มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาร้านเสริมสวยร้านเดียวจากหลายพันร้านที่เปิดให้บริการในเมืองกรุง ถ้าเป็นร้านที่ถึงขนาดแจกนามบัตรแสดงว่าไม่เป็นร้านที่ไม่ค่อยมีลูกค้า หรือไม่ก็ต้องเป็นร้านที่ต้องบริการดีจนถึงขนาดต้องจองกันเลยทีเดียว
พิรุณและตำรวจคนอื่นก็ต่างพากันตะเวนขับรถรอบๆ เมืองกรุง เพื่อที่จะหาร้านเสริมสวยตามที่อยู่ในนามบัตรที่ได้พบเจอก่อนหน้านี้ สรุปแล้วเวลาแทบทั้งวันก็ไม่ได้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน เลยเลือกที่จะแยกย้ายก่อนจะตามหาต่อในวันพรุ่งนี้
ในยามเย็น ณ สวนสาธารณะ พิรุณนั่งเอนตัวลงบนม้านั่งด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยหน่าย พลางจิบกาแฟกระป๋องราคาถูกๆ เขานั่งคิดและมองดูสถานที่ผู้คนวิ่งออกกำลังกายกันอย่างปกติ ซึ่งแตกต่างกับตัวเองที่กำลังวุ่นจนหัวหมุนในเรื่องการตามหาตัวฆาตกร
"เฮ้อ..."
เขาเอามือลูปที่คางไปมา พบว่ามันเต็มไปด้วยหนวดสากๆ ขึ้นเต็มไปหมด นั่นอาจจะเป็นการแสดงได้เลยว่าตั้งแต่เกิดคดีนี้ขึ้นมา เป็นเวลามาสักพักใหญ่ๆ เขานั้นแทบไม่ได้มีเวลาดูแลตัวเองเลย
"ไอ้หนุ่มดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ มีเรื่องอะไรทุกข์ใจหรือเปล่า?"
เสียงชายสูงวัยที่กำลังเดินเล่นพร้อมกับจูงบสุนัขตัวหนึ่งอยู่พูดทักกับทางพิรุณที่กำลังทำสีหน้าซังกะตาย นั่งอยู่ตรงม้านั่ง
"...ก็แค่เครียดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะครับ ว่าแต่สีหน้าผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอครับ"
"ก็เล่นนั่งถอนหายใจเสียงดังซะแบบนั้น ถ้าไม่มีเรื่องอะไรที่ทุกข์ใจก็แปลกแล้ว" ชายสูงวัยคนนั้นพูดขึ้นแล้วนั่งลงข้างของพิรุณ "ถ้าไม่เป็นการรังเกียจอะไร ให้คนแก่คนนี้รับฟังเรื่องที่หนุ่มกำลังลำบากใจอยู่ก็ได้นะ"
"ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ ถ้าแค่พักนิดหน่อยเดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้นแล้ว" พิรุณตอบกลับ
"งั้นหรอ..." ชายสูงวัยคนนั้นลุกขึ้นจากม้านั่ง "ถ้าอย่างไงก็ลองไปที่ร้านตัดผมที่อยู่ในนี้ดูนะ ไปตัดผมโกนหนวดสักหน่อยก็ดี เพราะสีหน้าของหนุ่มตอนนี้นั้นแทบไม่ต่างอะไรกับคนเร่ร่อนเลย "
แล้วชายสูงวัยคนนั้นก็ได้ยื่นนามบัตรใบหนึ่งให้มา น่าจะเป็นนามบัตรของร้านตัดผมแห่งนั้นที่เขาได้พูดมาก่อนหน้านี้ มันดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก พิรุณเริ่มจำความได้ว่าคุ้นเคยและเคยเห็นจากไหนมาก่อน
"นี่มัน..."
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดูรูปภาพของนามบัตรที่ได้หาเจอก่อนหน้านี้ ซึ่งมันเหมือนกันอย่างกันแกะ สีหน้าของเขาเริ่มดูดีขึ้นเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะเงยหน้าเพื่อที่จะขอบคุณทางชายสูงวัยคนนั้น...
"...อ้าว!?"
แต่ทว่าชายสูงวัยคนนั้นกลับไม่อยู่ในที่ตรงนั้นเสียแล้ว เขาได้เดินหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ในตอนนี้พิรุณรู้แล้วว่าสิ่งที่ถูกเขียนในนามบัตรนี้คือที่ไหน
พรุ่งนี้เช้า...ที่นี่คือสถานที่ที่เขาจะต้องไป
เช้าวันต่อมา... พิรุณมุ่งตรงไปที่ร้านตัดผมแห่งหนึ่งที่ได้รับนามบัตรมาเมื่อวานจากลุงคนหนึ่ง แผ่นป้ายเล็กๆ ที่ข้างหน้าชื่อร้าน ต้นกล้าบาร์เบอร์แอนท์แฮร์ซาลอน เป็นร้านที่ถ้ามองจากด้านนอกละก็คงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเป็นร้านตัดผม
แน่นอนว่าครั้งนี้พิรุณเดินทางมาคนเดียวเพราะไม่อยากให้ลูกค้าคนอื่นตื่นตระหนก พลางคิดในใจด้วยว่า ไหนๆ ก็มาร้านแบบนี้สักทีก็ตัดผมและโกนหนวดด้วยก็แล้วกัน
"ยินดีต้อนรับครับ"
เสียงผู้ชายพูดขึ้นต้อนรับอย่างทันทีที่พิรุณเปิดประตูเข้าไปในร้าน พบเห็นลูกค้าหลายคนทั้งหญิงและชายต่างเข้าคิวนั่งรอพลางนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ทั้งร้านมีเพียงผู้ชายคนเดียวที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านซึ่งกำลังตัดผมให้กับลูกค้าคนอื่น ในระหว่างนั้นเขาก็พยายามพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง คล้ายว่าคนที่มาร้านแห่งนี้มักจะเป็นลูกค้าประจำเท่านั้น
หลังจากนั้นพิรุณก็นั่งลงต่อคิวลูกค้าคนล่าสุดอย่างเรียบง่ายพลางหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านพลาง นั่งฟังเจ้าของร้านคุยกับลูกค้าไปพลาง
"อาการเป็นอย่างไงบ้างล่ะ?" ลูกค้าคนหนึ่งถามขึ้น
"ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ" ชายหนุ่มเจ้าของร้านตอบอย่างเป็นกันเอง
"แล้วตอนนี้ยังไปหาหมออยู่หรือเปล่าล่ะ?" ลูกค้าคนนั้นถามต่อ
"ก็นานๆ ทีน่ะครับ นานๆ ที"
เจ้าของร้านยังเป็นคนหนุ่มอยู่ อายุไม่ได้มาก ความสูงอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยของชายไทย ผิวพรรณดี และมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน พูดได้เลยว่าหน้าตาดี
ช่วงเวลาผ่านเลยไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ บางที่อาจจะเป็นเพราะอาการเหนื่อยล้าที่สะสม และบางทีอาจจะเพราะอากาศภาในร้านที่เปิดแอร์เย็นช่ำ ทำให้เมื่อไหร่ที่ไม่รู้ว่าตนเองได้หลับไป...
...
จนกระทั่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ถึงคิวของตัวเอง
"คุณลูกค้าครับ ถึงคิวแล้วนะครับ" เสียงกระซิบอันอ่อนนุ่มพูดทักขึ้นพลางตบที่ไหล่อย่างแผ่วเบา
"อ๊ะ!" พิรุณตื่นสะดุ้งขึ้นสีหน้าดูสะลึมสะลืออย่างชัดเจน "ถึงคิวผม...แล้วหรอ?"
"ไม่ว่าอะไรเชิญล้างหน้าก่อนก็ได้ครับ ส่วนห้องน้ำอยู่ทางนั้น" ชายเจ้าของร้านชี้ไปที่ทิศทางหนึ่ง
"ขอบคุณครับ"
พิรุณลุกขึ้นจากเก้าอี้ก็พบว่าไม่มีลูกค้าคนไหนมาเข้าคิวเลย หลังจากที่เขาเข้ามาต่อคิว ซึ่งนั่นก็เป็นเวลานานมาเกือบ 4 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีคนมาเข้าคิวเพิ่ม
พิรุณเข้าไปที่ห้องน้ำก็เห็นในถังขยะที่ด้านในมีของจำพวกผ้าที่เปื้อนเลือดขยำทิ้งอยู่ด้วย บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาสภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง จากก่อนหน้านี้ที่ได้ยินจากคำพูดกับลูกค้า และจำเป็นต้องไปหาหมออยู่บ่อยๆ
พอหลังจากที่ล้างหน้าเสร็จแล้วเดินออกมาด้านนอก เจ้าของร้านก็เตรียมพร้อมรอเขาอยู่ที่เก้าอี้เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว
"เชิญครับ"
พิรุณรับคำเชื้อเชิญนั่งลงที่เก้าอี้อย่างทันที เอนหลังลงที่เก้าอี้ค่อยผ่อนคลายร่างกายปล่อยจิตปล่อยใจให้ทางเจ้าของร้านจัดการเกี่ยวกับหนวด เคราและผม
"ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเลย คุณลูกค้ามาใหม่หรอครับ?" เจ้าของร้านถาม
"ปกติไม่ค่อยมีลูกค้าใหม่มาใช้บริการหรอครับ?" พิรุณตอบกลับ
"ครับ เพราะส่วนมากที่จะมาก็มีแต่ลูกค้าขาประจำเท่านั้น"
"งั้นหรอครับ..."
ในขณะที่เจ้าของร้าตัดตกแต่งผมเสร็จ เขาขยับเก้าอี้เอนลงเอาผ้าเย็นโปะที่ตาของพิรุณต่อ ก่อนที่จะหยิบใบมีดโกนขึ้นมา จ่อที่คอของพิรุณแล้วค่อยๆ โกนหนวดและเคราลงอย่างช้าๆ จนเกลี้ยงเกลา มันเป็นความรู้สึกที่สบายเสียจนเอาแทบหลับได้เลย
หลังจากนั้นชายเจ้าของร้านก็หยิบกรรไกรอันคมกริบออกมาสอดเข้าไปข้างในรูจมูกของพิรุณ ก่อนจะค่อยๆ เล็มเส้นขนออกทีละนิด ทีละนิด จนแทบจะไม่มีขนจมูกรอดออกมาให้เห็น
"เรียบร้อยแล้วครับ" เขาเปิดผ้าปิดตาออกก่อนจะค่อยทำให้เก้าอี้ที่เอนลงกลับมาตั้งตรงแบบอย่างเดิม
พิรุณนั้นลูบที่ใบหน้าของเขามองดูในกระจก หันซ้าย หันขวาที ก่อนจะกล่าวชมเชยทางเจ้าของร้านไปว่า
"รู้สึกเหมือนว่าหน้าเด็กลงไป 20 ปีเลย"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ" เจ้าของร้านพูดก่อนจะสะบัดผ้าเศษผมออกจากผ้าทิ้ง
"ตัดดีขนาดนี้ทำไมถึงมีลูกค้าน้อยกันนะ"
"ก็อย่างที่เห็นเลยครับ ส่วนมากที่มาใช้บริการมักจะเป็นลูกค้าประจำซะส่วนใหญ่ เลยไม่ค่อยได้มีลูกค้าหน้าใหม่สักเท่าไหร่ ว่าแต่ทำไมคุณลูกค้าถึงมาที่ร้านตัดผมแบบนี้ได้กันล่ะครับ? ปกติแล้วนอกจากแนะนำปากต่อปาก ก็ไม่ค่อยมีคนเข้ามากันสักเท่าไหร่หรอก"
"ก็จริง ถ้ามองจากด้านอกแล้วไม่ว่ายังไงก็มองไม่เหมือนร้านตัดผมเลยสักนิด"
"เห็นไหมครับอย่างที่พูดเลย" เจ้าของร้านพูดยิ้มหัวเราะออกมาเล็กน้อย
"เกือบลืมไป ว่าแต่ราคาค่าบริการเท่าไหร่ครับ?" พิรุณเขารีบหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อเตรียมพร้อมที่จะจ่ายเงิน
"250 ครับ"
หลังจากที่เจ้าของร้านพูดจบแล้ว พิรุณก็จัดการยื่นเงินให้ทางนั้นอย่างทันที ในตอนที่รับเงินนั้น ทางเจ้าของร้านก็ได้ถามกับทางพิรุณที่มาใหม่ว่า..
"ว่าแต่... ใครแนะนำคุณลูกค้าให้มาใช้บริการร้านนี้หรอครับ?"
"ผมแค่ตามนามบัตรมา..." ดูเหมือนว่าเขาจะนึกออกแล้วว่าตนเองมาทำอะไรในที่แห่งนี้ "จริงสิ! ว่าแต่ผมมีเรื่องอยากจะถามอยู่พอดี รู้จักนามบัตรนี่หรือเปล่าครับ?"
ในวินาทีที่พิรุณเปิดรูปนามบัตรที่เจอในต่างจังหวัด และนามบัตรอีกอันที่ได้รับมาจากคุณลุงที่บังเอิญเจอเมื่อวานให้ทางเจ้าของร้านดู เขาก็แสดงสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า...
"นี่มัน! ใช่ครับ นามบัตรแบบนี้ทางร้านของเราเคยแจกให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นครั้งแรกเท่านั้น เมื่อราวๆ 4 ปีก่อน"
"รู้จักมันด้วยสินะครับ ถ้าอย่างนั้นผมของแนะนำตัวเลย ผมเป็นตำรวจที่กำลังสืบคดีฆาตกรรมที่กำลังเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้อยู่ พอดีเลยผมอยากจะทราบว่าคุณได้แจกนามบัตรพวกนี้ไปให้ใครบ้างครับ พอจะจำได้บ้างไหม?"
"คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่กำลังเป็นข่าวสินะครับ อืม....ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมไม่ทราบอะไรเลย แต่ถ้าจะให้ผมบอกว่ามีใครบ้างที่ผมเคยแจกนามบัตรให้ไป ก็พอจะจำได้ลางๆ อยู่ครับ"
"ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกผมจะได้ไหมครับ ว่ามีกี่คน แล้วใครบ้าง? เพราะไม่แน่ว่าบางทีฆาตกรอาจจะซุกซ่อนอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้น" พิรุณสีหน้ากลับมาดูมีความหวังอีกครั้ง
"ก็ได้ครับ ทั้งหมดเท่าที่ผมจำได้นั้นมีอยู่ทั้งหมด 5 คน"
คนแรกเป็นคุณตาโรจ เขาเป็นคนแรกที่มาเป็นลูกค้าของผม แต่ผมว่าคนร้ายไม่น่าจะใช่เขาหรอกครับ ก็อายุตั้ง 75 ปีแล้วนี่น่า
คนที่สองเป็นคุณลุงป้อม เขาเป็นหนึ่งในคนที่มักจะมาใช้บริการที่นี่อยู่บ่อยๆ เหมือนกัน แกเป็นคนดี น่ารัก และไม่เป็นพาเป็นภัย แล้วอีกอย่างเลยที่ทำให้ผมแน่ใจไม่น่าจะใช่คนร้าย ก็เพราะว่าลุงเขาเดินแทบจะไม่ไหวเลย แถมยังเป็นเบาหวานกับความดันอีก จะตายวันตายรุ่งก็ไม่รู้แล้ว
คนที่สามคือป้าปุ้ม ถึงแม้ว่าแกจะปากร้าย ชอบนินทาชาวบ้านให้ผมฟังเวลามาใช้บริการก็เถอะ แต่ผมว่าก็ไม่น่าจะใช่คนร้ายเช่นกัน เพราะป้าเขาวันๆ เอาแต่นั่งขายของอยู่หน้าปากซอย ไม่น่าจะมีเวลาไปฆ่าใครเขาได้หรอก
คนที่สี่ เป็นพี่สมศรี เธอเป็นพนักงานขายตรงทั่วไปนี่แหละ มักจะชอบมาบ่นให้ผมฟังอยู่เรื่อยเรื่องเกี่ยวกับยอดขายที่ไม่เป็นตามเป้าบ้าง เรื่องหัวหน้าที่ทำงานบ้าง ส่วนเรื่องที่จะเป็นคนร้ายนั้นผมไม่รู้
...และคนสุดท้ายน้องตาล น้องเขาเป็นนักศึกษาปี 4 เคยมาทำงานพิเศษที่ร้านผมระยะหนึ่ง ก่อนจะถูกจับได้เนื่องด้วยขโมยเงินในที่ทำงาน ผมก็เลยไล่ออก จากนั้นก็ไม่พบน้องเขาอีกเลย น้องเขาสูงเกือบเท่าผมนี่แหละ หน้าตาค่อนข้างดี ผมยาว
พิรุณจดข้อมูลทั้งหมดที่เจ้าของร้านเล่ามาให้ลงในสมุดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดขอบคุณไป
"ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ"
และในตอนที่เขากำลังจะเดินออกจากร้านไปนั้น ทางเจ้าของร้านนั้นก็ได้พูดขอร้องทางของพิรุณไปว่า...
"เอ่อ... คุณสารวัตร ถ้าเป็นไปได้ ถ้าเป็นไปได้นะครับ หากหนึ่งในนี้เป็นคนร้ายฆ่าคนจริงๆ ช่วยเขากลับมารับโทษให้ได้นะครับ"
"ไม่ต้องห่วงไปครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว"
แล้วพิรุณเดินออกจากร้านไป...