"ลูกค้าสั่งคร็อกเก้ยัดไส้ผัดกะเพราว่ะ"
ปลาวาฬนั่งประจำอยู่ตรงบริเวณรับลูกค้าหน้าร้าน ไอ้เจเจตะโกนมาจากเคาน์เตอร์คิดเงิน ที่นั่นมีกล่องแคชเชียร์เก็บเงินสด สารพัดคิวอาร์โค้ดสำหรับรับยอดโอนธนาคาร เครื่องรูดบัตรเครดิตสายระโยงระยาง และเครื่องรับออเดอร์จากสารพัดแอปพลิเคชัน
"ออเดอร์พิเศษสัปดาห์นี้เหรอวะ"
เด็กหนุ่มถามแบบงง ๆ จำได้ว่าเมนูพิเศษประจำสัปดาห์นี้คือยากิโซบะกะเพราไม่เผ็ด ยังไม่ถึงวันจันทร์ ยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนเมนูสักหน่อย เขาหันไปดูป้ายโปรโมชันบนผนังอีกครั้งเพื่อความชัวร์ แต่ก็ไม่ใช่คร็อกเก้ยัดไส้กะเพราอย่างที่ลูกค้าสั่ง ประเด็นคือเขาทำเป็นด้วยนี่สิ แล้วลูกค้าไปตรัสรู้ได้ยังไงนะว่ามีเมนูนี้อยู่บนโลก
"ลูกค้ากดเข้ามาในช่องเมนูให้กรอกเองว่ะ เอาไงดีวะ ยกเลิกเลยไหม ?"
คนหน้าเคาน์เตอร์ถามพร้อมชะโงกหน้ามา เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ หันไปมองนาฬิกา นี่ก็สองทุ่มกว่าแล้ว ปิดรับออเดอร์หน้าร้านแล้ว เหลือแค่เคลียร์ออเดอร์ในแอปฯ ต่าง ๆ ก็หมดงานวันนี้ ความจริงวันนี้เป็นคืนที่ 31 ธันวาคม ลูกค้าน้อยกว่าปกติ ไม่มีใครอยากกินผัดกะเพราหรอก คนไปหาอะไรแพง ๆ กินฉลองกัน
"ขอถามไอ้เกลือแป๊บ"
เจ้าของร้านโดยตำแหน่งพูดพร้อมเดินตรงเข้าไปในครัว รื้อเปิดตู้เย็น มองหาวัตถุดิบ ความจริงก็ไม่ถึงขั้นว่าทำไม่ได้ เกลือติดวัตถุดิบสารพัดแบบไว้ เพราะเอาไว้ทดลองเมนูใหม่ ๆ สัปดาห์หน้าจะเป็นเมนูสปาเก็ตตี้ผัดกะเพราด้วย เครื่องปรุงฝรั่ง ๆ จึงพอมี
"ลูกค้าสั่งคร็อกเก้ยัดไส้ผัดกะเพรา ทำได้เปล่าวะ ?"
"ไม่มีในออเดอร์นี่ ยกเลิกไปดิ ทำทำไมวะ ?"
เกลือตอบแบบไม่ยี่หระอะไร สายตาทอดมาอย่างสงสัย กลายเป็นปลาวาฬเองเสียอีกที่ต้องรีบหลบตาจากไอ้เพื่อนตัวดี
"นี่มันคืนข้ามปีนะเว้ย ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ลูกค้า" เขาพูดไม่ตรงกับใจ "เผื่อลูกค้าแม่งเป็นฟู้ดบล็อกเกอร์ เอาไปรีวิว ร้านดังเลยนะมึง"
เขาอ้างขิงอ้างข่าไปเรื่อย ไม่ได้ตรงกับสิ่งที่อยู่ภายในใจนัก แต่ถ้าจะให้บอกไปตรง ๆ แล้วเกิดไม่ใช่ก็หน้าแตกละเอียดกลายเป็นผุยผงพอดี
"ดังแบบฉิบหายน่ะสิ คราวนี้คนแม่งจะสั่งนอกออเดอร์กันสนุกเลย"
"เออ ไม่ต้องบ่น กูทำเองก็ได้"
ปลาวาฬตัดจบปัญหา อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เขาไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม เก็บผม ใส่หมวกเชฟ เดินไปจัดวัตถุดิบและลงมือทำ ว่าจะไม่คิดถึงก็อดคิดถึงไม่ได้ ทำไมจะจำไม่ได้ว่าใครสอนทำเมนูนี้มา เด็กหนุ่มลงมือง่วนอยู่กับอาหารตรงหน้า ราวกับตกอยู่ในภวังค์ความคิดถึง
"เสร็จแล้ว"
เด็กหนุ่มเดินถือกล่องอาหารใส่เมนูพิเศษที่ลูกค้าสั่งออกมาวางหน้าร้าน มองหาคนขับรถที่จะมารับ แต่มองไปมองมาก็แปลกใจ หน้าร้านปิดแล้ว พนักงานในร้านกำลังทำความสะอาด ทุกคนดูเร่งมือ วันนี้ร้านเลิกเร็วกว่าทุกที ตั้งใจจะให้ทุกคนได้ใช้คืนข้ามปีกับคนพิเศษ แม้จะถึงขั้นปิดร้านไม่ได้ก็ตาม
"อ้าว กูกดยกเลิกออเดอร์ไปแล้ว"
เจเจพูดออกมาหน้าเหวอ บอกว่าไม่เห็นมีใครออกมาบอกอะไร เลยกดยกเลิกไปแล้ว เขาเองก็ลืมไปเองว่าต้องออกมาบอกหน้าร้านด้วย คราวนี้กลับกลายเป็นปลาวาฬที่ขยี้หัวตัวเองขึ้นมาอย่างขัดใจ ให้มันได้อย่างงี้สิ ผิดแผนไปเสียทุกอย่างให้ได้เลยคืนนี้
"ติดต่อเขาได้เปล่าวะ กูทำเสร็จแล้ว เดี๋ยวถ้าเขาจะเอา กูขับไปส่งเองก็ได้"
คนที่ลงมือทำเองกับมือตอบ ดูคร็อกเก้ที่ทำเสร็จร้อน ๆ ตั้งใจทำแทบตาย จะปล่อยให้เป็นหมันก็ทำใจไม่ได้หรอก ไหน ๆ ก็คืนข้ามปี ไหน ๆ ก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว ถือว่านี่เป็นภารกิจเล็ก ๆ ในคืนข้ามปีแล้วกัน อย่างน้อยได้ส่งความสุขให้คนอื่นก็คงดีไม่น้อย
"เดี๋ยวกูลองแชตคุยกับเขาแป๊บ แอปฯ นี้น่าจะแชตได้มั้ง"
เพื่อนของเขาก้มลงไปง่วนอยู่กับโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องที่เปิดไว้พิเศษสำหรับรับออเดอร์โดยเฉพาะ เขายืนรออย่างลุ้น ๆ กินเวลาหลายนาที แล้วเจเจก็เงยหน้าขึ้นมาบอกว่าลูกค้าให้ไปส่งตามหมุดได้เลย
"โอเค" เขารับ "ส่วนมึงก็โชคดีแล้วกัน มีนัดกับอดีตเจ้านายปากร้ายใจหงอนี่ ทำอะไรก็ป้องกันดี ๆ นะจ๊ะ พลาดพลั้งท้องไปแล้วจะยุ่ง"
ปลาวาฬหันไปแซวเรื่องเมธัสกับไอ้เจเจสักหน่อย หมั่นไส้มัน
"เสือก"
อีกฝ่ายด่าด้วยหน้าตาเฉย ๆ ไม่แยไม่แสแบบนี้ได้กันแล้วชัวร์ ปากก็บอกรักคนไข้ไม่ได้ ๆ แหม... สุดท้ายก็กลืนน้ำลายตัวเองเปล่าวะ
"ส่งเสร็จแล้วก็อย่าไปมั่วกับใครที่ไหนล่ะ"
เขาหัวเราะคิกที่ยั่วอารมณ์อีกฝ่ายได้ พลางเดินถือถุงกระดาษใส่กล่องอาหารออกมาอย่างอารมณ์ดี ความจริงก็น่าสนใจอยู่นะ เซ็กซ์ร้อนแรงในคืนข้ามปีกับคนแปลกหน้า แต่คิดไปคิดมาก็เบื่อแล้ว จะมีอะไรกับใครก็เผลอนึกไปถึงไอ้บาร์ลับเฮงซวยนั่น อารมณ์มันจืดพิกล
ปลาวาฬกระโดดขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์แล้วขับไปจากร้าน
เปิด GPS และเสียบกับที่จับตรงใกล้ ๆ กระจกมองท้าย ความจริงเขาก็ออกมาขับรถส่งอาหารลูกค้าเป็นปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะลูกค้าที่โทรมาสั่งตรงกับร้าน โดยเฉพาะกลุ่มที่สั่งไปใช้ในงานสัมมนา ทางร้านมีบริการจัดส่งฟรีถ้ามีจำนวนหนึ่ง
ยิ่งขับไปก็ยิ่งรู้สึกคุ้นอย่างประหลาด
มองไปรอบด้านเป็นถนนเส้นอารีย์ ถนนที่เขาเดินจนนับครั้งไม่ถ้วนตอนที่ทำงานอยู่ที่ร้านผัดกะเพราของโอบเอื้อ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ลูกค้าแถวนี้ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากสยาม จะเสียค่าส่งสั่งอาหารมากินก็ไม่แปลก สายตามองแค่เหลือบ ๆ ด้วย เพราะต้องมองทางข้างหน้าเป็นหลัก
แต่ยิ่งขับใกล้ปลายทางก็ยิ่งรู้สึกคุ้นขึ้นทุกที
บรรยากาศที่อัดแน่นไปด้วยความทรงจำร้อยแปดพันเก้า ซอกเล็ก ๆ ลับตาคนที่บางครั้งก็แอบออกมายืนกินเบียร์คนเดียว ร้านกาแฟขนาดเล็กที่ไม่อร่อยแต่เอาไว้หนีกลิ่นกะเพรามานั่งเล่น ร้านเบอร์เกอร์สัญชาติเมกันที่ไม่มีใครในร้านพูดภาษาไทยได้เลย ใกล้เข้าไปทุกที...ใกล้เข้าไปทุกที
จนกระทั่งเลี้ยวโค้งสุดท้าย
โทรศัพท์มือถือก็ร้องเตือนว่าเขาเดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว บ้านหลังเก่า ภัตตาคารกะเพราร้านนี้ไม่ใส่ถั่วฝักยาว นั่นยังอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหน แต่ร้างไปด้วยชีวิต ทรุดโทรม ไม่มีคนอยู่ มีแถบคาดชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ห้ามเข้า รอการทุบทำลาย
ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสายคาดนั่น
แม้เห็นเพียงเลือนรางก็จำได้อย่างแม่นชัดว่าเป็นใคร โอบเอื้อ...คนที่เขาโหยหามาตลอด แต่ไม่มีโอกาสแม้จะได้พูดคุยสักประโยคเดียว เวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเป็นห้วงสุญญากาศ ไม่มีแม้ความเคลื่อนไหวเพียงน้อยนิดที่ได้รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
"สวัสดีครับ"
หมื่นล้านคำที่อัดแน่นข้างใน สามารถพูดออกไปได้แค่นั้น เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งไป พยายามจะคิดอะไรสักอย่าง หาประโยคคำพูดที่สวยหรู แต่หัวมันตื้อไปหมด ขาวโพลน คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง รู้แต่ว่าคิดถึง รู้แต่ว่าโหยหาคนตรงหน้าสุดหัวใจ อยากจะดึงเข้ามากอด ขออุ่นไออะไรสักอย่างที่เคยเป็นเจ้าของเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ
"ผมเอาอาหารมาส่งครับ"
เพียงแค่นั้นเอง เพียงแค่นั้นที่นึกออก เพียงแค่นั้นที่พูดออกไปได้ เขาคิดอะไรไม่ออกเลย ถ้ารู้ตัวว่าจะต้องมาเจอคนตรงหน้านี้ ปลาวาฬอาจจะขอร้องให้เจเจช่วยคิดไดอะล็อกดี ๆ ให้สักหน่อย คำพูดขอร้อง ขออภัย ขออะไรสักอย่าง ขอให้อีกฝ่ายเข้าใจก็ยังดี
ใจเขาคิดถึงโอบเอื้อตั้งแต่เห็นออเดอร์นี้
มีคนคนเดียวที่เคยทำเมนูนี้ให้เขากิน และมีคนคนเดียวที่สอนให้เขาทำเมนูนี้จนอร่อย เชฟผู้เป็นดั่งแสงอาทิตย์ในชีวิตของเขาคนนั้น ตอนแรกที่เห็นคำสั่งซื้อ เขาทำใจยกเลิกไม่ได้ แม้ไม่มีวัตถุดิบจะทำ เขาก็จะขับรถออกไปซื้อทุกอย่างมาทำให้ได้ เพราะมันมีประกายความหวังเล็ก ๆ สาดส่องเข้ามาว่าอาจจะเป็นเชฟคนนี้ แต่เมื่อเวลามาถึงจริง ๆ เขากลับทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง
"ขอบคุณ"
โอบเอื้อตอบเพียงสั้น ๆ ยื่นมือไปรับอาหารและเปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้ดูว่าโอนค่าอาหารและค่าส่งเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจึงกดปิดหน้าจอ ทุกอย่างตกอยู่ในความมืด ในค่ำคืนนั้นมีเพียงแววตาพร่าเลือนของทั้งสองคนที่จ้องกันอยู่ ในห้วงหุบแห่งความว่างเปล่า ไม่มีบทสนทนาใดออกมา คนตรงหน้ายืนนิ่งเหมือนจะรอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง แต่จนแล้วจนรอดเขาก็คิดอะไรไม่ออก จนอีกฝ่ายหันหลังจะเดินจากไป ตอนนั้นเองที่ปากของเขาตะโกนพูดประโยคสุดท้ายออกไป
"สวัสดีปีใหม่ครับเชฟ"
เขากลับมาเจอกันแล้วววว
...................
ขอฝากช่องทางการติดตามผลงานของนายพินต้าไว้หน่อยน้า
Facebook: นายพินต้า - ninepinta
Twitter: @NINEPINTA
IG: ninepinta