"ใครจะเล่นต่อ"
"ฉัน!!!" มือบางยกขึ้นสูงหลังฝูงชน แต่เห็นเพียงปลายนิ้วเท่านั้น
"คุณหนู!!!"
"คุณหนูเจ้าคะ! ไม่…คุณหนู!!" นางไม่ทันได้พูดสิ่งใด ชาวบ้านก็เปิดทางให้นายของตนเข้าไปด้านในศาลาและปิดวงล้อมอย่างรวดเร็ว อาหมิงกระโดดโหยง ๆ เพื่อจะมองเข้าไปด้านในแต่เห็นเพียงแค่หัวคนมากมายเท่านั้น
เฮ่อซินหมิงก้าวขึ้นเข้ามาในศาลาก่อนจะนั่งลงที่เบาะสีตุ่นตรงข้ามกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาหมดจดในอาภรณ์สีขาวสะอาด
เมื่อชายหนุ่มเห็นสาวน้อยตรงหน้าก็ตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะส่งยิ้มให้ ใบหน้ากระจ่างหมดจด คิ้วเรียวราวใบหลิวอยู่เหนือดวงตาสีอำพันกลมโตเฉียงขึ้นเล็กน้อยดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่ง จมูกเล็กเข้ากับปากอวบอิ่มได้รูป เขายังไม่เคยเห็นสตรีใดที่งดงามและน่ารักเช่นนี้มาก่อน ดูแม่นางผู้นี้แต่งกายไม่เหมือนชาวบ้านแถวนี้ ดูคล้ายกับคุณหนูจากตระกูลใหญ่ แต่เนื้อผ้าที่สวมกลับธรรมดายิ่งซ้ำยังมีรอยปะเย็บเต็มไปหมด อาจเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ที่กำลังตกอัป
"โอ้! วันนี้ลมอันใดหอบคุณชายและคุณหนูจากต่างถิ่นมาหมู่บ้านของเรากัน" เสียงชราของชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นส่งเสียงกันอย่างแปลกใจและยินดี
"นั่นสิ คุณชายตั้งใจมาปล่อยโชคให้เราหรือไรกัน ถึงได้มาท้าทอยเต๋าเช่นนี้" หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดขึ้น ทุกคนต่างชื่นชมคุณชายผู้นั้นยกใหญ่
ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวยิ้มก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน "ข้าแค่ผ่านมาและอยากจะเล่นสนุกก็เท่านั้น อีกอย่างตามกฏที่ข้าตั้งไว้ก็คือพวกท่านวางของเดิมพันสิ่งใดก็ได้มาไม่ว่าจะมีค่าหรือไม่มีค่า อีกอย่างพวกท่านบางคนก็แพ้ข้าไปแล้วก็ถือว่าข้ามิได้เสียหายสิ่งใด"
"แต่คุณชายวางเดิมพันเป็นทั้งเงินอีแปะและของมีราคามากมาย คุณชายจะไม่ขาดทุนหมดตัวไปก่อนหรือ?" เสียงแหลมของสตรีวัยยี่สิบปีเอ่ยด้วยท่าทางขัดเขินและเป็นห่วง เพราะชาวบ้านที่มาเล่นหลายคนยังนำของมีค่าของตนมาเดิมพันเช่น ข้าวสาร ผ้าไหม พอชนะก็ได้ของเดิมพันของคุณชายเป็นถึงปิ่นเงิน เงินอีแปะไปโดยไม่เสียของมีค่าของตนเลย แต่ก็มีหลายคนยิ่งกว่า เอาก้อนหินมาวางเดิมพันบ้าง เอาท่อนฟืนมาวางเดิมพันบ้างแต่ชนะก็ยังได้ของมีค่าที่คุณชายผู้นี้วางเดิมพันไป บางคราที่คุณชายชนะก็ได้ของเดิมพันไปเช่น ขวานบ้าง ขี้หมูบ้าง ก้อนหินบ้าง แต่คุณชายดูไม่มีอาการเสียหน้าหรือโกรธเกรี้ยวเลยแม้แต่น้อย
"ข้าวของทุกสิ่งล้วนหาใหม่ได้ วันนี้ข้าหมดตัวไม่ได้หมายความว่าข้าจะหมดอนาคตเสียหน่อย" เสียงสตรีหลายคนร้องขึ้นอย่างถูกใจยิ่ง
ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มให้กับทุกคนก่อนจะหันมาหาสตรีหน้าตาน่ารักที่นั่งทำตาโตอยู่ตรงหน้า สตรีนางนี้แปลกนัก ทำตาโตมองเขาบ้างแล้วมองสิ่งของบนพื้นด้วยความสนอกสนใจราวกับมิได้ยินเสียงใดที่อยู่รอบกายแม้แต่น้อย
"แม่นางเคยเล่นทอยเต๋าหรือไม่?" เขาถามสตรีร่างบอบบางที่นั่งเอียงคอทำหน้าครุ่นคิดตรงหน้า
"ไม่เคย" เสียงหวานใสดุจน้ำผึ้งเอ่ยออกมาจากริมฝีปากเล็ก ๆ
"วิธีเล่นนั้นง่ายมาก เพียงแค่เจ้าทอยลูกเต๋าสามลูกนี้ลงในถ้วยพร้อมกัน หากเจ้าทอยได้สี่ ห้า หก เจ้าก็จะชนะทันที แต่หากเจ้าทอยได้ หนึ่ง สอง สาม เจ้าก็จะแพ้ทันที แต่ถ้าหากทอยได้จำนวนเลขต่างกันทั้งสามลูก จะถือว่าเจ้าไม่ได้แต้ม หากเจ้าทอยได้สองลูกเหมือนกัน แล้วมีลูกหนึ่งที่มีจำนวนตัวเลขต่างออกมา ก็จะนับแต้มตามลูกนั้นที่มีจำนวนต่างจากทั้งสองลูก ได้แต้มมากกว่าถือว่าชนะ หากทอยลูกเต๋าแล้วกระเด็นออกจากถ้วยก็จะถือว่าแพ้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?"
สาวน้อยตรงหน้าขมวดคิ้วเอียงคอก่อนจะเอ่ยด้วยความงุนงงยิ่ง "ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลย"
ชายหนุ่มหัวเราะอย่างขบขันและจนใจ "เอาเถิด ลองเล่นดูแล้วเจ้าจะเข้าใจเอง"
อาหมิงพยายามคลานเข้ามาท่ามกลางฝูงชน มีคนเหยียบนางไปตั้งหลายรอบ โชคดีที่เข้ามาถึงในศาลาที่มีคุณหนูนั่งอยู่จนได้
" ของเดิมพันอย่างที่ข้าได้กล่าวไป เจ้าจะนำสิ่งใดก็ได้มาวางเดิมพัน"
อาหมิงได้แต่ครุ่นคิด คุณหนูไม่มีของมีค่าติดตัวเลยสักชิ้น แล้วจักทำอย่างไรดี อาหมิงคลำรอบตัวเองแต่ก็ไม่พบของอะไรติดตัวเองสักชิ้นเช่นกัน นางจะช่วยคุณหนูอย่างไรดี?...
"อืม…ถ้าอย่างนั้นเอากำไลนี่ก็แล้วกัน" เห็นคุณหนูกำลังจะถอดกำไลเส้นเล็กที่ข้อมือออกอาหมิงตกใจรีบพุ่งเข้าไปห้ามทันที
"ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู! นี่เป็นของเพียงชิ้นเดียวที่มีค่าที่สุดของคุณหนูแล้ว หากเอาไปวางเดิมพันท่านจะไม่เหลือสิ่งใดที่มีค่าติดตัวท่านแล้วนะเจ้าคะ!"
ชายหนุ่มปรายตามองสร้อยข้อมือที่ข้อมือบอบบาง นี่ก็เป็นแค่ทองเส้นเล็กมากที่คนทั่วไปแทบจะหาซื้อได้ หรือเขาคิดผิดไปว่านางมาจากตระกูลใหญ่
"ถ้านี่เป็นของมีค่าที่อยู่ติดตัวฉัน วางเดิมพันไปก็ไม่เป็นไรหรอก" สาวน้อยวางกำไลลงอย่างไม่ลังเล
"คุณหนู" อาหมิงร้องเสียงอ่อยแต่คุณหนูของนางก็ไม่สนใจเสียแล้ว
"มา!…เริ่มได้เลย" เสียงกระตือรือร้นของสาวน้อยใจเด็ดทำเอาเขารู้สึกสนุกกับเกมนี้มากขึ้น ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้อยากจะเอาชนะชาวบ้านแต่ไม่รู้เหตุใดเขากลับตื่นเต้นกับการเล่นครั้งนี้เสียจริง
"ถ้าเช่นนั้นข้าวางเดิมพันเป็นตำลึงทองก้อนหนึ่งแล้วกัน" ชาวบ้านในที่นั้นโห่ร้องอย่างตื่นเต้นยิ่งกว่าคนที่กำลังจะเล่นเสียอีก
"ข้าจะทอยให้ท่านดูก่อน" มือเรียวหยิบลูกเต๋าทั้งสามลูกมาไว้ในมือก่อนจะโยนลงไปในถ้วยขนาดเท่าฝ่ามือ
แกร๊ง!…เสียงลูกเต๋ากระทบถ้วย พร้อมกับหัวของหลายคนที่แย่งกันชะโงกเข้ามาดูผล
เขาทอยได้หกสองลูก แสดงว่าต้องนับแต้มจากหนึ่งลูกที่เหลือ ทุกคนต่างอ้าปากค้างตกใจนัก
เขาได้แค่สองแต้มเท่านั้น!! นี่มันหวานหมูจริง ๆ !!
"ข้าได้สองแต้ม ถึงตาแม่นางทอยแล้ว" เขาผายมือเชิญโดยไม่มีความอับอายสักนิด เฮ่อซินหมิงหยิบลูกเต๋าในถ้วยของตนขึ้นมา มือนี้เล็กจริง ๆ แค่กำลูกเต๋าสามลูกก็เกือบจะไม่มิดแล้ว
ทุกคนหลุดขบขันเมื่อเห็นมือเล็กกำลูกเต๋าเขย่าไปมาทั้งที่ลูกเต๋าปลิ้นแทบจะหลุดออกจากมืออยู่แล้ว ผ่านไปนานแม่นางน้อยผู้นั้นก็ยังไม่โยนลูกเต๋าใส่ถ้วยเสียทีจนพวกเขาคิดจะกลับบ้านไปกินข้าวรอแล้ว
แกร๊ง!...เสียงกระทบกันของลูกเต๋ากับถ้วยดังขึ้น ทุกคนชะโงกหน้าเข้าไปดูทันที ตานี้ถือเป็นตาที่โชคเข้าข้างที่สุดเนื่องจากคุณชายผู้นั้นทอยได้แค่สองแต้มเท่านั้น
เมื่อเห็นจำนวนแต้มของลูกเต๋าทุกคนก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเก่า
นางได้แค่หนึ่งแต้ม!!!
ทุกคนในที่นั้นโห่ร้องพร้อมกันหลากเสียงหลายอารมณ์ ทั้งหงุดหงิดโมโหอัดอั้นคนเล่นและหัวเราะเยาะขบขันในดวงของนาง
คุณหนูเสียของมีค่าที่สุดไปแล้ว...ฮือ…ช่างน่าเศร้าใจนัก ไม่น่าเลยคุณหนู...
อาหมิงหน้าตาเศร้าสร้อยเอ่ยกับคุณหนูตนเสียงแผ่วเบาเพราะกลัวจะพูดจากระทบคุณหนูให้เสียใจ
"คุณหนู…เรากลับ…"
"เอาอีกตา!!!"
Like it ? Add to library!
Have some idea about my story? Comment it and let me know.