webnovel

ข้ากลายเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม

องค์หญิงอวี้หลัน องค์หญิงน้อยผู้แสนอาภัพ แห่งแคว้นโหย่ว ในวัยเพียงแปดชันษา พระองค์ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าและเจ็บปวด ทั้งการกลั่นแกล้ง ใส่ความให้ร้ายของเหล่าคนรอบกาย เพื่อหวังจะยึดครองตำแหน่งองค์หญิงสุดที่รักจากท่านอ๋องใหญ่บิดาของนาง ซึ่งเป็นถึงองค์ รัชทายาทของแคว้นโหยว ความโชคร้ายไม่จบสิ้น มีคนร้ายได้ลอบวางยาพิษลงในสระน้ำส่วนตัวขององค์หญิงน้อย ทำให้นางต้องจบชีวิตลงในชั่วพริบตาที่สูดดมกลิ่นหอมพิษ ซึ่งโชยขึ้นมากับไอน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจตายพระนางได้อธิษฐานว่า ถ้าหากได้เกิดใหม่ ตนก็ปรารถนาเกิดเป็นคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ไม่มีชีวิตที่สบาย ไม่ร่ำรวยเงินทองอย่างที่เคยเป็น ก็ยินดีเช่นนั้น และแล้ว องค์หญิงน้อยก็ได้สิ้นพระทัยลงต่อหน้าธารกำนัลทุกคน ตลอดช่วงชีวิตที่มีมา องค์หญิงน้อยพบว่าไม่เคยมีใครสักคนที่รักนางจริงแม้แต่คนเดียว แต่พระนางคิดผิด... สิบปีผ่านไป องค์หญิงผู้แสนอาภัพ ได้มีชีวิตใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น หญิงสาวชาวยุทธ์ทั่วไป แม้ฝีมือด้านวิทยายุทธ์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและคุณธรรมหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมมากเกินไป นางจึงมักเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง ฟ่งหลันหลั่นได้เกิดพลาดพลั้งเสียทีให้กับศัตรูที่ตามมาแก้แค้น หนึ่งในคนพวกนั้นได้ใช้อาวุธลับ ซัดใส่นางเองจนนางถูกพิษชนิดหนึ่งเข้า และทำให้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว พอรู้สึกตัวอีกที ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กลายมาเป็นสาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว แม่ทัพใหญ่ของจวนนี้คือ หลงอี้หลิง ผู้มากความสามารถและมีชื่อเสียงเลื่องลือเกรียงไกรด้านการรบ นามของเขานั้นเป็นที่โจษจันและเกรงกลัวของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก หลงอี้หลิง ได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่ง-หลันหลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา องค์หญิงอวี้หลันทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด ว่าตนไม่ได้ตายอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นเพราะพระองค์พยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป เมื่อองค์หญิงน้อยอวี้หลันจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ จึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง หลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหยว จะช่วยฟ่งหลันหลั่นหรือองค์อวี้หลัน แก้แค้นและทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ ต้องมาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

Anastazia23_Boss · History
Not enough ratings
91 Chs

ตอนที่ ๔๓ พิษร้ายกำเริบ

  หลังจากที่หลงอี้หลิงได้อุ้มฟ่งหลันหลั่นกลับไปยังห้องพักของเขา นกพิราบสื่อสารสีขาวตัวหนึ่งก็ได้โฉบบินออกจากหน้าต่างบานใหญ่ของห้องนอนแม่ทัพหนุ่มทันที 

เรือนหลงหลิง

 

  ด้านจางเก่อและเข่อลั่ว ที่ไม่ได้ติดตามผู้เป็นนายไปยังเรือนสกุลหลง เพราะถูกสั่งให้ไปสืบหาและตามจับตัวกลุ่มชายชุดดำที่ลอบซุ่มโจมตีฟ่งหลันหลั่นกับหยวนจูวเย่ที่ศาลานักพเนจร

  ในขณะที่นายกองทั้งสองคนกำลังยืนรอผู้เป็นนายและสาวใช้กลับบ้านอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ของเรือนหลงหลิง จู่ ๆ นกพิราบสื่อสารก็บินข้ามหลังคาร่อนลงมาหาทั้งสองคน

  จางเก่อจึงได้ชูแขนขึ้น พิราบสื่อสารก็เกาะลงบนท่อนแขนของเขาอย่างคุ้นเคย สายตาของนายกองทั้งสองก็พลันเหลือบมองไปเห็นม้วนกระดาษสีน้ำตาลเล็ก ๆ ผูกติดอยู่ตรงขาของเจ้านกน้อย พวกเขามองหน้ากันอย่างสงสัย

  จางเก่อแกะม้วนกระดาษออกจากขาของเจ้านก จากนั้นก็ส่งตัวมันให้เข่อลั่วถือต่อ

  เมื่อม้วนกระดาษถูกเปิดออก และพอทั้งคู่ได้อ่านข้อความของสารด้านในเรียบร้อย พวกเขาก็เผยสีหน้ากังวลใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

  จางเก่อหันไปกล่าวกับสหายสนิทด้วยสีหน้าจริงจัง 

  "เข่อลั่ว เจ้ารีบไปหาท่านหมอผู้นั้นและพาเขาไปหานายน้อยที่เรือนสกุลหลงให้เร็วที่สุด ระวังอย่าให้บ่าวไพร่และคนในเรือนเห็นเข้าล่ะ มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องวุ่นวายกันไปใหญ่" 

  "ได้! แล้วเจ้าล่ะ ?" เข่อลั่วขานรับอย่างมั่นเหมาะและถามกลับด้วยความอยากรู้

  "ข้าต้องไปที่ภัตตาคารเกา เพื่อตรวจสอบเรื่องบางอย่างให้กับนายน้อย เสร็จแล้วข้าจะรีบตามไปสมทบที่เรือนสกุลหลงทันที"

  หลังจากที่นายกองทั้งสองหนุ่มสื่อสารกันเรียบร้อย พวกเขาต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนอย่างไม่รอช้า

เรือนสกุลหลง

  หลงอี้หลิงนั่งอยู่ข้างขอบเตียงนอนผืนใหญ่ภายในห้องพักของเขา สายตาจับจ้องมองสตรีน้อย ซึ่งนอนหมดสติอยู่บนเตียงผืนนั้น 

  ดวงหน้างามซีดขาวไร้สีสัน ริมฝีปากเริ่มม่วงคล้ำ ลมหายใจเข้าออกเริ่มผิดจังหวะ

  "เยี่ยชิงเซียว เจ้าใส่อะไรลงไปในขนมหวานกันแน่ คนของข้าถึงได้มีอาการแย่ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ข้ากับคนอื่น ๆ ก็ได้กินขนมหวานพวกนั้นเช่นกัน แต่กลับไม่มีใครเป็นอะไร หากไม่เป็นห่วงความรู้สึกของท่านย่า เพราะกลัวว่าท่านจะตื่นตระหนกตกใจจนล้มป่วย ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้เจ้ามีโอกาสเดินลอยหน้าลอยตาย่างเท้าออกไปจากเรือนสกุลหลงได้แม้แต่ก้าวเดียว ถึงแม้เจ้าจะเป็นธิดาของเยี่ยอ๋อง ก็ไม่มีข้อละเว้น" 

  เสียงทุ้มของเขามีร่องรอยการสะกดกลั้นอารมณ์ ดวงตาสีนิลคู่นั้นลุกวาวอย่างน่ากลัว 

  ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูเบา ๆ ตามมาด้วยเสียงเรียกของเข่อลั่วดังลอดเข้ามาภายในห้องของแม่ทัพหนุ่ม

  "นายน้อย ข้าพาท่านหมอมาถึงแล้วขอรับ" 

  แม่ทัพหนุ่มได้ยินเสียงเข่อลั่ว เขาก็ลุกพรวดขึ้นยืนและเดินตรงดิ่งไปเปิดประตูให้กับทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว 

  เขาไม่รอช้ารีบเชิญท่านหมอ ผู้ที่เคยรักษาอาการบาดเจ็บให้กับฟ่ง-หลันหลั่นในครั้งก่อน เข้าไปด้านในห้องพักของตนทันที

  "ท่านหมอเชิญด้านใน"

  สีหน้าตึงเครียดของแม่ทัพหนุ่มที่เผยออกมาบนใบหน้าอันหล่อเหลา ทำให้บุรุษทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูไม่ถามสิ่งใด

  ท่านหมอพยักหน้ารับคำ จากนั้นก็รุดฝีเท้าเดินเข้าไปในห้องอย่างรู้หน้าที่ และพอได้เห็นสีหน้าของสตรีน้อยซึ่งนอนหมดสติอยู่บนเตียงนอน เขาก็รีบนั่งลงตรงเก้าอี้หัวตัดที่ตั้งวางอยู่ข้างเตียง พร้อมกับวางปลายนิ้วแตะลงไปยังจุดชีพจรตรงข้อมือน้อยนั้นทันที

  ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจท่านหมอก็เผยสีหน้าไม่สู้ดีออกมาอย่างชัดเจน พลางละมือจากผู้ป่วยและหันหน้ากลับมายังแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งเขากำลังยืนรอฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างร้อนใจ

  "เป็นยังไงบ้างท่านหมอ นางถูกวางยาพิษใช่หรือไม่" 

  แม่ทัพหนุ่มถามขึ้นเหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ต้องการคำยืนยันจากท่านหมอเพื่อให้แน่ใจเท่านั้น

  ท่านหมอพยักหน้ารับและเผยสีหน้ากังวลใจยิ่งกว่าทุกครั้ง 

  "ตอนนี้ลมปราณด้านในและตำแหน่งของหยินและหยางภายในกายของแม่นางน้อยผู้นี้สับสนและปั่นป่วนมาก และเป็นจริงอย่างที่ท่านแม่ทัพสงสัย ทว่า..." ท่านหมอกล่าวได้เพียงไม่กี่คำก็หยุดชะงักไป และดูมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจในการตอบคำถามนี้มาก

  แม่ทัพหนุ่มเห็นปฏิกิริยาของท่านหมอที่แสดงออกมา เขายิ่งเป็นกังวลในความปลอดภัยของฟ่งหลันหลั่น

  "ทว่า...ครั้งนี้มันดูรุนแรงและต่างไปจากพิษอื่น ๆ ที่ท่านเคยตรวจพบก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ ร่างกายของนางถึงได้แสดงอาการออกมาชัดเจนขนาดนี้"

  แม่ทัพหนุ่มดูมีความร้อนใจในถ้อยคำที่กล่าวออกมานี้ยิ่งนัก

  เฮ้อ...ท่านหมอถอนหายใจยาวดังแรงขึ้นอย่างอ่อนใจ

  "สิ่งที่ท่านแม่ทัพกล่าวมาถูกเพียงครึ่งเดียวขอรับ ว่าแต่ท่านแม่ทัพได้เก็บตัวอย่างของอาหารที่แม่นางน้อยกินเข้าไปไว้หรือไม่ ข้าคงต้องขอตรวจสอบก่อน ถึงจะให้คำตอบท่านได้" 

  หลงอี้หลิงพยักหน้า จากนั้นก็หยิบบางอย่างออกมาจากตัวเสื้อด้านในส่งยื่นให้กับท่านหมอ ซึ่งเป็นผ้าสีขาวเล็ก ๆ ผืนหนึ่งและห่อหุ้มบางอย่างเอาข้างใน 

  ท่านหมอรับห่อผ้าสีขาวนั้นมาจากมือแม่ทัพหนุ่มได้ เขารีบเปิดออกและสำรวจของด้านในด้วยการนำขึ้นมาดมใกล้ แต่ก็ไม่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ 

  "ขนมหวานนั่น ข้ากับคนอื่น ๆ เองก็ได้กิน แถมปริมาณที่กินเข้าไปก็ยังเยอะกว่านางด้วย แต่กลับไม่มีใครดูผิดปกติ ข้าเลยไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะสิ่งนี้ไหม" หลงอี้หลิงให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับท่านหมออย่างละเอียด 

  ท่านหมอได้ฟัง เขาจึงนำเข็มเงินที่เตรียมมาปักลงไปบนขนมชิ้นนั้น และพอถอนเข็มเงินขึ้นมาดู ทั้งสามคนในห้องนั้นก็เห็นว่าเข็มเงินเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างชัดเจน

  "ในขนมนั้นมียาพิษจริง ๆ ด้วยขอรับ"

  เข่อลั่วโพล่งเสียงดังขึ้นด้วยความตกใจอย่างลืมตัว จนแม่ทัพหนุ่มต้องหันกลับไปทางเขาและทำสายตาดุลูกน้องทันที

  "ข้าไม่รับปากว่าจะช่วยแม่นางน้อยได้หรือไม่ แต่ข้าจะพยายามขอรับ" ท่านหมอกล่าวขึ้นเบา ๆ อย่างไม่ค่อยเต็มเสียงมากนัก

  หลังจากนั้นท่านหมอจึงได้เริ่มทำการรักษาให้กับฟ่งหลันหลั่น โดยแม่ทัพหนุ่มคอยยืนเฝ้าดูอยู่ไม่ห่างไปไหนไกล 

  ส่วนเข่อลั่วก็ออกไปยืนเฝ้าอยู่ตรงประตูหน้าห้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามารบกวนการรักษาของท่านหมอ

  ท่านหมอเฒ่าเลือกใช้วิธีการรักษาด้วยการฝังเข็มลงไปบนร่างกายของคนป่วย เพื่อหวังที่จะกระตุ้นพลังปราณและช่วยปรับตำแหน่งของหยินและ หยาง ในร่างกายของสตรีน้อยให้กลับมาสมดุล จากนั้นร่างกายจะขับพิษนั้นออกมาทางเหงื่อได้เอง แต่เวลาล่วงเลยผ่านไปหนึ่งชั่วยาม พวกเขาก็ยังไม่เห็นว่านางมีสีหน้าดีขึ้นเลยสักนิด 

  ท่านหมอเก็บอุปกรณ์รักษากลับเข้าใส่ห่อผ้าของเขาดังเดิม 

  หลงอี้หลิงเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งเป็นห่วงและกังวลหนักใจขึ้น

  "ขอท่านหมอได้โปรดช่วยรักษานางด้วย หากท่านต้องการตัวยาสมุนไพรชนิดไหนหรือต้องการสิ่งใดเพิ่ม ท่านบอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ข้าจะสั่งให้คนรีบไปจัดหามาให้ท่านทันที" 

  ครั้งนี้ท่านหมอไม่ได้พยักหน้าตอบรับคำของแม่ทัพหนุ่มเหมือนทุกที เขาเพียงส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจและเผยสีหน้าหมดหวัง

  "ขอเรียนแม่ทัพตามความจริง พิษที่แม่นางน้อยผู้นี้ได้รับเข้าไปในร่างกายครั้งนี้ น่าจะเป็นพิษชนิดเดียวกันกับที่ฝังลึกอยู่ในตัวของแม่นางอยู่ก่อนแล้ว และดูเหมือนว่ามันจะเข้าไปกระตุ้นให้พิษนั้นตื่นตัวขึ้นมา จนทำให้ร่างกายของนางมีอาการหนักอย่างที่เห็น ข้าน้อยจนปัญญาที่จะช่วยรักษานางจริง ๆ"

  ท่านหมอตอบด้วยสีหน้าทุกข์ใจ เพราะการที่คนเป็นหมอไม่สามารถช่วยเหลือคนไข้ของเขาได้ มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดใจยิ่งนัก

  แม่ทัพหนุ่มได้ฟังเช่นนั้น เขาถึงกับสีหน้าเปลี่ยน และหันไปมองสตรีน้อยบนเตียงนอนด้วยสายตาเป็นห่วงจับใจ สองมือกำหมัดแน่น

  "ไม่มีวิธีใดที่สามารถช่วยถอนพิษให้นางจริง ๆ อย่างนั้นหรือ ถ้าท่านหมอพอคิดสิ่งใดออกได้โปรดช่วยบอกข้าเถิด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ข้ายินดีทำตามทุกอย่าง"

  แม่ทัพหนุ่มกล่าววิงวอนขอร้องท่านหมอด้วยแววตาหนักแน่น จริงจัง

  เฮ้อ...ท่านหมอถอนหายใจยาวออกมาอีกครั้ง

  "มันก็พอจะมีอยู่อีกหนึ่งวิธีหนึ่ง แต่ข้าไม่มั่นใจว่าวิธีนั้นจะช่วยได้หรือไม่ เพราะมันเป็นเพียงการคาดเดาของหมอรุ่นก่อน ๆ ที่บอกเล่าต่อกันมา แต่ก็ไม่เคยมีผู้ใดเคยทดลองมาก่อน" 

  ท่านหมอกล่าวกับแม่ทัพหนุ่มอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เคยทดสอบวิธีการถอนพิษในรูปแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

  หลงอี้หลิงดูมีความหวังกับคำกล่าวนี้ของท่านหมอ และเขาจำเป็นที่จะต้องแสดงเจตจำนงให้อีกฝ่ายเห็นอย่างชัดเจนว่า หากรักษาคนไม่สำเร็จ เขาก็จะไม่มีความผิดใด ๆ เพราะหากไม่กล่าวเช่นนั้นออกไป เกรงว่าหมอเฒ่าผู้นี้คงจะไม่กล้าบอกวิธีอย่างแน่นอน

  "ท่านหมอได้โปรดบอกมาได้เลย ข้ายินดีที่จะลองทำทุกวิธีตามคำแนะนำของท่าน หากเกิดเรื่องอันใดผิดพลาดขึ้นมาหรือช่วยคนไม่สำเร็จ ข้ารับปากว่าจะไม่ถือโทษต่อท่านอย่างแน่นอน"

  เมื่อได้ฟังการยืนยันหนักแน่นจากแม่ทัพหนุ่มเช่นนั้น ท่านหมอเฒ่าก็ดูมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่รู้สึกเครียดและกดดันมาพักใหญ่

  "ข้าได้ตรวจดูจุดชีพจรของแม่นางผู้นี้แล้ว และพบว่าบุปผางามดอกนี้ยังคงความบริสุทธิ์ไร้การแตะต้องและสัมผัสจากมือของบุรุษใดมาก่อน ดังนั้น..." ท่านหมอกล่าวร่ายยาวมาได้เกือบจบประโยค เขาก็หยุดชะงักไป และดูมีท่าทีอ้ำอึ้งไม่มั่นใจ

    'นางพูดจริงอย่างนั้นหรือ นี่ข้าเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดผิดไปเองคนเดียวมาตั้งแต่ต้นจริง ๆ สินะ ข้ากับนางยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งใด ๆ เกี่ยวข้องกัน'

  หลงอี้หลิงรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันใด และเผลอรอยยิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปาก 

  "เชิญท่านหมอกล่าวต่อได้เลย"

  "เจ้าของเรือนร่างอรชรที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงผืนนั้น จะต้องถูกปรับพลังลมปราณด้านในให้กลับมาคงที่และต้องแก้ไขตำแหน่งของหยินและหยางให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง" ท่านหมอกล่าวเสริม

  พอแม่ทัพหนุ่มได้ฟังท่านหมอกล่าวเช่นนั้น เขาก็คิดว่ามันน่าจะไม่ใช่วิธีการที่ยุ่งยากซับซ้อนหรือเสี่ยงอันตรายอะไร แต่ทำไมสีหน้าของท่านหมอถึงแสดงท่าทีอ้ำอึ้งและดูอึดอัดใจตลอดเวลาที่จะพูดออกมา

  "เท่าที่ฟังจากท่านบอกมา ข้าก็ไม่เห็นว่าจะมีความเสี่ยงอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด หากต้องการปรับลมปราณของธาตุทั้งห้าและตำแหน่งหยินและ หยางของนางให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง อาจจำเป็นต้องใช้พลังลมปราณของ  คนอื่นที่มีพลังมากเพียงพอที่จะถ่ายเทพลังปราณให้กับนางได้ ตกลง! ข้าจะลองทำตามที่ท่านหมอแนะนำ"

  ดูเหมือนว่าแม่ทัพหนุ่มจะด่วนสรุปความเข้าใจทุกอย่างไปเอง ทั้ง ๆ ที่ท่านหมอยังกล่าวไม่จบด้วยซ้ำไป 

  "จะว่ายากมันก็ไม่ยาก จะว่าง่ายมันก็ไม่ง่าย ปัญหามันติดอยู่นิดเดียว..." ท่านหมอยังคงกล่าวด้วยท่าทีอ้ำอึ้ง

  "ปัญหาที่ว่านั่นคืออะไร ?"

  หลงอี้หลิงไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านหมอพยายามสื่อสารออกมา เพราะถ้าเรื่องการปรับหรือถ่ายทอดโยกย้ายพลังปราณ เขาผู้ฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้วิธีการเป็นอย่างดี จึงไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาสำหรับเขา

  "ขออภัยที่ข้าต้องถามตามตรง มิทราบว่าแม่นางน้อยผู้นี้เป็นอะไรกับท่านแม่ทัพงั้นหรือขอรับ ขอท่านได้โปรดตอบข้าตามความจริง มิฉะนั้นข้าน้อยคงไม่กล้าพูดสิ่งนั้นออกมาได้"

  ครั้งนี้ดูสีหน้าของท่านหมอเฒ่าจะจริงจังกับคำถามมาก

  "นางเป็นผู้มีพระคุณต่อคนสกุลหลงทุกคน ดังนั้นไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหน ข้าก็จะต้องช่วยนางให้ได้ และคนสกุลหลงทุกคนมีหน้าที่ปกป้องและรับผิดชอบต่อชีวิตของนางด้วยเกียรติและชีวิตของพวกเรา" 

  หลงอี้ตอบคำถามของท่านหมออย่างไม่ต้องคิดไตร่ตรองนาน น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แววตาเด็ดเดี่ยวจริงจัง

  ท่านหมอเฒ่าได้ฟังคำตอบนั้น เขาก็เผยรอยยิ้มอย่างคลายกังวลลง และถอนหายใจยาวอีกครั้ง ก่อนจะยอมบอกวิธีถอนพิษนี้ให้กับแม่ทัพหนุ่ม

  "หนาวเนื้อ ห่มเนื้อ จึงหายหนาว...ไฟพิโรธอันร้อนระอุจะดับลงได้จะต้องใช้มวลกระแสน้ำที่เย็นเย็บเข้าช่วยดับ...เฉกเช่นเดียวกัน ตำแหน่งของหยินกับหยางของแม่นางน้อย จะกลับมาสมดุลได้อีกครั้งได้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวของท่านแม่ทัพด้วยเช่นกัน" ท่านหมอกล่าวสั้น ๆ เป็นนัย 

  ด้านแม่ทัพหนุ่มยังคงไม่เข้าใจในความหมายนั้นที่ท่านหมอพยายามสื่อสารออกมาอย่างคลุมเครือ เขาจึงเผยความแปลกใจออกมาผ่านทางสีหน้าและแววตา

  "ข้าน้อยเบาปัญญานัก ขอท่านหมอได้โปรดอธิบายให้ชัดแจ้งด้วย"

  "จุดลมปราณของธาตุทั้งห้าในร่างกายจะถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างเต็มที่ได้ ก็ต่อเมื่อบุรุษและสตรีมีการร่วมรักสัมพันธ์สวาทเสพสังวาสกัน วิธีนี้เป็นการถ่ายเทลมปราณได้ดีที่สุด ตำแหน่งหยินหยางก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ ทว่า...สำหรับบุปผาแรกแย้มงามช่อนี้ยังคงความบริสุทธิ์อยู่ จึงเป็นเรื่องที่ลำบากใจที่สุด อีกทั้งยังผิดจารีตประเพณี ทำนองคลองธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณของคนเป็นหมอเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีหมอคนใดเลือกใช้วิธีนี้มาก่อนนั่นเอง"

  เมื่อหลงอี้หลิงได้ฟังคำอธิบายของท่านหมอทั้งหมดอย่างชัดเจน เขาก็ถึงกับนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ และเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ท่านหมอถึงได้ดูมีท่าทีอ้ำอึ้งกระอักกระอ่วนใจที่จะอธิบายถึงวิธีการถอนพิษให้เขาฟังโดยละเอียด

  "วิธีการและขั้นตอน ข้าได้บอกไปจนหมดสิ้นแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านแม่ทัพต่อจากนี้ แต่จะได้ผลหรือไม่ก็ต้องดูว่าร่างกายและพลังปราณของธาตุทั้งห้าในตัวแม่นางน้อยผู้นั้นจะตอบรับหรือปฏิเสธพลังปราณของท่าน" 

  ท่านหมอกล่าวจบเขาก็หยิบห่อผ้าของตนและยกมือขึ้นมาขอตัวลากลับ ข้าขออวยพรให้พวกท่านโชคดี ขอตัวลา"

  หลงอี้หลิงยกมือขึ้นรับกับคารวะจากอีกฝ่ายและกล่าวอย่างนอบน้อมต่อท่านหมอแม้ตนจะมีฐานันดรและตำแหน่งขุนนางใหญ่โต ซึ่งต่างจากท่านหมอที่เป็นเพียงสามัญชนธรรมทั่วไป

  "ขอบคุณท่านหมอที่สละเวลามาในวันนี้มาก เดี๋ยวข้าจะให้คนไปส่งท่านกลับเรือน ส่วนเรื่องค่ารักษา ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย"

  "เข่อลั่ว ให้คนไปส่งท่านหมอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยด้วย ส่วนเจ้าก็ยืนเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูตรงนี้ ไม่ว่าผู้ใดหรือแม้แต่ยุงสักตัวก็ห้ามเข้าเล็ดลอดไปข้างในห้องนี้อย่างเด็ดขาด จนกว่าข้าจะเปิดประตู" 

  แม่ทัพหนุ่มออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงและแววตาจริงจัง 

  "ขอรับนายน้อย" 

  เข่อลั่วขานรับอย่างหนักแน่นโดยไม่ถามสิ่งใด เพราะเขารับรู้ได้ถึงความตึงเครียดที่แผ่ซ่านออกมารอบตัวของผู้เป็นนายอย่างชัดเจน

  จากนั้นเข่อลั่วก็ให้คนไปส่งท่านหมอเฒ่ากลับบ้าน ส่วนตัวเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าห้องนั้นและทำหน้าที่ของตนอย่างตั้งใจ

  ประตูห้องพักของหลงอี้หลิงถูกปิดเข้าไปอีกครั้ง การตัดสินใจที่แสนยากลำบากของบุรุษ ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่ารักความยุติธรรม ไม่เคยฉวยโอกาส ไม่เคยรังแกคนที่อ่อนแอหรือต่ำต้อยกว่าตน จากนี้...เขาจะต้องเลือกที่จะทำตามวิธีถอนพิษของท่านหมอบอกกล่าวมา หรือจะคิดหาวิธีอื่นเพื่อช่วยฟ่งหลันหลั่น 

  หลงอี้หลิงยืนอยู่ข้างเตียงนอนของเขา และจ้องมองสตรีน้อยบนเตียงอย่างไม่วางตา ในดวงตาสีนิลคู่นั้นของเขาคล้ายปรากฏแววตาของความไม่รู้ว่าควรทำเช่นใดวาบขึ้นมา

  การตัดสินใจครั้งนี้ หลงอี้หลิงรู้สึกว่ามันช่างยากยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับข้าศึกศัตรูในสนามรบที่มีฝีมือเก่งกาจฉมังเสียอีก เพราะมันเกี่ยวข้องกับความรู้สึกและเกียรติศักดิ์ศรีของคนคนหนึ่ง 

.....

เซียงไค 盛開