'ไอ้ยักษ์สิวเขรอะ! ไอ้สะเออะขี้เสือก! ไอ้เผือกหัวขี้! อีกกี่ปีก็ยังน่าเกลียด!'
เสียงร้องรำทำเพลงของเด็กประถมกว่าสามสิบชีวิตดังก้องไปทั่วห้องเรียนที่มีผนังสีสันฉูดฉาดงามตา เสียงใสของพวกเด็ก ๆ รับเข้ากับจังหวะของกลองชุดที่แทนด้วยโต๊ะเรียน เสียงปรบมือสนั่นหวั่นไหวเกิดเป็นคอนเสิร์ตน้อย ๆ
ผมยอมรับว่าทำนองเพลงมันสนุกมากอยู่เหมือนกัน ถึงขนาดที่ใครบางคนลุกขึ้นมาเต้นประกอบเนื้อเพลงให้มันดูครึกครื้นขึ้น
แต่เนื้อเพลงที่พวกมันร้องออกมานั้นไม่น่าสนุกเลยสักนิดเดียว เสียงเพลงที่ฟังผิวเผินแล้วดูจะสดใส แต่เมื่อฟังให้ลึกเข้าไปถึงเนื้อเพลง มันกลับชั่วร้ายเหมือนเสียงคำรามของอสูรกาย
เพลงนี้ถูกแต่งมาให้คนพิเศษคนหนึ่งของห้องโดยเฉพาะ ทุกคนดูยินดีที่จะเปล่งคำสรรเสริญเหล่านี้ แต่มีผมแค่คนเดียว คนเดียวที่ไม่ยินดีที่จะร้องหรือฟัง
เพราะเด็กคนนั้นก็คือตัวผมเอง...
'ไอ้ยักษ์สิวเขรอะ! ไอ้สะเออะขี้เสือก! ไอ้เผือกหัวขี้! ไม่มีอะไรดีสักอย่าง!'
ย้อนกลับไปสมัยประถม ผมมักจะถูกเพื่อนล้อและแกล้งเสมอไม่เว้นแต่ละวัน ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างการนินทาลับหลังไปจนถึงขั้นขว้างปาไข่เน่าใส่กางเกงนักเรียนกลางโรงอาหาร ไม่มีวันไหนเลยที่ผมกลับบ้านมาด้วยสีหน้าสดใส ไม่มีเลยสักวัน
วันไหนที่โดนหนักหน่อย อย่างการที่เพื่อนทั้งห้องร่วมกันร้องเพลงชมเชยความอัปยศในรูปลักษณ์ภายนอกของผม ผมจะรีบกลับมาบ้านให้เร็วที่สุด วิ่งขึ้นไปบนห้อง ทิ้งตัวลงบนเตียง และกรีดร้องอัดหมอนให้สมใจอยาก น้ำตาไหลนองไปทั่วที่หมอน
'ไอ้ยักษ์สิวเขรอะ! ไอ้สะเออะขี้เสือก! ไอ้เผือกหัวขี้! อีกกี่ปีก็ยังไร้ค่า!'
ที่จริง สาเหตุที่ผมตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย วงจรของการบูลลี่จะเกิดขึ้นได้ต้องประกอบไปด้วยสามอย่างอันได้แก่ ผู้กระทำ ซึ่งคนทั้งห้องเรียกกันว่า แก๊งค์สามซ่า ตามมาด้วยผู้เพิกเฉย หรือก็คือทุกคนในห้องที่กลัวเกินกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร รวมไปถึงครูและผู้ปกครองที่มองเรื่องนี้ว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย และองค์ประกอบสุดท้าย สำคัญที่สุด นั่นคือผู้ถูกกระทำ
แต่เดิมผู้ถูกกระทำของห้องเรียนประถมเล็ก ๆ ห้องนี้กระจายตัวกันออกไป ไม่ได้เป็นแค่ใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนจะได้รับโอกาสในการถูกกระทำกันอย่างเท่าเทียม แต่จะมีผู้กระทำซึ่งจะเท่าเทียมมากกว่าคนอื่นหน่อย
ผมเคยเป็นหนึ่งในคนที่ถูกแกล้งน้อยที่สุดของห้อง ส่วนใหญ่แล้วจะทำตัวเป็นผู้เพิกเฉยมากกว่า
ทว่า เมื่อผมทนอยู่กับสังคมแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป ผมลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องความยุติธรรม ผมจะต้องกล้าหาญกำจัดศัตรูผู้ชั่วร้าย
ผมคิดว่าผมจะเป็นฮีโร่
และผมก็คิดแบบนั้นจริง ๆ...ก็เด็กสิบขวบนี่เนอะ อย่าเอาอะไรกับผมมากเลย
เมื่อฮีโร่อย่างผมจุติขึ้น ประชาชนจะชื่นชมในตัวผม รวมไปถึงประธาณาธิบดีและผู้สั่งการทุกภาคส่วนจะให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี เหล่าวายร้ายจะต้องกลับตัวกลับใจ หันมาใช้พลังให้มีประโยชน์กับมวลมนุษยชาติ
แล้วฮีโร่และประชาชนของเขาก็อยู่ด้วยกันบนโลกสีเขียวแกมน้ำเงินนี้อย่างแฮปปี้เอนดิ้ง
จบแล้วครับ
...
ใช่ครับ นิทานหลอกเด็กจบลงไปแล้วครับ
กลับมาที่ความจริงกันต่อเถอะ
ในเมื่ออยู่เป็นผู้เพิกเฉยดี ๆ ไม่ชอบ กระเสือกกระสนจะมาช่วยผู้ถูกกระทำเอง งั้นก็ตกไปเป็นผู้ถูกกระทำตัวหลักไปเลยแล้วกันนะ
ถ้าสังคมเล็ก ๆ แห่งนี้มีปาก มันก็คงจะพูดแบบนั้นกับผม
ผมตกเป็นเป้าสีแดงเป้าใหญ่ที่ผู้กระทำเล็งเห็นได้ก่อนใครเพื่อน แรก ๆ ก็มีแค่ไม่กี่คน แต่ต่อมาก็ขยายวงกว้างไปเรื่อยจนครบทุกคน แม้แต่คนที่ผมเคยช่วยไว้ก็เข้าร่วมบทบาทนี้ด้วย
ท้ายที่สุด กลายเป็นผมคนเดียวที่ได้รับบทผู้ถูกกระทำ
'ไอ้ยักษ์สิวเขรอะ! ไอ้สะเออะขี้เสือก! ไอ้เผือกหัวขี้! อีกกี่ปีก็ยังไม่เปลี่ยน!'
'และผู้เข้ารอบรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่...'
'…นายเบญจมินทร์ สึคิโนะ ครับ!!'