ตอนที่ 1149 สมคบคิด
โลกหายไปจากสายตาของกู่ฉิงซาน
ในเวลาเดียวกัน โลกอีกใบกำลังมาเยือนก่อนเผยตรงหน้ากู่ฉิงซานอย่างรวดเร็ว
แสงสว่าง
กระจายไปทั่ว
โลกสดใสและอบอุ่น
ต้นไม้แผ่ร่มเงา ลำธารใสกระจ่าง
กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองอยู่ในป่า เขายืนอยู่บนโขดหินข้างลำธาร
ทิวทัศน์รอบข้างน่ายินดี ไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่เพราะนี่คือความทรงจำของสัตว์อสูรกิเลน มันต้องไม่ใช่แค่ฉากแน่ ๆ
กู่ฉิงซานยืนอยู่บนโขดหินอย่างเงียบงันสักพัก
ไม่ช้าเขาเห็นสุนัขป่าสีเทาตัวหนึ่งนำกลุ่มสุนัขป่ามาดื่มน้ำตรงลำธาร
พวกมันไม่จากไปทันทีหลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว แต่กลับรวมตัวบนทุ่งหญ้าข้างลำธารเพื่อเล่นกัน
ทุกอย่างปกติ
จนกระทั่ง…
กู่ฉิงซานพลันหันศีรษะไปมอง
เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่งดงามยิ่งเดินออกจากความว่างเปล่าก่อนมายืนข้างลำธาร
ดวงดาวนับไม่ถ้วนวิวัฒนาการ เกิดและถูกทำลายอยู่ด้านหลังนาง
เรนี่โดล!
จิตของกู่ฉิงซานพลันตกตะลึง
ก่อนหน้านี้ในเมืองเทียนจู เศษเสี้ยวโลกเหล่านั้นเคยแสดงให้เห็นว่านางทำลายเศษเสี้ยวทั้งหกไป คาดไม่ถึง นางจะมาปรากฏตัวบนขุนเขาเซียวหมีด้วย
หลังจากเรนี่โดลปรากฏตัวขึ้น มันย่อมดึงดูดความสนใจของสุนัขป่า
ด้วยประสาทสัมผัสอันเฉียบคมทั้งหก พวกมันคล้ายกับรับรู้อะไรบางอย่างก่อนจะเตรียมวิ่งเข้าสู่ส่วนลึกของป่าเมื่อหันหลัง
แต่ไม่ว่าพวกมันจะวิ่งยังไง พวกมันก็ทำได้เพียงวิ่งอยู่กับที่ ไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว
เรนี่โดลกล่าวกับตัวเองว่า “ขุนเขาเซียวหมีแห่งนี้ไม่มีทางไปถึงสวรรค์ได้ มันช่างแตกต่างจากโลกผู้ฝึกยุทธ์แห่งอื่นนัก”
นางครุ่นคิดสักพักเงียบ ๆ จากนั้นพลันมองกลุ่มสุนัขป่าที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ต่อให้ทำลายอาณาจักรภัยพิบัติสวรรค์ที่ระดับนภายามค่ำหรือระดับขุนเขาเซียวหมี แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกมันจะเกิดใหม่อีกครั้ง”
“การทำลายโลกพวกนั้นสามารถทำให้พวกมันค่อย ๆ อ่อนแอลงได้ แต่สิ่งนี้ต้องจำเป็นต้องเก็บไว้ที่นี่และใช้เวลาในการจัดการมาก…”
“ใช่แล้ว…คงจะดีกว่าที่ให้อาณาจักรภัยพิบัติสวรรค์แห่งนี้คงอยู่ต่อไป แต่มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลง”
หลังจากพูดจบ พ่นลมหายใจไปที่กลุ่มสุนัขป่า
สุนัขป่าทั้งหมดกลายเป็นธุลีทันทีก่อนหายไปจากโลกจนสิ้น
เหลือสุนัขป่าเพียงตัวเดียว
มันกองอยู่บนพื้น ส่งเสียงคร่ำครวญด้วยความหวาดกลัวขณะร้องขอชีวิตกับเรนี่โดล
“วันนี้เป็นวันโชคดีของเจ้า” เรนี่โดลยิ้ม
นางยกแขนเรียวขึ้นก่อนชี้ไปในความว่างเปล่าเล็กน้อย
เขาเห็นกลุ่มแสงหลากสีสันปรากฏขึ้นในมือของนาง
นางมองสุนัขป่าแล้วกล่าวว่า “นี่คือกิเลนผู้พิทักษ์ที่ข้าเพิ่งล่ามาได้ ข้าได้แยกโครงสร้างของมันออกจนเข้าใจองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตนี้แล้ว”
“เจ้าอยากตายหรืออยากมีชีวิตในฐานะกิเลนผู้พิทักษ์ล่ะ”
สุนัขป่ารีบพยักศีรษะขณะยังคงส่งเสียงคร่ำครวญประจบต่อ
เรนี่โดลเผยสีหน้าพึงพอใจก่อนพึมพำว่า “มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจนักที่จะเปลี่ยนสุนัขป่าให้กลายเป็นกิเลนเพื่อปกป้องและค้นหาความลับให้ข้า”
หมู่เมฆหลากสีสันถูกนางโยนออกไปก่อนตกลงบนสุนัขป่า
สุนัขป่ากองกับพื้นไม่ขยับ ปากของมันคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ
ร่างของสุนัขป่าค่อย ๆ ขยายตัว หมู่เมฆศักดิ์สิทธิ์ผุดขึ้นจากใต้เท้า กลิ่นอายน่าทึ่งปรากฏขึ้นตามธรรมชาติ
ภายใต้สถานการณ์ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันกลายเป็นกิเลนไปแล้ว!
พลังที่ผูกมัดกับมันไว้หายไปในที่สุด
มันก้มศีรษะจนติดหู โน้มร่างกายลงก่อนคลานมาอยู่ตรงหน้าเรนี่โดลแล้วส่งเสียงประจบประแจง
เรนี่โดลครุ่นคิดสักพัก จากนั้นกล่าวว่า “ข้าเจาะรูเข้าไปในเขตอาคมเวทมนตร์ของขุนเขาแล้ว ตอนนี้ข้าจะถ่ายพลังเพื่อรักษารูนี้ไว้ให้กับเจ้าเพื่อชดเชยพลังรักษาตัวเองของขุนเขาเอาไว้”
“ฟังให้ดี เจ้าต้องสังเกตการณ์ที่นี่แทนข้าเพื่อดูว่าขุนเขานี้จะกลายเป็นอะไรหลังจากเข้าสู่ความโกลาหลในท้ายที่สุด”
“แต่หน้าที่สำคัญที่สุดของเจ้าคือหาทางมุ่งสู่สวรรค์เพื่อกระบวนการที่นำไปสู่การทำลายล้างขุนเขาศักดิ์สิทธิ์”
“เจ้าต้องทำลายเส้นทางสู่สวรรค์!”
“ถ้าเวลาผ่านไปหลายปีแล้วมีใครบางคนมาช่วยขุนเขานี้ เจ้าต้องหาทางฆ่าพวกมัน แต่ถ้ามีใครบางคนอยากทำลายขุนเขานี้…เช่นนั้นก็จงเมินพวกมัน รอจนกระทั่งขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายจนสิ้น จากนั้นเจ้าเข้าสู่ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่เพื่อหาเส้นทางสู่สวรรค์ต่อไป”
เรนี่โดลไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรถึงได้ยื่นมือไปวางบนศีรษะกิเลนแล้วกระซิบว่า “หาเส้นทางสู่สวรรค์ให้เจอแล้วทำลายมันซะ นี่คือเหตุผลเดียวที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่จำได้หรือยัง”
มือของนางปล่อยแสงออกมาก่อนค่อย ๆ หลอมรวมเข้ากับหน้าผากของกิเลน
กิเลนกล่าวว่า “ขอรับ มหาเทพผู้สูงศักดิ์”
เรนี่โดลเห็นว่าจัดการเรื่องราวเรียบร้อยแล้ว ร่างของนางจึงค่อย ๆ หายไป
ป่า ลำธาร กิเลน เรนี่โดล ทุกสิ่งพลันหายไป
ทั่วโลกหายไปจากสายตาของกู่ฉิงซาน
เขาพลันกลับมาสู่ยอดเขาเซียวหมี
เซี่ยเต้าหลิงยืนอยู่ข้างเขาขณะคอยคุ้มกันอย่างระแวดระวัง
“เกิดอะไรขึ้น” เซี่ยเต้าหลิงถาม
“อาจารย์ รอเดี๋ยวก่อนนะ”
ร่างของกู่ฉิงซานวูบไหว เขามาอยู่ตรงหน้ากิเลนแล้ว
เขาจับศีรษะของกิเลนเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างถือหอกปีศาจแดงเอาไว้
“ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์เซียวหมีคงอยู่มาหลายปี ในท้ายที่สุด มันได้ถูกทำลายลง ปมของปัญหาหลักอยู่ที่เจ้า”
กิเลนขัดขืนอย่างสิ้นหวัง แต่ศีรษะของมันถูกกู่ฉิงซานจับเอาไว้มั่น มันไม่สามารถหนีไปไหนได้
…ตอนนี้กู่ฉิงซานมีพลังมังกรคู่!
หอกปีศาจแดงแทงเข้าไปในร่างของกิเลนอย่างรุนแรง
ตอนแรกหอกปีศาจแดงไม่ตอบสนองกับกิเลน แต่เมื่อเวลาผ่านไป หอกปีศาจแดงทั้งเล่มพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทั่วขุนเขาศักดิ์สิทธิ์เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
ดูท่ามันจะโกรธมาก
วินาทีต่อมา
แสงหลากสีสันงดงามมาจากท้องนภาก่อนตกลงสู่หอกปีศาจแดง
นี่คือพลังของขุนเขาเซียวหมี!
ตอนนี้ในที่สุดมันก็พบรากเหง้าสาเหตุของหายนะทั้งมวล!
“อ้ากกกก…” กิเลนกรีดร้อง
บอลแสงหลากสีสันปรากฏขึ้นจากหอกปีศาจแดงก่อนเข้าไปในขุนเขาเซียวหมี
ใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่ร่างของกิเลนจะเล็กลงเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็กลายเป็นสุนัขป่า
สุนัขป่ายืนนิ่ง ร่างของมันกลายเป็นผุยผงก่อนกระจายไปในอากาศธาตุ
เกิดความเงียบสงัด
ระหว่างสวรรค์และปฐพี สายลมค่อย ๆ ส่งเสียงกรีดร้อง
คลื่นที่มองไม่เห็นเคลื่อนลงมาบนหอกปีศาจแดง ทำให้หอกปีศาจแดงส่งเสียงหึ่งออกมาดังกว่าปกติ
เซี่ยเต้าหลิงมองฉากนี้แล้วพึมพำว่า “เจตจำนงของขุนเขาคล้ายกับตื่นเต้นมาก หรือว่ากิเลนที่พิทักษ์ขุนเขาคือผู้ที่ทำลายขุนเขาเสียเอง”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ความจริง มันเป็นฝีมือของวิญญาณชั่วร้าย แต่กิเลนตัวนี้ถูกใครบางคนมอบหมายให้มาสืบความลับที่ลึกล้ำยิ่งกว่า”
เขาทวนสิ่งที่เห็นในความทรงจำของกิเลนขณะอธิบายจุดกำเนิดของเรนี่โดลให้ฟัง
เซี่ยเต้าหลิงครุ่นคิด “กลายเป็นว่าคนคนนี้ที่ชื่อเรนี่โดลทำลายโลกมานับไม่ถ้วน นางกลัวว่าเซียนจะปรากฏตัวขึ้นอย่างนั้นหรือ”
“ยังไงก็ตาม ตั้งแต่แรกแล้วที่นางยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหกวิถี” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบา
เสียงกรีดร้องของหอกปีศาจแดงยิ่งมากยิ่งดังราวกับเผยร่องรอยของความยินดีและความเร่งรีบ
กู่ฉิงซานหลับตาลงช้า ๆ แล้วเริ่มติดต่อกับเจตจำนงของขุนเขาศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเวลาผ่านไป แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“ท่านช่วยขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ในการตามแหล่งกำเนิดการทำลายล้างและช่วยขุนเขาศักดิ์สิทธิ์จากแผนสมคบคิดของเรนี่โดลได้สำเร็จ”
“นับจากนี้ไป ช่องโหว่เดียวในการดูแลของขุนเขาเซียวหมีหายไปแล้ว เขตอาคมเวทมนตร์ของขุนเขาจะค่อย ๆ กลับเป็นปกติ”
“ในหายนะวันสิ้นโลก เส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ในการก้าวข้ามภัยพิบัติก็ถูกกำหนดขึ้นอีกครั้ง”
“ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์เซียวหมีจะมอบพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพตามชื่อกับอุปนิสัยให้ท่านในฐานะรางวัลแห่งความพยายาม”
“พลังเหนือธรรมชาติของท่านกำราบมารเงาส้ม กำลังวิวัฒนาการ”
“โปรดถือหอกปีศาจแดงแล้วรอสิบวินาที”
กู่ฉิงซานถือหอกปีศาจแดงไม่ขยับไปไหน
“มีอะไรหรือ” เซี่ยเต้าหลิงถาม
“ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์บอกว่าข้าพบและทำลายแหล่งกำเนิดของภัยพิบัติให้แล้ว ตอนนี้มันกำลังมอบพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพตามชื่อกับอุปนิสัยให้ข้า” กู่ฉิงซานตอบ
เซี่ยเต้าหลิงถามด้วยความสนใจว่า “โห ตอนเจ้าเข้ามา ชื่อที่ฆ้องธรรมมอบให้คืออะไรหรือ”
“…นี่ออกจะตอบยากไปหน่อยน่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียง มีเสียงแจ่มชัดมาจากหน้าต่างระบบเทพสงคราม
แถวหิ่งห้อยใหม่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพได้รับการพัฒนาแล้ว”
“ตามชื่อและอุปนิสัยของท่าน ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์เซียวหมีได้ปรับแต่งพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพให้สมบูรณ์แบบแล้ว”
“กำราบมารขุนเขาส้ม”
“สุดยอดพลังเหนือธรรมชาติ”
“เมื่อท่านใช้พลังเหนือธรรมชาตินี้ ท่านจะเปลี่ยนเป็นร่างกำราบมาร”
“ร่างกำราบมารเมื่อท่านอยู่ในสภาพ ‘ขุนเขาส้ม’ พลังทั้งหมดที่ท่านดูดกลืนจากโลกภายนอกจะเปลี่ยนเป็นพลังของตัวเองอย่างรวดเร็วและจะไม่ถูกพันธนาการโดยผนึกของวิญญาณชั่วร้ายอีกต่อไป”
“ขุนเขาส้มเมื่อท่านกลายเป็นขุนเขาส้ม ท่านจะยังคงได้รับพลังดั้งเดิมของวิญญาณอิสระจากความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุด สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนและทุกสรรพสิ่ง”
กู่ฉิงซานแทบระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้ไม่อยู่
หรือก็คือ…
ตราบที่เขาใช้พลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพ “ขุนเขาส้ม” นี้ เขาจะสามารถเปลี่ยนพลังมังกรคู่ให้เป็นของตัวเองได้ทันทีและจะไม่ได้รับผลจากพลังพันธนาการอีกต่อไป
ในอนาคตการใช้พลังของสายเลือดมังกรมารเพื่อเปลี่ยนพลังของศัตรูจะให้ผลแบบเดียวกัน!
พลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพนี้เหมาะกับพลังของสายเลือดมังกรมารอย่างสมบูรณ์แบบ
นี่ยังไม่กล่าวถึงความสามารถที่สำคัญยิ่งกว่า…
ตราบที่เขาใช้ “ขุนเขาส้ม” เขาจะสามารถดึงพลังวิญญาณจากความว่างเปล่าได้อย่างต่อเนื่อง!
…ที่จริง หลังจากได้รับพลังมังกรคู่มาอยู่กับตัว เขาก็ไม่ได้รับพลังวิญญาณมานานแล้ว
เพราะตัดสินจากพละกำลังเพียงอย่างเดียว เขาแข็งแกร่งกว่าปีศาจพวกนั้น!
แต่ในช่วงขัดขืนความเป็นความตายระหว่างโลก เขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะชนะ ยังมีความสามารถที่แปลกประหลาดอยู่ตลอด มันเป็นพลังที่จะเปลี่ยนสถานการณ์การต่อสู้ได้
ดังนั้น กู่ฉิงซานยังต้องการพลังวิญญาณจำนวนมากเพื่อใช้วิชาดาบกับพลังเหนือธรรมชาติอันเหลือเชื่อ
เดิมที เขายังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใครจะรู้ล่ะว่าตอนจับกิเลนเอาไว้ ขุนเขาจะมอบพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพที่สมบูรณ์แบบให้จนคลี่คลายรากเหง้าปัญหาที่สุดได้!
มันช่างสมกับพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพจริง ๆ !
เซี่ยเต้าหลิงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของกู่ฉิงซานจึงเผยรอยยิ้มเล็กน้อยออกมา “ฉิงซาน ไม่ว่าพลังเหนือธรรมชาติจะเป็นอะไร รีบแสดงให้อาจารย์ได้ชื่นชมจะดีกว่า”
กู่ฉิงซานเห็นด้วย “ได้ พลังเหนือธรรมชาตินี้มีชื่อว่า ‘ขุนเขาส้ม’ มันคือร่างกำราบมาร ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อใช้มันดังนั้นอาจารย์โปรดช่วยข้าดูที”
เขาสัมผัสพลังเหนือธรรมชาติที่เพิ่งได้รับมาก่อนพบวิธีการใช้มันอย่างช้า ๆ …
ขุนเขาส้ม ทำงาน!
ฟู่…
กู่ฉิงซานพลันหายไปจากที่ที่เคยอยู่
อะไรเนี่ย
ไหนล่ะคน
ใบหน้าของเซี่ยเต้าหลิงพลันเปลี่ยนไป แต่นางกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“มัน…เป็นแบบนี้เองสินะ”
เซี่ยเต้าหลิงกล่าวอย่างแผ่วเบาขณะเอื้อมมือไปอุ้มแมวลายส้มจากพื้นขึ้นมา
..............................