"ถามจริง ๆ จากใจเลยนะ นี่เบ๊บยังสติดีอยู่ไหมอ่ะ"
ท้องฟ้ายืนกอดอกมองเพื่อนชายที่กำลังทำอะไรบางอย่างกับเปียโนสีดำแสนสวยตรงหน้า บอกตามตรงว่าตอนแรกเธอก็ไม่คิดจะเข้าไอ้โครงการอะไรนี่หรอก เพราะคิดอยู่แล้วว่าคงจะไม่เข้ารับการบำบัดด้วยดนตรี ก็จะไปเข้าอีกทำไม ในเมื่อตอนเด็ก ๆ ลองเข้ามาหมดทุกอย่างจนจำได้หมดแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอก็ยังฝันร้ายอยู่เหมือนเดิม
แต่ไม่รู้ทำไมพอผู้ชายแปลกหน้าที่ตอนนี้กลายมาเป็นเพื่อนใหม่ถามว่าไปด้วยได้ไหม แค่นั้นแหละเธอก็หอบร่างตัวเองมาอยู่ตรงนี้จนได้ กลายมาเป็นแรงงานไร้ประโยชน์หนึ่งในทีมงานของบาสเตียนไปอย่างงง ๆ
ดวงหน้าหวานมองเพื่อนรักที่กำลังยุ่งหัวหมุนกับการเคลื่อนย้ายเปียโนตัวใหญ่ เธอคิดยังไงก็ดูไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลยสักนิด
"เบ๊บ ถามจริง ทำไมต้องหอบเปียโนไปด้วยอ่ะ เดี๋ยวก็พังหรอก"
ทันทีสิ้นเสียงร่างสูงใหญ่ของเพื่อนก็ถลาเข้ามาหา มือใหญ่หยาบกร้านยัดผ้าเช็ดเปียโนใส่ปากเธออย่างไร้ความปรานี
"เงียบเลยนะ มือไม่พายแล้วยังจะเอาเท้าราน้ำ ใครให้พูดเรื่องอัปมงคลกัน"ว่าแล้วก็ถลึงตาใส่อย่างดุ ๆ
ท้องฟ้าคายผ้าเช็ดเปียโนออกด้วยความขยะแขยง ดวงหน้าหน้าหวานที่เคยยืนดูเพื่อนตาแป๋วเหยเก ขณะพยายามพ่นเส้นด้ายออกจากปาก
"ถุย! เบ๊บไอ้คนโสโครก"
อากัปกิริยาแบบสาวหวานพูดคะขาหายวับไปในทันทีเมื่อเห็นสภาพผ้าเช็ดเปียโนที่เพิ่งคายออกมา คราบดำ ๆ ของฝุ่นจับเต็มผ้าสีขาวสะอาดจนเห็นรอยกระดำกระด่าง
"สาบานเถอะว่านี่ใช้เช็ดเปียโน"
หญิงสาวชูผ้าในมือพลางโบกไปมา แต่ถึงกระนั้นคนมีงานทำอย่างบาสเตียนก็ยุ่งเกินกว่าจะหันมาสนใจเธอ ท้องฟ้าทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันกลับไปทำงาน
"ตกลงให้ช่วยไรเนี่ย"
"ให้แกช่วยมีหวังได้พังสมพรปากน่ะสิ" ถึงมือจะวุ่นวายอยู่กับเชือกและเปียโน แต่บาสเตียนก็ยังหันกลับมากัดเพื่อนรักได้อยู่ดี
"แต่เค้ามีตัวช่วยดี ๆ น้า" ท้องฟ้าพูดพลางโบกมือถือไปมา ส่งรอยยิ้มแบบคนที่เหนือกว่าไปให้
"อะไร? กิ๊กในคุกใต้ดินของแกนะเหรอ มาแล้วจะทำอะไรได้"
บาสเตียนส่งสายตาล้อเลียนมาให้ แต่มือยังคงไม่หยุดทำงาน เขาก็ไม่นึกจริง ๆ นั่นแหละว่าท้องฟ้าจะชวนอีกฝ่ายมาช่วยได้จริง ๆ แถมยังเป็นแรงงานชั้นดีเสียด้วย
"ตบปากตามอายุเลยนะยะ ไม่ใช่กิ๊กเถอะ เพื่อนใหม่ ยูโน๊ว เพื่อนใหม่!" ท้องฟ้าจีบปากจีบคอบอกแม้ว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าสีหน้าไม่เชื่อแบบสุด ๆ ก็ตาม
ก่อนที่เกิดสงครามน้ำลายอีกรอบ ร่างสูงของคนที่ถูกพูดถึงก็ปรากฏตัวให้เห็นราวกับมีคนให้คิว ดวงหน้าหล่อเหลาคมคายมีรอยยิ้มประดับอยู่เป็นนิตย์ ท้องฟ้ามอง 'เพื่อนใหม่' อย่างแปลกใจ เธอกำลังจะส่งข้อความไปหาอีกฝ่าย เพราะตอนที่คุยกันดันลืมบอกสถานที่นัดหมาย แล้วหมอนี่มาถูกได้ยังไงกัน แต่ช่างเถอะ ได้เวลาบลัฟคนปากดีแล้ว
"อะแฮ่ม!" ท้องฟ้ากระแอมเรียกความสนใจจากเพื่อนก่อนจะยืดอกผายมือไปยังว่าที่แรงงานแบกหามคนใหม่ของทีม "ขอแนะนำนะคะ เอ่อ...ว่าแต่นายชื่ออะไรนะ"
บทพูดที่เตรียมไว้อย่างดีพังครืนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่เคยถามชื่ออีกฝ่ายเลยสักครั้ง ท้องฟ้ารีบหันขวับไปกระซิบถามเสียงเบา
"โอ้ เกเบรียล" เขาอุทาน
"อ่า ใช่ ๆ เกเบรียล เกเบรียลจะมาช่วยพวกเราย้ายเครื่องดนตรีล่ะ ขอบอกเลยนะว่าฟ้าสอบประวัติมาเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ไก่กานะจ๊ะ ความรู้เรื่องดนตรีมากกว่านายแน่ ๆ แถมยังซ่อมเครื่องดนตรีเป็นอีกต่างหาก ก็อีแค่ขนย้ายเครื่องดนตรีแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ เป็นไง เค้าเก่งใช่ไหมล่ะ ทีมงานมากความสามารถบวกประสบการณ์แน่นแบบนี้จะไปหาได้จากที่ไหนอี๊กกก"
ท้องฟ้าร่ายยาวโดยไม่ทันสังเกตว่าเพื่อนใหม่ที่เธอเข้าใจไปเองว่าชื่อเกเบรียลนั้นไม่ได้มองตัวเองเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีน้ำตาลเบิกโพลงอย่างตกใจ ก่อนจะถลาเข้าไปประคองเปียโนที่เอียงกระเท่เร่อยู่ข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว
"ไม่มีล้อเลื่อนเหรอครับ"
'เกเบรียล'เอ่ยถามชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวที่กำลังทำอะไรกับเปียโนอีกด้านอย่างระมัดระวัง
"เอ่อ ไม่มีครับ"
บาสเตียนยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นคนที่เข้ามาใหม่หน้านิ่วเหมือนไม่พอใจ ขณะที่มือยังคงช่วยเขาประคองเปียโนอีกด้านอยู่
"แล้วจะมีใครมาช่วยอีกไหมครับ"
"ไม่..ไม่มีครับ" บาสเตียนหน้าเจื่อนลงกว่ารอบแรก เพราะรู้ดีว่าเปียโนหลังใหญ่ขนาดนี้ ลำพังกำลังคนแค่สองคนครึ่งคงเป็นไปได้ยาก
"นี่ ๆ พ่อคุณพ่อขนุนหนัง ช่วยสนใจดิฉันหน่อยจะได้ไหมคะ"
ท้องฟ้าเท้าสะเอวมองคนนู้นทีคนนี้ที เพราะยืนฟังมาสักพักแล้วแต่ก็ไม่มีใครจะสนใจเธอสักนิด คนอุตส่าห์หาทีมงานมาให้เพิ่มยังจะมาเมินกันอีก
"เบ๊บ นี้เกเบรียล เพื่อนเค้าเองที่เจอที่หอสมุด" ท้องฟ้าแนะนำอย่างมั่นใจ "ส่วนเกเบรียลนี่เบ๊บ เอ้ย บาสเตียน เป็นคนรับผิดชอบโครงการนี้"
ทันทีที่เธอพูดจบ สีหน้าที่แปลกประหลาดบ่งบอกความรู้สึกที่หลากหลายของทั้งสองคนก็ปรากฏให้เห็นแบบไม่มีปิดบัง
"เกเบรียล?"
คนถูกแนะนำเอ่ยพลางเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่าหมายถึงตัวเขาน่ะหรือ แต่ไม่ทันจะพูดอะไรต่อ บาสเตียนก็เอ่ยขอบคุณเสียก่อน
"ขอบคุณมากนะเกเบรียล ดีเลยที่มาช่วยวันนี้ งานหนักหน่อยนะ"
คนถูกเรียกว่าเกเบรียลเอียงคองง ๆ ก่อนจะหันไปกะพริบตาปริบ ๆ กับหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องที่ส่งยิ้มร่าชูสองนิ้วมาให้
เกเบรียลก็เกเบรียล ดูท่าเธอจะชอบชื่อนี้ละมัง...
"มา เดี๋ยวฟ้าช่วย ให้ทำไร"
ท้องฟ้ากระโดดขึ้นมายืนจังก้าเบื้องหน้าเปียโนตัวใหญ่ที่คนทั้งสองกำลังมะรุมมะตุ้มหาวิธีเคลื่อนย้ายที่ปลอดภัยที่สุดอยู่ แต่กลับโดนเพื่อนดันให้ออกไปห่าง ๆ เท่านั้นไม่พอยังโดนไล่ไปซื้อของกินมาให้อีกต่างหาก ท้องฟ้าหน้ามุ่ยแต่ก็จำยอมคว้ากระเป๋าไปหาอะไรให้คนทำงานทั้งสองกิน เพราะดูเหมือนเธอจะช่วยอะไรไม่ได้มากนักเรื่องการขนย้าย นอกเสียจากว่าทำให้มันวุ่นวายกว่าเดิม
ถึงแม้มือจะยังคงวุ่นวายอยู่กับเชือกที่จะผูกโยง แต่บาสเตียนก็แอบลอบสังเกตผู้มาใหม่อยู่เป็นระยะ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสามารถจัดการกับเปียโนได้อย่างถูกต้อง แถมคล่องแคล่วกว่าเขาเสียอีก เขาก็อดสงสัยไม่ได้
"นายเป็นลูกครึ่งเหรอ?" เขาถามเพราะตัวเองก็เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน ชื่อที่ต่างออกไปจากเพื่อน ๆ มักจะทำให้เขาเป็นจุดสนใจอยู่เสมอ
"น่าจะใช่นะ" ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ใส่ใจ "ย้ายเปียโนแบบนี้ทำไมไม่จ้างช่างไปเลย ปลอดภัยกว่านะครับ นี่เครื่องมือก็ไม่พร้อม"
บาสเตียนได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ หลบตาอีกฝ่าย ก่อนจะตอบเสียงงึมงำ
"ไม่มีงบอ่ะ อาจารย์ไม่ให้"
"ถ้าพังแล้วต้องซ่อม แพงกว่างบจ้างขนย้ายนะ" อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบ แต่ยังคงเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว
บาสเตียนได้แต่เงียบ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายพูดถูกทุกอย่าง ไม่มีใครบ้าขนย้ายเปียโนกันเองหรอก โดยเฉพาะเมื่อเป็นการขนย้ายทางไกลแบบนี้ ทั้งต้องยกผ่านพื้นต่างระดับตั้งเยอะ มีหวังได้พังก่อนถึงที่หมายแน่ แต่จะไม่ขนไปก็ไม่ได้ เพราะเป็นคำสั่งท่านอธิการบดีที่ต้องการจะเปิดงานแบบแกรนด์โอเพ่นนิ่ง เขาเลยต้องมานั่งลำบากขนเปียโนไปเป็นแบ็คกราวน์ให้อยู่นี่ไง
ทำงานกันไปได้ไม่นานท้องฟ้าก็กลับมาพร้อมกับขนมถุงใหญ่ ด้านหลังเป็นเพื่อนสาวตัวเล็กที่ถูกลากมาด้วยกำลังล้วน ๆ ไม่ได้มีความเต็มใจอยู่แม้แต่นิด แต่ทันทีที่เห็นร่างสูงของใครบางคนที่อยู่กับบาสเตียน ดวงตาที่แห้งผากเหมือนปลาตายก็เปลี่ยนเป็นประกายระยับ
"ไงจ๊ะหนุ่ม ๆ ทำงานกันไปถึงไหนแล้ว"
ท้องฟ้าเอ่ยกระเซ้าก่อนจะวางถุงขนมลงแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งไขว่ห้างบนโต๊ะ
"ใกล้เสร็จแล้วล่ะ เหลือแต่เปียโน น่าจะต้องไปคุยกับอาจารย์อีกรอบ"
ท้องฟ้าพยักหน้าหงึก ๆ รับคำก่อนจะแนะนำเพื่อนสาวให้รู้จักกับชายหนุ่มที่มาใหม่
"พัด นี่เกเบรียล เกเบรียลนี่พัด เพื่อนสนิทฟ้าเอง เป็นทีมงานเหมือนกัน"
แนะนำไปแต่ปากก็ยังเคี้ยวขนมหยับ ๆ พัดหันมองเพื่อนตัวดีที่ทำเป็นนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอส่งยิ้มให้กับเพื่อนใหม่อย่างเป็นมิตร ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มตอบก่อนจะก้มหัวลงน้อย ๆ เป็นการทักทาย เคยได้ยินแค่จากคำบอกเล่าของท้องฟ้า แต่ตัวจริงดูดีกว่าตั้งเยอะ เพื่อนตัวดีของเธอต้องคิดไม่ซื่อแน่ ๆ
ราวกับรับรู้ถึงสายตาที่เพื่อนตัวเล็กมองมาอย่างจับผิด ท้องฟ้าโดดลงจากโต๊ะ ย้ายที่นั่งไปใกล้เปียโนแทน ทำทีเหมือนกับว่าจะช่วยเปิดขวดน้ำให้คนทั้งสองที่มือเลอะอยู่
เธอส่งขวดน้ำให้กับบาสเตียนที่เหงื่อท่วม แต่ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะหย่อนก้นลงนั่งพักข้าง ๆ ท้องฟ้า ชายหนุ่มอีกคนก็เดินเข้ามาแทรกกลางก่อนจะนั่งลงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ มือเรียวที่เปื้อนเป็นทางยื่นขวดน้ำให้เธอช่วยแกะ
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไม่อาจรอดพ้นสายตาของหญิงสาวตัวเล็กที่นั่งมองอยู่ ริมฝีปากได้รูปสวยยกยิ้มขึ้นอย่างถูกใจ ก่อนจะยิงคำถามที่คนฟังถึงกับสำลัก
"เกเบรียลชอบท้องฟ้าเหรอ"
คนถูกถามไอค่อกแค่กเพราะสำลักน้ำ ในใจก็คิดว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอใครถามตรงขนาดนี้มาก่อน ส่วนหญิงสาวที่ถูกพาดพิงถึงดูจะกลายร่างเป็นลูกตำลึงสุกไปเรียบร้อยแล้ว
"พัดก็ชอบนะ เกเบรียลซื้อจากไหนอ่ะ"
พอยิงคำถามเด็ดไปแล้ว คนตัวเล็กก็ทำเป็นชี้มือชี้ไม้ไปที่เสื้อของอีกฝ่าย เสื้อยืดสีขาวลายท้องฟ้าดูเก๋ไก๋แปลกตากลายเป็นแพะรับบาปไปเสียแล้ว
"ไม่แน่ใจนะครับ ซื้อมานานแล้วน่ะ" เขาตอบยิ้ม ๆ หางตาเห็นคนข้าง ๆ กระดกขวดน้ำดื่มอึก ๆ แก้เก้อ จะเรียกว่ากระดกก็ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก เหมือนจะยัดทั้งขวดทั้งน้ำลงไปในคอเพื่อกลั้นเสียงกรี๊ดมากกว่า
"ว้า แย่จัง พัดว่าจะซื้อตามซักหน่อย" คนขี้แกล้งทำหน้าทำตาเหมือนเสียดายสุด ๆ
"แต่ผมก็ชอบฟ้าจริง ๆ นั่นแหละ แค่มองท้องฟ้าก็มีความสุขแล้ว" ปากพูดไม่พอ เจ้าตัวยังหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกายอีกด้วย
คราวนี้คนสำลักกลายเป็นบาสเตียนแทน เขามองหน้าเพื่อนใหม่อย่างไม่อยากเชื่อ ดวงตาสีฟ้าอมเขียวแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ส่วนคนเริ่มจุดไฟสถานการณ์อย่างพัดเองก็กำลังทำตัวไม่ถูก จะยิ้มก็ยิ้มได้ไม่สุด กลัวว่าจะออกนอกหน้าเกินจนเพื่อนโกรธ
ยังไม่ทันจะมีใครพูดอะไร ท้องฟ้าที่เงียบนิ่งมาตลอดก็ลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ทำเอาสายตาสามคู่มองตามด้วยความงง
"ฟ้า แกจะไปไหน?" บาสเตียนถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะเดาอารมณ์เพื่อนไม่ถูก
"หยุด อย่ามาเรียกชื่อชั้นห้วน ๆ นะเบ๊บ" หญิงสาวเท้าสะเอวแว้ดใส่
"ห้ะ!?"
"เรียกชั้นว่านางฟ้าสิยะ เพราะชั้นหาคนมาช่วยพวกนายยกเปียโนแล้วนี่ไง" ปากว่าพลางก็สะบัดผมโพสต์ท่าสวย ก่อนจะชี้นิ้วไปยังคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมาทางพวกเขา
เพราะรู้ดีว่าลำพังคนสองคนไม่มีทางขนย้ายเปียโนหลังใหญ่ขนาดนั้นได้แน่ ๆ ท้องฟ้าจึงแอบไปขอร้องปนกดดันอาจารย์ตอนออกไปซื้อขนม ก็ไม่ได้คิดหรอกว่าพี่ ๆ ช่างจะมาได้จังหวะขนาดนี้
"รอดตัวแล้วเรา" ท้องฟ้าพึมพำพลางเดินเนียนออกจากห้อง จึงไม่ทันได้ยินประโยคสุดท้ายที่ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลพูดกับเพื่อนของเธอ
"จะท้องฟ้าหรือนางฟ้าผมก็ชอบทั้งนั้นแหละครับ"