ตอนที่ 1085 การปรากฏของวิญญาณ
เกราะเหล็กกล้าขนาดใหญ่ถือดาบยาวด้วยมือทั้งสองข้างก่อนฟาดลงไปอย่างรุนแรง!
เสียงสายลมรุนแรงปกคลุมความว่างเปล่า ลำแสงโชติช่วงพุ่งออกจากดาบแยกดารา
ลำแสงวูบไหว
สัตว์ประหลาดถูกฟันเป็นสองส่วน กลิ้งอยู่ในอากาศก่อนตกลงไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
กลุ่มคนส่งเสียงโห่ร้องพร้อมกัน
คาดไม่ถึง เกราะเหล็กกล้ายืนอยู่กับที่ มันคุกเข่าลงเล็กน้อย มือยกดาบขึ้นเพื่อตั้งท่าป้องกัน
เสียงวิตกดังมาจากเกราะเหล็กกล้า
“พวกเจ้าหนีไป”
“มีบันไดซ่อมบำรุงอยู่ฝั่งซ้ายของขบวนที่ห้า พวกเจ้าสามารถออกได้จากบันไดนั้น เร่งมือเข้า!”
นี่คือเสียงของกู่ฉิงซานที่มีความนัยในการเร่งเร้าอย่างแรงกล้า
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
หลานซิ่วและกู่เหยียนล้วนเป็นคนฉลาด พวกเขาพุ่งไปยังขบวนที่ห้าของรางรถไฟขณะมองลงไปตรงสุดขอบราง
จริงด้วย
เหล็กกล้าสีดำเรียวก่อเกิดเป็นบันได มันขยายไปยังส่วนลึกของความมืดทีละชั้น
นี่คล้ายกับเป็นบันไดที่สร้างจากวัสดุพิเศษ ไม่มีทางมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์ มันซ่อนอยู่ในความมืด
หากไม่ใช่เพราะกู่ฉิงซานบอก เกรงว่าคงไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนของบันไดดังกล่าว
“ไป!”
กู่เหยียนตะโกนเสียงต่ำ
ทุกคนเริ่มก้าวลงบันไดขณะเดินไปตามส่วนลึกของความมืดอย่างระมัดระวัง
หลานซิ่วหยุดก่อนถามไปทางเกราะเหล็กกล้าว่า “ถ้าพวกข้าไป แล้วเจ้าล่ะ”
เสียงของกู่ฉิงซานดังขึ้น “หากพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่ก็มีแต่ตาย ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ข้าสามารถขัดขืนมันได้สักพักตามแต่สถานการณ์จะพาไป”
ทันทีที่สิ้นเสียง เกราะเหล็กกล้าขนาดใหญ่กระโดดเล็กน้อยก่อนเคลื่อนตัวออกไป
ตูม!
เปลวไฟสีดำกระแทกเข้าใส่พื้นก่อนละลายรางรถไฟยาว
หลังจากนั้น สัตว์ประหลาดน่าเกลียดปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเกราะเหล็กกล้าก่อนกระแทกเข้าใส่
เกราะเหล็กกล้ากระเด็นไปในอากาศก่อนหายไปในความมืด
สัตว์ประหลาดรวมเปลวไฟสีดำเอาไว้ในมือขณะมองมาทางกลุ่มคน
“อยากหนีหรือ”
มันยิ้มกว้างและเตรียมจะโจมตี
ตอนนี้ เกราะเหล็กกล้าพลันทะยานออกจากความมืด ดาบยาวฟาดใส่ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี!
สัตว์ประหลาดถูกฟันจนแยกออก แต่ในวินาทีสุดท้าย มันขว้างบอลไฟสีดำไปที่เกราะเหล็กกล้า
เพียงพริบตา ตำแหน่งของเกราะเหล็กกล้าขยับเล็กน้อย
เปลวไฟสีดำกระแทกใส่แขนซ้ายของเกราะเหล็กกล้าก่อนลากเกราะทั้งตัวออกไปไกล
ชิ้นส่วนทั้งสองของสัตว์ประหลาดกลับมาประกอบเข้าหากัน
“เจ้าสิ่งที่น่าสงสาร เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก” สัตว์ประหลาดหัวเราะ
ร่างไร้ศีรษะที่แยกออกต่อกันอีกครั้งจนกลับสู่สภาพดังเดิม
อีกด้าน แขนซ้ายของเกราะเหล็กกล้ากลายเป็นเหล็กเหลวที่ถูกละลายด้วยเปลวไฟสีดำ แต่เพียงพริบตา ปืนใหญ่ยักษ์จากร่างกายถูกนำมาติดตั้งในตำแหน่งแขนเดิม
ตูม!
ตูม!
ตูม!
ปืนใหญ่ยักษ์กระหน่ำใส่นัดแล้วนัดเล่า
สัตว์ประหลาดถูกยิงจนกรีดร้อง มันอดที่จะหลบหนีเข้าความมืดไม่ได้ก่อนหายไปสักพัก
มีเพียงเกราะเหล็กกล้าที่ลอยอยู่ในอากาศขณะตั้งท่าป้องกันด้วยท่าทีระแวดระวัง
“เมื่อครู่เป็นเจ้าหรือเปล่าที่หลบเปลวไฟสีดำ” กู่ฉิงซานถาม
ซูเสวี่ยเอ้อร์แก้ไขพารามิเตอร์จำนวนมากด้วยมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วเพื่อปรับองศาของปืนใหญ่ยักษ์ นางส่ายหน้า “ไม่ใช่ข้า ตอนสังเกตรอบข้างดีๆ เตรียมพร้อมลุยทุกเมื่อ”
กู่ฉิงซานควบคุมดาบยาวเพื่อเตรียมรับมือศัตรู
แต่ในใจเขาลังเล
พลังอะไรกันที่ทำไมเกราะเบี่ยงหลบได้ในฉับพลัน
ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เปลวไฟสีดำเมื่อครู่อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้มากกว่านี้
ตอนนี้ คนที่กำลังยืนอยู่บนบันไดสีดำยังไม่ไปไหน
หลานซิ่วกล่าวเสียงดังว่า “ฟังนะ ถ้ายักษ์เหล็กกล้านั่นแพ้ขึ้นมาก็ไม่มีพวกเราคนไหนหนีรอด ไม่ว่าจะกั๊กอะไรเอาไว้ งัดออกมาให้หมด!”
กู่เหยียนส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ความสามารถส่วนใหญ่ของพวกข้าเป็นพลังทำลายล้าง แต่สัตว์ประหลาดจะรักษาบาดแผลได้ทันที ทำให้การโจมตีของพวกข้าไร้ผล”
หลานซิ่วมองลูกน้องทุกคนด้วยความจนใจเช่นกัน
ใช่ เขาไม่สามารถหาจุดอ่อนของสัตว์ประหลาดได้ ไม่ว่าวิชาจะทรงพลังแค่ไหน มันก็ช่วยอะไรไม่ได้
“เหอะๆ ฮ่าๆ”
เสียงหัวเราะระเบิดออกมา
เวลาแบบนี้ ยังมีใครสามารถหัวเราะออกมาได้งั้นหรือ
ทุกคนหันไปตามต้นเสียง
เขาเห็นฉ่าเฉียงกำลังสั่นสะท้านไปทั่วราวกับพยายามหักห้ามเสียงหัวเราะอย่างลำบาก
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” กู่เหยียนถาม
“ไม่มีอะไร” ฉ่าเฉียงโบกมือ “ข้าแค่รู้สึกว่าในฐานะยอดฝีมือตัวจริง ในที่สุดก็ถึงเวลาแสดงพละกำลังที่แท้จริงแล้ว”
มันตะโกนออกมาว่า “ลูกน้องทุกคนที่รักและห่วงใยข้า ตามมา!”
ปีศาจวิ่งมาหามันอย่างรวดเร็วขณะปล่อยราวจับบันไดแล้ววิ่งกลับมาที่รางรถไฟ
ในกระบวนการนี้ ปีศาจทั้งหมดได้หลอมรวมเข้ากับร่างของมัน
มันตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ รูปทรงร่างกายค่อยๆ เทียบเท่ากับเกราะเหล็กกล้ากับสัตว์ประหลาดเปลวไฟสีดำนั่น ไม่ช้า
ปีศาจยักษ์ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงแดนชำระปรากฏขึ้นบนรางรถไฟ ความโอ่อ่าและพลังสุดจะบรรยาย
โฮก!
ปีศาจยักษ์กรีดร้องไปทุกทิศทาง
มันเหมือนกับบอลเพลิง เหมือนกับดวงตะวันที่มีพลังแผดเผาทุกสรรพสิ่ง
กู่เหยียนอดที่จะกล่าวไม่ได้ว่า “ทำไมพอมันใช้วิชานี้แล้วถึงแข็งแกร่งได้แบบก้าวกระโดดกันล่ะ!”
หลานซิ่วตอบว่า “ข้าเหมือนจะเคยเห็นปีศาจแบบนี้ที่ไหนมาก่อนนะ…”
เขามองผู้ติดตามผมเทาที่อยู่ข้างหลัง
ผู้ติดตามกล่าวทันทีว่า “นายท่าน นี่คือผู้สร้างแดนชำระในตำนาน ปีศาจตนแรกในความว่างเปล่าผู้มีพลังเหลือเชื่อ”
ปีศาจ… ตนแรกหรือ?
ทุกคนเกิดความยำเกรง
กู่ฉิงซานและซูเสวี่ยเอ้อร์สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนรางรถไฟเป็นครั้งแรกเช่นกัน
ในเกราะ แถวข้อมูลที่เกี่ยวข้องยังคงปรากฏขึ้นมาขณะวิเคราะห์พลังของผู้สร้างแดนชำระ
“มันช่าง… ทรงพลังเหลือเกิน…” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวเสียงหลง
“ใช่” กู่ฉิงซานกล่าว “พลังระดับตำนานนั่น หากงัดออกมาก่อนหน้านี้ พวกเราก็คงไม่ต้องอับอายหรอก”
ขณะทั้งสองสนทนา พวกเขาเห็นสัตว์ประหลาดที่มีเปลวไฟสีดำปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า
สัตว์ประหลาดลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบงันขณะมองผู้สร้างแดนชำระด้วยท่าทีระแวดระวัง
“โอกาสมาแล้ว พวกเรามีเวลาวิเคราะห์มันแล้วล่ะ!” กู่ฉิงซานกล่าว
ซูเสวี่ยเอ้อร์ตอบรับ ทั้งสองเดินระบบวิเคราะห์สงครามของเกราะเหล็กกล้า
อุปกรณ์ตรวจจับต่างๆ เล็งไปที่สัตว์ประหลาด พร้อมที่จะแสดงความสามารถในการหลบหนีจากสัตว์ประหลาดอย่างเต็มที่
“ต้องใช้เวลาสิบวินาทีถึงจะวิเคราะห์เสร็จ!” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว
สายตาของกู่ฉิงซานจับจ้องผู้สร้างแดนชำระ มือกดปุ่มแล้วกระซิบว่า “ฉ่าเฉียง ข้าต้องการข้อมูล ถ่วงเวลาไว้สิบวินาทีแล้วค่อยฆ่า”
สีหน้าของผู้สร้างแดนชำระขยับ
มันกำหมัดแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เอาล่ะ ไอ้ขยะ เตรียมตัวตาย! เจ้าควรรู้สึกเป็นเกียรตินะที่ตายด้วยมือข้า!”
“ตั้งแต่ข้าสร้างแดนชำระมาก็ไม่ได้ปรากฏตัวมาพักใหญ่ เพราะงั้นพวกเจ้าคงหลงลืมพลังของข้ากันไปหมดแล้ว”
พลังบนร่างของมันกระจายไปทุกทิศทาง ทำให้ความว่างเปล่าเริ่มสั่นคลอน
“หวือ!”
ผู้สร้างแดนชำระยังคำรามอย่างบ้าคลั่ง
พลังของมันยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งจนในที่สุดก็ไปถึงจุดที่ทุกคนสามารถรับรู้ได้
สิบวินาที!
“ฉ่าเฉียง เจ้าฆ่ามันได้เลย!” กู่ฉิงซานกล่าว
เขามองจอแสดงผลวิเคราะห์
ผลที่ได้ แถวตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นมา
“ท่านอัคคีทมิฬ วิญญาณได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว วิญญาณชั่วร้ายของหวนคืนชาติภพหกวิถี”
“การปรากฏของวิญญาณคือวิถีพิเศษของตัวตนอย่างหนึ่ง ทำให้สามารถคงอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้ร่างกายและยังมีพลังเทียบเท่ากับร่างกาย”
ในใจของกู่ฉิงซานตกตะลึง
กลายเป็นว่ามันคือวิญญาณชั่วร้าย!
เทียบกับวิญญาณชั่วร้ายในโลกดั้งเดิมแล้ว มันออกจะแตกต่างกัน ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงไม่รู้จัก
แต่ทำไมถึงเป็นการปรากฏของวิญญาณล่ะ
แล้วร่างกายไปไหน
ความคิดของกู่ฉิงซานวูบไหวขณะกล่าวว่า “ฉ่าเฉียงคือวิญญาณชั่วร้ายที่เป็นการปรากฏของวิญญาณ!”
จากนั้น ผู้สร้างแดนชำระได้รับข่าวผ่านคลื่นสมองของกู่ฉิงซาน
ผู้สร้างแดนชำระเผยสีหน้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันยิ้มเคร่งขรึมแล้วคำรามออกมา “ความตายกำลังมา ผู้ที่ใช้การปรากฏของวิญญาณเอ๋ย เจ้าคิดหรือว่าวิญญาณไม่สามารถถูกฆ่าได้”
สัตว์ประหลาดพลันสั่นสะท้าน
มันพลันหันหลัง พุ่งออกไปไกลด้วยความเร็วที่สูงยิ่งก่อนหายไปจากสายตาของทุกคน
มันหนีไปแล้ว!
“เหอะ! ขี้ขลาด หนีไวชะมัด!” ผู้สร้างแดนชำระตะโกนอย่างเสียดาย
ทุกคนส่งเสียงยินดีอีกครั้ง
ด้วยพลังขนาดนั้น หากโดนเข้าไปเต็มแรง ไม่ว่าจะสัตว์ประหลาดตัวไหนก็ต้องหวาดกลัว!
เกราะเหล็กกล้ายักษ์เคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนกลายเป็นรถไฟอีกครั้ง
กู่ฉิงซานและซูเสวี่ยเอ้อร์ออกมา
“บอกตามตรงนะ ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้คงไม่ต้องลงแรงให้เสียเปล่าหรอก” กู่ฉิงซานยิ้ม
หลานซิ่วและกู่เหยียนวิ่งเข้ามาเช่นกันขณะมองผู้สร้างแดนชำระด้วยความยำเกรง
คาดไม่ถึง ฉ่าเฉียงคนนี้จะซ่อนพลังที่แก่กล้าเอาไว้!
นับจากนี้ไป ใครจะกล้าเรียกเขาว่าเจ้าโง่
ผู้สร้างแดนชำระเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและความโอ่อ่าขณะมองไปทางที่สัตว์ประหลาดหนีอย่างดูแคลนก่อนกล่าวเสียงดังว่า “อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก ไม่งั้นตาย!”
ร่างของมันค่อยๆ หดจนเล็กลง ท้ายที่สุดก็กระจายออกกลายเป็นปีศาจหลายสิบตน
ฉ่าเฉียงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง
มันเดินมาหากู่ฉิงซานแล้วกระซิบว่า “ไม่เลย ความสามารถแปลงร่างเมื่อครู่เป็นของปลอม สามารถใช้ได้แค่ท่วงท่ากับความผันผวนของพลังเพื่อเกทับอีกฝ่ายเท่านั้น ใช้สู้จริงๆ ไม่ได้หรอก”
กู่ฉิงซานยักคิ้ว
ฉ่าเฉียงกล่าวต่อว่า “ทุกครั้งที่ข้าแสร้งทำตัวเป็นลูกพี่จะต้องนอนพักสักหน่อย จากนั้น ถ้ามีการต่อสู้จริงๆ ละก็ คงต้องพึ่งเจ้าแล้วล่ะ”
ตุบ!
ฉ่าเฉียงลงไปกองกับพื้น
มันหลับไปแล้ว
ทุกคนไม่ตอบสนองสักพัก
เวลาผ่านไปหลายวินาที
เสียงกรนเริ่มดังขึ้น
จากนั้นมีเสียงกัดฟัน
“พวกเรา… ควรไปจากที่นี่หรือเปล่า” กู่เหยียนถามอย่างขมขื่น
“เจ้ามองบรรยากาศออกนี่ แต่เมื่อครู่มันช่วยทุกคนไว้ได้จริงๆ นะ” หลานซิ่วกล่าว
ดวงตาของกู่ฉิงซานกะพริบก่อนกล่าวว่า “เมื่อครู่มันทรงพลังจริงๆ ไม่เพียงแค่ทำให้สัตว์ประหลาดหนีไปเท่านั้น แต่ยังคาดได้อีกว่าจะไม่มีสัตว์ประหลาดตัวไหนกล้ามายั่วโมโหพวกเราสักพัก”
“อาศัยจังหวะนี้ด้วยการไปจากที่นี่เถอะ!”
………………………………….