ตอนที่ 1108 คำสารภาพที่ถูกปฏิเสธ
ยักษ์เหล็กกล้าและชายร่างกำยำปะทะกันหลายครั้ง จากนั้นจึงรับรู้ความต่างของอีกฝ่ายได้คร่าว ๆ หลังจากประมือกัน
สำหรับเกราะศึกขนาดยักษ์ มันออกจะไม่ถูกต้องเล็กน้อยหากบรรยายการกระทำของมันด้วยคำว่า “ประมือ”
ความเป็นจริงคือยักษ์เหล็กกล้านี้ก้าวสั้น ๆ จากนั้นพลันออกวิ่งเค้นพละกำลังของทั่วร่างด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบก่อนส่งหมัดที่เหมือนกับลูกธนูถูกน้าวสุดสายออกไป
ปัง!
ชายร่างกำยำถูกกระแทกจนกระเด็น เขากลิ้งลงกับพื้นหลายครั้งราวกับลอยอยู่ในน้ำก่อนจะหยุดลงในที่สุด
“เหอะ เรี่ยวแรงเล็กน้อยยิ่งเช่นนี้แต่อยากทำร้ายเทพอย่างข้างั้นหรือ” ชายร่างกำยำลุกขึ้นจากพื้นในสภาพโซเซ
เขาเห็นขาหนึ่งคู่
ขาของยักษ์เหล็กกล้า
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น หมัดเหล็กเย็นเยือกหนึ่งคู่ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นตรงสายตา
“ซ่า!”
ชายร่างกำยำรีบตะโกน
แสงหมองหม่นแผ่นออกมาจากเขา
ยักษ์เหล็กกล้ากระเด็นจนตัวลอยกลางอากาศ
ทว่า เห็นได้ชัดว่าพลังแค่นั้นไม่มากพอจะสร้างความเสียหายให้กับยักษ์เหล็กกล้า
มันกลิ้งอยู่ในอากาศอย่างคล่องแคล่วก่อนลงสู่พื้นว่างไกลออกไปหลายสิบเมตร
ยักษ์เหล็กกล้ายืนขึ้นอย่างมั่นคงแล้วกำหมัด ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
ตรงกันข้าม หลังจากชายร่างกำยำใช้วิชานี้ เขาเริ่มหอบหายใจเล็กน้อย
“ความลับวิชายุทธ์ของหมัดนี้คืออะไรกัน” เขาถามเสียงต่ำ
“ไม่ได้ลึกลับอะไรขนาดนั้น” เสียงของซูเสวี่ยเอ้อร์ดังมาจากยักษ์เหล็กกล้า “นี่คือกระบวนท่าระยะประชิดที่ธรรมดาที่สุด”
ทันใดนั้น ประกายมีดคมปลาบวูบไหวอยู่ด้านหลังยักษ์เหล็กกล้า
ยักษ์เหล็กกล้าหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว แต่มันสายเกินไป
แขนเหล็กกล้าขนาดใหญ่ถูกฟันขาดจนกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
หมัดยักษ์หมุนเพื่อทำการโจมตี แต่ผู้ลอบโจมตีกลับหลบได้อย่างรวดเร็ว
ชายร่างกำยำกล่าวกับความว่างเปล่าว่า “ขอบใจ!”
ชายร่างผอมพยักหน้าขณะดึงมีดยาวออกมาแล้วเข้าสู้กับปลาหมึกยักษ์ในทันที
ชายร่างกำยำหันสายตามามองยักษ์เหล็กกล้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ขณะเผยสีหน้านึกสนุก เขากล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าจบสิ้นแล้ว อยากรู้นักว่าจะยังทำตัวอวดดีอยู่หรือเปล่า”
ยักษ์เหล็กกล้าเงียบ
เสียงของซูเสวี่ยเอ้อร์ดังขึ้นอีกครั้ง
“ที่จริง ในที่สุดข้าก็รู้สึกโล่งอกแล้วน่ะ”
ชายร่างกำยำขมวดคิ้วพลางถามว่า “เจ้าหมายความว่ายังไง”
“คนน่ารังเกียจอย่างเจ้าทำได้เพียงลอบโจมตีจากด้านหลัง ไม่มีแม้กระทั่งจิตวิญญาณของวิชายุทธ์พื้นฐาน แบบนี้ไม่มีทางเป็นเทพที่แท้จริงได้หรอก”
ยักษ์เหล็กกล้าตั้งท่าป้องกัน แขนข้างหนึ่งไว้ข้างหน้า เปลี่ยนจากกำหมัดเป็นแบฝ่ามือ
วิชายุทธ์ ฝ่ามือนกกระเรียน
ใบหน้าของชายร่างกำยำหมองหม่น
“ตอนเจ้าถูกข้ากิน เจ้าจะได้รู้ว่าเทพคืออะไร!”
เขาพุ่งเข้าหายักษ์เหล็กกล้า!
ขณะมาได้ครึ่งทาง แขนของชายร่างกำยำปกคลุมไปด้วยแสงหมองหม่น
แขนของเขาหนาขึ้นจนมีขนาดใหญ่เท่ากับครึ่งหนึ่งของร่างกาย
ซูเสวี่ยเอ้อร์ไม่พูดอะไรอีก
นางท่องคัมภีร์วิชายุทธ์ในใจอย่างเงียบงัน ทั่วร่างเข้าสู่สมาธิอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ยักษ์ทั้งสองเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
ยักษ์เหล็กกล้าหันหลัง หลบหมัดแรกของชายร่างกำยำ แต่ถูกหมัดที่สองกระแทกเข้าอย่างจัง
ในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือของยักษ์เหล็กกล้ากลายเป็นรูปทรงนกกระเรียนงามสง่าก่อนกระแทกเข้าใส่หัวใจของชายร่างกำยำ
ตูม!
เสียงกระแทกอย่างรุนแรงดังขึ้นทั่วความว่างเปล่า
ชายร่างกำยำระเบิดพลังอีกครั้ง หน้าอกของยักษ์เหล็กกล้าแตกเป็นชิ้น ๆ
เส้นจำนวนมากที่เชื่อมโยงกับห้องคนขับได้รับความเสียหาย
ซูเสวี่ยเอ้อร์กัดฟันขณะควบคุมยักษ์ให้กองลงกับพื้นช้า ๆ
…ฉิงซานยังซ่อนอยู่ในระบบช่วยชีวิตที่อยู่หลังยักษ์ จะให้ได้รับแรงกระแทกจนบาดเจ็บไม่ได้
เมื่อยักษ์ลงสู่พื้นอย่างแผ่วเบาได้ในที่สุด ซูเสวี่ยเอ้อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา
นางนั่งอยู่ในห้องคนขับที่เสียหายขณะน้ำตาหลั่งออกมา
“เจ็บจังเลย…”
นางกระซิบขณะมองแขนซ้าย
แขนซ้ายถูกเหล็กกล้ากดทับเอาไว้จนมิด
เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์เร่งเร้า “หนีไป ซูเสวี่ยเอ้อร์ ตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้ว สิ่งเดียวที่ข้าสามารถช่วยท่านได้คือใช้เคลื่อนย้ายพริบตาระยะไกลมาก แบบนั้นท่านจะสามารถมีชีวิตรอดได้”
ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ชายร่างกำยำลุกขึ้นช้า ๆ
ซูเสวี่ยเอ้อร์เงียบสักพักแล้วกล่าวว่า “ไม่ ให้ข้าตายที่นี่เถอะ”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ท่านต่อสู้จนมาถึงจุดนี้นะ ท่านพยายามอย่างหนักมากเลย” เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์เจือความโกรธเล็กน้อย “ต่อให้กู่ฉิงซานรู้ เขาก็ไม่โทษท่านหรอก”
“ต่อสู้จนมาถึงจุดนี้หรือ พยายามอย่างหนักหรือ” ซูเสวี่ยเอ้อร์ทวนซ้ำขณะส่ายหน้า
นางเช็ดโลหิตจากมุมปากด้วยมือที่ยังเหลืออยู่ก่อนกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “มีอีกหลายสิ่งในโลกที่ไม่สามารถทำได้ด้วยการใช้แค่ความพยายามหรอกนะ”
“ข้าไม่เคยนอน ข้าใช้วิชาของวิหารทุกวันเพื่อรักษาพละกำลังกายภาพกับวิญญาณเอาไว้ ข้าพยายามอย่างหนักตลอดเวลาเพื่อพัฒนาตัวเองกับพัฒนาพละกำลัง” แต่ท้ายที่สุด ข้ายังเป็นผู้หญิงธรรมดา ไม่ได้ดีเลิศเท่าหนิงเยว่ฉาน
“ข้าหวังจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดในโลกให้กู่ฉิงซาน แต่ข้าไม่ได้ดีที่สุด”
“ถ้างั้นให้ข้าตายที่นี่เถอะ”
“อย่างน้อยที่สุด ข้าสามารถตายเพื่อปกป้องเขาได้”
“แบบนี้ข้าจะไม่เสียใจ”
หลังจากซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวจบ นางลุกขึ้นจากห้องคนขับที่พังขณะมองออกออกไปไม่ไกลนัก
ชายร่างกำยำกำลังมองนาง
“กลายเป็นสาวน้อยนี่เอง” เขากล่าวด้วยความประหลาดใจ “ถึงกับสามารถครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ได้”
ชายร่างกำยำมองซูเสวี่ยเอ้อร์จนอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้
ซูเสวี่ยเอ้อร์มองเขาอย่างสงบ ร่างของนางขยับเล็กน้อย ไม่สามารถตั้งท่าต่อสู้ได้เลย
“ไม่เลว” ชายร่างกำยำเดินเข้าหานางขณะยิ้ม “ถึงแม้จะเสียแขน แต่จากประสบการณ์ของข้า มนุษย์ที่มีจิตใจแข็งแกร่งเช่นเจ้า วิญญาณจะต้องอร่อยแน่ ๆ ”
การเคลื่อนไหวของเขาพลันช้าลงก่อนแข็งทื่อในที่สุด
ซูเสวี่ยเอ้อร์มองเห็นอันตรายในแววตาของเขา มองเห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เห็นแม้กระทั่งน้ำลายที่ไหลออกมาจากมุมปากจนเห็นได้อย่างชัดเจน
…เขาแข็งทื่อ
ซูเสวี่ยเอ้อร์มองรอบข้างจนเห็นว่าทุกสิ่งเงียบสงัด
ในท้องนภา ชายถือมีดยาวพุ่งขึ้นไปในอากาศขณะพยายามตวัดมีดขัดขืนการโจมตีของหนวดสองเส้น
เขาไม่ได้ขยับ
หนวดไม่ได้ขยับ
“หรือว่านี่…ปิดกั้นเวลาหรือ” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถามด้วยความสับสน
เสียงจักรกลอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น “ไม่ มันคือพลังทั้งหมดที่ข้าสั่งสมเพื่อใช้กับท่าน ในคลังคำศัพท์ของข้า มันน่าจะเรียกว่าหยุดเวลามากกว่า”
“ยอดเลย ข้ามีโอกาสฆ่ามันแล้ว!”
ซูเสวี่ยเอ้อร์มองรอบข้างเพื่อหาอาวุธ แต่น่าเสียดาย นางหาของที่เป็นประโยชน์ไม่ได้เว้นแต่ซากปรักหักพังของยักษ์เหล็กกล้า
“ซูเสวี่ยเอ้อร์ ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก”
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ยังคงกล่าวต่อ “อุปกรณ์นี้คืออาวุธกาลอวกาศที่ใช้ได้เฉพาะท่านกู่ฉิงซาน ทว่า เพราะการเดินทางอันยาวนานในโลกเก้าร้อยล้านชั้น อาวุธจึงอยู่ในสภาพจำศีล จนกระทั่งมันได้พบกับท่านกู่ฉิงซาน อาวุธชิ้นนี้จึงเริ่มทำงานอีกครั้ง แต่เพราะความซับซ้อนและความแม่นยำของอาวุธ เวลาเปิดใช้งานจึงอาจจะนานเล็กน้อย ทำให้มันพลาดโอกาสที่จะให้ท่านกู่ฉิงซานโหลดอาวุธชิ้นนี้”
ที่คาดผมสีเงินกลายเป็นของเหลวก่อนลอยมาอยู่ตรงหน้าซูเสวี่ยเอ้อร์จนกลายเป็นมือ
ขณะแบมือ ปืนพกลอยมาอยู่ตรงหน้าซูเสวี่ยเอ้อร์
“โปรดโหลดอาวุธนี้ด้วย” เสียงอิเล็กทรอนิกส์กล่าว
ปืนพกหรือ
ถึงแม้จะดูไม่โดดเด่น แต่เทพธิดาแห่งความยุติธรรมถึงกับส่งมันมาจากโลกดั้งเดิมรกร้าง สิ่งนี้ย่อมไม่เรียบง่ายเหมือนอย่างที่ตาเห็น
ซูเสวี่ยเอ้อร์ครุ่นคิดสักพักก่อนลังเล “นี่เป็นของฉิงซาน…”
เสียงอิเล็กทรอนิกส์อ่อนลง “ใช้มันเพื่อคุ้มกันกู่ฉิงซาน”
ซูเสวี่ยเอ้อร์ไม่ลังเลอีกต่อไป
นางยื่นมือออกไปถือปืนพก
ปืนพกหายไปทันทีก่อนรวมเข้ากับแขนของนาง
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ยังคงกล่าวต่อไป “อาวุธกาลอวกาศนี้เน้นความสามารถต่อไปนี้”
“หนึ่ง: กระโดดโจมตีทะลุมิติโดยไม่สนพลังที่เข้ามาต้าน”
“โดยปกติแล้วจะมีความสามารถที่กู่ฉิงซานไม่สามารถเข้าใจได้ แต่เพราะท่านคือผู้ใช้ผู้หญิง อาวุธกาลอวกาศนี้จะเปิดความสามารถต่อไปนี้เช่นกัน”
“สอง: การวิวัฒนาการของร่างหญิงสาว…ความสามารถนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายของท่านอย่างต่อเนื่องตามคุณลักษณะเฉพาะของผู้หญิง ทำให้ท่านวิวัฒนาการไปสู่ระดับชีวิตที่สูงยิ่งกว่า”
“ขั้นตอนแรก การวิวัฒนาการความคิดและการวิวัฒนาการพลังจะเริ่มขึ้นพร้อมกัน”
ขณะเสียงอิเล็กทรอนิกส์อธิบาย ซูเสวี่ยเอ้อร์พบว่าความเร็วในการคิดของนางเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
นางเข้าใจทุกสิ่งที่อีกฝ่ายพูดในทันที
“กระโดดเนี่ยหมายถึงโจมตีใส่ศัตรูโดยตรงใช่หรือเปล่า” นางถาม
“ใช่” เสียงอิเล็กทรอนิกส์ตอบ
เสียงอิเล็กทรอนิกส์เร่ง “พลังงานสำรองกำลังจะหมดลง การหยุดเวลาจะสิ้นสุดในไม่ช้า โปรดทำการโจมตีเพื่อทำลายศัตรูทันที”
“เข้าใจแล้ว”
ซูเสวี่ยเอ้อร์กางมือออก
ปืนพกสีดำปรากฏขึ้นในมือของนางอีกครั้ง
“นี่คือผลงานชิ้นเอกสุดของเทพธิดาแห่งความยุติธรรม ไม่สนพลังทั้งหมดที่เข้ามาต้าน ขณะที่ท่านวิวัฒนาการ พลังของมันจะแข็งแกร่งขึ้น” เสียงอิเล็กทรอนิกส์ตอบ
ซูเสวี่ยเอ้อร์ถือปืนก่อนหันไปทางชายร่างกำยำ
“การหยุดเวลากำลังจะสิ้นสุดแล้ว”
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง”
ซูเสวี่ยเอ้อร์เหนี่ยวไก
ปัง!
กระสุนเงินพลันปรากฏที่ตรงหว่างคิ้วของชายร่างกำยำก่อนระเบิดทันที
เวลากลับมาเป็นปกติ
ชายร่างกำยำคุกเข่าลงก่อนพลันล้มลงกับพื้น
ซูเสวี่ยเอ้อร์มองร่างของอีกฝ่าย
นางไม่อยากเชื่อว่าปืนพกจะสามารถสังหารตัวตนอย่างภูตผีและเทพได้
สีหน้าของซูเสวี่ยเอ้อร์ขยับ
ไม่…
มันยังไม่ตาย
นางเห็นเขาคมปลาบหนึ่งคู่กำลังส่งเสียง
หลังจากนั้น ชายร่างกำยำยืนขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย
“เมื่อครู่มันเกิดอะไร…”
ปัง!
เขาล้มลงอีกครั้ง
เขาคมปลาบส่งเสียงอีกครั้ง
ชายร่างกำยำยกมือขึ้นจากพื้นแล้วกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้า…”
ปัง!
เขาล้มลงอีกครั้ง
เขาคมปลาบหนึ่งคู่ยังคงส่งเสียง
ซูเสวี่ยเอ้อร์ขมวดคิ้ว
นางพบว่าความคิดตัวเองเร็วมากจริง ๆ หลายคำถามสามารถกระจ่างได้ในเวลาอันรวดเร็ว
…โดยไม่ต้องเคลื่อนไหวไม่มากนัก นางวางปืนพกไว้ที่แขน หยิบชิ้นส่วนเหล็กที่หักขึ้นมาแล้วลากไปหาชายร่างกำยำ
เปลือกตาของชายร่างกำยำเริ่มขยับ
ซูเสวี่ยเอ้อร์ขว้างชิ้นส่วนเหล็กกล้ายาวลงกับพื้น หยิบปืนพกออกมาแล้วยิงอีกนัดใส่ตรงหว่างคิ้วของชายคนนั้น
ปัง!
ชายร่างกำยำตายอีกครั้ง
ซูเสวี่ยเอ้อร์วางปืนพกอย่างรวดเร็ว หยิบเหล็กกล้าบนพื้นขึ้นมาแล้วชี้ปลายอันแหลมคมไปที่รูปืนตรงหว่างคิ้วของชายร่างกำยำ
“พะ…พลังของข้าคล้ายกับแข็งแกร่งขึ้น”
นางกระซิบ ยกเหล็กกล้ายาวขึ้นสูงแล้วกระแทกลงไป
โลหิตทะลัก
ศีรษะของชายร่างกำยำถูกเหล็กกล้าแทง
เขาคมปลาบหนึ่งคู่บนศีรษะยังคงส่งเสียงสักพัก ในที่สุดมันก็หาทางทำอะไรกับบาดแผลดังกล่าวไม่ได้
ตุบ ๆ !
เขาคมปลาบตกลงกับพื้น
ร่างของชายกำยำหดลงก่อนกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ซูเสวี่ยเอ้อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในที่สุดก็จัดการชายคนนี้ได้
นางมองแขนที่หักของตัวเองด้วยความเสียใจเล็กน้อย
เกรงว่าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการรักษาแขนที่เสียไป
จะให้กู่ฉิงซานมาเห็นสภาพที่น่าอับอายแบบนี้ไม่ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางเห็นเขาคมปลาบหนึ่งคู่พลันลอยขึ้นจากพื้นก่อนมาอยู่ตรงหน้านาง
วิ้ง ๆๆๆๆ …
เขาคมปลาบส่งเสียงมาที่นางอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซูเสวี่ยเอ้อร์ถึงกับเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
“เจ้าบอกว่า…ให้ข้าสวมเจ้าเพื่อกลายเป็นผู้ควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์หรือ” ซูเสวี่ยเอ้อร์สงสัย
“วิ้ง!” เขาคมปลาบส่งเสียงยืนยัน
ซูเสวี่ยเอ้อร์มองเขาโค้งคมปลาบหนึ่งคู่ก่อนส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่สวม”
เขาคมปลาบนิ่งไป
…ในฐานะเทวภัณฑ์จากยมโลก ไม่มีใครปฏิเสธที่จะเป็นเจ้าของเทวภัณฑ์ดังกล่าว
“วิ้ง ๆๆ (ทำไมกัน)”
เขาคมปลาบถามด้วยความสงสัย
ซูเสวี่ยเอ้อร์ตอบอย่างราบเรียบว่า “น่าเกลียด”
..............................