เช้าวันต่อมาหลังจากที่ได้รับข้อมูลจากเจ้าของร้านตัดผมที่ไปมาเมื่อวาน ซึ่งพิรุณนั้นได้ลองไปตรวจสอบประวัติของผู้ต้องสงสัยทั้งหมดที่ได้รับคร่าวๆ มาแล้ว เขาสามารถตัดผู้ต้องสงสัยได้เลยทันทีถึงสามคน เพราะส่วนมากมักจะอายุเยอะจนเกินไป ที่จะสามารถฟัดเหวี่ยงกับเหยื่อได้ ทางของคุณลุงที่มอบนามบัตรให้ก็เช่นกัน เพราะจากที่ถามเพิ่มเติมดูเหมือนว่าลูกค้าหนึ่งคนจะได้เพียงแค่หนึ่งใบเท่านั้น
ตอนนี้เหลือเพียงผู้ต้องสงสัยเพียงแค่สองคน ถ้าอ้างอิงตามที่เจ้าของร้านบอก คนที่ชื่อว่าสมศรีน่าจะทำงานอยู่ในที่บริษัทแห่งนี้
พิรุณเดินข้าไปด้านในบริษัท แจ้งกับทางประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประสานงานแจ้งให้ทางบริษัทได้รับทราบ และเพื่อเป็นการไม่ให้ผู้คนที่ทำงานอยู่ตื่นตระหนก หลังจากนั้นไม่นานคุณสมศรีก็เข้ามาพบกับพิรุณที่นั่งรออยู่ด้านหน้าประชาสัมพันธ์
"ใช่คุณสมศรีใช่ไหมครับ?" พิรุณถามขึ้น
"ใช่ค่ะ! ไม่ทราบว่ามีอะไรถึงต้องการที่จะพบฉันหรือคะ?" สมศรีพูดด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยหน่ายและดูวิตกกังวล
"ผมเป็นตำรวจครับ และกำลังสืบคดีที่กำลังเป็นข่าวใน ณ ตอนนี้อยู่ ทางเราสืบทราบจากข้อมูลหลักฐานมาว่า คนร้ายเป็นหนึ่งในคนที่มีนามบัตรร้านตัดผมแห่งหนึ่ง" แล้วพิรุณก็หยิบนามบัตรแบบอย่างที่คุณลุงคนนั้นให้มา ยื่นให้กับทางสมศรีดูก่อนจะถามยืนยันอีกว่า...
"เป็นไปได้ของทราบได้ไหมครับ ว่าตัวคุณสมศรีนั้นได้พกนามบัตรแบบนี้อยู่กับตัวด้วยหรือเปล่า?"
"นึกว่าเรื่องอะไรเสียอีก ถ้าเป็นนามบัตรนั่นฉันมีอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเก่าจนซีดแล้วก็เถอะ" สมศรีถอนหายใจอย่างโล่งใจ แล้วเธอก็หยิบนามบัตรที่เคยได้รับมาให้ทางพิรุณดู
"ยืนยันแล้วครับ ว่าคุณสมศรีนั้นไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรม ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ และขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่าให้ปากคำผม"
"ไม่เป็นไรค่ะ ทางนี้ก็ยินดีเช่นกันที่ช่วยอะไรคุณตำรวจได้บ้าง จับคนร้ายให้ได้เร็วๆ นะคะ"
หลังจากที่ออกมาจากบริษัทแล้ว พิรุณก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรถามไปยังตำรวจอีกคนที่ได้ให้จับตาสอดส่องดูที่ทางของเด็กสาวมหาลัยที่ชื่อตาลเอาไว้
"เป็นอย่างไงบ้าง" พิรุณถาม
"ทุกอย่างราบรื่นดีครับ ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยยังคงนั่งเรียนปกติ ความยังไม่แตกว่าทางนี้กำลังจับตาดูอยู่" ตำรวจมี่เฝ้าจับตารายงานกลับ
"จับตาแบบนั้นต่อไป เดี๋ยวฉันจะรีบตามไปสมทบ"
"รับทราบ"
พิรุณรีบขึ้นไปยังรถแล้วขับออกไปอย่างทันที แต่ทว่าภายในเมืองกรุง ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่รถค่อนข้างติดหนัก บางทีระยะทางแค่ไม่ถึง 10 กิโล อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงอย่างต่ำ
ในขณะที่พิรุณกำลังรอรถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาจากตำรวจที่ได้ให้ไปจับตาดูทางของเด็กสาวมหาลัยที่ชื่อว่าตาลเอาไว้ได้โทรมารายงานความเคลื่อนไหว
ทันทีที่พิรุณรับสาย ตำรวจที่อยู่ปลายสายนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูรีบๆ ราวกับกำลังตื่นตระหนก ปนเสียงหายใจแรงหอบ
"ขอโทษครับสารวัตร ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยรู้ตัวและกำลังจะหลบหนีไปครับ"
"รีบตามไปเร็ว และอย่างให้คาดสายตาเด็ดขาด!"
ถึงแม้ว่าจะร้อนรนไปอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงนั่งคิดวิตกกังวลอย่างไม่ตกอยู่ภายในรถ ท่ามกลางรถที่ติดแน่นเอียดคล้ายกับปลากระป๋องที่ถูกอัด
เวลาผ่านไปราวเกือบ 3 ชั่วโมง ทางของพิรุณก็เดินทางมาถึงที่หมาย พอลงจากรถมาก็มีทางตำรวจคนหนึ่งเดินเข้าตรงมาหาทางเขาด้วยสีหน้าที่ดูกังวล นั่นเองทำให้เขารู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
"ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปได้สินะ?" พิรุณพูดด้วยสีหน้าและแววตาที่ดูไม่พอใจเล็กน้อย แต่พยายามเก็บกดอาการเอาไว้อยู่
"ต้องขอโทษจริงๆ ด้วยครับ" ตำรวจคนนั้นตอบกลับพลางหลบสายตาของพิรุณ
"แล้วพอรู้ไหมว่าเธอไปไหน?"
"ไม่ทราบจริงครับ ดูเหมือนเธอจะใช้ช่วงชุลมุนเข้าปะปนกับฝูงชนหลบรอดออกไปได้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ"
"ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าถ้าเธอเป็นนักศึกษาจริงๆละก็ แสดงว่าคนแถวๆนี้น่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เราลองไปตะเวนถามคนแถวนี้ดูก็แล้วกัน"
"ครับ!"
พอเห็นว่าเหล่าลูกน้องทำพลาดไป แต่ตัวของเขานั้นจะโกรธก็ไม่น่าจะใช่เรื่องทีดี เพราะตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือการหาข้อมูลของหญิงสาวคนนั้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้เสียก่อน
พวกพิรุณและตำรวจที่มาด้วยต่างเดินตะเวนถามพวกเหล่าชาวเมืองกับนักศึกษาแถบแถวนั้นอย่างถี่ถ้วนทีละคน จับใจความได้คร่าวๆ ว่าเธอเป็นเด็กจากบ้านนอกเข้ามาเรียนในเมืองหลวงแห่งนี้ เป็นคนร่าเริงมักจะชอบพูดคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน เข้ากับคนอื่นได้ง่าย และไม่เป็นที่น่ารังเกียจต่อคนรอบข้างสักเท่าไหร่
แต่ดูเหมือนว่าพักหลังๆ มานี้เธอจะดูผิดแปลกไป ชอบอยู่คนเดียว และมักจะแอบไปไหนคนเดียวอยู่เสมอ
"เอาอย่างดีครับสารวัตร?" ตำรวจคนนั้นถามขึ้นหลังจากที่ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้วมาถกเถียงกัน
"อืม... หมวดเป็นพวกหลับดึกได้ไหม?"
ในเวลายามค่ำคืน แถบแถวชานเมืองที่เงียบสงัดราว พิรุณและตำรวจที่มาด้วยต่างเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของหญิงที่ชื่อตาล ตรงหน้าประตูอพาร์ทเม้นจากที่ห่างๆ ซึ่งเธอเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
"ว่าแต่สารวัตร ทำไมเราไม่ไปควบคุมตัวเธอแล้วทำการสอบสวนเสียล่ะ? แทนที่จะมานั่งตากยุงอยู่แบบนี้" ตำรวจที่มาด้วยถามถึงเหตุผล
"พวกเรามีพยานและหลักฐานน้อยจนเกินไป การที่บุ่มบ่ามไปจับตอนนี้มีแต่จะทำให้ทางเราเสียหายแทน พวกสำนักข่าวยิ่งชอบเล่นประเด็นพวกนี้อยู่บ่อยๆ อีกด้วย"
"งั้นหรอครับ"
ในขณะนั้นดูเหมือนว่าจะมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นที่ด้านหน้าอพาร์ทเม้น พิรุณจับตาดูเห็นตาลแต่งกายมิดชิด สวมหน้ากากอนามัยปกปิดใบหน้าและปาก ซึ่งมันได้ตรงตามคำให้การของพยานส่วนใหญ่ ก่อนที่จะเดินออกไปในความมืด
"พวกเรารีบตามไปกันเถอะ" พิรุณสะกิดบอกกับทางตำรวจที่มาด้วย
"อะ...ครับ"
ทั้งสองสะกดรอยตามทางของตาลไปอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งพบเห็นว่าเธอนั้นเข้าไปที่โกดังเก็บของเก่าๆ หลังหนึ่งที่อยู่ใจกลางตลาดชุมชน มันเป็นที่ซึ่งกำลังติดป้ายประกาศเซ้งขายอยู่
"เธอเข้าไปทำอะไรที่นี่" ตำรวจที่มาด้วยถามอย่างสงสัย
"ก็มาด้วยกันนี้ ถ้าอยากจะรู้ก็คงต้องเข้าไปดูแล้วล่ะ?" พอพูดจบแล้วพิรุณก็เดินย่องเข้าตามตาลไป
"รอด้วยสิครับสารวัตร"
ภายด้านในห้องที่ทั้งโล่ง มืดและเต็มไปด้วยฝุ่นผง เป็นที่ประกันได้เลยว่าที่แห่งนี้นั้นไม่ได้ถูกใช้มาเป็นเวลานาน
พิรุณหลับตาและหุบปากเงียบ พยายามฟังเสียงทุกอย่างที่อยู่รอบๆ อย่างละเมียดละไม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีเสียงอะไรที่น่าจะเป็นของทางตาลเลยแม้แต่นิดเดียว มันเงียบและรู้สึกน่าขนลุกอย่างไงก็ไม่รู้
ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของพิรุณก็ได้สั่นเตือนแจ้งว่ามีสายเข้า เป็นเพราะว่าเขาอยู่การสอดแนมอยู่เลยปิดเสียงและเปิดระบบสั่นเอาไว้ เขารับสายและพูดอย่างเบาๆ และรวดเร็วว่า...
"ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่ เอาไว้ทีหลัง..." เขาก็วางสายไปโดยที่อีกฝั่งยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรกลับมา
"มีอะไรหรือเปล่าครับ?" ตำรวจคนข้างถามอย่างแผ่วเบา
"ไม่มีอะไร"
พอเห็นว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเพิ่มเติม พิรุณจึงใช้แสงไฟจากโทรศัพท์เพื่อส่องดูภายในห้อง พบว่าด้านในห้องที่เล็กและเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ มีกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าด้านในมีอะไรอยู่
ทางพิรุณที่สงสัยเลยส่งสัญญาณให้กับทางตำรวจที่มาด้วยกันเปิดออกดูว่าด้านในมีอะไร และเขาจะเป็นคนส่องไฟให้
ตำรวจคนนั้นชี้นิ้วที่ตัวเอง ก่อนจะเริ่มส่ายหน้าไปมา แสดงถึงการปฏิเสธว่าไม่ยอมทำตามที่ทางพิรุณบอก
แต่ทว่าก็ไม่สามารถปฏิเสธทางพิรุณได้ เพราะพิรุณนั้นเริ่มแสดงสัญญาณบอกเป็นนัยน์ว่า ถ้าหากไม่ยอมทำตามที่บอก จะไม่คุยเรื่องเลื่อนตำแหน่งให้
ตำรวจคนนั้นเสดงสีหน้าและท่าทีเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเดินไปที่กล่องใบนั้นตามที่พิรุณบอก ก่อนจะเริ่มขยับฝากล่องที่ปิดออกอย่าช้าๆ ทีละนิด
แต่ทว่าในจังหวะนั้นเองก็ได้มีข้อความถูกส่งเข้ามาในโทรศัพท์ของพิรุณ ทำเอาสีหน้าของเขาตกใจหลังจากที่อ่านข้อความที่ถูกส่งมา ทางตำรวจที่เห็นท่าทีดังนั้นก็เลยถามออกไปอย่างเบาๆ ว่า...
"มีอะไรหรอครับสารวัตร?"
"พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่"
ทันทีทันใดนั้นเสียงประตูด้านหน้าของห้องเก็บของนั้นก็ได้ปิดตัวลงเสียงดังตึง! หลังจากนั้นได้ไม่นานทางของพิรุณก็ถูกของแข็งฟาดลงที่ศีรษะอย่างแรงจนล้มฟุบไปนอนกับพื้น ซึ่งในช่วงก่อนที่สติจะจางหายไป ภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นคือตำรวจอีกคนที่นอนสลบต่อหน้าต่อตาเขา...