จวนเยี่ยอ๋อง
เรือนพักของเยี่ยชิงเซียว
พลั่ก!
ถ้วยชาใบเล็กถูกปาเข้าใส่หัวของบุรุษผู้หนึ่งอย่างแรง ทันใดนั้นก็มีเลือดไหลเป็นทางลงมาบนใบหน้าอย่างทันตา ซึ่งเขายืนเอามือไขว้มาทางด้านหน้าและก้มหน้ามองพื้นด้วยท่าทางเกร็ง ดูเกรงกลัวต่ออำนาจของคนตรงหน้ามาก
"พวกเจ้าช่างเลี้ยงเสียข้าวสุกกันจริง ๆ ข้าใช้ให้ไปทำงานเล็ก ๆ แค่นี้กลับทำไม่สำเร็จ ดันปล่อยให้ศัตรูหนีไปได้ แถมยังดึงเอาหยวนจูวเย่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อีก ข้าจะจัดการกับพวกเจ้ายังไงดี สั่งฆ่าทิ้งทั้งหมดเลยดีหรือไม่"
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเยี่ยชิงเซียวได้ตะคอกเสียงดังใส่ชายคนดังกล่าวอย่างโมโหร้าย
ชายคนดังกล่าวได้ยินคำขู่ของผู้เป็นนายหญิง เขาก็รีบนั่งคุกเข่าลงบนพื้น วิงวอนร้องขอโอกาสจากคนตรงหน้าด้วยท่าทางตัวสั่นงันงก
"พวกข้าผิดไปแล้ว ขอคุณหนูโปรดเมตตาและให้โอกาสพวกข้าอีกครั้งด้วยเถอะ รับรองว่าครั้งนี้พวกข้าจะไม่มีทางพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน"
"ขอโอกาสอีกอย่างงั้นเหรอ ว่าแต่พวกเจ้าคิดจะจัดการยัยเด็กนั่นยังไงดีล่ะ เพราะข้างตัวนางตอนนี้มีทั้งหลงอี้หลิง บุรุษผู้เก่งกาจเรื่องบุ๋นและบู๊ ความเก่งกาจและความสามารถนับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นโหย่ว และอีกคน คือหยวนจูวเย่ แม้เขาจะมีนิสัยเป็นคนเจ้าสำราญ แต่ก็ยังมีบารมีของบิดา คุ้มหัวและคอยปกป้องอยู่"
คำกล่าวนี้ของเยี่ยชิงเซียว ปิดประตูลงกลอนไม่ให้อีกฝ่ายหาทางออกได้เลย
"คะ คือว่า พวกข้า..."
ถงเสี่ยวเถาเห็นอารมณ์ของนายสาวเต็มไปด้วยความเดือดดาลและความโกรธแดงก่ำเต็มดวงหน้างาม นางจึงเกรงว่าถ้านายของตนไม่ควบคุมอารมณ์ให้เย็นลง อาจจะส่งผลให้ตัดสินใจทำอะไรหุนหันพลันแล่นไร้การไตร่ตรองจนนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ จึงคิดหาวิธีพูดเบี่ยงเบนประเด็น
"คุณหนูใจเย็นลงก่อน อย่าเพิ่งโกรธไป เดี๋ยวมันจะไม่ดีต่อสุขภาพได้นะเจ้าคะ เมื่อสักครู่สายของเราจากเรือนสกุลหลงเพิ่งส่งข่าวมาว่าวันนี้หลง ฮูหยินได้เรียกตัวให้ท่านแม่ทัพหลงไปพบ คุณหนูรอที่ห้องสักประเดี๋ยว ข้าจะรีบไปจัดเตรียมขนมหวาน เพื่อที่คุณหนูจะได้นำติดตัวไปเพื่อเป็นข้ออ้างในการพบท่านแม่ทัพที่นั่น"
ถงเสี่ยวเถาเข้าใจจิตใจของผู้เป็นนายหญิงของตนดี นางจึงได้เสนอความคิดเช่นนั้นออกไป เพราะถึงแม้ว่าเยี่ยชิงเซียวจะอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวหรือโกรธเกรี้ยวแค่ไหน หากเป็นเรื่องที่จะได้พบเจอกับหลงอี้หลิง นางก็จะลืมความรู้สึกก่อนหน้านี้ไปทันที
คุณหนูผู้สูงศักดิ์ฉีกยิ้มอ้อมตรงมุมปากราวจิ้งจอกเจ้าเล่ห์กำลังวางแผนร้ายในใจ
"เสี่ยวเถาเดี๋ยวก่อน"
สาวใช้คนสนิทชะงักฝีเท้าและหันขวับกลับมามองยังนายสาวของตนและถามกลับไปอย่างสงสัย
"คุณหนูมีอะไรจะสั่งข้าเพิ่มเติมหรือเจ้าคะ"
เยี่ยชิงเซียวหันหลังเดินกลับไปตรงโต๊ะเครื่องแป้งของตน และยื่นมือไปเปิดลิ้นชักเล็ก ๆ ซึ่งตั้งวางอยู่ข้างกระจกทองเหลืองทรงกลมขนาดใหญ่ จากนั้นนางก็หยิบห่อกระดาษสีขาวอันเล็ก ๆ ออกมาจากกล่องตรงหน้า
"เอานี่ไปโรยลงบนขนมหวานพวกนั้นด้วย" คุณหนูผู้สูงศักดิ์กล่าวกับสาวใช้ พร้อมกับยื่นสิ่งของที่ถืออยู่ยัดใส่มือสาวใช้ของตน
น้ำเสียงเรียบเรื่อยแอบแฝงอันตรายกรุ่น ๆ ของผู้เป็นนายสาว ทำให้ ถงเสี่ยวเถาตัดสินใจแกะห่อกระดาษเล็ก ๆ ในมือออกดู แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้แกะออก ผู้เป็นนายสาวก็คว้าหมับห้ามนางไว้เสียก่อน
"ระวังด้วย ข้าได้สิ่งนั้นมาจากห้องหนังสือของท่านพ่อ และคาดว่าจะเป็นยาพิษ"
"ยาพิษหรือเจ้าคะ คุณหนูมั่นใจหรือว่าจะให้ข้าใส่มันลงไปในขนมหวานที่ท่านจะนำติดมือไปเรือนสกุลหลงด้วย ข้าเกรงว่า..."
ถงเสี่ยวเถารีบกล่าวคำทัดทานนายสาว เพราะนางกังวลใจว่าหากเกิดเรื่องขึ้นที่จวนสกุลหลง และเป็นเพราะขนมที่นายสาวนำไปมอบให้ คนพวกนั้นคงไม่ปล่อยให้พวกตนกลับมายังจวนเยี่ยได้อย่างง่ายดายเป็นแน่
"เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ข้าให้คนตรวจสอบผงนั่นแล้ว ผงไร้สีไร้กลิ่นและไร้รสนั่นไม่มีทางที่ใครจะจับได้ง่าย ๆ หรอกว่าเป็นฝีมือของพวกเรา หากเกิดเรื่องขึ้น พวกเราก็แค่โยนความผิดไปให้ภัตตาคารเกา ร้านที่เจ้าซื้อขนมพวกนั้นมาก็สิ้นเรื่อง"
เยี่ยชิงเซียวกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดูมั่นใจในข้อนี้ยิ่งนักว่าจะไม่ถูกจับได้
"คุณหนูของเสี่ยวเถาช่างฉลาดจริง ๆ เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะรีบไปจัดการตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้เลย"
ถงเสี่ยวเถาได้ฟังเช่นนั้นก็ค่อยคลายความกังวลใจลง และรีบไปจัดการตามที่นายสาวสั่งทันที
ไม่นานบ่าวรับใช้ของจวนเยี่ยอ๋องก็ได้ถูกตระเตรียมเสร็จเรียบร้อย ส่วนเยี่ยชิงเชียวก็ได้เปลี่ยนอาภรณ์ของนาง พร้อมกับแต่งองค์ทรงเครื่อง แต่งแต้มผงชาดลงบนดวงหน้างามอย่างเพริศพริ้ง งามเด่นสมกับเป็น หญิงงามอีกคนของเมืองหลวงแห่งนี้
เวลาต่อมา ขบวนรถม้าของเยี่ยชิงเซียวก็เคลื่อนตัวออกจากจวน เยี่ยอ๋องและตรงไปยังเรือนสกุลหลงในทันที
ยามเว่ย[1]
หลงอี้หลิงก็ได้พาฟ่งหลันหลั่นเดินทางมาถึงเรือนสกุลหลง ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังเดินเข้าไปยังห้องโถงใหญ่ของเรือนรับรองแขกโดยมีหลงฮูหยินนั่งอยู่ที่เก้าของเจ้าบ้านตรงกลางห้องและมีหญิงชรา สาวใช้คนสนิทยืนประกบอยู่ไม่ห่างกาย ซึ่งสตรีน้อยรู้จักนางผู้นี้เช่นกัน
หญิงชราผู้สูงศักดิ์มองออกไปตรงประตูของห้องโถง เห็นหลานชาย สุดที่รักเดินหน้านิ่งเรียบตึงไร้อารมณ์เข้ามาด้านใน และสตรีน้อย ผู้มีพระคุณของนางก็เดินตามหลังมาติด ๆ เช่นกัน
ฮูหยินเฒ่าฉีกยิ้มหน้าบานสดใสอย่างอารมณ์ดีด้วยความดีใจ นางส่งเสียงพร้อมกับกวักมือเรียกให้สตรีน้อยเข้าไปหาตน
"พวกเจ้ามาถึงกันแล้วเหรอ หลั่นเอ๋อร์ มานั่งข้าง ๆ ย่านี่มา"
[1] ยามเว่ย (未:wèi) คือ 13.00 - 14.59 น.
น้ำเสียงของฮูหยินเฒ่าเต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดูต่อสตรีน้อยยิ่งนัก
ฟ่งหลันหลั่นรู้สึกเกรงใจกับการปฏิบัติของหลงฮูหยินที่มีต่อนาง อีกอย่างเพราะนางไม่ค่อยคุ้นชินกับการถูกประคบประหงมเอาใจเช่นนี้นัก แต่ก็ไม่อาจจะขัดน้ำใจของผู้อาวุโสได้ จึงได้เดินต้อย ๆ ไปนั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ ของเจ้าบ้าน
หญิงชรา สาวใช้ส่วนตัวของหลงฮูหยิน เผยรอยยิ้มอ่อนโยนต้อนรับสตรีน้อย พร้อมกับรินน้ำชาลงบนถ้วยและนำมาวางลงตรงหน้าของแขกคนสำคัญ
หลงอี้หลิงผู้เคยเป็นที่รักและเป็นที่หนึ่งในใจของสตรีทั้งสองนาง ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะตกเป็นรองของฟ่งหลันหลั่นไปเสียแล้ว
"ท่านย่าให้คนไปตามตัวข้ากับฟ่งหลันหลั่นมาพบทำไมหรือขอรับ หรือว่าท่านย่าเจ็บไข้ไม่สบายตรงไหน"
ผู้เป็นย่าได้ยินหลานชายสุดที่รักเอ่ยถามเช่นนั้น นางก็ได้ละความสนใจจากสตรีน้อยข้างกาย และหันไปจ้องตาเขม็งที่แม่ทัพหนุ่มแทน
"หึ เจ้าไม่ต้องทำมาเป็นพูดดีถามไถ่ทุกข์สุขของย่าเลย ถ้าย่าไม่ให้คนไปตาม เจ้าก็คงไม่คิดจะพาหลั่นเอ๋อร์มาเยี่ยมย่าเลยใช่หรือไม่" ฮูหยินเฒ่า กล่าวต่อว่าและตัดพ้อน้อยใจต่อหลานชายสุดที่รักราวกับเด็ก
"ขออภัยท่านย่า ช่วงนี้ข้ามีราชกิจเยอะ จึงไม่ได้มีเวลาพาหลันเอ๋อร์ของท่านมาหา"
ผู้เป็นย่าเห็นแววตาเศร้าของหลานชาย และดูเขาจะรู้สึกผิดจริง ๆ นางก็ใจอ่อนระทวยลงทันที
"ช่างเถอะ ไหน ๆ วันนี้ก็มากันแล้ว คืนนี้ก็อยู่ทานอาหารเย็นกับย่าและค้างที่นี่ทั้งสองคนเลย ย่าสั่งให้คนเตรียมอาหารและสุรา รวมทั้งห้องหับไว้เรียบร้อยแล้ว"
"แต่ข้ายังมีงานให้ต้องไปจัดการ พวกเราคงอยู่ค้างที่นี่กับท่านย่าไม่ได้" แม่ทัพหนุ่มรีบกล่าวปฏิเสธย่าของเขาทันที เพราะเขายังมีเรื่องค้างคาใจที่จะต้องสะสางกับสตรีน้อยให้จบ
"ถ้าคืนนี้เจ้าไม่อยู่ค้างคืนที่สกุลหลงของเรา เจ้าก็ไม่ต้องมาเรียก ยายแก่คนนี้ว่าย่าอีกต่อไป"
ฮูหยินเฒ่ายื่นคำขาดเสียงแข็ง จนหลานชายสุดที่รักต้องยอมใจอ่อนทำตามที่ผู้เป็นย่าต้องการ
"ขอรับ"
แม่ทัพหนุ่มรับคำสั้น ๆ พร้อมกับชำเลืองมองไปทางฟ่งหลันหลั่น ซึ่งกำลังนั่งอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ผู้เป็นย่าของเขา
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนทนากันอยู่นั้นเอง พ่อบ้านใหญ่ก็เดินเข้ามาในห้องโถงนั้นอย่างร้อนใจ
"นายหญิงขอรับ คุณหนูแห่งเยี่ยอ๋องมาขอเข้าพบท่านขอรับ"
ทั้งสี่คนได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความฉงนใจขึ้นมาและมองหน้ากัน จู่ ๆ การที่เยี่ยชิงเซียวเดินทางถึงเรือนหลงหลิงในวันนี้ คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นแน่
"หลิงเอ๋อร์ เจ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้ในจวนเยี่ยอ๋องใช่ไหม คุณหนูเยี่ยผู้นั้นถึงได้จงใจบุกมาหาเจ้าถึงเรือนของย่าได้ ทั้ง ๆ ที่ปกตินางไม่เคยย่างกรายมาที่นี่เลยสักครั้ง" ผู้เป็นย่าเอ่ยถามหลานชายขึ้นอย่างสุขุม ราวกับรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่จวนเยี่ยอ๋อง
"ท่านย่าถามหลั่นเอ๋อร์ของท่านย่าจะดีกว่า ว่านางได้ไปก่อเรื่องและสร้างศัตรูไว้ที่ไหนบ้าง"
ผู้เป็นย่าได้ฟังหลานชายตอบกลับมาเช่นนั้น นางก็หันขวับมาทางสตรีน้อยข้างกาย ด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
"หลันเอ๋อร์ผู้แสนดีและเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม คงไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีอย่างที่เจ้าหลานชายตัวดีของย่ากล่าวมาใช่ไหม"
ฟ่งหลันหลั่นฉีกยิ้มหน้าเจื่อนให้กับฮูหยินเฒ่า เพราะนางเองก็ไม่รู้จะปฏิเสธหรือโต้แย้งในคำพูดของแม่ทัพหนุ่มได้ยังไง เพราะสิ่งที่เขากล่าวมามันคือเรื่องจริง
ในขณะนั้นเองเสียงเรื่อยเฉื่อยของสตรีนางหนึ่งดังลอยมาตามสายลมเข้ามาในห้องโถงนั้น
"อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะ"
ทุกคนจึงได้พากันหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน และคนผู้นั้นคือเยี่ยชิงเซียวเดินเข้ามาอย่างเฉิดฉายด้วยสีหน้ามั่นใจ และมีสาวใช้ของนางถือภาชนะใส่อาหารเดินตามหลังเข้ามาติด ๆ
"พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาทันที"
ฟ่งหลันหลั่นบ่นพึมพำขึ้นเบา ๆ อย่างไม่สบอารมณ์
ทุกคนในห้องต่างมองหน้ากันและพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกและอารมณ์ที่แท้จริงเอาไว้ด้านใน และเผยรอยยิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างเสแสร้ง ภายใต้สีหน้ายินดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง
...
เซียงไค 盛開