55 ตอนที่ 55 : ผัดกะเพราของจริง – 1 

ปลาวาฬนั่งฟังเสียงทุบต่อเติมอาคารคูหาข้าง ๆ อย่างหดหู่

ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาหลังปีใหม่แท้ ๆ แต่เขากลับไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งสิ้น หลังจากเมื่อคืนข้ามปีผ่านไป เขาก็พบว่าตัวเองทำพลาดไปอย่างมหันต์ ตอนนั้นเองที่เขาควรจะพูดขอโทษเชฟอย่างเป็นทางการสักครั้ง แต่สมองเจ้ากรรมมันกลับไม่ทำงาน จนเชฟเดินหายไป จนเขาขี่มอเตอร์ไซค์กลับจึงนึกขึ้นได้

ย้อนกลับไปก็ไม่เจอใครอีกแล้ว

ทั้งในคืนนั้น คืนต่อมา และคืนต่อ ๆ มา ปลาวาฬยังวนเวียนกลับไปยังพื้นที่แห่งความทรงจำนั่นซ้ำ ๆ หวังเล็ก ๆ ว่าสักวันจะบังเอิญเจอโอบเอื้อ แต่ก็ไม่ โลกนี้ไม่มีปาฏิหาริย์ให้เขาเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว

เด็กหนุ่มซบหน้ากับท่อนแขนอย่างหดหู่ ไอ้คูหาข้างร้านนี่ก็ทุบเก่งจัง จะสร้างจะปรับปรุงอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้

"กูก็พอรู้ว่ามึงโง่ แต่ไม่คิดว่ามึงจะโง่ขนาดนี้นะ"

เจเจบ่นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ หลังจากที่เขาเล่าทุกอย่างให้เพื่อนสนิทฟัง เด็กหนุ่มก็โดนด่าจนหูชา เจเจบอกว่านั่นเป็นโอกาสที่เชฟให้เขาแก้ตัวชัด ๆ เปิดจังหวะให้เขาพูดอะไรสักอย่าง แต่ทุกอย่างก็พังพินาศไปหมด เพราะความบ้องตื้นของเขาเอง

"มึงน่าจะเวทสมองบ้างนะ อย่างอื่นจะได้โตบ้าง ไม่ใช่แค่กล้ามอย่างเดียว"

เพื่อนที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์หัวเราะ มันก็นั่งจัดการอะไรยุกยิกไปเรื่อยเปื่อย นี่ก็เกือบจะหกเดือนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าไอ้เจเจก็ยังไม่เคยพูดเรื่องจะลาออกสักที

"เกลือ!"

เพื่อนสนิทหน้าตี๋ตะโกนเรียกเพื่อนสนิทอีกคนที่หน้าตี๋เหมือนกัน ไอ้เกลือจึงเดินออกมาจากครัวแบบงง ๆ นี่ยังไม่ได้เวลาเปิดร้าน เกลือเองก็แค่ดูความเรียบร้อย ตอนนี้พนักงานที่เคยเป็นพนักงานทั่วไปเลื่อนขั้นไปเป็นผู้ช่วยในครัวแล้ว และปลาวาฬก็รับพนักงานเสิร์ฟกับล้างจานมาเพิ่มอีกอย่างละคน

"มึงมีช่องทางการติดต่อเชฟโอบเปล่า ?"

เจเจถามด้วยหน้าเฉย ๆ ส่วนเกลือทำหน้างง ๆ เหมือนไม่รู้ว่าเจเจจะมาไม้ไหน แต่ก็ตอบไปตามปกติ ไม่ได้กวนหรือยียวนอะไรไป

"ไม่มีอะ แต่ก่อนก็มีแต่เบอร์ร้าน เฟซร้าน ไอจีร้าน"

ปลาวาฬหันไปทำหน้าเหม็นเบื่อใส่คนถาม ส่วนคนตอบก็หันไปมองรอบด้านเหมือนกำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจเจหัวเราะออกมา

"พอดีมีเพื่อนโง่ ๆ กูคนหนึ่งอยากขอโทษเชฟโอบว่ะที่ไปทำร้านเขาฉิบหายวายป่วง วันก่อนเขาอุตส่าห์สั่งคร็อกเก้ให้ไปเสิร์ฟคำขอโทษถึงที่แต่ก็เสือกไม่พูด"

ไอ้ปากดีพูดหน้าตาย นี่มันเรื่องหัวใจที่แตกสลายของชายวัยใกล้พ้นวัยรุ่นคนหนึ่งเลยนะเว้ย

"เรื่องสมมตินะ มึงอย่าคิดมาก ในชีวิตจริงไม่มีคนโง่ขนาดนั้นหรอก"

เกลือหลุดขำพรืดออกมาอย่างเข้าใจทุกอย่าง เวลาที่ผ่านมาพิสูจน์ชัดเจนว่าระหว่างเขากับเกลือเหลือแต่มิตรภาพที่ดีแล้ว มันไม่ได้มีอาการอะไรพิเศษกับเขาอีก ดูเหมือนมันเองก็ยังมองหาเจ้าของหัวใจอยู่เรื่อย ๆ แต่ยังไม่เจอใครถูกใจสักที เสียใจด้วยนะไอ้เกลือ ถ้ากูยังไม่ได้ลงเอย มึงก็มีแฟนไม่ได้หรอก มึงเป็นแค่พระรอง ส่วนกูนี่เป็นพระเอกของเรื่องนี้ เข้าใจ๊ ?

"เออ คนโง่แบบนั้นคงมีแต่ในนิยายแหละ"

ไอ้สัด แทนที่จะปกป้องกู รับมุกกันเป็นบีหนึ่งบีสอง ทำไมกูต้องมาอยู่ในร้านนี้ด้วยเนี่ย กลายเป็นลูกไล่ของไอ้พวกคนใจร้ายชัด ๆ ทั้งไอ้เจเจ ทั้งไอ้เกลือ แต่ละคนใจร้ายแถมปากหมา เมื่อไหร่เจ้าชายสักคนจะโผล่มาพาซินเดอเรลล่าปลาวาฬไปให้พ้นพวกแม่เลี้ยงใจร้ายพวกนี้สักที

"มีอะไรก็บอกไปสิวะ บอกความต้องการของตัวเอง เขาจะรับไม่รับ จะรักไม่รักก็เรื่องของเขา บอกไปก่อน สำคัญสุดเปล่าวะ"

เกลือพูดยิ้ม ๆ แวบหนึ่งเขาคิดถึงหน้ามันตอนนั่งกินเบียร์กันที่สวนหลวงสแควร์ ดีจังเลยนะมึงไอ้เกลือ อย่างน้อยมึงก็ได้บอก ถึงกูจะไม่ได้รักมึงอย่างนั้น แต่ความจริงกูโคตรรู้สึกดีเลยนะเว้ยที่มึงรู้สึกพิเศษกับกู มีคนมารักแม่งโคตรรู้สึกดี

"เออ นี่แม่งเป็นนิยายไง กูเลยโง่ พอใจพวกมึงยัง"

เขาเถียงคอเป็นเอ็น เจเจยิ้มเบะปาก เกลือลากเก้าอี้มานั่ง พวกเขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะกลมตัวเดียวของร้าน สามทหารเสือ เรื่องหัวใจอาจไม่รอด แต่ทำร้านอาหารรอดนะเว้ย นี่มันคือนิยายทำอาหารเว้ย ไม่ใช่นิยายรักไง เรื่องรักมันเลยฉิบหายวายป่วง แต่เรื่องอาหารอร่อยที่สุดปะวะ

"ถ้ากูฉลาดนิยายก็จบไวสิวะ ไอ้เชี่ย เปิดมารักกันตอนแรกแล้วจบเลย เป็นมึง มึงจะอ่านไหมล่ะ คนโง่ ๆ อย่างกูนี่แหละที่ทำให้วงการนิยายรุ่งเรือง"

ไอ้เพื่อนดับเบิลเจรีบยิ้มและทำหน้าเห็นด้วยอย่างจริงจัง ออกปากชมว่าเขาโง่จริง แหม... ไม่น่าเปิดช่องให้โดนซ้ำได้ ความรักใครเขาได้มากันง่าย ๆ บ้างวะ มันก็ต้องลุ่ม ๆ ดอน ๆ อย่างนี้ทุกคู่แหละ ทุกคนต่างก็เป็นพระเอกนางเอกในเรื่องเล่าของตัวเอง เปิดมาบทหนึ่งรักกันเลยก็ไม่สนุกสิ

"แล้วเรื่องมึงล่ะว่าไง เจ้าชายอสูรของมึงกลายร่างเป็นคนยัง ?"

ปลาวาฬย้อนไปหาเพื่อนตัวเองบ้าง เกลือหันไปมองอย่างสนใจ ความจริงตอนนี้พวกเขาสามคนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันหมดแล้ว ไอ้เกลือก็รู้เรื่องเมธัสพอ ๆ กับที่เขารู้นั่นแหละ เจเจเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อได้ยินคำถาม ส่วนไอ้เกลือก็หันมาฟังอย่างตั้งใจด้วยอีกคน

"หนึ่งปี"

"ท้องเหรอ ?"

"ท้องก็เหี้ยละ" เจเจรีบสวน "กูหมายถึงตกลงกันไว้ที่หนึ่งปีเว้ย ถ้าหลังจากที่กูกับเมธไม่ได้เป็นคนรักษากับคนไข้แล้ว เรายังประคองความสัมพันธ์กันต่อไปได้จนครบปี ตอนนั้นค่อยมาว่ากันใหม่"

"เมธว่ะ ว้าย...เดี๋ยวนี้มีเรียกชื่อแทนใจของสองเรา"

ปลาวาฬแกล้งแอ๊บเสียงล้อกวนตีนเพื่อน เจเจดูร้อนรนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนของเขาเวลาเขินแล้วจะปากหมา นั่นแหละ หลังจากนั้นเขาเลยโดนด่าไปอีกหนึ่งพะเรอเกวียน ไอ้ร้านข้าง ๆ นี่ก็ตอกตะปูไม่หยุดเลยวะ ขณะที่หูหนึ่งฟังเสียงด่าของเพื่อนขี้เขินไปด้วย อีกหูหนึ่งก็ฟังเสียงทุบโน่นแต่งนี่ของคูหาข้าง ๆ ไป เสียงดังกว่าที่คิดมากนะเนี่ย นี่ถ้าลูกค้ามากินที่ร้านแล้วเจอเสียงแบบนี้ ลูกค้าอารมณ์เสียแน่

"พวกมึงว่าเราควรไปคุยให้เขาทำร้านกันตอนกลางคืนเปล่าวะ แบบนี้ลูกค้าเรามาแดกก็ต้องมานั่งฟังเสียงแบบนี้เหรอ โดนด่าตายห่า"

ปลาวาฬบ่นขึ้นมา ตอนแรกนึกว่าพอสาย ๆ เสียงเหล่านี้จะเบาลงบ้างด้วยความเกรงใจ แต่เปล่าเลย มันก็ยังดังอยู่เป็นปกติ

"ก็จริง กูว่าจะคุยเรื่องนี้ไปก็ลืมไปเลย"

เจเจตอบ สีหน้าของมันดูเอาจริงเอาจังขึ้นมาพอเป็นเรื่องงาน ส่วนเกลือเหมือนจะเฉย ๆ เพราะอาจจะไม่ได้คิดเรื่องการรับลูกค้าหน้าร้านเท่าไหร่

"งั้นไปคุยกันเหอะ เดี๋ยวร้านก็จะเปิดแล้ว"

เด็กหนุ่มพูดพร้อมลุกขึ้น เพื่อนอีกสองคนจึงลุกตามมา เผื่ออาการไม่ดียังไงจะได้ช่วยกันเจรจา นี่พวกเขาไม่ได้ไปหาเรื่องนะ ยังไงก็ต้องเป็นเพื่อนบ้านเพื่อนร้านกันไปนาน ตีกันจะเป็นเรื่องใหญ่เสียเปล่า ๆ ถ้อยทีถ้อยอาศัยน่าจะดีที่สุด คงต้องให้เจเจหาวิธีพูดดี ๆ

"หวัดดีพี่"

เจเจพูดขึ้นกับนายช่างที่ยืนทำท่าตกแต่งร้านอย่างเป็นกันเอง ฉีกยิ้ม การทำงานของร้านข้าง ๆ จึงหยุดชะงักไป ระหว่างนั้นปลาวาฬเองก็กวาดสายตามองไปภายในร้านที่เพิ่งเห็นครั้งแรก มีโต๊ะตั้งอยู่เรียงราย น่าจะเป็นร้านอาหาร ความจริงจะเป็นร้านอาหารก็ไม่แปลก เพราะที่นี่จัดโซนพื้นที่ไว้เป็นกลุ่มธุรกิจอยู่แล้ว

"เดี๋ยวพี่คุยกับเจ้าของร้านเอาเองละกันนะครับ"

นายช่างคนนั้นตอบ หลังจากที่เจเจพยายามโน้มน้าวให้เข้ามาทำร้านตอนกลางคืนแทน ทุกคนที่ทำงานอยู่มีสีหน้าอึดอัด แต่ก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้ พนักงานคนที่คุยอยู่กับเพื่อนเขาจึงวิ่งเข้าไปหลังร้าน เหมือนจะไปเรียกเจ้าของร้านออกมา

เหมือนเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ

เจ้าของร้านคนดังกล่าวเดินออกมากับพนักงานอีกสองคนที่ช่วยกันเอาป้ายอันโตมาแปะที่หน้าร้าน ทั้งปลาวาฬ เจเจ และเกลือ ต่างนิ่งไปอย่างพูดอะไรไม่ถูก ไม่มีใครจินตนาการว่าจะได้เห็นคนตรงหน้า เชฟมือพระกาฬที่ชื่อว่าโอบเอื้อ เด็กหนุ่มเหลือบไปมองป้ายที่ถือออกมาด้วย แล้วหัวใจก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ป้ายร้านนั่นเขียนว่า ร้านผัดกะเพราของจริง

avataravatar
Next chapter