webnovel

ตอนที่ 88 มีแต่พวกเศษสวะ

ตอนที่ 88 มีแต่พวกเศษสวะ!

“ที่แท้ก็เป็นท่านผู้นำตระกูลสวี่”

ได้ฟังคำพูดของชายวัยกลางคนชุดดำ กวนสีหลิ่นถึงจะนึกออกว่าเขาเป็นใคร ตระกูลสวี่ก็เหมือนกับตระกูลกวน ในเมืองอวิ๋นเยวี่ยเป็นได้แค่วงศ์ตระกูลขั้นกลาง แต่ตระกูลสวี่กับตระกูลกวนไม่ได้ไปมาหาสู่อะไรกัน ก่อนหน้านี้เขาจึงไม่เคยพบท่านผู้นำตระกูลสวี่ ทว่าตระกูลสวี่แห่งเมืองอวิ๋นเยวี่ยจัดอยู่ในอันดับต้นๆ และมีเพียงตระกูลเดียว

“ท่านผู้นำตระกูลสวี่บอกว่าข้าฆ่าคนของพวกท่านอะไรกัน? หรือว่าเรื่องนี้จะเข้าใจผิดอะไรไปหรือไม่?”

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ ในใจกลับหวนคิดอย่างรวดเร็ว เดาว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวจิ่วไปไม่ได้เลย แต่ตอนนี้กลับไม่อาจยอมรับ

ส่วนชายชราชุดเทาก็น่าแปลกยิ่งนัก กวนสีหลิ่นไม่เคยเห็นคนผู้นั้น แต่เขากลับทำลายค่ายกลกระบี่ของเสี่ยวจิ่วได้ พอคิดดูแล้ว คงไม่ธรรมดาเช่นกัน

นึกถึงตรงนี้ เขาก็ขยับเข้าใกล้เหลิ่งหวาด้านหลัง พูดกดเสียงเบาว่า “เจ้าหาโอกาสหนีไปซะ! อย่าให้พวกเขาจับได้”

แม้ในใจเหลิ่งหวาจะตื่นตระหนกอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้ก็สงบลงมาแล้ว

ช่วงนี้สุขภาพเขาได้รับการฟื้นฟู ร่างกายก็ดีขึ้น แต่ยังไม่เคยฝึกฝนวิชา จึงไม่อาจต่อกรกับคนพวกนี้ได้แน่ หากเขายังอยู่ต่อ เกรงว่าจะทำให้คุณชายว้าวุ่นใจ ไม่สู้หนีออกไป แล้วค่อยคิดหาวิธีรายงานนายท่านกับท่านพี่ยังดีกว่า

นึกถึงตรงนี้ เขาก็ถอยหลังไปน้อยๆ

“เข้าใจผิดรึ? ฮะๆๆๆ! ช่างเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ!”

ท่านผู้นำตระกูลสวี่หัวเราะดังลั่น ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็หยุดลง ก่อนจะถลึงตามองเขาด้วยแววตาเคร่งขรึมกระหายเลือด “ลูกชายข้า น้องชายคนรองข้า แม้กระทั่งท่านผู้อาวุโสทั้งสองท่าของตระกูลสวี่ข้าล้วนตายในเงื้องมือนังเด็กเหลือขอนั่น เจ้าคิดว่าแค่บอกเข้าใจผิดแล้วจะจบเรื่องได้รึ? จะใสซื่อเกินไปหน่อยกระมัง!”

กะแล้วเชียว!

หัวใจกวนสีหลิ่นดังตึกตัก เป็นเสี่ยวจิ่วที่ฆ่าคนของตระกูลสวี่อย่างที่คิดไว้เลย แต่ว่า นี่มันเรื่องตั้งแต่เมื่อใดกัน? ไยเขาจึงไม่รู้เรื่อง?

“นังเด็กเหลือขอนั่นเล่า? รีบเรียกนางออกมารับความตายซะ!” ท่านผู้นำตระกูลสวี่ตะเบ็งเสียงทุ้มเข้ม สายตากวาดมองไปรอบๆ กลับเห็นว่า ที่เคลื่อนไหวกันอึกทึกขนาดนี้ ในเรือนนอกจากกวนสีหลิ่น ก็มีเพียงเด็กหนุ่มที่ไร้วรยุทธ์อีกคนหนึ่งเท่านั้น

“ท่านผู้นำตระกูลสวี่ พวกเราตกลงกันแล้ว หากจับตัวได้อย่าเพิ่งฆ่า กระผมยังต้องลองถาม ว่าค่ายกลกระบี่ของนางไปเรียนมาจากที่ใด!” น้ำเสียงชายชราชุดเทาทุ้มหนัก ราวกับเป็นคนที่ตีฝ่าค่ายกลกระบี่ของเฟิ่งจิ่วออกมา

“เรื่องที่รับปากใต้เท้า ข้าจะต้องทำได้แน่ แต่ตอนนี้ ต้องรีบถามถึงที่อยู่ของนังเด็กเหลือขอนั่นเสียก่อน” สิ้นสุดน้ำเสียง เขาก็ให้สัญญาณ “จับพวกมันมาให้ข้า!”

“หนีเร็ว!” กวนสีหลิ่นตะโกน แล้วผลักเหลิ่งหวาไปด้านหลัง ส่วนตัวเองก็ขัดขวางการโจมตีเพื่อเขา

“แกร๊ง!”

“ฟิ้ว!”

เสียงคมกระบี่กระทบกันดังกังวานขึ้นในยามค่ำคืน กลิ่นอายอันรุนแรงตวัดฟิ้วๆ ผ่านไป มือกวนสีหลิ่นจับกระบี่ยาวขึ้นขัดการโจมตีของชายชุดดำพวกนั้น เพื่อยื้อเวลาเพิ่มให้เหลิ่งหวามีโอกาสหนีเอาชีวิตรอด

แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ใช่เฟิ่งจิ่ว ถึงแม้กำลังต่อสู้จะก้าวหน้าขึ้น ทว่าเมื่อเทียบกับคนที่ท่านผู้นำตระกูลสวี่คัดเลือกมาอย่างถี่ถ้วน ก็เห็นได้ชัดว่าสู้ไม่ได้อยู่บ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ที่ต้องสู้คนเป็นสิบด้วยตัวคนเดียว เพียงไม่นานนัก ชุดซับในสีขาวบนร่างก็มีรอยเลือดแต่งแต้ม

แต่ชายชุดดำพวกนั้นจะต้องจับเขาโดยห้ามคร่าชีวิตเขา ช่างลำบากอยู่เล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ท่านผู้นำตระกูลสวี่ที่มองมาสักพักจึงตวาดเสียงเข้ม

“มีแต่พวกเศษสวะทั้งนั้น!”

เขาลอยตัวออกไป และฝ่ามือที่แฝงด้วยกลิ่นอายพลังเร้นลับคละคลุ้งก็เข้าโจมตี

“ปัง!”

“พุ่ง!”

กวนสีหลิ่นถูกฝ่ามือเขาโจมตีกระเด็น ขณะที่ร่างลอยไปก็กระอักเลือดสดๆ ออกมา ก่อนจะล้มลงบนพื้น ยังไม่ทันได้ลุกยืนขึ้น กระบี่ยาวเกือบสิบเล่มก็จี้อยู่ตรงลำคอ ทำให้เขาไม่อาจขยับตัวแม้แต่เสี้ยววิ

…………………………………………………….