หลังจากรับประทานอาหารจนเสร็จ โอเอซิสก็บอกลาทุกคนแล้วออกไปให้สัมภาษณ์กับนักข่าวและอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟัง โอเอซิสมีความสามารถในการอ่านความทรงจำ นั่นทำให้เขาสามารถเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีฟให้แก่นักข่าวได้ทั้งหมด
ทางด้านมิ้นท์ที่ยืนรับฟังอยู่กับนักข่าว ก็ขอให้โอเอซิสเซ็นเอกสารบางอย่างให้กับเธอ เพื่อที่เธอจะเอาไปจัดทำเอกสารเกี่ยวกับคดีของชีฟให้เรียบร้อย
และหลังจากนั้นโอเอซิสก็เทเลพ็อตไปยังเขตกรุงเทพมหานครและเปิดห้องพักในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง โดยการเทเลพ็อตนี้ โอเอซิสได้พาชีฟไปด้วย
ตกเย็น ภายในบ้านกลางทุ่งนา หลังจากเรียนหนังสือกับครูน้ำตาลเสร็จ อีฟก็อุ้มหมาน้อยมนตราออกไปยังทุ่งนาข้างบ้าน
เจ้าหมาน้อยแสนเชื่องอ้าปากแลบลิ้นแล้วมองทุ่งนาอันแสนกว้างใหญ่ อีฟวางหมาน้อยลงบนพื้นหญ้า แล้วเริ่มพูดคุยด้วย
"ไหน เธอทำอะไรได้บ้าง"
เจ้าหมาน้อยนั่งจ้องหน้าอีฟนิ่ง
อีฟงงเล็กน้อย ก่อนจะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจที่เธอพูด อีฟหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะเปิดโปรแกรมแปลภาษา แล้วเลือกภาษาไทยเป็นภาษาเทพ จากนั้นอีฟก็ลองสั่งคำสั่งง่าย ๆ
"ยืนสองขาสิ"
เจ้าหมาน้อยยืนสองขาตามคำสั่งทันที
อีฟกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ซึ่งเจ้าหมาน้อยก็กระโดดตาม อีฟเงยหน้านึก ก่อนจะเห็นครูน้ำตาลกำลังเดินออกมานอกบ้านเพื่อชมวิวโดยมีแม่ของครูน้ำตาลและแม่ของอีฟเดินออกมาด้วย
อีฟออกคำสั่ง
"พัดลมใส่สามคนนั้นสิ"
เจ้าหมาน้อยเห่าโฮ่ง ก่อนจะมีสายลมกระโชกแรงพัดใส่ดินจนฝุ่นคลุ้งขึ้นมา และทำให้สามสาวเปื้อนไปด้วยฝุ่นดินทั้งตัว เมื่อสายลมหยุดลง ทั้งสามคนก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเห็นสาวน้อยคนหนึ่งที่กำลังอุ้มหมาน้อยแล้วแอบย่องไปที่ประตูรั้วบ้าน จากนั้นสามสาวก็ประสานเสียง
"อีฟ!"
ณ โรงแรมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชีฟสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนที่แสนสบาย ก่อนจะหันไปมองเสียงเคาะประตูหน้าห้องที่ยังคงดังไม่หยุด ชีฟลุกออกจากเตียง
"มาแล้วครับ"
เมื่อชีฟเปิดประตูห้อง ก็เห็นอัศวินเทพตนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้อง
อัศวินเทพก้มหน้ามองชีฟที่ตัวเล็กกว่า
"ท่านมหาเทพเรียกหาเจ้า"
ชีฟพยักหน้ารับ ก่อนจะออกจากห้องของตัวเองแล้วเดินตามอัศวินเทพไป
ภายในห้องสุดหรูหราแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองอันงดงามกำลังแช่น้ำอยู่ในสระน้ำอุ่นขนาดเล็กที่อยู่ริมระเบียงห้อง โดยรอบ ๆ ตัวของเขานั้นมีหญิงสาวชาวเอเชียรูปร่างหน้าตาดีรายล้อมอยู่มากมาย บางคนก็แช่น้ำอยู่กับเขา บางคนก็นั่งชมวิวอยู่บนสนามหญ้าขนาดเล็ก แต่ละคนล้วนไร้ซึ่งอาภรณ์ใด ๆ ปกปิด พวกเธอต่างพากันอวดรูปโฉมให้มหาเทพตรงหน้าได้เชยชมอย่างเต็มที่
ชีฟเดินออกมาที่ระเบียงในสภาพนุ่งผ้าขนหนูเพียงตัวเดียว ด้วยอัศวินเทพบอกให้เขาเปลี่ยนเป็นชุดนี้ก่อนเข้ามา เมื่อเห็นเรือนร่างอันงดงามของสาว ๆ ชีฟก็ถึงกับตาโตและเผลอแสดงใบหน้าอันหื่นกามออกมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่
โอเอซิสเห็นแล้วก็ขำเล็กน้อยก่อนจะเชิญอีกฝ่าย
"มาแช่น้ำด้วยกันสิ"
หญิงสาวคนหนึ่งลุกออกจากสระน้ำทำให้มีพื้นที่ว่างขึ้นมา ก่อนจะเดินขึ้นไปดึงผ้าขนหนูของชีฟออกแล้วพาอีกฝ่ายไปแช่ในสระน้ำ แล้วจากนั้นเธอก็ตามลงไปแล้วนั่งลงบนตักของชีฟ
ชีฟมีอาการเกร็งตัวเล็กน้อย แต่หญิงสาวก็ซบลงที่ไหล่ของเขาแล้วใช้มืออันบอบบางลูบไร้ให้ผ่อนคลาย
โอเอซิสอ่านใจอีกฝ่ายก็รู้ทัน
"ไม่ต้องห่วงเรื่องครูสาวของเจ้า นางเหล่านี้คือตุ๊กตาที่ข้าใช้เวทมนตร์สร้างขึ้น รุ่งเช้าพวกนางก็หายไป ไม่มีพันธะใด ๆ"
ชีฟผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะรับน้ำชาที่หญิงสาวคนหนึ่งรินมาให้ มืออันแสนซนก็แอบรูปไร้ผิวกายอันนุ่มนวลของสาวที่นั่งอยู่บนตักอย่างเพลิดเพลิน
โอเอซิสมองแล้วยิ้มน้อย ๆ
"เจ้าลองมองออกไปข้างนอกสิ"
ชีฟมองออกไปยังนอกระเบียง ภาพบรรยากาศยามค่ำคืนของแม่น้ำเจ้าพระยาอันสดสวยดูแล้วช่างเพลินตา สายลมเย็นอันแผ่วเบาพัดผ่านไปผ่านมาให้เย็นฉ่ำ
โอเอซิสพูดขึ้น
"สงบสุขแบบนี้สบายดีว่ามั้ย"
ชีฟพยักหน้ารับ
"ใช่ครับ"
"เจ้ารู้มั้ยว่าปีศาจมาบุกโลกของเจ้าได้ยังไง"
"ไม่ทราบครับ"
โอเอซิสโบกมือเบา ๆ ก่อนที่ภาพนอกระเบียงจะปรากฏเป็นภาพท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยรูมากมาย ซึ่งมันคือท้องฟ้าในวันที่ปีศาจบุกโลกครั้งแรก
"ประตูมิตินั่น มันเกิดจากฝั่งเจ้า"
ชีฟทำหน้างง
โอเอซิสเปลี่ยนภาพเป็นวงแหวนเวทย์สีม่วงขนาดใหญ่ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า
"ตอนแรกข้าก็ไม่แน่ใจในเรื่องนี้ จนกระทั่งมีปีศาจสามารถเล็ดลอดวงแหวนมนตราของข้าเข้ามาได้ เวทมนตร์ของข้า ข้ามั่นใจมากพอว่ามันมีความซับซ้อนและทรงพลังจนไม่มีปีศาจตนไหนสามารถเล่นกลกับมันได้ นอกเสียจากจะมีผู้มีพลังเทพเหมือนกันแอบแก้ไขวงแหวนเวทย์ของข้าจากฝั่งเจ้า"
ชีฟงงเล็กน้อย ก่อนจะออกความเห็น
"มีเทพของท่านทรยศเหรอครับ"
โอเอซิสส่ายหัว
"เผ่าพันธุ์เทพของข้าไม่มีเทพองค์ใดทรยศต่อข้า"
"แล้วใครกันที่มีพลังเทพแบบท่าน"
"เทพในโลกของเจ้า มิใช่แค่ตำนานเล่าขาน"
โอเอซิสเงียบพักหนึ่ง แล้วเริ่มเล่าต่อ
"เมื่อพบข้อผิดพลาดในเวทมนตร์ของข้า ข้าจึงรีบจบศึกในอีกโลกแล้วรีบกลับมาสืบหาสาเหตุของมัน"
โอเอซิสเปลี่ยนภาพนอกระเบียงอีกครั้ง คราวนี้กลายเป็นภาพของอัศวินเกราะสีทองมากมายยื่นเด่นอยู่บนท้องฟ้า
"นั่น คือเผ่าพันธุ์เทพที่มาเยือนยังโลกของเจ้าก่อนข้า ในตอนที่ข้ามาเยือนโลกของเจ้าครั้งแรก ไม่ทราบด้วยเหตุประการใด พวกมันกับหลบซ่อนและไม่โผล่หางออกมาจนกระทั่งถึงตอนนี้"
ชีฟงงเล็กน้อย จึงเอ่ยถาม
"เอ่อ เทพทั้งหลายไม่ได้ต้องการช่วยเหลือมนุษย์ทุกคนเหมือนอย่างที่ท่านทำเหรอครับ"
โอเอซิสหัวเราะเล็กน้อย
"รู้มั้ยทำไมข้าคือเทพ"
"เอ่อ เพราะท่านเป็นเผ่าพันธุ์เทพ"
โอเอซิสหัวเราะเสียงดังแล้วพูด
"ไม่ใช่เลย เผ่าพันธุ์เทพไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของข้า แต่ที่ข้าเป็นเทพ เพราะพวกมนุษย์อย่างเจ้าเรียกข้าแบบนั้น ซึ่งข้าก็คร้านจะแก้ไข เลยปล่อยเลยตามเลย เพราะฉะนั้นเทพไม่ใช่เผ่าพันธุ์ แต่เป็นแค่คำเรียกที่มนุษย์อย่างเจ้าใช้เรียกผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ ข้าพูดถูกมั้ย"
ชีฟพยักหน้า
"เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่าเทพต้องช่วยเหลือมนุษย์ทุกคนหรือไม่ คำตอบคือ ไม่"
โอเอซิสนิ่งคิดครู่หนึ่ง
"ถ้าเจ้ามีพลังมีอำนาจที่สูงส่ง หากเจ้าต้องการสตรีนางใด เจ้าจะทำเช่นไร"
"เอ่อ ก็แสดงฝีมือให้เธอเห็นแล้วพยายามพิชิตใจเธอ"
"ไม่เอาแบบนั้นสิ เอาแบบคนเลว ๆ ที่ต้องการจะได้แค่ตัวนางในเดี๋ยวนั้นเลย"
"ก็ ใช้พลังบังคับขืนใจผู้หญิงคนนั้น"
"นั่นแหละใช่ เหล่าเทพที่มาเยือนโลกนี้ก่อนข้า ไม่ได้ชื่นชอบสิ่งที่เรียกว่าสิทธิและเสรีภาพเสียเท่าไหร่ อวดอ้างพลังทำตัวเป็นเทพ กดขี่ข่มเหงมนุษย์ให้อยู่ใต้อำนาจ พวกเผ่าพันธุ์ที่ชั่วช้าและไม่สมควรจะถูกเรียกว่าเทพ"
"เอ่อ พวกเขาใช่ตำนานเทพที่มีอยู่ในโลกของพวกผมหรือเปล่า"
"ข้ารู้เพียงแค่เผ่าพันธุ์และที่มา ส่วนจะเป็นใครในโลกของเจ้านั้น อันนี้คงต้องถามนาง"
โอเอซิสหันหน้าไปหาอัศวินเทพที่เฝ้ายามอยู่ในห้อง
"พานางเข้ามา"
ครู่หนึ่งอัศวินเทพก็กลับมาพร้อมกับหญิงสาวในชุดลำลองสีขาวผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งมีเรือนผมยาวสลวยสีเขียวมรกตอันงดงาม ผิวพรรณของนางช่างดูสวยเปล่งปลั่งยามเมื่อต้องกับแสงไฟ ใบหน้าอันงดงามเงยหน้ามองชายหนุ่มทั้งสองด้วยความเขินอายเล็กน้อย
โอเอซิสมองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถาม
"เจ้าชื่ออะไร"
"เมดูซ่าเพคะท่านเทพ"