จากความตายในอดีต สู่การเกิดใหม่ในโลกที่เต็มไปด้วยคำสาป ตัวตนที่เปลี่ยนไปพร้อมกับพลังแห่งระบบที่สามารถเข้าถึงทุกจักรวาล " มาลุยพร้อมกันเถอะซาโตรุ " " เพราะงี้แหละชั้นถึงเป็นนักสาปแช่ง " " อีกไม่นานเดี๋ยวชั้นก็ลืมแล้วล่ะ เพราะงั้นช่วยหุบปากเน่าๆนั้นไปสักทีได้ไหม? " " เธอเป็นใครนะ? เราเคยเจอกันมาก่อนรึป่าว? " " ไหนๆก็มาแล้ว ขอพลังหน่อยล่ะ " " เหมือนชั้นจะลืมอะไรที่สำคัญมากๆไปนะ..... " " ไสยเวทย์ย้อนกลับมันก็แบบว่า ฟิ้ว~ แล้วก็ บู้ม! ก่อนจะอุทานออกมาว่า โฮ่ย!~ พวกนายเข้าใจกันใช่ไหม? " " อย่าทุบหัวสองคนแบบนั้นสิครับ คุณยางะ เดี๋ยวพวกโง่สองคนนี้ก็โง่จริงๆหรอกครับ " " มีแต่พวกบ้าเท่านั้นที่จะทำอะไรบ้าๆ " " เรามาฆ่าทุกคนกันเถอะ " " นี่ก็เพื่อทุกอย่าง ดังนั้นทุกคนต้องตายซะ " " อุดมการณ์? ชั้นไม่มีหรอกนะของแบบนั้น....ต่ชั้นมีสิ่งที่เรียกว่าความปารถนา......ความปรารถนาที่จะจบเรื่องทุกอย่าง "
ผมชื่อ คุเสะ ฮิคารุ เกิดในครอบครัวยากจนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดของโตเกียว พ่อของผมติดเหล้าและมักใช้ความรุนแรงกับแม่และตัวผม
ส่วนแม่ของผมเป็นผู้หญิงอ่อนแอที่ยอมจำนนต่อชะตากรรม
ในทุกวันอาหารแทบจะไม่เพียงพอสำหรับประทังชีวิต
ผมมักต้องอดอาหารเพื่อให้แม่ของผมมีอะไรตกถึงท้องและมีชีวิตในวันต่อๆไป
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น แม่ที่ลำบากและเหนื่อยล้าในทุกวันก็ยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อส่งผมเข้าโรงเรียนในเขตชนบทใกล้บ้านได้สำเร็จแม้จะแลกมากับการที่เธอต้องไปนอนกับผู้ชายทุกคืนเพื่อหาเงินหรือแม้แต่การขายทรัพย์สินส่วนตัวหลายอย่างก็ตามที
ทว่าที่โรงเรียนชั้นกลับถูกกลั่นแกล้งอย่างต่อเนื่อง เพราะเสื้อผ้าเก่าขาดและกลิ่นตัวจากการที่ไม่มีน้ำสะอาดอาบ เด็กๆและครูต่างมองชั้นด้วยสายตาดูแคลน สิ่งเดียวที่ทำให้ชั้นมีความสุขในช่วงวัยเด็ก คือการอ่านหนังสือต่างๆที่ชั้นเก็บมาจากถังขยะหรือขโมยมันมาจากร้านสะดวกซื้อเพราะไม่ค่อยมีเงินมากนัก ซึ่งมันได้พาเขาไปสู่โลกที่ชั้นไม่ต้องทนทุกข์ทรมาณแม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วคราวก็ตามที
เมื่อชั้นอายุสิบสี่ปี แม่ขอชั้นเสียชีวิตจากโรคเรื้อรังที่ไม่ได้รับการรักษา เพราะครอบครัวไม่มีเงิน พ่อของชั้นกลับยิ่งจมลึกลงในวงจรของความรุนแรงและการติดสุรา ในตอนนั้นชั้นต้องทำงานพิเศษหลายอย่าง ตั้งแต่ล้างจาน ไปจนถึงทำงานก่อสร้าง เพื่อหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน แม้จะมีเพียงแค่อายุสิบสี่ปี
แต่ถึงจะทำงานหนักเท่าไหร่ ชั้นกลับถูกโกงค่าแรง และต้องเผชิญกับความโหดร้ายของนายจ้างที่เอาเปรียบเด็กวัยรุ่นไร้ทางเลือก ในทุกวันชั้นต้องนอนในบ้านที่มีแต่เสียงบ่นด่าของพ่อ และบางครั้งก็ต้องหลบหนีจากการถูกทำร้ายร่างกายโดยชายผู้ให้กำเนิด
และเมื่อฉันอายุยี่สิบปี ชั้นก็ได้ย้ายออกจากบ้านเล็กๆในย่านชนบทที่ชั้นใช้ชีวิตมาตลอดยี่สิบปีหลังจากที่พ่อเสียชีวิตจากโรคตับแข็ง แม้จะพ้นจากวงจรความรุนแรง แต่ความลำบากยังคงตามหลอกหลอน ตลอดเวลาชั้นใช้ชีวิตโดยพยายามช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ เพราะชั้นเชื่อว่าการสร้างความสุขให้คนอื่น อาจเป็นวิธีเดียวที่ชั้นจะได้รับการยอมรับอย่างที่ควรจะเป็น
ในตอนนั้นชั้นเริ่มทำงานเป็นอาสาสมัครในชุมชน โดยช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสและคนยากจน แต่ชั้นก็ยังคงเป็นคนที่ไม่มีใครสังเกตเห็น แม้จะทำดีกี่ครั้ง ก็ไม่มีใครให้คุณค่ากับสิ่งที่ชั้นทำ ทุกการเสียสละกลับยิ่งตอกย้ำว่าชีวิตชั้นช่างไร้ค่าเพียงใด...
ในคืนหนึ่งขณะเดินกลับบ้าน ชั้นเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะถูกรถชน ชั้นไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวที่จะพุ่งเข้าไปผลักเธอออกจากทางรถที่กำลังพุ่งมา เด็กผู้หญิงคนนั้นรอดชีวิต แต่ชั้นกลับถูกรถชนจนเสียชีวิต...
ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต ไม่มีใครจดจำชื่อของชั้นได้ด้วยซ้ำ...
ไม่มีแม้กระทั่งขอบคุณสำหรับสิ่งที่ชั้นทำ...
ชีวิตของชั้นจบลงอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงความโดดเดี่ยวและความรู้สึกว่าทุกสิ่งที่ชั้นทำ ไม่มีความหมาย
.
.
.
.
" อยากมีชีวิตอยู่ไหม? "
ท่ามกลางโลกที่มืดมิดจนตัวของฮิคารุไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเค้าหลับตาอยู่แน่หรือป่าวได้มีเสียงของบางสิ่งดังขึ้น
เสียงนั้นมันช่างคุ้นเคยและรู้สึกอบอุ่นอย่างที่เค้าไม่เคยที่จะได้รู้สึกมาก่อนตลอดชีวิตก่อนหลังจากผู้ที่เป็นมารดาเสียชีวิต
" ใครจะไม่อยากมีชีวิตอยู่กัน "
ฮิคารุตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าซึ่งผสมปนเปหลากหลายอารมณ์
เศร้า ยอมรับ ท้อแท้ มีความหวัง คาดหวัง เชื่อมั่นและดิ้นรน
ในตอนนี้เค้าเพียงแต่คาดหวังลึกๆว่าเสียงนั้นจะไม่ใช่แค่เสียงในความคิดก่อนตายของตัวเอง...เค้ากำลังคาดหวังถึง ปาฎิหาริย์
" หึ สมแล้วล่ะนะ "
เสียงนั้นพูดขึ้นอีกครั้งหลังส่งเสียงกลั้นหัวเราะเบาๆอย่างขบขันถึงบางสิ่ง
" งั้นนายก็ไปซะสิ ไปในโลกที่ตัวของนายจะได้เริ่มต้นใหม่น่ะ "
สิ้นเสียงนั้น ฮิคารุก็รับรู้ได้ทันทีว่าร่างกายของเค้าถูกบางสิ่งดึงและกระชากไปด้านหลังอย่างรุนแรง
ก่อนที่สติของเค้าจะดับไป เค้ากลับมองเห็นร่างสีฟ้าอมม่วงเลือนลางอยู่สุดเส้นทางแห่งความมืดมิดนี้
.
.
.
.
กลางดึกในคืนฤดูหนาวอันเหน็บหนาว อาคางิ ไดเซ็น นักพรตชราที่อาศัยอยู่ในวัดร้างได้ยินเสียงร้องไห้ของทารกดังสะท้อนในหุบเขา
ไดเซ็นเดินตามเสียงไปจนพบทารกที่ถูกห่อไว้ด้วยผ้าบางๆ วางอยู่หน้าประตูวัด
ไดเซนวางโคมไฟลงเบาๆข้างตัวลงไปอุ้มร่างเล็กขึ้นมาในอ้อมแขนสร้างความอบอุ่นให้แก่ชีวิตแรกเกิด
"เด็กคนนี้...เหตุใดจึงถูกทอดทิ้งในคืนที่โหดร้ายเช่นนี้?"
เขาจ้องมองดวงตาสีแดงของทารก ก่อนจะเอื้อมมือสัมผัสศีรษะเล็ก ๆ
"แววตานี้….เหมือนเปลวเพลิงที่ยังไม่ถูกจุดไฟ แต่กลับเผาไหม้ในความมืด น่าสนใจจริง ๆ"
ทารกน้อยจดจ้องกลับไปในแววตาสีเทาหม่นของนักพรตชรา
ทารกแรกเกิดนั้นก็คือฮิคารุ ซึ่งได้รับโอกาศในการเกิดใหม่ในร่างของทารกชายที่มี ผมสีดำสนิทและดวงตาสีแดงเหมือนทับทิม
ผิวของเขาขาวซีดเหมือนหิมะในฤดูหนาว ร่างกายเล็กจ้อยแต่กลับแผ่พลังงานบางอย่างที่นักพรตชราผู้พบเห็นรับรู้ได้ทันทีว่าไม่ธรรมดา.....
ไดเซ็นลูบหัวทารกน้อยเบาๆด้วยความอ่อนโยน
รอยยิ้มของไดเซ็นทำให้ตัวของฮิคารุที่จิตสำนึกพึ่งตกลงมาสู่ร่างทารกนี้ผ่อนคลายลงมาก
"แม้ดวงตาเจ้าจะเหมือนเปลวเพลิง แต่ข้ากลับสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบที่ซ่อนอยู่ในนั้น... เจ้าเหมือนแสงสว่างในคืนมืดมน"
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
"ชื่อของเจ้าคือ...ฮิคารุ(光) ฮิคารุที่แปลว่าแสงสว่างที่จะนำความหวังมาสู่โลกใบนี้"
รอยยิ้มของนักพรตชราฝังลึกในความทรงจำของฮิคารุก่อนที่เค้าจะหลับไป.....
ไดเซ็นดึงผ้าคลุมของตนห่มร่างทารกให้แน่นขึ้น เขาเดินกลับไปยังวัดด้วยท่าทางที่ระมัดระวัง พลางพูดเบาๆ ระหว่างทาง
นักพรตชรากระชับอ้อมแขนที่อุ้มทารกน้อย
"ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าเอง... ไม่ว่าพรหมลิขิตจะส่งเจ้ามาเพื่ออะไรก็ตาม"
.
.
.
.
สี่ปีผ่านไป
"ฮิคารุ มากินข้าวได้แล้ว"
เสียงของไดเซ็นดังขึ้นภายในวัดร้างที่ตอนนี้เขาได้บูรณะกลับมาได้หลายส่วนแล้ว แม้ว่าตัววัดจะดูคล้ายศาลเจ้าบนภูเขามากกว่าก็ตามที
ภายในวัดร้างที่ได้รับการบูรณะบางส่วน ไดเซ็นกำลังจัดสำรับอาหารอย่างเรียบง่ายบนโต๊ะไม้ต่ำที่เขาสร้างขึ้นเอง แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องผ่านบานหน้าต่างไม้ที่ได้รับการซ่อมแซมใหม่ กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ และซุปมิโสะลอยอบอวลในอากาศ
เขาวางชามข้าวใบเล็กลงบนโต๊ะ พลางมองออกไปยังลานวัดที่ฮิคารุกำลังนั่งยอง ๆ มองกระรอกสองตัวเล่นกันอยู่ใกล้สวนที่ไดเซ็นเริ่มปลูกไว้
"ฮิคารุ มากินข้าวได้แล้ว!"
เสียงเรียกของเขาดังขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ไม่ดุดัน แต่แฝงความจริงจังเล็กน้อย
ฮิคารุ ซึ่งตอนนี้อายุประมาณ 4 ขวบ เงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ก่อนตะโกนตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
"ครับ ท่านลุงไดเซ็น เดี๋ยวผมไป"
เด็กชายลุกขึ้น ปัดฝุ่นออกจากกางเกงเบา ๆ แล้วเดินตรงกลับไปยังตัววัดอย่างไม่รีบร้อน
ภายในตัววัดที่เงียบสงบ ฮิคารุและไดเซ็นนั่งตรงข้ามกันที่โต๊ะไม้ต่ำ บนโต๊ะมีชามข้าวสองใบ ซุปมิโสะที่ยังคงมีไอร้อนลอยขึ้น และผักดองเรียงไว้อย่างเรียบง่าย ไดเซ็นหยิบตะเกียบขึ้นมา ตักข้าวเข้าปากอย่างสงบ ขณะที่ฮิคารุจ้องมองซุปในชามราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ไดเซ็นเงยหน้าขึ้นจากชามข้าว มองฮิคารุที่ยังไม่ได้เริ่มกิน
"เจ้าจะมัวแต่จ้องซุปอยู่อย่างนั้น หรือจะกินล่ะ? ข้าวจะเย็นหมดแล้วนะ"
เขาพูดพร้อมชี้ตะเกียบไปทางเด็กชาย พลางเผยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า
ฮิคารุสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนรีบหยิบตะเกียบขึ้นมา
"ครับ ผมกำลังกินแล้ว"
เขาตักข้าวคำใหญ่เข้าปาก เคี้ยวช้าๆ แต่ยังเหลือบมองซุปในชามเป็นระยะ ราวกับยังจมอยู่ในห้วงความคิด
ไดเซ็นมองฮิคารุอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถามเรื่องที่เขาค้างคาใจมานาน
ไดเซ็นวางตะเกียบลงบนขอบชาม ก่อนเอนตัวเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปยังเด็กชายที่เขาเลี้ยงดูมาเสมือนลูกแท้ๆ
"ฮิคารุ...ข้าขอถามอะไรหน่อย เจ้าเคยรู้สึกหรือมองเห็นอะไรแปลกๆบ้างไหม?"
ฮิคารุหยุดเคี้ยวทันที เงยหน้าขึ้นมองไดเซ็นด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย
"อะไรแปลกๆ? ท่านลุงหมายถึงอะไรครับ?"
ไดเซ็นลูบเคราสีขาวของตัวเองอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม
"บางสิ่งที่คนอื่นอาจมองไม่เห็น...เงารูปร่างประหลาด หรือความรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจ้องมองเจ้าอยู่"
ฮิคารุนิ่งไปครู่หนึ่ง คิ้วเล็กๆขมวดเข้าหากันอย่างตั้งใจคิด ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่เจือความลังเล
"บางครั้ง...ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ๆครับ แต่มองไม่เห็นชัดๆ มันเหมือนเป็นเงาดำๆหรือบางทีก็รู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวหนาวเย็นขึ้น"
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนสายตาจะเลื่อนลงไปมองชามซุปตรงหน้า
"แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร...มันแปลกมากเลยครับ"
ไดเซ็นพยักหน้าเบาๆ สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงความประหลาดใจ แต่แฝงความกังวลเล็กน้อย
"อืม...ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าต้องระวังตัวไว้เสมอ เพราะสิ่งที่เจ้าเห็นหรือรู้สึก อาจไม่ได้มาเพื่อมิตรภาพอย่างที่เจ้าคิด"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แววตาแสดงถึงความจริงจังที่ปิดไม่มิด
ฮิคารุพยักหน้าเบา ๆ แม้จะยังงุนงงกับคำพูดของไดเซ็น แต่เขาก็ตัดสินใจไม่ซักถามต่อ
"ครับ ท่านลุงไดเซ็น ผมจะระวังตัว"
.
.
.
.
หลังจากรับประทานอาหารเช้าร่วมกับท่านลุงไดเซน ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อของชั้นในโลกใบนี้เสร็จเรียบร้อย
ชั้นจึงแยกตัวกลับมายังห้องพักส่วนตัวภายในวัดแห่งนี้ ซึ่งเป็นทั้งวัดและศาลเจ้าประจำหมู่บ้านเล็กๆ ในแถบชนบทของญี่ปุ่น
ห้องพักของชั้นตั้งอยู่ในมุมที่เงียบสงบที่สุดของวัด ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวและเหมาะสำหรับการพักผ่อน รวมถึงใคร่ครวญเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต
ในขณะที่ชั้นนั่งอยู่บนเสื่อทาทามิภายในห้องพัก แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสาดผ่านบานหน้าต่างกระดาษบางๆเข้ามาในห้อง
เสียงนกร้องประสานกับสายลมที่พัดผ่านต้นไม้ภายนอก สร้างความสงบจนชั้นอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
'ในโลกใบนี้ ทุกอย่างดูเหมือนจะเคลื่อนไปอย่างช้าๆ แต่กลับมีน้ำหนักในทุกก้าวย่าง ท่านลุงไดเซนมักบอกว่า การใช้ชีวิตในชนบทคือการได้สัมผัสกับจังหวะที่แท้จริงของเวลา แต่บางครั้ง ชั้นก็อดสงสัยไม่ได้...นี่คือสิ่งที่ชั้นต้องการจริงๆ หรือเปล่า?'
สายตาของชั้นจับจ้องไปยังกล่องไม้ใบเล็กที่วางอยู่มุมห้อง ภายในนั้นเต็มไปด้วยสมุดบันทึกและของเล็กๆ น้อยๆ ที่ชั้นเก็บสะสมไว้ สิ่งเหล่านั้นเป็นทั้งเครื่องเตือนใจถึงชีวิตในโลกก่อนหน้า และบันทึกเรื่องราวตลอดสี่ปีที่ชั้นได้มาเกิดใหม่ในโลกใบนี้
'การตื่นขึ้นมาในโลกใบนี้โดยไม่มีคำตอบว่า "ทำไม" หรือ "เพื่ออะไร" มันเหมือนกับการเดินทางที่ไร้จุดหมาย แต่ท่านลุงไดเซนก็บอกอยู่เสมอว่า เราไม่จำเป็นต้องรู้คำตอบทุกอย่างในทันที บางทีการได้เรียนรู้ระหว่างทาง อาจสำคัญกว่าการหาจุดจบของมันก็ได้'
ชั้นถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเสื่อ สายตาจับจ้องไปยังเพดานไม้เรียบๆ ที่ไร้การตกแต่ง มันเป็นเพียงแผ่นไม้ธรรมดา แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
"บางที...ความสงบสุขแบบนี้ อาจเป็นคำตอบที่ชั้นไม่เคยรับรู้มาก่อน…"
ท่ามกลางความเงียบสงบในขณะที่ฮิคารุนอนหงายมองเพดานไม้เรียบอยู่
จู่ๆก็มีหน้าจออินเตอร์เฟซโปร่งแสงสีฟ้าขอบดำในลักษณะสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
ราวกับมันถูกเรียกมาจากอีกมิติหนึ่ง
ตัวหน้าจอมีลวดลายแสงเล็กๆ วิ่งวนไปมาอย่างลึกลับ พร้อมตัวอักษรที่ค่อยๆปรากฏขึ้น
[ระบบเชื่อมโยงและเข้าถึง: พร้อมใช้งาน]
ฮิคารุจ้องมองหน้าจออย่างงุนงง ก่อนที่ข้อความจะค่อยๆเลื่อนขึ้น เผยรายละเอียดที่ทำให้เขาเริ่มเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
[การเชื่อมโยง: ระบบนี้ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับตัวละครจากโลกอนิเมะใดๆก็ได้ การเชื่อมโยงจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถยืมพลัง ความสามารถ หรือทักษะพิเศษจากตัวละครเหล่านั้นได้ในระยะเวลาจำกัด]
[ผู้ใช้งานสามารถสะสม "แต้มพลัง" เพื่อแลกเปลี่ยนกับการยืมพลังที่ยาวนานขึ้น และในจุดสูงสุด ระบบจะอนุญาตให้ผู้ใช้งานได้รับพลังนั้นมาใช้งานได้อย่างถาวร]
[การเข้าถึง: ระบบจะเปิดประตูสู่กฎแห่งโลกของตัวละครที่ถูกเชื่อมโยง ผู้ใช้งานสามารถดึงตัวละครเหล่านั้นมายังโลกของตนได้ โดยตัวละครที่ถูกดึงมานั้นจะอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์]
ฮิคารุยังคงนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระซิบออกมาเบาๆ
"...นี่มันอะไรกันแน่? ชั้นกลายเป็นอะไรไปแล้ว?"
หน้าจอยังคงเรืองแสง ขณะที่ฮิคารุเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่กำลังตื่นขึ้นภายในตัวเขาพลังที่ไม่เคยคาดฝันว่าจะได้รับในชีวิตใหม่ของเขา...