webnovel

ข้ากลายเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม

องค์หญิงอวี้หลัน องค์หญิงน้อยผู้แสนอาภัพ แห่งแคว้นโหย่ว ในวัยเพียงแปดชันษา พระองค์ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าและเจ็บปวด ทั้งการกลั่นแกล้ง ใส่ความให้ร้ายของเหล่าคนรอบกาย เพื่อหวังจะยึดครองตำแหน่งองค์หญิงสุดที่รักจากท่านอ๋องใหญ่บิดาของนาง ซึ่งเป็นถึงองค์ รัชทายาทของแคว้นโหยว ความโชคร้ายไม่จบสิ้น มีคนร้ายได้ลอบวางยาพิษลงในสระน้ำส่วนตัวขององค์หญิงน้อย ทำให้นางต้องจบชีวิตลงในชั่วพริบตาที่สูดดมกลิ่นหอมพิษ ซึ่งโชยขึ้นมากับไอน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจตายพระนางได้อธิษฐานว่า ถ้าหากได้เกิดใหม่ ตนก็ปรารถนาเกิดเป็นคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ไม่มีชีวิตที่สบาย ไม่ร่ำรวยเงินทองอย่างที่เคยเป็น ก็ยินดีเช่นนั้น และแล้ว องค์หญิงน้อยก็ได้สิ้นพระทัยลงต่อหน้าธารกำนัลทุกคน ตลอดช่วงชีวิตที่มีมา องค์หญิงน้อยพบว่าไม่เคยมีใครสักคนที่รักนางจริงแม้แต่คนเดียว แต่พระนางคิดผิด... สิบปีผ่านไป องค์หญิงผู้แสนอาภัพ ได้มีชีวิตใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น หญิงสาวชาวยุทธ์ทั่วไป แม้ฝีมือด้านวิทยายุทธ์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและคุณธรรมหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมมากเกินไป นางจึงมักเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง ฟ่งหลันหลั่นได้เกิดพลาดพลั้งเสียทีให้กับศัตรูที่ตามมาแก้แค้น หนึ่งในคนพวกนั้นได้ใช้อาวุธลับ ซัดใส่นางเองจนนางถูกพิษชนิดหนึ่งเข้า และทำให้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว พอรู้สึกตัวอีกที ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กลายมาเป็นสาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว แม่ทัพใหญ่ของจวนนี้คือ หลงอี้หลิง ผู้มากความสามารถและมีชื่อเสียงเลื่องลือเกรียงไกรด้านการรบ นามของเขานั้นเป็นที่โจษจันและเกรงกลัวของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก หลงอี้หลิง ได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่ง-หลันหลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา องค์หญิงอวี้หลันทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด ว่าตนไม่ได้ตายอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นเพราะพระองค์พยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป เมื่อองค์หญิงน้อยอวี้หลันจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ จึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง หลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหยว จะช่วยฟ่งหลันหลั่นหรือองค์อวี้หลัน แก้แค้นและทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ ต้องมาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

Anastazia23_Boss · History
Not enough ratings
91 Chs

ตอนที่ ๔๒ ลอบวางยา

  หลงฮูหยินรู้สึกไม่ชอบใจกับการเสียมารยาทของเยี่ยชิงเซียว ที่เดินเข้ามาภายในเรือน โดยที่เจ้าบ้านยังไม่ได้เชิญเสียด้วยซ้ำ การกระทำนี้ของอีกฝ่ายเหมือนไม่ให้เกียรติตน แต่ก็ต้องคุมสติระงับอารมณ์เอาไว้ เพราะไม่อยากถือสาหาความกับเด็กเมื่อวานซืน

  เยี่ยชิงเซียวเหลือบมองไปเห็นฟ่งหลันหลั่นนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้าง ๆ หลงฮูหยิน ยิ่งทำให้นางไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก เพราะที่จริงเก้าอี้นั้นจะต้องเป็นนางผู้ที่คู่ควรนั่งตรงนั้น

    'ชิ! เป็นแค่สาวใช้กับตีตัวเสมอเจ้านาย' คุณหนูผู้สูงศักดิ์รู้สึกอิจฉาริษยาสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม เพราะนางได้รับความรักและความเอ็นดูจากหลงฮูหยินถึงขนาดว่าไม่รังเกียจในฐานันดรศักดิ์ที่ต่างชั้นกัน

  แต่หากเยี่ยชิงเซียวอยากเอาชนะใจของหลงอี้หลิงให้ได้ อันดับแรกนางจะต้องได้ใจของหลงฮูหยินผู้นี้มาครองเสียก่อน นางจึงข่มความโกรธเคืองไม่พอใจไว้ข้างใน และพยายามฝืนยิ้มหวานออกมาบนดวงหน้างาม

  หลงฮูหยินไม่ใช่หญิงชราที่เอาแต่อยู่ในเรือนจนไม่รับรู้โลกภายนอก นางผ่านร้อนผ่านฝนมาเยอะแค่การมองคน ว่าเขาเหล่านั้นมีนิสัยยังไงนั่นไม่ใช่เรื่องยากเลย จึงเอ่ยถามเพื่อหยั่งเชิงกับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญผู้นี้

  "คุณหนูเยี่ย ลมอะไรหอบท่านมาถึงเรือนสกุลหลงของข้าในวันนี้ได้กัน" น้ำเสียงเรื่อยเฉื่อย แฝงด้วยความสุขุมนิ่งและใจเย็นดังขึ้นมาจากผู้เป็นเจ้าของเรือน

  "ข้าต้องขออภัยหลงฮูหยินด้วย ที่เสียมารยาทเดินเข้ามาในเรือนของท่านโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต และวันนี้ไม่มีอะไรมาก ข้าต้องการมาเยี่ยมเยียนและทำความเคารพท่านเพื่อสานสัมพันธ์อันดีต่อกันไว้"

  เยี่ยชิงเซียวหาข้ออ้างเพื่อพูดแก้ตัวต่อหน้าหลงฮูหยินแถสีข้างไปดื้อ ๆ

  แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีใครเชื่อในคำพูดของนาง

  "คุณหนูเยี่ยไม่ต้องมากพิธี มีอะไรกับยายเฒ่าอย่างข้าก็พูดมาตรง ๆ ได้เลย" หญิงชราสูงศักดิ์ถามออกไปตรง ๆ เพราะไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา

  ธิดาอ๋องเห็นอีกฝ่ายเปิดทางให้ขนาดนั้น นางเองก็ขี้เกียจปั้นหน้าแสดงละครอีกต่อไป นางเผยยิ้มอ่อนตรงมุมปากก่อนจะพูดขึ้นอย่างฉะฉาน

  "ดี! งั้นข้าจะไม่อ้อมค้อม ข้าคิดถึงท่านแม่ทัพหลง และพอได้ยินว่าวันนี้เขาจะเดินทางมาที่เรือนสกุลหลง ข้าจึงมาที่นี่เพื่อพบหน้าเขา"

  พอพูดจบนางก็ได้ชำเลืองสายตามองไปทางสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่มเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาทางเจ้าของบ้านอีกครั้ง

  เรื่องอื่นเยี่ยชิงเซียวอาจจะโป้ปดมดเท็จ แต่เรื่องความรักที่นางมีต่อหลงอี้หลิง คนทั่วทั้งเมืองหลวงนั้นต่างรู้กันดีว่านางรักและต้องการเป็น ฮูหยินของเขามากแค่ไหน

  ดังนั้นหลงฮูหยิน และคนในเรือนสกุลหลงต่างก็ไม่ได้รู้สึกตกใจกับ คำกล่าวนี้ของคุณหนูผู้สูงศักดิ์

  'ความรักทำให้คนเรามั่นใจในตัวเองและกล้าทำอะไรเพื่อคนรักได้มากมายถึงขนาดนี้เลยหรือเนี่ย คุณหนูเยี่ยผู้นี้ช่างน่านับถือจริง ๆ ที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองเยี่ยงนี้'

  ฟ่งหลันหลั่นนั่งนิ่งเงียบและคิดในใจ พลางเบนสายตาหันไปมองแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งเขากลับดูเมินเฉยและเย็นชาต่อความรู้สึกของธิดาอ๋องผู้นี้เสียเหลือเกิน นางจ้องหน้าเขาและพลางตำหนิในใจให้กับหลงอี้หลิง

    'นี่ถ้านางรู้ว่าบุรุษที่นางหลงรัก มาทึกทักว่ามีอะไรกับเราแล้ว ธิดาอ๋องผู้นี้คงได้ฉีกเราออกเป็นชิ้น ๆ ไม่เหลือซากแน่'

  หลงอี้หลิงเห็นฟ่งหลันหลั่นเอาแต่นั่งเงียบ หันหน้าไปมองคนนั้นทีคนนี้ที แต่พอหันมาสบตากับเขา นางก็เผยสีหน้าและแววตาหลบเลี่ยงและเมินเฉยต่อเขา ยิ่งทำให้ความขุ่นเคืองที่มีในใจจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ทำให้เขาเขม่นนางหนักยิ่งขึ้น

  และในขณะที่คนในห้องโถงกำลังสนทนากันอยู่ พ่อบ้านของสกุลหลงก็เดินเข้ามาด้านในห้องนี้อีกครั้ง

  "นายหญิงขอรับ แขกที่ท่านเชิญไว้ได้เดินทางมาถึงแล้วขอรับ" พ่อบ้านของเรือนสกุลหลงกล่าวกับผู้เป็นนายอย่างนอบน้อม

  หลงฮูหยินได้ฟังเช่นนั้นก็เผยสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาทันตา

  "เจ้ารีบไปเชิญแขกและพามาที่นี่ได้เลย"

  "ขอรับนายหญิง" พ่อบ้านสกุลหลงขานรับคำสั่งของเจ้านายเสร็จเขาก็เดินปลีกตัวออกไปจากห้องโถง

  หลงอี้หลิง ฟ่งหลันหลั่น และเยี่ยชิงเซียวต่างก็แปลกใจ ว่าหลงฮูหยินเชิญแขกคนใดมาที่เรือนสกุลหลงกัน เพราะปกติเรือนนี้ค่อนข้างที่จะไม่เปิดบ้านต้อนรับผู้ใดง่าย ๆ แต่ทุกคนก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ

  ไม่นานพ่อบ้านเรือนสกุลหลงก็เดินกลับเข้ามาภายในห้องโถงอีกครั้ง และแขกที่เขาพามาด้วย ทำให้หลงอี้หลิง ฟ่งหลันหลั่นและเยี่ยชิงเซียวประหลาดใจยิ่งนัก

  โดยเฉพาะหลงอี้หลิงกับฟ่งหลันหลั่นที่หันมองหน้ากันด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน

  คนหนึ่งสงสัย แต่อีกคนเผยแววตาเคืองขุ่นโกรธขึ้งในใจ

  "ขอบคุณหลงฮูหยินที่เชิญข้ามาเป็นแขกในวันนี้" มู่เซียวหลานย่อตัวทำความเคารพต่อเจ้าบ้านอย่างสุภาพนอบน้อม พลางหันไปส่งยิ้มหวานอ่อนโยนให้กับฟ่งหลันหลั่น ซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวข้างกันอย่างสนิทสนม

  "ไม่เจอกันเสียนานเลยนะแม่นางมู่ เจ้าสบายดีไหม" หลงฮูหยินกล่าวทักทายมู่เซียวหลานกลับไปอย่างมีมิตรไมตรีเช่นกัน

  "สบายดีเจ้าค่ะ และข้าต้องขออภัยที่มาถึงก่อนเวลานัดหมาย เพราะไม่ทราบมาก่อนว่าท่านกำลังมีแขกอยู่"

  มู่เซียวหลานตอบกลับอย่างนอบน้อม พลางชำเลืองหางตามองไปทางเยี่ยชิงเซียวราวกับรู้จักอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ที่เป็นการทักทายออกมา

  "ไม่ใช่แขกที่ไหนหรอก พ่อหนุ่มรูปงามชอบทำหน้าเคร่งเครียดบึ้งตึงตลอดเวลาคนนั้นเจ้าก็คงจะรู้จักเขาดีแล้ว ส่วนผู้นี้คือธิดาของเยี่ยอ๋อง คุณหนูเยี่ย"

  "คุณหนูเยี่ย แม่นางผู้นี้คือ แม่นางมู่ แห่งเมืองจิ่ว"

  หลงฮูหยินได้แนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการ

  มู่เซียวหลานดูเหมือนจะรู้จักมาก่อนว่าคนตรงหน้าเป็นใคร นางจึงได้แสดงความเคารพอย่างมีมารยาท แต่อีกฝ่ายกับเชิดหน้าใส่อย่างเย่อหยิ่ง

  หลงฮูหยินเห็นเช่นนั้น ไม่อยากให้บรรยากาศการพบปะกันในวันนี้ไม่ดี นางจึงหันไปมองบุรุษรูปงามบุคลิกเจ้าสำอางในอาภรณ์ผ้าแพรไหมสีฟ้าคราม ซึ่งยืนถือพัดสะบัดไปมาอย่างอารมณ์ดี

  "ว่าแต่คุณชายหยวนผู้มากเสน่ห์ทำไมถึงได้มาเยือนที่เรือนของข้าพร้อมแม่นางมู่ได้กัน" ฮูหยินเฒ่าทักทายบุรุษคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มู่เซียวหลานอย่างแปลกใจ

  "ผู้น้อยหยวนจูวเย่ บุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมคลัง คารวะผู้อาวุโส"

  หยวนจูวเย่กล่าวทักทายและแสดงความเคารพต่อเจ้าของบ้านอย่างนอบน้อม แต่ท่าทีของเขาช่างกวนใจและดูขัดตาต่อแม่ทัพหนุ่มยิ่งนัก

  "ข้ารู้จักท่าน คุณชายหยวน ชื่อเสียงและความสามารถด้านบุ๋นและด้านเสน่ห์ของท่านนั้นเลื่องลือกระฉ่อนไปทั่วเมืองหลวง หากข้ายังสาวอยู่ คงเป็นอีกผู้หนึ่งที่หมายปองในตัวท่านเป็นแน่"

  ฮูหยินเฒ่าแอบเห็นสีหน้าและสายตาไม่พอใจของหลานชายสุดที่รัก นางจึงพูดยกยอปอปั้นหยวนจูวเย่เพื่อกวนประสาทหลานชายของตน

  "ผู้อาวุโสกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าหรือจะมีความสามารถเทียบเท่ากับท่านแม่ทัพได้ หากข้าเป็นสตรี ก็คงจะเลือกเขาเป็นคู่ครองเช่นกัน"

  หยวนจูวเย่กล่าวโต้ตอบอย่างนอบน้อมถ่อมตน เขาเป็นคนฉลาดในการพูด เมื่ออยู่ในถ้ำเสือไฉนเลยจะกล้าทำตัวเก่งและเหนือกว่าลูกเสือไปได้

  ฮูหยินเฒ่าเผยรอยยิ้มให้กับชายหนุ่มอย่างมองออก พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ก็เห็นว่าบรรยากาศในห้องเริ่มอึมครึมชวนอึดอัดใจขึ้นมาอย่างชัดเจน

  จู่ ๆ ฮูหยินเฒ่าก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้น เพื่อต้องการทดสอบบางกับหลานชายของตน นางจึงได้ออกปากเชิญแขกทั้งหมดอยู่ร่วมทานอาหารเย็นด้วยกัน

  หลงอี้หลิงไม่เห็นด้วยและไม่สบอารมณ์ยิ่งนักที่จะต้องร่วมโต๊ะทานอาหารกับหยวนจูวเย่ หลังจากที่เพิ่งมีเรื่องให้หมองใจกันมาในช่วงสายของวันนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธผู้เป็นย่าได้ ยิ่งพอเห็นท่าทีของสาวใช้ที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยชายอื่นผ่านทางสายตาออกนอกหน้าขนาดนั้น ยิ่งทำให้จิตใจเขาปั่นป่วนราวกับถูกคลื่นพายุซัดโหมกระหน่ำเข้าใส่

  เมื่อถึงยามโหย่ว สำรับอาหารก็ได้ถูกนำมาวางลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ และทั้งหมดก็ได้นั่งลงและร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน

  โดยครั้งนี้ฟ่งหลันหลั่นไม่ต้องทำหน้าที่ชิมอาหารให้กับแม่ทัพหนุ่ม เพราะที่นี่คือบ้านของเขานั่นเอง และถอยห่างออกจากโต๊ะอาหารไปยืนหลบมุมด้วยความเบื่อ

  ทุกคนต่างร่วมทานอาหารค่ำและพูดคุยถึงเรื่องราวจิปาถะทั่วไป

  หลงฮูหยินต้องเปลี่ยนแผนโดยที่ไม่ได้ให้ฟ่งหลันหลั่นมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยเพราะต้องให้เกียรติธิดาอ๋อง มิฉะนั้นนางคงจะอาละวาดจนพานเสียบรรยากาศไปหมด

  หยวนจูวเย่ชายตามองและส่งสายตาหวานไปทางฟ่งหลันหลั่นเป็นระยะ ๆ และทุกการกระทำนั้นของเขาถูกจับตาจาก และไม่ว่าบุรุษเจ้าสำอางจะพูดอะไร แม่ทัพหนุ่มก็จะพูดจาเหวี่ยงอารมณ์โกรธขึ้งไม่พอใจและชวนอีกฝ่ายหาเรื่องไม่หยุดปาก

  หลงฮูหยินและมู่เซียวหลานเองก็พานมองออกว่า แม่ทัพหนุ่มผู้นี้กำลังแสดงอาการหึงหวงสตรีของตนต่อบุรุษอื่นอย่างไม่รู้ตัว

  เยี่ยชิงเซียวดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าผู้ใดบนโต๊ะอาหารนี้ นางได้นั่งอยู่เก้าอี้ข้าง ๆ กับหลงอี้หลิง และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่นางได้ร่วมโต๊ะอาหารกับเขา เสมือนคนในครอบครัวเยี่ยงนี้

  บรรยากาศดำเนินผ่านไปได้ด้วยดี จนถึงช่วงเวลาจิบน้ำชา ขนมหวานของเยี่ยซิงเซียวที่นำมาฝากเจ้าของเรือน ก็ได้ถูกจัดใส่จานและนำมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าของทุกคน

  ครั้งนี้ฟ่งหลันหลั่นไม่ลืมที่จะทำหน้าที่ของตน

  สตรีน้อยตักขนมหวานชิ้นหนึ่งใส่ถ้วยใบเล็ก ๆ และตักเข้าใส่ปากของตน เวลาผ่านไปเพียงไปไม่ถึงนาทีหลังจากที่นางกลืนขนมนั้นลงท้อง ก็ได้มีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับเจ้าตัว

  ในขณะที่ทุกคนกำลังกินขนมหวานและจิบชา พร้อมกับสนทนา เรื่อยเปื่อยอยู่นั้น

    'ในขนมหวานมียาพิษอย่างนั้นเหรอ'

  ฟ่งหลันหลั่นคิดในใจ เพราะตอนนี้นางรู้สึกว่าสายตาของตนเริ่มพร่ามัวและมีอาการมึนหัวเหมือนบ้านหมุน

  ตึง!!!

  เสี้ยวนาทีต่อมานางก็ทิ้งตัวล้มตึง นอนราบลงไปบนพื้นอย่างแรง ท่ามกลางความตกใจของทุกคนตรงนั้น

  ยกเว้นเยี่ยชิงเซียวและสาวใช้ของนาง ที่เพียงแค่แสร้งตกใจไปตามเหตุการณ์

  หลงอี้หลิงรีบเข้าไปพยุงตัวของฟ่งหลันหลานเข้ามาไว้ในอ้อมแขน และรีบวางมือลงตรงจุดชีพจรในตำแหน่งข้อมือของสตรีน้อยทันที

  "ยายม่งรีบไปบอกให้พ่อบ้านใหญ่ส่งคนไปพาท่านหมอมาเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!"

  หลงฮูหยินหันไปสั่งหญิงสูงวัย สาวใช้คนสนิทของตนอย่างร้อนรนใจ และอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบรับด้วยความตื่นตระหนกตกใจ

  "ยายม่งไม่ต้อง เด็กนี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่สลบไป คงเพราะวันนี้นางเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวข้าดูแลนางเอง ท่านพาท่านย่ากลับไปยังห้องพักผ่อนเถอะ"

  "หลิงเอ๋อร์เจ้ามั่นใจนะว่านางไม่ได้เป็นอะไร"

  หลงฮูหยินย้ำถามหลานชายสุดที่รักเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง

  "นางคงจะหิวข้าวมากจนทำให้เป็นลม"

  คำตอบนี้ของหลงอี้หลิงดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก แต่ก็ไม่มีผู้ใดโต้แย้งเขา

  มู่เซียวหลานกับหยวนจูวเย่ก็รู้สึกตกใจและเป็นห่วงในความปลอดภัยของสตรีน้อยยิ่งนัก แต่พวกเขาไม่ทันได้มีโอกาสเข้าถึงตัวของนางเพราะ หลงอี้หลิงนั้นไวกว่าพวกเขานัก

  จากนั้นหลงอี้หลิงก็หันไปมองเยี่ยชิงเซียวพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาโกรธขึ้ง แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา

  เยี่ยชิงเซียวได้ในสิ่งที่ต้องการสมดังใจแล้ว นางก็ขอตัวกลับจวนเยี่ยอ๋อง เพื่อเลี่ยงความผิดของตนที่กระทำไว้

  "วันนี้ข้ารบกวนเวลาของหลงฮูหยินมามากแล้ว และเกิดเรื่องขึ้นกับสาวใช้ของท่านแม่ทัพแบบนี้ ข้าคงต้องขอตัวกลับเสียที พวกท่านจะได้ดูแลอาการเจ็บป่วยของบ่าวไพร่นางนี้อย่างสะดวก"

  "ขอให้คุณหนูเยี่ยเดินทางกลับจวนเยี่ยอย่างปลอดภัย เดี๋ยวข้าจะให้คนของเรือนสกุลหลงไปส่งท่าน"

  ฮูหยินเฒ่า รีบตอบกลับไปทันที เพราะรอฟังคำนี้มานานมากแล้ว

  "ขอบคุณหลงฮูหยิน" เยี่ยชิงเซียวกล่าวขอบคุณหลงฮูหยิน จากนั้นก็เบนหน้าไปมองยังสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่มซึ่งตอนนี้นางหมดสิอยู่ในอ้อมแขนของเขา และยิ้มในใจอย่างมีความสุข

  หลังจากที่เยี่ยชิงเซียวเดินทางกลับไปแล้ว มู่เซียวหลานกับหยวนจูวเย่ก็ได้ขอตัวกลับด้วยเช่นกัน

  แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นห่วงฟ่งหลันหลั่นมากแค่ไหน แต่ก็ต้องข่มใจ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนสกุลหลง เพราะตอนนี้สตรีน้อยขึ้นชื่อว่าเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม แน่นอนว่าคนสกุลหลงจะต้องช่วยเหลือและดูแลนางให้ปลอดภัย

  ด้านหลงอี้หลิงก็ได้ช้อนตัวฟ่งหลันหลั่นขึ้น และอุ้มร่างน้อยอรชรออกไปจากห้องโถงและพากลับห้องพักทันที

  หลงอี้หลิงได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่งหลัน-หลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา และนางจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด

 

  นางไม่ได้ตายอย่างที่คิดแต่นางพยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป

  เมื่อฟ่งหลันหลั่นจำเรื่องราวในอดีตได้และได้รู้ว่าตัวเองคือองค์หญิงน้อยอวี้หลันผู้อาภัพ นางจึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยนางต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร

  ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน

...

เซียงไค 盛開