ตอนที่ 1125 วิชาเต๋า
…เจ้าต้องเข้าเมืองก่อนฟ้ามืด
ก่อนผู้ฝึกยุทธ์จากไป พวกเขาเคยเตือนกู่ฉิงซานอย่างเคร่งขรึม
กู่ฉิงซานวางจดหมายก่อนเงยหน้ามองท้องนภา
ราตรีกำลังจะคล้อยต่ำ
กู่ฉิงซานเร่งความเร็วการเหาะ
…เวลายังเหลืออีกมาก ไม่จำเป็นต้องใช้สกิลเทพอย่างก้าวพริบตา
เขาเหาะอยู่ใต้หมู่เมฆสีเทา ผ่านสายลมเย็นเยือก ก้าวข้ามเมืองทรุดโทรมขนาดใหญ่
เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง สายฝนเริ่มตกลงมาก่อนค่อย ๆ กระหน่ำลงมาอย่างหนัก
ในถิ่นทุรกันดาร กำแพงแตกหักขนาดใหญ่ถูกอาบด้วยน้ำฝน
กู่ฉิงซานสังเกตอยู่สักพักก่อนพบว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ทำจากวัสดุที่แข็งแรงเป็นพิเศษ อิฐหินบางก้อนเต็มไปด้วยความผันผวนของพลังพิเศษ
อาจจะเพราะเหตุนี้ หลังจากผ่านลมฝนมานับไม่ถ้วน พวกมันยังคงอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่ถูกทำลายในครั้งแรก
แต่อะไรกันล่ะที่มาทำลายเมืองเหล่านี้
สงครามขนาดใหญ่หรือ
ภัยพิบัติธรรมชาติหรือ
หรือเป็นอย่างอื่น
กู่ฉิงซานสังเกตซากปรักหักพังอย่างละเอียด
หลังคาเกือบทั้งหมดถูกยกขึ้น สิ่งของต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายกองอยู่กับพื้น
ของบางอย่างดูน่าหลงใหลยิ่ง มีร่องรอยของการคัดแยกและการจัดวางที่เกิดจากมนุษย์
นี่จะต้องเป็นฝีมือของคนที่มาทีหลังแน่ ๆ
หลังจากผ่านมาเนิ่นนาน ฉากทั้งหมดถูกทำลายโดยคนที่มาทีหลัง ร่องรอยจำนวนมากของช่วงเวลานั้นไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนั้น กู่ฉิงซานไม่สามารถสรุปได้ในชั่วขณะ
“นี่”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นในทะเลแห่งความตระหนักรู้ของเขา
กู่ฉิงซานตกตะลึง หยุดนิ่งในอากาศแล้วถามว่า “ใครน่ะ”
“ข้าเอง”
เขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเหาะมาจากไกล ๆ
กู่ฉิงซานมองรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย จากนั้นมองกระดองเต่าที่อยู่ด้านหลังแล้วกล่าวเสียงหลงว่า “กุยเช่า (เต่าน้อย)! ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่!”
ใช่แล้ว ชายหนุ่มคนนี้คือหนึ่งในสี่สัตว์อสูรยิ่งใหญ่ของตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวก เต่าวิญญาณ
กุยเช่าเหาะมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วกล่าวว่า “อาจารย์ของเจ้ารีบจากไป นางลืมบอกบางอย่างกับเจ้า ดังนั้นก็เลยให้ข้ามาส่งข้อความน่ะ”
“ข้อความอะไรหรือ”
“เจ้าต้องเข้าเมืองก่อนฟ้ามืด”
“อา อย่างนี้นี่เอง แต่ทำไมกุยเช่าถึงมาที่นี่ล่ะ”
กุยเช่าตอบว่า “ไม่ใช่ว่าพอเจ้าได้ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพมาแล้วภารกิจทั้งหมดของข้าจะเสร็จสิ้น เป็นเพราะอาจารย์ของเจ้าไปสวรรค์ดึกดำบรรพ์อีกรอบ ข้าก็เลยต้องติดตามนางกลับไปโลกของเจ้า”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าติดตามอาจารย์ของข้าแล้ว การที่เจ้ามาที่นี่ก็เพื่อช่วยให้นางก้าวข้ามภัยพิบัติได้ใช่หรือเปล่า”
“ถูกต้อง!” กุยเช่าตอบ
ตอนนี้ สายฝนตกหนักมากขึ้น ห่างออกไปไม่กี่เมตร มันเต็มไปด้วยหมอกสีขาวโพลนขนาดใหญ่ ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้
ฟ้าเริ่มมืดขึ้น
กุยเช่าเร่ง “พวกเราคุยไปเดินไปดีกว่า จะล่าช้ากว่านี้ไม่ได้”
“ได้”
ทั้งสองมุ่งหน้าสู่เมืองเทียนจูด้วยกัน
“อาจารย์ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพหรือว่าก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีล่ะ” กู่ฉิงซานถามขณะเหาะ
“เจ้าเจอนางแล้วไม่ใช่หรือ” เต่าวิญญาณถาม
กู่ฉิงซานอธิบายว่า “ไม่ นางมาเป็นร่างจำแลง ไม่สามารถตัดสินพละกำลังได้”
“อ๋อ ถ้างั้น นางก็คงก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมี”
เต่าวิญญาณลดเสียงลงแล้วกล่าวต่อว่า “อาจารย์ของเจ้าคล้ายกับได้รับโอกาสพิเศษ ครั้งนี้นางต้องก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมี ศิษย์ของนางจำนวนมากรวมถึงข้าไม่สามารถโน้มน้าวนางได้”
กู่ฉิงซานสับสนจนอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนล้วนต้องก้าวข้ามภัยพิบัติไม่ใช่หรือ นางอยากก้าวหน้า ดังนั้นเป็นธรรมดาที่นางจะก้าวข้ามภัยพิบัติ ทำไมพวกเจ้าถึงต้องห้ามนางล่ะ”
เต่าวิญญาณชำเลืองมองเขาแล้วตอบว่า “อาจารย์ของเจ้าทำให้ดอกบัวทองคำกลายเป็นแสงสีทองเพื่อรวมเข้ากับทะเลแห่งความตระหนักรู้ นับจากนั้นมา เมื่อใดก็ตามที่นางอยากก้าวหน้า นางสามารถพัฒนาได้ทันทีโดยไม่ต้องก้าวข้ามภัยพิบัติ”
“ไม่ต้องก้าวข้ามภัยพิบัติแต่พัฒนาได้งั้นหรือ” กู่ฉิงซานคิดว่าเขาฟังผิดไปจนอดที่จะถามอีกครั้งไม่ได้
เต่าวิญญาณพยักหน้า
หัวใจของกู่ฉิงซานสั่นสะท้าน
ในอดีต ตอนเซี่ยเต้าหลิงเกิดขึ้นมา มีดอกบัวทองคำคอยตามติดนาง เหล่าเทพอิจฉากับโชคอันยิ่งใหญ่นี้ พวกเขาจึงได้ทำการร่ายคำสาป
เซี่ยกูหงพยายามสุดความสามารถที่จะผนึกนางไว้ในคริสตัลน้ำแข็งเพื่อให้หลับใหลจนกว่าคำสาปจะถูกคลาย
นี่คือสิ่งที่กู่ฉิงซานรู้
…เขารู้ว่าอาจารย์จะต้องเป็นคนพิเศษมาก นางจะทรงพลังมากในอนาคต
แต่เขาไม่คิดเลยว่าตอนนี้อาจารย์จะพัฒนาได้โดยที่ไม่ต้องก้าวข้ามภัยพิบัติ!
กู่ฉิงซานรีบถามว่า “ถ้างั้นทำไมอาจารย์ข้าถึงมาที่นี่เพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติล่ะ”
เต่าวิญญาณถอนหายใจแล้วตอบว่า “เป็นเพราะโลกเซินหวู่น่ะ…ยังไงเสีย ทั่วโลกเซินหวู่ก็ไม่มีวิชาเต๋าดี ๆ ที่สามารถทำให้ผู้ฝึกยุทธ์จนถึงระดับนภายามค่ำขึ้นไปได้”
“ถ้างั้นแล้วอาจารย์ข้า…”
“นางมีวิชายุทธ์นั่นน่ะสิ แต่ดูท่าจะเข้าได้กับนางเท่านั้น ด้วยเหตุนี้นางจึงมาที่นี่เพื่อต้องการวิชายุทธ์จากผู้ฝึกยุทธ์โลกอื่นเพื่อช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตในโลกเซินหวู่ให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว”
กู่ฉิงซานอดที่จะพยักหน้าไม่ได้
ตอนนี้ ในสายฝนและหมอกตรงหน้า เงาสีดำขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น
พวกเขามาถึงเมืองเทียนจูในที่สุด
ทั้งสองเหาะมาที่กำแพงเมืองก่อนเคลื่อนลงมาอย่างมั่นคง
เต่าวิญญาณถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ผู้ฝึกยุทธ์อีกหลายคนรออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว
“โชคยังดี ในที่สุดเจ้าก็มาถึงก่อนฟ้ามืดได้ในที่สุด” ใครคนหนึ่งกล่าวอย่างพึงพอใจ
คนอื่น ๆ พยักหน้าเช่นกัน ความกังวลของพวกเขาคล้ายได้รับการคลี่คลาย
กู่ฉิงซานประหลาดใจเล็กน้อยก่อนประสานมือแล้วถามว่า “สหายเต๋าทุกท่าน พวกเจ้ายืนรอข้าอยู่ที่นี่งั้นหรือ”
ผู้ฝึกยุทธ์ชายตอบว่า “ใช่ ภัยพิบัติของราชาแห่งอิสรภาพไม่ใช่อันตรายธรรมดา ยิ่งมีคนมาก ยิ่งรู้สึกปลอดภัย”
ผู้ฝึกยุทธ์หญิงที่อยู่ข้างเขาคล้ายกับเป็นสหายเต๋าคนเมื่อครู่กล่าวว่า “หากมีคนน้อยเกินไป ข้ายอมถอยมาระดับหนึ่งเพื่อตั้งตัวใหม่อีกหนึ่งร้อยปียังจะดีกว่า”
นักบวชคนหนึ่งกล่าวว่า “อามิตตาพุทธ ตามบันทึกของโลกพวกข้า หากต้องการไปถึงยอดเขาเซียวหมี ยิ่งมีคนเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสสำเร็จมากยิ่งขึ้น”
กู่ฉิงซานมองสีหน้าของคนอื่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีสีหน้ายินยอม นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
คนเหล่านี้รอเขาอยู่ที่นี่เพื่อให้แน่ใจว่าเขามาถึงอย่างปลอดภัยหรือเปล่า
…พวกเขากำลังนับจำนวนคน
กู่ฉิงซานถามอย่างไม่มั่นใจว่า “แล้วคนที่เอาถุงเก็บของของพวกเราไปในตอนแรกล่ะ”
ที่ถามแบบนี้เพราะเกรงว่าทุกคนจะทราบเรื่องที่อาจารย์ของเขาเป็นคนทำอยู่ดี ดังนั้นจึงอยากทดสอบการตอบสนองของทุกคนก่อน
กู่ฉิงซานเข้าใจถึงความยากลำบากของอาจารย์ เรื่องนี้เขาต้องยืนอยู่ข้างอาจารย์อยู่แล้ว
เขาเห็นว่าผู้ฝึกยุทธ์เหล่าจ้องมองมา เขาเองก็มองกลับ ทุกคนจึงลังเล
โจรไม่ได้ขโมยอะไร เพียงแค่ดูแผ่นหยกเต๋าของทุกคนเท่านั้น
แต่ว่า…
“ข้าได้ตรวจสอบแผ่นหยกเต๋าดูแล้ว” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว “ดูจากความผันผวนบนแผ่นหยกแล้ว ข้าพบว่าแผ่นหยกได้ถูกคัดลอก”
“หึ ของข้าก็เหมือนกัน มันใครบางคนคัดลอกไป…มาขโมยวิชาพิเศษซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ สาบานเลยว่าเจอกันครั้งหน้าเจอดีแน่” อีกคนกล่าวอย่างเย็นชา
คนต่อมากล่าวว่า “ไม่สำคัญว่าจะเอาหินวิญญาณไปหรือไม่ แต่วิชาเต๋าคือรากฐานของผู้ฝึกยุทธ์ ในเมื่อคนคนนั้นกล้ามาขโมยวิชาเต๋าของข้า ข้าก็จะไม่ให้ความร่วมมือกับคนคนนี้”
“ใช่!”
“ถูกต้องที่สุด!”
คำตอบของผู้ฝึกยุทธ์ล้วนเผยความขุ่นเคืองออกมา
กู่ฉิงซานส่ายหน้า ชำเลืองมองเต่าวิญญาณเพื่อเตรียมที่จะไป
ทันใดนั้น ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งหัวเราะออกมาแล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “วิชาเต๋าของข้าน้อยผู้นี้คือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของสำนัก ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าทุกวัน ดังนั้นข้าจึงต้องระแวดระวัง คนคนนั้นไม่มีทางทำสำเร็จได้หรอก”
“โห เจ้าไม่ได้เอาแผ่นหยกใส่ไว้ในถุงเก็บของงั้นหรือ” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนถาม
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นตอบว่า “ดูสิ ทุกคน!”
ทุกคนทำตามที่เขาคาดหวังเอาไว้
พวกเขาเห็นชั้นอักขระวงเวทกะพริบอยู่ในความว่างเปล่าเหนือศีรษะ
ในวงเวทหนาแน่น มีแผ่นหยกลอยไปมาอย่างโดดเดี่ยว
ผู้ฝึกยุทธ์กล่าวว่า “ด้วยวงเวทจำนวนมากขนาดนี้ ต่อให้ข้าอยากเอาออกมาก็ต้องใช้ความพยายามพอสมควร เป็นไปไม่ได้ที่โจรจะเอามันไปได้หากไม่เตรียมการมาก่อน”
“ยิ่งกว่านั้น ตราบที่วงเวทเหล่านี้ได้รับผลกระทบแม้เพียงน้อยนิด แผ่นหยกจะถูกส่งกลับไปยังโลกของพวกข้าก่อนไปปรากฏในศาลาคัมภีร์ทิเบตของประตูสำนัก”
“ดังนั้นต่อให้ข้าตายไป แผ่นหยกวิชาเต๋าก็จะไม่ได้รับปัญหาแต่อย่างใด”
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นภาคภูมิใจเล็กน้อยขณะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือกฎเกณฑ์ที่ไร้ข้อผิดพลาด ไม่ว่าโจรจะพยายามสุดความสามารถแค่ไหน มันก็ไม่มีทางขโมยวิชาของข้าไปได้หรอก”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ได้ยินดังนั้นก็ครุ่นคิดสักพัก พวกเขาพบว่ามันไม่มีทางจริง ๆ
“อืม นี่เป็นวิธีที่ดี”
“ซ่อนในความว่างเปล่า ถูกคุ้มกันด้วยวงเวท ไม่เก็บไว้กับตัว เป็นความคิดที่วิเศษนัก”
“ฮ่า ๆ เจ้าโจรน้อยเจอแบบนี้เข้าไปได้เสร็จแน่”
“โจรมันสมควรเจอแบบนี้แหละ การที่มันไม่ได้อะไรไปจากสหายเต๋าเช่นนี้ นับว่าน่ายินดีนัก”
ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนหัวเราะด้วยความนับถือ
“ครั้งหน้าถ้าจับคนร้ายได้ เจ้าต้องทรมานคนร้ายสักหน่อยนะ ถือว่าเป็นการระบายโทสะไปในตัว”
“ใช่ นั่นสินะ”
“ถ้าเป็นผู้ชายให้ฆ่า ถ้าเป็นผู้หญิง เหอะ ๆ ให้นางได้รู้สักหน่อยละกันว่าพวกเรามีดีแค่ไหน”
“ใช่เลย ฮ่า ๆๆ ”
กู่ฉิงซานฟังเงียบ ๆ ดวงตาของเขาหรี่ลง
พวกเจ้านี่มัน…
วิชาเต๋าถูกคัดลอกจนอารมณ์เสีย อันนี้เข้าใจได้
แต่มาดูหมิ่นอาจารย์ข้าต่อหน้าแบบนี้มันก็…
จากนั้น…
“กุยเช่า ไปกันเถอะ” กู่ฉิงซานกล่าวกับเต่าวิญญาณ
“อา ได้”
ทั้งสองขยับก่อนมุ่งตรงไปที่เมือง
เพียงไม่ถึงเวลาหนึ่งถ้วยชา พวกเขาได้มาถึงเมืองก่อนเข้าสู่ตำหนักเพื่อพบเซี่ยเต้าหลิง
“อาจารย์ ทำไมท่านตัวเล็กลงล่ะ” กู่ฉิงซานถามด้วยความประหลาดใจ
ร่างจริงของเซี่ยเต้าหลิงยังเป็นเด็กอายุเจ็ดถึงแปดขวบเท่านั้น
“อืม มันก็แค่วิชาที่เป็นประโยชน์กับข้ามาก ตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้คลายมันน่ะ” นางตอบ
ทันใดนั้น มีเสียงอึกทึกมาจากกำแพงเมือง ก่อนกระจายไปทั่วเมือง
เต่าวิญญาณอดที่จะกล่าวไม่ได้ว่า “น่าแปลก ตอนพวกเราเพิ่งออกมา พวกเขายังดี ๆ อยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงสร้างปัญหากันแล้วล่ะ”
“เพราะนี่ไงล่ะ” กู่ฉิงซานตอบอย่างแผ่วเบา
เขายื่นมือออกมา
แผ่นหยกอยู่ในมือของเขา
จิตเทพของกู่ฉิงซานทะลวงเข้าไปก่อนจดจำรายละเอียดอีกครั้ง
แน่นอนว่ามันคือวิชาเต๋าที่ดีมาก ๆ
เขาโยนแผ่นหยกเบา ๆ ก่อนให้มันลอยไปหาเซี่ยเต้าหลิง
“อาจารย์ วิชาเต๋าบนแผ่นหยกนี้ดูจะแตกต่างกว่าอันอื่น ตอนนี้ข้ายังมีบางสิ่งที่ต้องทำ ทำให้ไม่สามารถกลับโลกเซินหวู่ได้ ข้าจึงอยากให้อาจารย์นำมันกลับสำนักด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว
เซี่ยเต้าหลิงหยิบแผ่นหยกมาก่อนเผยรอยยิ้มหลังจากชำเลืองมองไม่กี่ครั้ง
“ใช่ วิชานี้ครอบคลุมทั้งห้าธาตุ วิชาลับ มีด ดาบ ไม้เท้า พลังเหนือธรรมชาติและวิชาอื่น ๆ มันเป็นประโยชน์กับโลกพวกเรามาก”
นางเก็บแผ่นหยก
เต่าวิญญาณยังคงจ้องแผ่นหยกก่อนจำได้ทันทีว่ามันคือของจากคนเมื่อครู่
มันอดที่จะถามไม่ได้ว่า “กู่ฉิงซาน เจ้าเอาแผ่นหยกนี่มาได้ยังไง”
กู่ฉิงซานไอเล็กน้อยแล้วตอบว่า “สมบัติเป็นของสวรรค์และปฐพี ข้าเพียงหยิบยืมมาเท่านั้น”
ดวงตาของเซี่ยเต้าหลิงทอประกายขณะทวนซ้ำด้วยเสียงต่ำ มือตบเก้าอี้แล้วกล่าวว่า “พูดแบบนี้นับว่าถูก สิ่งที่เรียกว่าวิชาเต๋ามาจากสวรรค์และปฐพี สิ่งที่มาจากสวรรค์และปฐพีเป็นการหยิบยืมมาจากธรรมชาติ ไม่ใช่หยิบยืมมาจากผู้อื่น มันคือสิ่งที่ได้มาจากสวรรค์และปฐพี”
“ใช่ ใช่แล้วล่ะ สิ่งที่อาจารย์พูดนับว่าถูกต้องนัก!” กู่ฉิงซานกล่าว
เต่าวิญญาณมองเซี่ยเต้าหลิง จากนั้นมองกู่ฉิงซาน
…ทั้งอาจารย์และศิษย์ต่างมีความสามารถพิเศษในการขโมยของ แถมคารมยังคมคายอีก
สำนักร้อยบุปผาไม่ใช่สำนักที่สืบทอดมาจากตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวกหรอกหรือ
นี่คือสำนักที่ดีที่สุดที่สืบทอดมาหลายพันปีเชียวนะ!
ดีที่สุดจริง ๆ !
“ข้าเชื่อพวกเจ้าก็แล้วกัน” เต่าวิญญาณลอบถอนหายใจแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ทั้งอาจารย์ทั้งศิษย์จากสำนักร้อยบุปผาช่างนิสัยเสียจริง ๆ ”
..............................