ตอนที่ 1143 ความลับของขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ (ตอนแรก)
นกอมตะปีศาจบินไปตามท้องนภา
มันเร็วจริง ๆ ประกอบกับพลังเหนือธรรมชาติอย่างที่พักพิงสายลมธรรมชาติ ทำให้มันบินได้อย่างราบรื่น
เซี่ยเต้าหลิงและกู่ฉิงซานสัมผัสอยู่สักพักก่อนจะหลับตาทำสมาธิเพื่อพักผ่อน ปล่อยให้มันบินไปด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
นกอมตะปีศาจรีบเคลื่อนผ่านทะเลหมู่เมฆกว้างใหญ่ ในที่สุดก็พบทางเดินก่ออิฐที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ
ทางเดินก่ออิฐไม่กว้างมาก นกอมตะปีศาจทะลวงเข้าไปขณะสยายปีกบินอย่างยากลำบาก
นกอมตะปีศาจบินไปตามทาง หลังจากบินไปได้ราวครึ่งก้านธูป ในที่สุดก็มาถึงทางออกของทางเดิน
“ถึงแล้ว” นกอมตะปีศาจกล่าว
มันบินออกจากเส้นทางขณะให้ทั้งสองคนลงอย่างช้า ๆ
กู่ฉิงซานและเซี่ยเต้าหลิงมองรอบข้าง
พวกเขาเห็นว่าสิ่งที่เรียกว่าทางเดินเป็นเพียงบ่อน้ำโบราณ
บ่อน้ำโบราณอยู่ใจกลางวิหาร สถานที่ที่รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากตั้งอยู่
เซี่ยเต้าหลิงมองรูปปั้น พูดพึมพำ ไม่ช้าก็กลายเป็นร่างของเด็กสาว
นางชี้รูปปั้นจำนวนมากแล้วกล่าวว่า “ฉิงซาน ดูนั่น นี่คือรูปปั้นราชาสี่อสุรา”
กู่ฉิงซานมองตาม
เขาเห็นว่ารูปปั้นล้วนแตกต่างกันออกไป แต่พวกมันล้วนดูเคร่งขรึมและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
กู่ฉิงซานมองอยู่พักใหญ่ จากนั้นพลันก้าวไปข้างหน้าแล้วมาหยุดอยู่หน้ารูปปั้นตรงกลาง
รูปปั้นนี้มีเก้าหัว พันตา ร้อยมือ แปดขา ร่างกายเต็มไปด้วยเปลวเพลิง เมื่อมองเห็นครั้งแรกก็ยากจะลืมเลือน
“อาจารย์ ถ้าท่านดูรูปปั้นนี้ ท่านจะนึกอะไรออกงั้นหรือ” กู่ฉิงซานถาม
เซี่ยเต้าหลิงจ้องรูปปั้นอย่างเหม่อลอยแล้วกล่าวว่า “ข้ามีสกิลเทพและเหตุผลของเผ่าวิมาละซิตรา…ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติกับอาวุธของราชาอสุรา”
ตามตำนาน มีสี่เผ่าในกลุ่มอสุรา ในสี่เผ่าต่างมีราชาเป็นของตัวเอง ประกอบด้วยราชาโป๋จื่อ ราชาเชียลัวเชียนถัว ราชามาละซิตรา ราชาลัวโหว
รูปปั้นตรงหน้าคือรูปปั้นราชามาละซิตรา
กู่ฉิงซานชักดาบยาวออกมาแล้วเคาะไปที่อาวุธของราชามาละซิตรา
“อาจารย์ เขาไม่ควรมีอาวุธชิ้นนี้นี่”
…มันคือไม้เท้าเรียวที่มีหัวกะโหลกหนึ่งเขาอยู่ที่ตรงส่วนหัว
ไม้เท้าราชาภูตผีจองจำ!
อสุราถึงกับมีไม้เท้าของราชาภูตผีแห่งยมโลก!
เซี่ยเต้าหลิงดูประหลาดใจก่อนค่อย ๆ หลับตาราวกับกำลังเริ่มคิดถึงบางสิ่ง
กู่ฉิงซานก้าวมาอยู่ข้างนางขณะปล่อยดาบบินสามเล่มเพื่อคุ้มกันเงียบ ๆ
ไม่ช้า
เสียงราวกับความฝันของเซี่ยเต้าหลิงดังขึ้น
“ราชาวิมาละซิตรา หนึ่งในสี่ราชาอสุรา ได้รับฉายาจากขุนเขาศักดิ์สิทธิ์…”
เสียงของนางค่อย ๆ เบาลงราวกับเข้าสู่สภาพบางอย่าง
กู่ฉิงซานพลันตวัดดาบไปในความว่างเปล่า
ตัง!
เกิดเสียงกระทบของอาวุธ
กู่ฉิงซานมองตาม
เขาเห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่บนรูปปั้นของราชาวิมาละซิตรา
คนคนนี้สวมชุดเกราะหนัก ถือง้าว ใบหน้าซ่อนอยู่หลังกะบังทองคำหนึ่งคู่จนมองไม่เห็น
กู่ฉิงซานคุ้มกันเซี่ยเต้าหลิงจากข้างหลังขณะถามว่า “เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงโจมตีพวกข้า”
“ทำไมเจ้าถึงรู้ได้” ผู้ชายถามช้า ๆ “ยังไงก็ช่าง ตอนเจ้าเข้ามายังขุนเขาเซียวหมี ปลายทางของเจ้าก็มีแต่ความตายเท่านั้น”
กู่ฉิงซานกำลังจะพูดต่อ แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในทะเลแห่งความตระหนักรู้
หอกปีศาจแดง!
กู่ฉิงซานหยิบหอกปีศาจแดงออกมาจากทะเลแห่งความตระหนักรู้ก่อนปล่อยให้มันลอยในความว่างเปล่าอย่างเงียบงัน
หอกปีศาจแดงเล่มนี้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพ… เงาส้ม มาชี้ตรงไปยังคนสวมชุดเกราะหนักถือง้าว
มันกระตือรือร้นที่จะสังหารคนคนนั้น
จิตของกู่ฉิงซานขยับ เขาอดที่จะนึกถึงความสามารถเงาส้มไม่ได้
“กำราบมารเงาส้ม”
“พลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพนี้สามารถใช้งานล่วงหน้าได้”
“เมื่อท่านใช้พลังเหนือธรรมชาตินี้ อาวุธด้ามจับยาวของท่านจะได้รับความสามารถ ‘ล่องหน’ ทำให้ไม่ถูกพบโดยศัตรูที่มีพละกำลังต่ำกว่าท่าน”
“นอกจากนี้ พลังเหนือธรรมชาตินี้สามารถช่วยให้ท่านกำราบมารเพื่อเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นแหล่งกำเนิดพลังที่มาจากขุนเขาเซียวหมีได้”
กู่ฉิงซานมองฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง
แน่นอนว่าผู้ชายไม่สังเกตเห็นและยังคงพูดต่อว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าเตรียมรับผลได้แล้ว”
เขาเคาะหัวรูปปั้นด้วยง้าวจนเกิดเสียงเด่นชัด
สี่ประตูของวิหารเปิดออก นักรบในชุดเกราะศึกจำนวนนับไม่ถ้วนไหลหลั่งเข้ามาหากู่ฉิงซานและเซี่ยเต้าหลิง
กู่ฉิงซานชำเลืองมองเซี่ยเต้าหลิง
เขาเห็นว่านางยังหลับตาแน่นอยู่ นางยังอยู่ในสภาพทำสมาธิ
“ดีแต่ตะโกนกรีดร้องไปมาอยู่นั่นแหละ ถ้างั้นก็ตายให้หมด”
กู่ฉิงซานถือดาบศักดิ์สิทธิ์ก่อนตวัดไปข้างหน้า
ประกายดาบจันทราสีขาวพลันส่องแสงก่อนกลายเป็นจันทร์เต็มดวงที่สาดส่องไปทั่ววิหาร
เสียงแตกร้าวดังอื้ออึง
ชุดเกราะศึกทั้งหมดถูกประกายดาบทิ่มแทง ผู้คนที่สวมชุดเกราะศึกถูกกวาดล้างในพริบตา
ไม่มีอะไรในวิหาร มีเพียงผู้ชายยืนอยู่บนหัวรูปปั้นเพื่อรับดาบของกู่ฉิงซาน เขายังอยู่ที่เดิมด้วยท่วงท่าสง่างาม
“คาดไม่ถึงว่าคนที่ก้าวข้ามภัยพิบัติในครั้งนี้จะทรงพลังกว่าเดิมนิดหนึ่ง ข้าดูถูกเจ้าเกินไปสินะ”
เขากล่าวอย่างแผ่วเบา
กู่ฉิงซานกล่าว
เมื่อครู่เขาไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมด
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมจู่ ๆ ถึงมาโจมตีพวกข้า” เขาถามอีกครั้ง
ขณะกู่ฉิงซานถาม เขาใช้วิชาควบคุมวัตถุเพื่อเชื่อมโยงพลังวิญญาณไปที่หอกปีศาจแดง
เมื่อวิชาขยับ หอกปีศาจแดงถูกขว้างออกไปอย่างรุนแรง
ผู้ชายมองไม่เห็นหอกปีศาจแดง เขากล่าวกับตัวเองว่า “ในขุนเขาเซียวหมี ตัวตนของข้านับว่าทรงเกียรตินัก ข้าจะยอมบอกเจ้าได้…”
ฉึก…
หอกปีศาจแดงแทงหน้าอกของเขา
พลังกำราบมารทำงาน!
ผู้ชายถูกแทงนับไม่ถ้วนก่อนจะทันได้พูดเพิ่ม สุดท้ายสลายไปในความว่างเปล่า
พลังทั้งหมดของเขาถูกขุนเขาเซียวหมีทำลาย จากนั้นถูกเปลี่ยนสภาพแล้วดูดกลืน
กู่ฉิงซานถอนหายใจขณะมองร่างที่กำลังสลาย “ดูท่าตัวตนของเจ้ายังต้องพัฒนาอีกนะ”
หอกปีศาจแดงลอยกลับมาอยู่ในมือของเขา
แถวหิ่งห้อยปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“ขุนเขาเซียวหมีได้รับพลังยิ่งใหญ่จากการต่อสู้นี้ โปรดพยายามใช้พลังของมันต่อไปเพื่อเสริมพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพให้กับท่าน”
ทันใดนั้น กู่ฉิงซานแปลกใจเล็กน้อย สายตาของเขากวาดมองหน้าต่างระบบเทพสงคราม
นอกจากข้อความแจ้งเตือนนี้ หน้าต่างระบบเทพสงครามว่างเปล่า ไม่มีบันทึกอื่นอีก
“เดี๋ยว ข้าเพิ่งสู้ไปนะ ทำไมถึงไม่มีบันทึกการต่อสู้เลยล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “อย่างแรก หน้าต่างระบบเทพสงครามบันทึกเพียงการต่อสู้ในระดับพละกำลังที่ใกล้เคียงกันหรือการต่อสู้ที่ผู้อ่อนแอชนะผู้แข็งแกร่ง กระบวนท่าที่ท่านใช้เมื่อครู่นับว่าเป็นการฆ่าก็จริง แต่มันไม่ใช่การต่อสู้และสอง ข้าไม่ได้พัง”
พลังวิญญาณสี่ร้อยแต้มลดไปอย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซานตกตะลึงเล็กน้อย
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าทหารที่เพิ่งเข้ามาในโถงเมื่อครู่มีตัวตนระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างน้อย แถมมีหลายคนที่ไปถึงระดับนภายามค่ำ
แถมคนที่ยืนอยู่บนรูปปั้นอาจจะเหนือกว่าระดับนภายามค่ำด้วยซ้ำ
คนคนนั้นน่าจะจะเป็นตัวตนระดับราชาแห่งอิสรภาพ
แล้วทำไมการกระทำเมื่อครู่นี้ถึงนับว่าเป็นการเหยียบมดล่ะ
เดี๋ยวก่อนนะ…
กู่ฉิงซานค่อย ๆ นึกถึง
จริงสิ เขาเชี่ยวชาญพลังมังกรคู่ ไม่ว่าจะเป็นพลังมังกรมารหรือมังกรฟ้าที่ การสังหารคนเหล่านี้เหมือนกับการละเล่นทั่วไป
อีกอย่างเขามีพลังทั้งหมดของสองมังกรนี้
ก่อนหน้านี้ อาจารย์เคยบอกว่าพละกำลังของเขาเหนือกว่านาง สามารถช่วยสนับสนุนนางในการขึ้นขุนเขาเซียวหมีได้ แต่เขายังไม่ได้ตอบสนองอะไร
ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าพละกำลังของตัวเองเหนือกว่าพลังระดับราชาแห่งอิสรภาพ อาจจะเกินขอบเขตของระดับจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีเลยก็ได้
กู่ฉิงซานตบหน้าผาก
ราวกับจู่ ๆ คนที่ล้มละลายก็มีโชคหล่นทับจนคิดว่าครั้งนี้มีเงินไปปะรูที่ขาดบนเสื้อแล้ว
…จู่ ๆ พละกำลังก็เพิ่มขึ้น ทำให้ปรับตัวไม่ได้พักใหญ่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สายตาของกู่ฉิงซานจับจ้องหอกปีศาจแดงในมืออีกครั้ง
เพราะพลังที่ได้รับการส่งเสริมจากพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพอย่าง “เงาส้ม” ทุกคนที่อ่อนแอกว่าจึงไม่สามารถตรวจจับได้
บนขุนเขาเซียวหมี น่าจะไม่มีใคร…ที่เหนือกว่าเขาแล้ว…
ตอนนี้ เซี่ยเต้าหลิงลืมตาขึ้นแล้วกล่าวว่า “ฉิงซาน คนที่เจ้าเพิ่งฆ่าไปคือราชาวิมาละซิตรา”
“ว่าไงนะ ทำไมเขาถึงดูแตกต่างจากรูปปั้นล่ะ” กู่ฉิงซานถามด้วยความประหลาดใจ
“รูปปั้นคือร่างสัจจะ ก่อนเขาจะได้เผยร่างสัจจะก็ถูกเจ้าฆ่าตายเสียแล้ว” เซี่ยเต้าหลิงกล่าว
“เขาทำบ้าอะไรน่ะ”
“เดิมบนขุนเขาเซียวหมีนี้ ราชาวิมาละซิตราแต่ละรุ่นต้องคุ้มกันบริเวณไหล่เขาเพื่อกำจัดปีศาจร้ายและความปรารถนาไม่ดีทั้งหลายและคอยนำทางผู้ฝึกยุทธ์ที่มาที่นี่”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เขาดูไม่เหมือนอยากนำทางพวกเราเลยนะ”
เซี่ยเต้าหลิงตอบช้า ๆ ว่า “ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์มีความลับยิ่งใหญ่ที่ข้องเกี่ยวกับพวกเราผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมด พวกเราต้องปีนไปยังยอดเขาเพื่อรู้ทุกสิ่งให้ได้”
เมื่อทั้งสองคุยถึงตรงนี้ พวกเขามองนกอมตะปีศาจพร้อมกัน
“หืม ทำไมเมื่อครู่เจ้าไม่ขยับเลยล่ะ” กู่ฉิงซานถามด้วยความประหลาดใจ
นกอมตะปีศาจไม่อาจหักห้ามอาการสั่นสะท้านได้ก่อนเผยรอยยิ้มประจบออกมา “กู่ฉิง…ไม่สิ ท่านฉาน ตอนนี้ท่านทรงพลังเกินไป ข้าแค่รู้สึกกลัวนิดหน่อยน่ะ”
..............................