ตอนที่ 1039 วางแผน
ในวิชาโลก
ชายวัยกลางคนยังสนทนากับกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานมองสีหน้าของอีกฝ่าย หัวของเขาพลันสั่นไหว
“หลังจากผ่านมายาวนาน เทพแห่งชีวิต ข้าหมายถึงสัตว์ประหลาดน่ะ มันน่าจะกินวิญญาณเข้าไปมากพอแล้ว บาดแผลของมันจึงได้รับการฟื้นฟู แต่ทำไมมันถึงยังอยู่ในเมืองเรเควี่ยมไม่ยอมออกไปกันล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
ชายวัยกลางคนตอบว่า “หลังจากลอบกลับเข้าไป มันก็เตรียมที่จะกินวิญญาณให้มากพอก่อนออกมา แต่มันกลับพบผลประโยชน์ที่ได้รับมาอย่างช้าๆ”
ชายวัยกลางคนเย้ยหยัน “เมืองเรเควี่ยมถูกปกป้องโดยคำสาบานร่วมของเจ็ดเทพแห่งโลกและสี่เทพผู้ชอบธรรมในความว่างเปล่า มันจึงซ่อนลึกอยู่ในวังวนความว่างเปล่าอย่างปลอดภัย”
“ทว่า หากมันกลับสู่วังวนความว่างเปล่า… ก็เป็นไปได้มากว่าจะถูกคู่หูและศัตรูดั้งเดิมของสัตว์ประหลาดพบตัวเข้า”
“เทพแห่งชีวิตจะรู้วิธีจัดการกับสัตว์ประหลาดได้ยังไง มันต้องเผยตัวต่อหน้าสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงเหล่านั้นอย่างแน่นอน”
“เพราะอย่างนั้น แทนที่จะออกไปเสี่ยงตาย สู้อยู่ในเมืองเรเควี่ยมและใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวลกับทุกสิ่งเสียยังดีกว่า”
กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ควรค่าแก่ชื่อเทพแห่งชีวิตจริงๆ ”
“หมายความว่าไง”
“ระดับความกลัวตายของมันคือสิ่งเดียวที่ทำให้ยังมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้”
“…เจ้าไม่ให้ความเคารพเทพเลยนะ” ชายวัยกลางคนกล่าว
“ไม่เลย แน่นอนว่าข้าให้ความเคารพเทพบบางองค์ แต่ไม่ใช่เทพคู่ขนานอย่างเทพแห่งชีวิตองค์นี้”
กู่ฉิงซานกล่าว จากนั้นถามว่า “ท่านอยากให้ข้าร่วมมือยังไงเพื่อให้หลบหนีออกจากเมืองเรเควี่ยมได้”
เมื่อเข้าเรื่อง เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนจริงจังขึ้น
เขามองกู่ฉิงซานตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ายวนเล็กน้อย “อย่างแรกเลย พวกเราต้องรู้ก่อนว่าทัศนคติการฆ่าของเจ้าเป็นยังไง”
กู่ฉิงซานพิงหลังกับเก้าอี้แล้วตอบอย่างสงบว่า “ข้าฆ่าสิ่งมีชีวิตมากกว่าจำนวนราชาในตระกูลท่านรวมกันเสียอีก”
ชายวัยกลางคนชำเลืองมองเขาก่อนกล่าวอย่างไม่ยินดีว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดใหญ่โตต่อหน้าพวกข้าก็ได้ เจ้าต้องเข้าใจด้วยว่าพวกข้าคือราชาของประเทศ คือผู้ปกครองโลกของเหล่าเทพ คือผู้ที่พรากชีวิตมนุษย์ด้วยมือตัวเอง มนุษย์อย่างเจ้าไม่อาจมาเทียบเคียงได้หรอก”
กู่ฉิงซานยิ้มก่อนไม่กล่าวอะไร
ชายวัยกลางคนมองกู่ฉิงซานก่อนค่อยๆ ลังเล
เขากล่าวกับความว่างเปล่าเหนือศีรษะว่า “ราชาองค์ที่เก้า ข้าจำได้ว่าเจ้าสามารถมองบาปของผู้คนได้ มองเขาทีสิ”
ในความว่างเปล่า ใบหน้าปรากฏขึ้นขณะจ้องกู่ฉิงซาน
ใบหน้านี้พลันระเบิดเสียงกรีดร้องออกมา “เขาคือตัวตนที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าเทพ แม้กระทั่งความตายก็ถูกเขาทำลายมานับพันล้านล้านครั้ง! เขาคือวิญญาณชั่วร้ายอย่างแท้จริง!”
มีเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้นในความว่างเปล่า เหล่าราชาคล้ายกับตกตะลึงกับข้อสรุปนี้
ชายวัยกลางคนตรวจสอบกู่ฉิงซานใหม่ก่อนถามด้วยน้ำเสียงสงสัยว่า “เจ้าเคยทำลายวิญญาณนับพันล้านล้านดวงมาก่อนหรือ ข้าเกรงว่าเทพแห่งชีวิตก็ไม่เคยทำถึงขนาดนั้น เจ้าทำได้ยังไง”
“พวกมันก็แค่ตัวร้ายน่ะ”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “นี่มันเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ หากท่านมายั่วโมโหข้าก็เท่ากับคิดรนหาที่ตายนั่นแหละ”
ชายวัยกลางคนเงียบ
เขาก้มศีรษะราวกับกำลังเข้าร่วมการสนทนากับราชาองค์อื่น
กู่ฉิงซานไม่เร่งเร้า แต่รออย่างอดทน
ผ่านไปสักพัก
ชายวัยกลางคนกล่าวว่า “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พวกข้าได้ทำการตัดสินใจใหม่”
“เชิญว่ามา” กู่ฉิงซานกล่าว
ชายวัยกลางคนกล่าวว่า “เดิมพวกข้าอยากให้เจ้ารับผิดชอบบางสิ่ง หลักๆ ก็คือสนับสนุนพวกข้า”
“แล้วจากนั้นล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“หลังจากใคร่ครวญใหม่ ในเมื่อเจ้าสามารถจัดการราชาจนกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายอย่างแท้จริง พวกข้าคิดว่าเจ้าสามารถเข้าร่วมในเรื่องนี้ได้”
ชายวัยกลางคนกระแอมลำคอแล้วกล่าวว่า “เจ้าน่าจะมีความสามารถควบคุมชีวิตของคนอื่นเพื่อทำให้ถึงแก่ความตายได้ในเวลาที่กำหนดสินะ”
“นี่น่ะหรือ ข้ามีความสามารถที่จะทำแบบนั้นอยู่” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าทำได้ไง” ชายวัยกลางคนถาม
“การนองเลือด พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือวางระเบิดเวลาในท้องอีกฝ่ายนั่นแหละ” กู่ฉิงซานตอบ
ชายวัยกลางคนนิ่งพลางขมวดคิ้ว “ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ”
“เรียบง่ายแต่ใช้ได้จริง” กู่ฉิงซานตอบ
ชายวัยกลางคนส่ายหน้า “ไม่ เจ้าต้องทำให้คนคนนั้นอยู่ในสภาพที่อ่อนแอยิ่ง จากนั้นก็ทำให้ตายทันทีที่สัมผัส นี่จะทำให้ความตายของคนคนนั้นมาจากคนที่เข้าไปสัมผัส”
“เข้าใจล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าควรทำเช่นไรดี” กู่ฉิงซานถาม
“เอาล่ะ ฟังให้ดี นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์” ชายวัยกลางคนกล่าว “สายเลือดตรงของเทพแห่งชีวิตเหลือเพียงคนเดียวแล้ว แถมยังเป็นเด็กอายุสามขวบอีก”
“กู่ฉิงซาน เจ้าต้องเข้าร่วมกับพวกข้าเพื่อทำให้เด็กคนนี้ตายด้วยมือของเทพแห่งชีวิตในท้ายที่สุด”
“นี่คือสายเลือดตรง ตามคำสาบานของเหล่าเทพในอดีต มันไม่สามารถฆ่าสายเลือดราชวงศ์คนสุดท้ายนี้ได้ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นการละเมิดคำสาบาน”
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ปกติแล้ว เทพแห่งชีวิตไม่จำเป็นต้องรวมเข้ากับกฎแห่งความตายในโลกใบนี้ หากเด็กคนนั้นตาย เมืองเรเควี่ยมจะถูกทำลาย เทพแห่งชีวิตก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส”
ชายวัยกลางคนส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ทุกสิ่งมันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก ทันทีที่มันอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ทันทีที่มันตรวจพบว่าพวกข้าทะลวงเขตอาคมของโลกใบนี้ มันจะยังมีพละกำลังมาไล่ฆ่าพวกข้าอยู่ดี”
“มันฆ่าท่านได้งั้นเหรอ” กู่ฉิงซานถาม
“แน่นอน พวกข้าตายไปแล้ว ไม่ได้รับการคุ้มครองจากคำสาบาน แต่พวกข้าไม่มีสัญลักษณ์ของเทพแห่งชีวิต มันจึงตามหาพวกข้าไม่พบ” ชายวัยกลางคนตอบ
กู่ฉิงซานประหลาดใจ
ใช่แล้ว ตระกูลราชวงศ์ไม่มีสัญลักษณ์ของเทพแห่งชีวิต ดังนั้นเหล่าราชาจึงสามารถหลบหนีการกลืนกินของสัตว์ประหลาดหลังจากที่ตายไปแล้วได้
ชายวัยกลางคนกล่าวอีกครั้งว่า “จำให้ดี พวกเราต้องควบคุมกระบวนการความตายของเด็กให้แม่นยำ ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องตายด้วยมือของเทพแห่งชีวิต ดังนั้นเทพแห่งชีวิตจะถูกกลืนกินและถูกฆ่า”
“ทันทีที่เทพแห่งชีวิตตาย ทั้งพวกข้ากับเจ้าจะเป็นอิสระ”
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนถามว่า “ตอนที่ท่านวางแผนจะทำแบบนี้ ท่านต้องรู้ด้วยว่าเทพแห่งชีวิตจะไม่ยอมปรากฏตัวได้โดยง่าย”
ชายวัยกลางคนกล่าวว่า “พรุ่งนี้ เมื่อพิธีบรมราชาภิเษกถูกจัดขึ้น มันจะต้องซ่อนอยู่ในความมืดเพื่อสังเกตกระบวนการทั้งหมดอย่างแน่นอน”
กู่ฉิงซานเสริมว่า “สี่เทพก็จะมาด้วย”
“ไม่ต้องไปสนคนทรยศทั้งสี่หรอก ทันทีที่เทพแห่งชีวิตตาย พวกมันจะสูญเสียพลังเช่นกัน” ชายวัยกลางคนกล่าว
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “เอาแบบนั้นละกัน ตกลงตามนี้”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
จากนั้นทั้งสองฝ่ายสนทนาเรื่องรายละเอียด วิชากำลังจะคลาย
ในที่สุด กู่ฉิงซานลังเลแล้วกล่าวว่า “เด็กคนนั้นคือลูกหลานของท่าน ข้ากังวลว่าท่านจะไม่สามารถลงมือทำได้”
ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกข้าคือราชา คือผู้ปกครองโลก พวกข้าสามารถเผชิญหน้ากับการเสียสละพื้นฐานเช่นนี้ได้อย่างสบายๆ”
“จริงสิ วิชาอาณาจักรนี้เป็นประโยชน์กับข้ามาก ท่านให้ข้าได้หรือเปล่า” กู่ฉิงซานถาม
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วแล้วถามกลับว่า “มันก็แค่ไพ่ เจ้าสนใจขนาดนั้นเลยหรือ”
“แน่นอน” กู่ฉิงซานตอบ
“ก็ได้ พวกข้าจะให้ไพ่แบบเดียวกับเจ้าเช่นกัน” ชายวัยกลางคนกล่าว
กู่ฉิงซานพึงพอใจ
เขาพยักหน้าให้อีกฝ่าย ร่างของเขาค่อยๆ หายไปจากวิชาโลก
ด้วยความประหลาดใจ กู่ฉิงซานพบว่าเขากลับมาอยู่ในค่ายชั่วคราวแล้ว
เวลา
ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปนิดเดียวเท่านั้น
พวกจางหยิงห่าวมองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรมากนัก
ไม่มีการเคลื่อนไหวรอบข้าง พวกเขาคิดว่าความผันผวนของวิชาเมื่อครู่มาจากกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานก้มมองมือตัวเอง
ไพ่วิชาอาณาจักรปรากฏขึ้นในมืออีกครั้ง
กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพึมพำกับตัวเองว่า “เอาล่ะ ถึงแม้ข้าจะพูดแบบไหลไปตามน้ำ แต่ท้ายที่สุดก็ได้ไพ่กลับคืนมา”
“เมืองเรเควี่ยม… เฮ้อ ช่างเป็นชื่อที่น่าขันเสียจริง”
........................................