคนร่างยักษ์กับร่างบางๆที่กอดลูกชายของเธอเอาไว้แน่นอก
" ผีหรือวิญญาณมันต้องโปร่งแสงเป็นเงาขาวๆไม่ใช่หรือครับ" เรนดอลฉงนสงสัย
" นั่นน่ะวิญญาณค่ะแต่อมนุษย์ที่ฉันเล่านั้นเป็นกึ่งผีหรือวิญญาณค่ะดวงไฟของมันจะส่องแสงแวววาวสุกๆเหมือนลูกไฟและชอบกินของสกปรกค่ะ" อัญชันเล่าขยี้ความน่ากลัวทว่า ใบหน้าของเรนดอลกลับเบิกโพลงดวงตาค้างเติ่งอยู่กับลูกไฟที่วับๆแวมๆตรงข้างนอกรั้ว
"บะ...แบบนั้นเหรอคะ...ครับ!!!" เรนดอลชี้สั่นๆไปยังจุดที่ดวงไฟดวงนั้นสั่นไหว เงามืดที่แฝงเร้นกายในเงาไม้ใต้อาทิตย์อัศดงในหน้าหนาวสั่นไหวไปมา
" ใช่ค่ะ...กะ...กรี๊ดดดดด!!!" อัญชันหันไปมองจุดที่เรนดอลชี้ พลางกรีดร้องตกใจเพราะเรนดอลกระโดดข้ามกองไฟเข้ามากอดริสาเอาไว้ด้วยตัวยักษ์ใหญ่ที่สั่นเทาไม่ใช่แค่เรนดอลที่กระโดดข้ามกองไฟแต่ว่าร่างสูงกำยำที่นั่งเบียดเธออยู่ข้างๆก็กอดเธอเอาไว้จนแน่นไม่ต่างกัน
" แหม่ๆๆๆๆรักกันดีจริงๆ" เสียงอันอบอุ่นที่แสนคุ้นหูดังขึ้นเสียงๆนั้นอัญชันจำได้ว่าเธอคิดถึงเจ้าของเสียงนั้นมากแค่ไหน เงาร่างสองเงาปรากฏขึ้นพร้อมกับดวงไฟที่เป็นไฟฉายสีแปลกๆร่างที่เคยอวบอ้วนเมื้อตอนนั้นกลับผอมบางจนเห็นได้ชัดเจนแต่ดวงหน้าที่แสนอบอุ่นของนภัทรากลับไม่เคยเปลี่ยนไป อีกเงาร่างคือเอเลนที่เดินตามหญิงสาวมาอย่างเหนื่อยอ่อนดูท่าทางแล้วคงจะถูกนภัทราดุมาเเน่นอน
" พี่ฟ้า!!!" อัญชันสบัดกายออกจากอ้อมแขนเกร่งแล้ววิ่งตรงไปหาร่างบางนั้นอย่างแสนคิดถึง สองสาวสวมกอดกันด้วยความสุดแสนจะคนึงหา
" น้องคิดถึงพี่...โอ๊ย!!!!"
เสียง "เพี๊ยะ!!" ดังลั่นลานบ้านหน้าผากมนปรากฏรอยแดงเป็นปื้นใหญ่พร้อมรอยมืออีกสี่รอย
" อย่ามาทำดราม่า...เป็นแกเองที่ไม่ยอมติดต่อฉันยัยซื่อบื้อ!!!รู้ไหมว่าฉันกับยัยดาวเป็นห่วงแกมากแค่ไหน!!!จะซื่อบื้อก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง!!!นี่ทำร้ายหัวใจตัวเองไม่พอยังจะทำร้ายหลานฉันอีกแล้วนี่อะไรกันคนเขาอุตสาห์บินข้ามโลกข้ามทะเลมาง้อยังจะเล่นตัวเล่นแง่อีก...ยัยอัญ!!...จะมีผู้ชายอีกกี่คนบนโลกที่ละทิ้งทุกอย่างมาหาผู้หญิงเพียงคนเดียวกันห๊ะ!!!!" คำเทศนาที่ถูกร่ายยาวจนหูชาออกมาทันทีที่เจอหน้ากันครั้งแรกในรอบห้าปีของหญิงสาว ทว่าอัญชันกลับรู้สึกดีใจที่ได้ยินคำบ่นของคนๆนี้
" น้อง....ก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันนะพี่..ถึงยอมจากมาไง...งือออ" อัญชันน้ำตารื้นไม่ใช่เพราะเจ็บแต่เป็นเพราะเธอเหมือนปลดบางอย่างในใจตัวเองเสียมากกว่า
" ตอนนี้ฉันหิว ฉันหนาว และเหนื่อยมากเพราะคนบางคนดันลืมเติมน้ำมันรถถึงได้เดินมาเกือบสิบกิโลเนี้ยะ!!!...เอาข้าวมาก่อนค่อยพูดกันเร็ว!!!จะกินหัวแกแทนข้าวแล้วนะ!!!" นภัทราปาดน้ำตาที่รื้นของอัญชันอย่างอบอุ่นหญิงสาวเดินจูงมือนภัทราไปนั่งข้างๆกองไฟก่อนจะขอให้ริสาที่นั่งหน้าแดงก่ำลุกไปตักข้าวและเนื้อที่หมักอยู่ในตู้เย็นมาเพื่อเริ่มงานปาร์ตี้เล็กๆต้อนรับลมหนาว
ท้องนภาผลัดสีนานแล้วดวงดาราดาษดื่นขึ้นเต็มผืนฟ้ากว้างราวกับเพรชจรัสแสงที่ปักอยู่บนผ้าสีดำสนิทเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมทั่วผืนป่าขับกล่อมบรรเลงเป็นบทเพลงแห่งพงไพรที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน กองไฟเล็กๆที่ถูกจุดขึ้นมาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นไหววูบไปตามแรงลมที่ยิ่งดึกยิ่งหนาว แถงแง่งฟ้าระย้างามบนปลายนภาสีดำส่องแสงนวลเด่นหราจนทำให้ผืนพสุธาสว่างด้วยแสงนวลงามตา
บทสนทนาถามไถ่ต่างๆในวงล้อมรอบกองไฟนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนานเรื่องน่ากลัวบ้าง เรื่องสนุกบ้าง เรื่องสยองบ้าง หรือแม้แต่เรื่องตลกโปกฮาก็ถูกหยิบยกมาพูดสร้างอรรรถในวงสนทนาได้เป็นอย่างดี จวบจนร่างอวบอ้วนที่กำลังเห่อคุณป้านั้นม่อยหลับไปในอ้อมแขนของริสา หญิงสาวจึงขันอาสาที่จะพาเด็กชายตัวน้อยเข้านอน เรนดอลกับเอเลนก็รู้สึกเหนื่อยจึงขอตัวไปพักผ่อน ส่วนไลอาร์ก็ขอตัวไปทำธุระส่วนตัวจนในที่สุดก็เหลือเพียงสองสาวที่กำลังพูดคุยกันอยู่
" ภูผานิสัยเหมือนพ่อเขาไม่มีผิด...ทั้งสุภาพและน่าเอ็นดู...แกเลี้ยงลูกได้ดีนะยัยอัญ" นภัทราเปิดหัวข้อการสนทนาเมื่อทั้งคู่เหลือกันอยู่แค่สองคน
" ใช่พี่...แต่กินจุมาก...ดูสิหมดข้าวไปถึงสองจานนมอีกสองกล่องผลไม้อีกขนมอีก...จะเลี้ยงจนโตไหวไหมนะ..ฮิฮิ" แววตาฉายถึงความสุขทว่าอีกคนที่มองอยู่กลับฉายแววราวกับจะเฉือดเฉือนอีกฝ่าย
" เลี้ยงไม่ไหวก็ให้พ่อเขาช่วยเลี้ยงสิ...แกจะคิดมากทำไม" เธอพูด
"....พี่ฟ้า!!!คนแบบน้องไม่ควรไปเป็นนายหญิงของใครหรอก" อัญชันคัดค้านนัยตาที่เคยสุกสกาวกลับอ่อนแสงลง
" นี่แหน่ะยัยซื่อบื้อนี่!!!"
" โอ๊ย!!!พี่ฟ้า!!!" อัญชันลูบแขนป้อยๆเพราะเจ็บที่โดนมือบางหยิกจนเกิดรอยแดง เห็นทีเธอคงต้องโดนตบตีจนช้ำแน่ๆหากถูกนภัทราดุอย่างนี้บ่อยๆ
" ทำไมแกตีคุณค่าของตัวเองได้ต่ำนัก!!!ยัยอัญ!!!แกอย่าเอาอดีตมาตีบรรทัดฐานอนาคตของแกสิยัยบื้อ!!! มัวแต่เหยียบย่ำตัวเองในอดีตซ้ำๆแบบนี้เมื่อไหร่แกจะหลุดออกจากลูปเดิมเสียทีล่ะ!!" นภัทราแนะ คำพูดของเธอทำให้อัญชัญฉุกคิดขึ้นมาได้ทว่าบางสิ่งบางอย่างยังคงตรึงความคิดของเธอเอาไว้ นภัทรามองแววตาที่มองไกลไปยังกองไฟข้างหน้าเธอรู้ว่าความคิดกับความรู้สึกของหญิงสาวนั้นกำลังตีกันอยู่ภายในใจ
" อัญ...หากเป็นแก...แกจะออกตามหาคนที่พึ่งรู้จักกันไหม?" นภัทรายิงคำถามเพื่อกระตุ้นให้หญิงสาวคิดได้เสียที
"ไม่หรอกพี่..จะตามหาเขาทำไม"
" แล้วหากคนๆนั้นเป็นคนที่แกรักทั้งหมดหัวใจมอบทุกอย่างให้ไปแล้วและอยากอยู่ข้างๆกันชั่วนิรันดร์ละ...จะตามหาไหม?"
" กะ...ก็อยากตามหาอยู่หรอก"
" ตอนแกตัดสินใจทิ้งเขามา...ไม่เจ็บปวดบ้างเหรอ...หรือแกไม่ได้รักเขา"
" ไม่นะพี่...น้องไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้กับเขาน้องรู้ว่าเขารักน้องมาก...แต่หากว่าการมีน้องอยู่กับเขามันขัดขวางความเจริญของเขาน้องก็ไม่อยากเป็นแบบนั้นหรอก" อัญชันระบายความในใจออกมาเธอรู้สึกว่าความอึดอัดนั้นพรั่งพรูออกมาจากใจจนทำให้เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
" งั้นลองคิดกลับกันหากภูผาหายไปแกจะเป็นยังไง"
" ถามอะไรแปลกๆนะพี่ลูกทั้งคน...น้องก็ต้องใจแทบขาดอยู่แล้วสิ!!"
" นั่นไงยัยบื้อ..คนที่แกรักหายไปใจยังจะขาดรอนๆคิดถึงคุณไลอาร์สิ...เมียหายทั้งคนไม่แทบสิ้นใจตายเหรอ!!...ยัยอัญ...เอเลนเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วนะ...คุณไลอาร์ถึงกับต่อสู้เพื่อแกทุกอย่างเสียเงินและเวลาไปมากยอมละทิ้งราชวงศ์เพื่อแกคนเดียว!!!แกยังจะมางี่เง่าอยู่แบบนี้อีกเหรอ?? อัญชัน...จะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ที่ยอมเสียสละขนาดนี้เพื่อรักแท้แบบแกคนเดียว!!!พ่อแกยังไม่เสียสละให้แกขนาดนี้แม่แกยังจะเห็นแก่ตัวขนาดนั้นผู้ชายที่ผ่านมาของแกยังไม่มีใคนจะให้แกได้ขนาดนี้!!!แกยังจะลังเลอะไรอีก!!!" นภัทรารู้สึกคอแห้งผากที่ร่ายยาวคำเทศนาเพื่อให้คนสมองทึบข้างๆได้เข้าใจถึงสิ่งที่เธอจะสื่อ
"..." อัญชันได้แต่เงียบคิ้วบางขมวดแน่นเป็นปม
" แกรักเขาไหม"
"...รัก...."
" แล้วรออะไร???รอให้ใครมาตัดริบบิ้น???รอให้คนอื่นมาแย่งเขาไปงั้นเหรอ???ความอดทนคนเรามีจำกัดนะอัญชัน...แกอาจจะหยิ่งผยองที่เขามาง้อทั้งๆที่แกผิดที่ไม่เคลียร์กับเขา..แต่แกเองนั่นแหล่ะยัยคนซื่อบื้อ!!ที่จะเจ็บปวดเพราะทิฐิกับอคติบ๊องตื้นของแกเนี้ยะ!!!" นภัทรารู้สึกอย่างเคาะหัวเพื่อนรักน้องรักคนนี้ของเธอเหลือเกินแต่กลัวผิวขาวราวกับหินอ่อนนั้นจะเขียวช้ำจนจะดูเป็นการทารุณกรรมไปเสียมากกว่า
' หมั่นใส้ว้อยยยยย!!!' เธอกรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง
" น้องเข้าใจแล้วพี่ฟ้า...ที่พูดมาก็ถูกทั้งหมด...แต่เขาจะคิดยังไงกับน้องล่ะถ้าน้องใจอ่อนง่ายๆ" คนซื่อบื้อยังคงตั้งแง่จนนภัทราทำสีหน้าปลงจากโลกใบนี้ไปแฝเสียแล้ว
"ง่ายจะตาย...แกก็ถามเขาสิ" นภัทราพยักหน้าไปทางร่างสูงที่หอบผ้าห่มผืนหนามาทางหญิงสาว
" ดึกกว่านี้คงหนาวฉันไปอาบน้ำก่อน...อยากรู่อะไรให้ถาม..ไม่ใช่กลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก...จำไว้ยัยซื่อบื้อ!!!" ร่างบางลุกขึ้นแล้วเดินเข้าบ้านไปปล่อยให้ค่ำคืนนี้เป็นของสองสามีภรรยาเขาได้เคลียร์ใจเสียที