webnovel

ตอนที่ 90 หนีเอาตัวรอด (แก้ไข)

ตอนที่ 90 หนีเอาตัวรอด!

เวลานี้ มีองครักษ์ชุดดำคนหนึ่งรีบเร่งวิ่งมา “ท่านผู้นำตระกูล พี่น้องสองคนของพวกเราถูกสังหาร เด็กหนุ่มคนนั้นหนีไปแล้วขอรับ!”

“อะไรนะ? ถูกคนที่ไม่มีวรยุทธ์ฆ่า?”

น้ำเสียงเขาสูงขึ้นเล็กน้อย ฟังดูโมโหโกรธา เขาก้าวยาวเดินไปประตูหลัง ไม่ผิดคาด องครักษ์สองคนล้มนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น คนหนึ่งถูกฟันคอ ส่วนอีกคนถูกกระบี่แทงเข้ากลางอก

เห็นเช่นนี้ สีหน้าเขามืดดำลงน้อยๆ กำหมัดขึ้นแน่น “ดีมาก! ไม่นึกเลยว่าแค่เด็กไร้วรยุทธ์คนหนึ่งจะมีฝีมือมากถึงขนาดฆ่าคนของข้าได้!”

ชายชราที่ตามหลังมาลูบเคราคล้ายกำลังครุ่นคิด ‘เห็นชัดๆ ว่าไม่มีวรยุทธ์ กลับสังหารผู้มีวรยุทธ์ได้ หนำซ้ำนึกไม่ถึงว่าที่แห่งนี้จะมีปรมาจารย์ค่ายกลด้วย ดูท่าสาวน้อยผู้นั้นยังมีความลับอยู่!’

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยก็ฉายประกายผ่านอย่างรวดเร็ว

“ชายที่ถูกจับกับเด็กสาวผู้นั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?” ชายชรามองถามผู้นำตระกูลสวี่

ได้ยินคำถาม ผู้นำตระกูลสวี่จึงหันหน้ากลับมา กล่าวว่า “ชายคนนั้นเป็นลูกชายของตระกูลกวน ตระกูลขั้นกลางแห่งเมืองอวิ๋นเยวี่ย แต่ช่วงก่อนหน้าลือกันว่าตายในป่าเก้าหมอบ ข้าเดาว่าเด็กสาวผู้นั้นคงช่วยเขาไว้ ความสัมพันธ์สองคนนี้ไม่เลวเลย เหมือนจะเรียกกันเป็นพี่เป็นน้อง”

“พูดเสียขนาดนี้ หากนางรู้ว่าชายผู้นี้ถูกจับ คงจะโผล่หัวมาแน่ล่ะสิ?”

“ใช่” ผู้นำตระกูลสวี่พยักหน้า ตอนนี้สีหน้าถึงจะผ่อนคลายลง “ปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่นหนีไปก็ดี ที่เขาหนีคงไปหาเด็กสาวนั่นเพื่อบอกว่าเขาถูกจับ ข้าไม่เชื่อหรอกว่ากวนสีหลิ่นอยู่ในมือข้าแล้วนางจะไม่มา!”

ชายชราขมวดคิ้วเบาๆ เอ่ยถามเสียงเคร่ง “หากตระกูลกวนรู้ว่าเขาอยู่ในมือท่าน จะไม่เคลื่อนไหวอะไรเลยรึ?”

“เหอะ จะเป็นไปได้อย่างไร? เจ้ากวนสีหลิ่นนี่เป็นเด็กถูกทิ้งจากตระกูลกวน คู่หมั้นก็ถูกญาติผู้พี่แย่งไป แค่คนคนหนึ่งที่ถูกตระกูลปล่อยปละละเลย ใครจะไปสนใจว่าเป็นหรือตาย?”

“เช่นนั้นก็ดี ตราบใดที่ยังไม่ล่อสาวน้อยนั่นออกมา เขายังตายไม่ได้ และไม่ควรเกิดปัญหาอะไรขึ้นด้วย” ชายชรากำชับเสียงเข้ม

ได้ยินคำพูดนี้ ผู้นำตระกูลสวี่ก็ไหวน้อยๆ จึงมองชายชราด้วยความสงสัยอยู่บ้าง “ท่านผู้อาวุโส ท่านเป็นยอดฝีมือด้านค่ายกลกระบี่ ไยจึงสนใจค่ายกลกระบี่อันเปราะบางของแม่หนูน้อยนี่เล่า?”

ชายชราชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง สีหน้ามืดขรึมเล็กน้อย “เรื่องของกระผม ผู้นำตระกูลสวี่อย่าได้สงสัย และอย่าได้ยุ่งนักจะดีกว่า จงรู้ไว้เถิด คนยิ่งรู้มากเท่าไร ยิ่งตายเร็วเท่านั้น!”

ถูกพูดขนาดนี้ ผู้นำตระกูลสวี่จึงไม่กล้าถามให้มากความอีก อันที่จริงฐานะของชายชราก็ไม่ใช่ที่เขาจะขัดใจได้

ส่วนอีกด้านหนึ่ง

เหลิ่งหวาที่หนีออกมาหลบหอบหายใจอยู่ในตรอก บนตัวเต็มไปด้วยเลือด ที่มีทั้งของเขา และขององครักษ์ที่ถูกฆ่าตาย

เป็นครั้งแรกที่ฆ่าคน กับเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้าเขาไม่คิดมากนัก ทว่าเวลานี้ร่างกายกลับสั่นเทิ้มอยู่น้อยๆ มีความนึกกลัวในภายหลัง อารมณ์ก็ยากที่จะสงบลงได้

ซ่อนตัวอยู่ในตรอกสักพัก เห็นรอบด้านไม่มีการเคลื่อนไหว คนพวกนั้นก็ไม่ตามมา เขาถึงจะกัดฟันหยัดกำแพงลุกยืนขึ้นมา อาศัยค่ำคืนมืดมิดเดินทางไปยังเวิ้งสวนท้อ

เขารู้ว่าอีกตัวตนหนึ่งของนายท่านคือภูตหมอ มีความเกี่ยวพันกับตลาดมืด แต่ตอนนี้กลับไม่อาจไปที่ตลาดมืดได้ เพราะที่ผ่านมาล้วนเป็นพี่สาวเขาที่ไปตลาดมืด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่คนพวกนั้นไม่รู้จักเขา ต่อให้เขาเข้าไปได้จริงๆ ก็เกรงว่าจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ และเปิดเผยถึงตัวตนนายท่าน

บาดแผลบนหลังมีเลือดไหลอย่างไม่อาจพันแผลไว้ได้ ความเปียกแฉะชโลมอยู่บนร่าง ทุกก้าวที่เดินล้วนดึงบาดแผลให้เจ็บ ทำให้เขาที่ร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิม ยิ่งมีสีหน้าซีดเผือด ถึงเป็นเช่นนี้ก็ยังคงกัดฟันเดินไป...

…………………………………………………….