webnovel

1109 กู่ฉิงซานเดินทางกลับมา

ตอนที่ 1109 กู่ฉิงซานเดินทางกลับมา

เขายาวหนึ่งคู่ที่ถูกปฏิเสธลอยอยู่ข้างซูเสวี่ยเอ้อร์อย่างเงียบงัน คล้ายกับไม่มั่นใจว่าจะทำยังไงดี

น้ำสีเงินหนึ่งหยดไหลออกมาจากมือของซูเสวี่ยเอ้อร์ก่อนหยดลงบนศีรษะของชายร่างกำยำ

“ข้าจะเก็บรวบรวมความทรงจำของมันเอาไว้ ระวังด้วย ยังเหลือกระสุนสองนัดอยู่ในปืนพกของวันนี้” เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ดังก้องในใจของซูเสวี่ยเอ้อร์

“ได้” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว

นางปาดเหงื่อเย็นจากหน้าผากด้วยแขน

การวิวัฒนาการทำให้ได้ประโยชน์มากมาย ไม่เพียงแค่พัฒนาความคิดและพละกำลังเท่านั้น แต่มันถึงขั้นทำให้โลหิตตรงแขนที่หักหยุดไหลได้

แต่มันยังเจ็บอยู่ดี

ซูเสวี่ยเอ้อร์พลันรู้สึกถึงบางสิ่งก่อนยกมือขึ้นยิง

ข้างนาง ชายร่างผอมพลันปรากฏตัวขึ้น

แสงหมองหม่นของมีดวูบไหวขณะฟาดฟันใส่คอของซูเสวี่ยเอ้อร์อย่างเกรี้ยวกราด

ในวินาทีต่อมา ชายร่างผอมคล้ายกับโดนกระแทกอย่างหนัก ทั่วร่างถูกอัดด้วยพลังมหาศาล

หายนะถูกคลี่คลาย ซูเสวี่ยเอ้อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

นางพลันเข้าใจว่าปืนพกกระบอกนี้ทรงพลังมากแค่ไหน

เห็นได้ชัดว่ายิงไปข้างหน้า แต่กระสุนที่พุ่งกับวกมาที่ด้านข้างเพื่อกระแทกใส่ชายร่างผอม

ชายร่างผอมกุมหน้าอกขณะมองซูเสวี่ยเอ้อร์ด้วยความระแวดระวัง

“พรวด!”

เขากระอักโลหิตออกมาขณะกล่าวอย่างขมขื่นว่า “เจ้าแค่พึ่งพลังของปืนกระบอกนี้ ความสามารถ…”

ปัง!

ชายร่างผอมล้มลงกับพื้น

ซูเสวี่ยเอ้อร์เก็บปืนแล้วหยิบเส้นใยเหล็กกล้าจากเกราะที่ได้รับความเสียหายก่อนลากไปหาชายร่างผอม

วิ้ง…

มีดยาวหัวม้าในมือของชายร่างผอมเริ่มสั่นไหว

โดยไม่ลังเล ซูเสวี่ยเอ้อร์ชูเส้นใยเหล็กกล้าขึ้นสูงก่อนฟาดใส่คอของชายร่างผอมด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

ศีรษะแยกออกจากร่าง

แรงสั่นสะเทือนของมีดหัวม้ารุนแรงมากขึ้น มันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้อันแรงกล้า

ทั่วมีดยาวแผ่แสงสีเหลืองออกมาก่อนบินขึ้นด้วยตัวเอง!

ชายร่างผอมขยับร่างกาย

“ไม่มีทาง!”

ซูเสวี่ยเอ้อร์กัดฟัน เส้นใยเหล็กกล้าร่ายรำขณะฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง

ปัง!

ศีรษะของชายร่างผอมกระเด็นจนลอยอยู่ในอากาศ มันลอยไกลออกไปในความมืด ไม่รู้ได้ว่าลอยไปที่ไหน

มีดหัวม้า

ซูเสวี่ยเอ้อร์มองมัน

วิ้ง ๆๆๆๆ !

แสงสีเหลืองบนมีดหัวม้าค่อย ๆ หายไปขณะกรีดร้องใส่ซูเสวี่ยเอ้อร์ด้วยความพึงพอใจ

ผู้ชมรอบข้างตกอยู่ในความเงียบ

ฉ่าเฉียงกระซิบ “โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว...จงจำไว้ ปีศาจทุกตนที่อยู่ใต้อาณัติข้า ชีวิตนี้อย่าทำให้ผู้หญิงคนนี้โกรธเป็นอันขาด”

“ขอรับ นายท่าน” พวกปีศาจรีบตอบรับ

ซูเสวี่ยเอ้อร์มองท้องนภา

ความมืดปกคลุมท้องนภาอีกครั้งขณะปกป้องทุกคนบนป้อมปราการเอาไว้

ปลาหมึกยักษ์เริ่มคุ้มกันที่นี่อีกครั้ง

ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นอดที่จะถอยออกมาหลายร้อยเมตรไม่ได้

“นายท่าน พวกเราควรทำยังไงดี” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งปาดเหงื่อเย็นพลางกระซิบ

ผู้ฝึกยุทธ์แซ่ซุยตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “พวกเราจะไปทำอะไรได้ ที่นี่พิเศษเกินไป เทวภัณฑ์จากยมโลกสองชิ้นยังติดอยู่ข้างล่างเลย ต่อให้พวกเราตามหาพวกมันอย่างยากลำบากก็มีแต่จะพบทางตัน”

เขาตบถุงเก็บของก่อนหยิบยันต์สีดำสองสามใบจากในนั้นออกมา

“ถ่ายทอดคำสั่งข้า จัดหาพลังวิญญาณทั้งหมดมาเพื่อให้ข้าอัญเชิญประตูผีนั่นมาอีกรอบ!”

หยดน้ำสีเงินลอยขึ้นจากศีรษะของชายร่างกำยำก่อนตกลงตรงหน้าซูเสวี่ยเอ้อร์

เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นช้า ๆ

“ซูเสวี่ยเอ้อร์ ข้าพบว่ามันไม่ใช่คนธรรมดา”

“เจ้ารู้ได้ยังไง” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถาม

เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ตอบว่า “ที่จริง พลังส่วนใหญ่ของพวกมันถูกจองจำเอาไว้ ยังไงเสีย นี่คือสถานที่ที่สี่เทพอันชอบธรรมแห่งความว่างเปล่าและสิ่งมีชีวิตทรงพลังจำนวนมากแบ่งปันคำสาบานร่วมกัน”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ตอบสนองอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “เจ้าหมายความว่าสองคนนี้ใช้พลังได้เพียงแค่อย่างเดียวงั้นหรือ”

“ใช่ เขาคมปลาบกับมีดยาวเหล่านี้ถึงกับมีพลังเวทมนตร์ที่ทรงพลังมาก แต่พวกมันต้องถูกใช้โดยผู้ถือครอง แต่ผู้ถือครองถูกพันธนาการด้วยคำสาบาน ดังนั้น…”

“เพราะงั้นปืนพกของข้าก็เลยสามารถฆ่าพวกมันได้”

“ใช่ ตามสถานการณ์ปกติแล้ว ท่านไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ด้วยกระสุนเพียงแค่ห้านัด” เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์กล่าว

“จุดกำเนิดของสองคนนี้คืออะไร พวกมันใช่เทพจริง ๆ หรือเปล่า” ซูเสวี่ยเอ้อร์อดที่จะถามไม่ได้

เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ตอบว่า “ไม่ พวกมันถึงกับเป็นคนที่ตายในโลกนั้น วิญญาณของพวกมันได้รับการยอมรับจากเทวภัณฑ์ยมโลก เพราะอย่างนั้นพวกมันจึงได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ เริ่มอุทิศตนให้กับผู้ฝึกยุทธ์ที่ยอมจ่ายบางอย่างเพื่ออัญเชิญพวกมันมา”

“พวกมันถูกเรียกขานตามตำนานบางอย่าง แต่มันก็เป็นเพียงแค่ชื่อเรียก ไม่ได้มีความข้องเกี่ยวกับตำนานใด ๆ ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ทำสมาธิ “แสดงว่าเจ้าไม่สามารถคิดหาวิธีจัดการพวกมันได้หากมาจากตำนานจริง ๆ สินะ”

“ถูกต้องที่สุด”

“แล้วฉิงซานล่ะ ข้าจำได้ว่าเขา…”

เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์อธิบายว่า “กู่ฉิงซานไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ แม้กระทั่งในโลกของคนเหล่านั้น ไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับคนเป็นเข้าไปยังส่วนลึกของยมโลกจนได้รับการยอมรับจากเทวภัณฑ์ยมโลกมาก่อน”

“นอกจากนี้ เทวภัณฑ์ยมโลกทั้งหมดมีวิญญาณอาวุธ แต่ไม้เท้าราชาภูตผีจองจำไม่มีวิญญาณอาวุธ นี่คือสถานการณ์พิเศษ”

“คนเป็นที่เอาชนะคนตายทั้งหมดในขุมนรกที่สิบแปด ครอบครองเทวภัณฑ์ยมโลก กลายเป็นราชาภูตผีแห่งยมโลก…”

“นี่ถึงกับเป็นบางสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

ซูเสวี่ยเอ้อร์พยักหน้า เผยสีหน้าเข้าใจออกมา

กู่ฉิงซานสามารถเข้ายมโลกในฐานะคนเป็นได้ อีกทั้งยังสามารถแยกวิญญาณออกมาได้เหมือนเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าเขาพึ่งวิชาลึกลับบางอย่าง

เขาไปฝึกฝนวิชาแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่

มันคือโลกที่นางเคยเห็นในทางแยกแห่งชะตากรรมหรือเปล่า

หากมีวิชาเช่นนั้น เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเดินทางผ่านความเป็นความตายได้ดังใจต้องการ

ใครก็ตามที่เชี่ยวชาญวิชาดังกล่าว คนคนนั้น…จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครรู้มาก่อนแน่ ๆ

ซูเสวี่ยเอ้อร์ส่ายหน้าก่อนสลัดความคิดทิ้งไป

การวิวัฒนาการของความคิดนับว่ายอดเยี่ยมจริง ๆ นางไม่เคยคิดได้มากมายขนาดนี้เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำด้วยซ้ำ

ทันใดนั้น นางรู้สึกถึงบางสิ่งในใจก่อนพลันเงยหน้ามอง

นางเห็นปลาหมึกยักษ์เคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนกระแทกกับพื้นผิวของป้อมปราการเหล็กกล้าอย่างรุนแรง

ร่างของปลาหมึกกลายเป็นภาพมายาก่อนค่อย ๆ หายไป

…มันแพ้แล้ว!

ในท้องนภา ผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่รอบประตูขนาดใหญ่

ตรงทางเข้าเต็มไปด้วยสีแดง มีรูปปั้นปีศาจสังหารอยู่ทั้งสองฝั่งของประตู

ประตูขนาดใหญ่แผ่แสงเจิดจ้าออกมา มันสาดส่องใส่ร่างของผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน

ผู้ฝึกยุทธ์ดูประหลาดใจขณะจ้องมองซูเสวี่ยเอ้อร์ด้วยสายตาเย็นชา

พวกเขากล่าวอย่างพร้อมเพรียงว่า “เป็นเจ้าสินะ กล้าดียังไงมาฆ่าเทพทั้งสองของพวกข้า”

ซูเสวี่ยเอ้อร์อดที่จะก้าวถอยหลังไม่ได้

การวิวัฒนาการของการรับรู้ทำให้นางหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

…รูปลักษณ์ของคนเหล่านี้แปลกประหลาดเช่นกัน เหมือนกับบางสิ่งกำลังสังเกตการณ์ด้วยตาของตัวเอง

เสียงของหลานซิ่วมาจากไกล ๆ

“ซูเสวี่ยเอ้อร์” หนีไป!

ซูเสวี่ยเอ้อร์พลันหันไปด้านข้าง

ในความว่างเปล่า บางสิ่งพลันวูบไหวโดยไม่รู้ตัว

มีความเจ็บปวดสุดแสนในร่างกาย

“อะ…”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ล้มลงกับพื้น

มีเดือยกระดูกแหลมคมปลาบติดอยู่ที่ไหล่นาง

ซูเสวี่ยเอ้อร์ดึงเดือยกระดูกออกอย่างไม่ลังเลก่อนโยนพวกมันทิ้งไป

เดือยกระดูกบิดเบี้ยวก่อนทะยานขึ้นจากพื้นสักพัก จากนั้นพุ่งขึ้นอากาศอีกหน

ในท้องนภา ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนเย้ยหยันแล้วกล่าวว่า “ตอบสนองได้ดี แต่โชคชะตาของเจ้ามันจบสิ้นแล้ว”

“แม่นาง เจ้าจะตายด้วยความทุกข์ทรมานยิ่ง วิญญาณของเจ้าจะถูกนำไปเป็นเครื่องสังเวยแก่เทพแห่งยมโลกที่ตายไป”

ทันทีที่สิ้นเสียง เดือนกระดูกกลุ่มใหญ่ตกลงมาจากท้องนภาเพื่อโจมตีทุกคนบนป้อมปราการ

ซูเสวี่ยเอ้อร์สั่นสะท้านไปทั่วร่าง ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้

นางกัดริมฝีปาก ในที่สุดก็กระซิบออกมา “ฉิง…ซาน…”

ตัง!!!

มีเสียงปะทะแสบแก้วหูดังขึ้น

แสงหลากสีสันปรากฏขึ้นมาก่อน มันเคลื่อนลงมาจากท้องนภา

แสงหลากสีสันเจิดจ้าเข้มข้นยิ่ง มันสาดส่องไปในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดขณะสะท้อนการโจมตีของเดือยกระดูกทั้งหมด

ตูม ๆๆๆๆ !

หลังจากนั้น สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

“สัตว์ประหลาดหุบเหว!” ใครบางคนอุทาน

“ดูนั่น ยังมีผู้รวบรวมกระดูกหุบเหว ผู้กลืนกินชีวิต มือประหลาดเย็นเยือก งูปีศาจรกร้าง ปีศาจดาบรัติกาล… ทำไมจู่ ๆ สัตว์ประหลาดหุบเหวจำนวนมากขนาดนี้ถึงได้ปรากฏตัวล่ะ!”

สัตว์ประหลาดเหล่านี้ห้อมล้อมซูเสวี่ยเอ้อร์เอาไว้เพื่อปกป้องนางอย่างใกล้ชิด

ซูเสวี่ยเอ้อร์ถูกยกขึ้นช้า ๆ ด้วยพลังที่มองไม่เห็น

โล่ที่มีแสงหลากสีสันปรากฏขึ้นตรงหน้านาง

ขณะมองโล่นี้ ซูเสวี่ยเอ้อร์ไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกายอีกต่อไปก่อนพลันหัวเราะออกมา

นางไม่เคยเห็นสิ่งที่ทรงพลังแบบนั้นมาก่อน แล้วมใครในโลกนี้กันล่ะที่จู่ ๆ จะปรากฏตัวในเวลานี้และใช้พลังนั่นเพื่อปกป้องนาง

ก็มีแต่กู่ฉิงซานเท่านั้น

ใช่ ต้องเป็นกู่ฉิงซานแน่ ๆ

“เจ้ากลับมาแล้ว”

นางกระซิบกับความว่างเปล่า

ทันทีที่กล่าวจบ ซูเสวี่ยเอ้อร์รู้สึกได้ว่านางมีเกราะศึกพิเศษสวมอยู่บนร่างกาย

มีคลื่นพลังแข็งแกร่งอยู่บนเกราะชุดนี้

…มันสามารถปกป้องซูเสวี่ยเอ้อร์จากอันตรายทั้งปวงได้!

ดาบเล่มนี้บินมาอยู่ข้างนางอย่างแผ่วเบาเพื่อคอยปกป้องอย่างระแวดระวัง

จากนั้น โลกทั้งใบพลันเริ่มสั่นไหว

ฉัวะ ๆๆๆ !

จิตดาบคมปลาบฟันพื้นผิวป้อมปราการเล็กกล้าจนเป็นรอยลึกขนาดต่าง ๆ นับไม่ถ้วน

วิ้ง…

ดาบอีกเล่มพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา

ดาบยาวเพิ่งไปได้ครึ่งทาง ประกายดาบวาววับสาดส่องทั่วโลกราวกับตะวันร้อนแรง

ครั้งนี้ เขาโกรธจริง ๆ !

..............................