webnovel

ตอนที่ 89 ไทเก๊กช่วยชีวิต

ตอนที่ 89 ไทเก๊กช่วยชีวิต!

ตอนนี้องครักษ์ชุดดำก็รีบเดินปรี่มาข้างกายเขา “ท่านผู้นำตระกูล ค้นทั้งด้านนอกด้านในแล้ว ไม่พบใครอื่นเลย มีเพียงเด็กหนุ่มคนนั้นที่หนีไปด้านหลัง แต่พวกเรามีพี่น้องสองนายไล่ตามไปแล้วขอรับ”

และในเวลานี้ เหลิ่งหวาที่หนีไปจากประตูด้านหลังก็ถูกองครักษ์ชุดดำสองนายขวางไว้ เมื่อทั้งสองเห็นว่าเหลิ่งหวาเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีวรยุทธ์ จึงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตานัก

“เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว! ยอมให้จับโดยละม่อมเสียเถอะ!”

ระหว่างที่พูด ชายชุดดำคนหนึ่งโน้มตัวออกไปคว้าที่ข้อมือ คิดจะบิดดึงเขาหันกลับมา แต่ใครจะรู้ ว่ามือที่กะจะคว้าเด็กหนุ่มกลับถูกเด็กหนุ่มพลิกมือจับไว้ โดยไม่ทันสังเกต ทั้งร่างก็ถูกดึงและผลักไปชนชายชุดดำอีกคน

“ซี๊ด! เจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย!”

อีกคนพอถูกชนเข้าที่หัว ก็ก่นด่าด้วยความขุ่นเคืองอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะผลักคนผู้นั้นออก เห็นเด็กหนุ่มสบโอกาสวิ่งหนีไปด้านนอก จึงโกรธขึ้นมา ตวัดกระบี่ยาวในมือ แล้วพลังดาบก็ลอยโจมตีออกไป

“รนหาที่ตาย!”

“อ๊าก!”

เหลิ่งหวากรีดร้องเจ็บปวด ฝีเท้าซวนเซลง เพียงรู้สึกถึงความเจ็บปวดร้อนผ่าวที่แผ่นหลัง สิ่งเหลวอุ่นๆ ไหลลงจากหลัง ทำให้สีหน้าเขาล้วนซีดเซียวขึ้นมา

แต่ฝีเท้ากลับไม่หยุดลง มันยังคงวิ่งไปด้านหน้าเช่นเดิม แต่กระนั้น ก็มีเงาร่างสีดำผุดลุกขึ้นมาแซงนำและขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างง่ายดาย

“วิ่งสิ? ทำไมไม่วิ่งแล้วเล่า? หากแม้แต่เจ้าก็ยังจับไว้ไม่ได้ กลับไปจะไม่ถูกพวกเขาหัวเราะเยาะเอารึ?”

องครักษ์ชุดดำยิ้มเยือกเย็น จับกระบี่โจมตีออกไปอีกครั้ง เป้าหมายเพื่อแทงที่ขาซ้ายเขา แต่ใครจะรู้ เงาร่างเด็กหนุ่มที่เดิมทียังอยู่ด้านหน้ากลับแวบหลบการโจมตี แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่อาจโต้ตอบ มือที่จับกระบี่ก็ถูกสองมือเขาจับหักฟันไปที่ลำคอ

“ซี๊ด!”

“อ๊าก!”

องครักษ์ชุดดำผู้นั้นมาทันแค่ส่งเสียงสูดหายใจอย่างเหลือเชื่อ เห็นกระบี่ที่จับไว้ในมือถูกเขาตวัดฟันไปที่ลำคออย่างปุบปับ ความเร็วนั้น ทำให้อีกคนหนึ่งเข้ามาห้ามไว้ไม่ทัน

“ปัง!”

พอมีเสียงล้มหนักๆ ทั้งร่างองครักษ์ชุดดำก็ล้มลงไป สองดวงตาที่มีความไม่ยอมเบิกอ้ากว้าง บริเวณลำคอ บาดแผลที่ถูกฟันมีเลือดพวยพุ่งราวกับน้ำพุเลือด มันย้อมพื้นเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว

เหลิ่งหวาเหมือนจะตกใจกับการโต้กลับตามสัญชาตญาณของตัวเอง เขาไม่เคยฝึกฝนวิชา มีแค่ไทเก๊กที่ร่ำเรียนกับนายท่าน เวลาช่วงนี้ก็รำไทเก๊กทุกเช้าเย็น จนกระบวนท่ามือซึมเข้ากระดูกดำ ในยามเผชิญหน้าอันตราย จึงแทบจะใช้ไทเก๊กมาป้องกันตัวจากสัญชาตญาณ

เขารู้ว่าหากไม่ฆ่าชายชุดดำอีกคนเสีย ก็หนีไปไม่พ้นแน่ ดังนั้น เขาจึงยอมแพ้ที่จะวิ่งหนี และหันมององครักษ์ชุดดำที่สีหน้าตื่นตะลึง ค่อยๆ โน้มตัวลง ยกสองมือขึ้นน้อยๆ และแอบท่องคาถาไทเก๊กไว้ในใจ

ผ่อนสองไหล่โน้มตัวเหยียดคอตามแนวสันหลัง ยืดอกออกปล่อยลมลงหยัดประคองส่วนกลาง...

“ช่างพิลึกพิลั่นเสียจริง!”

องครักษ์ชุดดำผู้นั้นเห็นคู่หูถูกฆ่า และนึกไม่ถึงว่าเด็กนั่นจะไม่หนีอีก ซ้ำยังร่ายรำเพลงหมัดที่พลิ้วไหวขึ้นมา จึงถือดาบโจมตีออกไปในทันที...

ส่วนที่ด้านหน้านั้น

“บอกมา! นังเด็กเหลือขอนั่นไปซ่อนตัวที่ไหนแล้ว?”

เขาใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบตรงหน้าอกกวนสีหลิ่น ทันใดนั้นในปากก็มีเลือดเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง ร้องอู้อี้ในลำคอ ไม่ยอมปริปาก เพียงใช้ดวงตาถลึงมองเขาอย่างเกรี้ยวกราด

“พาเขากลับไป! ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าจะง้างปากเขาไม่ได้!”

ท่านผู้นำตระกูลสวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้ม เห็นองค์รักษ์สองนายที่ไล่ตามเด็กหนุ่มไปยังไม่กลับมา ก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น? แค่คนธรรมดาไร้วรยุทธ์คนเดียวก็ยังจับไม่ได้รึ? จับไม่ได้ก็ฆ่าทิ้งซะ! ไม่ต้องรักษาชีวิตมัน!”

…………………………………………………….