ตอนที่ 875 การเสียสละที่จำเป็น
อาทิตย์ตกดินราวโลหิต
บนท้องนภาสูงลิบ หมู่เมฆบดบังทุกสิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
พลังงานยิ่งใหญ่สองจุดปะทะกันในหมู่เมฆ
…หลุมขนาดใหญ่บนท้องนภาเป็นผลพวงจากการต่อสู้ของพวกมัน
กระแสอากาศของทั้งโลกไหลหลั่งเข้าสู่รูราวกับน้ำวน
บนปฐพี โลหิตนับไม่ถ้วน โคลน แขนขาที่หัก เกราะแตกและวัตถุชิ้นอื่น ๆ ลอยขึ้นช้า ๆ ก่อนตรงไปยังหลุมที่แยกออกมา
สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และสัตว์ประหลาดบรรพกาลมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว
ทั่วทั้งสมรภูมิ สัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาสังหารนักพรตมนุษย์ที่กำลังขัดขืนจนเป็นชิ้น ๆ
ที่แนวหลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ยอดนักพรตหลายสิบคนห้อมล้อมชายชราผมขาวเอาไว้ คนแล้วคนเล่าตีดาบตรงหน้าชายชราเพื่อเร่งความเร็วการหลอมอาวุธ
เหตุผลที่ทำไมพวกเขาอยากหลอมดาบเล่มนี้มากเพราะเซี่ยกูหงได้วิธีหลอมดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพมาจากกำแพงเหล็ก
ตำนานกล่าวไว้ว่าดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพมีพลังไร้ขีดจำกัด สามารถสังหารเผ่าพันธุ์เทพและสัตว์ประหลาดบรรพกาลได้
…ตอนนี้ ดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ในช่วงสำคัญที่สุดของการหลอมแล้ว
โชคชะตาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้
อย่างน้อยทั้งโลกฝึกฝนก็คิดอย่างนั้น
“กระบวนการหลอมของข้าเสร็จสิ้นแล้ว”
ยอดนักพรตระดับสามพันโลกที่ทำหน้าที่ตีดาบกล่าว
เขาทะยานออกไป พุ่งสู่แนวหน้าด้วยความเร็วสูงสุด ไม่ช้าก็นำกลุ่มนักพรตเข้าหาสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วน
ด้านหลังเขา ยอดนักพรตทุกคนที่ทำหน้าที่เสร็จแล้วเข้าสู่การต่อสู้
…สัตว์ประหลาดบรรพกาลเหนือกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก การต่อสู้เข้าสู่ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด พวกมันรุดหน้าขึ้นมาทันที
เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังอยู่ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนจะถึงจุดที่ตกต่ำ
ขณะการต่อสู้ดำเนินไป สัตว์ประหลาดบรรพกาลจะค่อย ๆ ได้เปรียบขึ้น สังหารนักพรตระดับสูงของเผ่าพันธุ์มนุษย์คนแล้วคนเล่า ท้ายที่สุดก็ชนะสงคราม
นั่นคือช่วงเวลาที่การหลอมดาบศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้นก่อนถูกสังเคราะห์เป็นอาวุธหุบเหวนิรันดร์
ทั้งหมดนี้เกิดซ้ำไปมานับครั้งไม่ถ้วน
แต่วันนี้ ช่วงเวลานี้ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
โชคชะตาของทุกคน การต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และหุบเหวจะรู้ผลในครั้งสุดท้ายนี้
ตอนนี้
กู่ฉิงซานอยู่ที่นี่
โดยปราศจากสัญญาณใด ๆ พวกเขาปรากฏตัวขึ้นในมุมหนึ่งของสมรภูมิที่รกร้างอย่างเงียบงัน
ลั่วปิงหลีปรากฏตัวขึ้นก่อนขณะลงมาอยู่หลังเนิน
จากนั้นตามมาด้วยฉานนู่ผู้อุ้มเสี่ยวซีเอาไว้… ตอนนี้นางฟื้นคืนรูปลักษณ์ของตัวเองแล้ว
ปิดท้ายด้วยกู่ฉิงซาน
ลั่วปิงหลีหยิบแผ่นหยกออกมาแล้วกล่าวขณะมองมันว่า “ทำตามขั้นตอน”
“ได้ ตามที่เจ้าว่าเลย” กู่ฉิงซานกล่าว
“ระวังทางเหนือ สัตว์ประหลาดบรรพกาลกำลังมาทางเหนือ มีกองทัพมนุษย์จำนวนมากไปทางที่พวกมันมา” ลั่วปิงหลีกล่าว
กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้น หรี่ตามองสมรภูมิแล้วพยักหน้า “กลุ่มบุกทะลวงแปดกลุ่ม ค่ายที่รับผิดดชอบซ่อมดาบในสมรภูมิ กลุ่มใช้วิชาสามจุด ยังมีกองทัพจู่โจมที่เป็นของอู่เซียวอีกสองกลุ่ม กลุ่มลำเลียง กลุ่มผู้เชี่ยวชาญค่ายกลสามสิบคน”
เขาพึมพำว่า “กองทัพจู่โจมนี้อยู่ใกล้พวกเรา ไม่ช้าก็จะไร้การสนับสนุน ความพ่ายแพ้จะค่อย ๆ เผยให้เห็น”
ลั่วปิงหลีกล่าวว่า “ใช่ เป็นกองกำลังของแนวหน้านี้… หลังจากคนของค่ายแนวหน้านี้ตาย กองทัพสัตว์ประหลาดทั้งหมดจะข้ามค่ายทหารแล้วโจมตีกลุ่มใช้วิชา”
“แล้วนี่ล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“แบบนี้ สัตว์ประหลาดจะสร้างช่องว่างในการโจมตี ดูทางนั้นสิ…”
ลั่วปิงหลีชี้ไปยังค่ายกลศึกอีกแห่ง
นั่นคือค่ากลศึกอีกแห่งที่สร้างโดยผู้ใช้วิชาดาบ พวกมันเตรียมพร้อมสนับสนุนเสมอ
“ข้าเห็นแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“ตามหลังข้ามา” ลั่วปิงหลีกล่าว “ทันทีที่ค่ายแนวหน้าพินาศ พวกเราจะผ่านจุดที่เกิดช่องว่างขึ้นก่อนไปถึงค่ายกลดาบ”
“จากนั้นล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
ลั่วปิงหลีตอบว่า “ข้าจะหยิบเหรียญของราชาอมตะออกมาแล้วสั่งให้พวกเขาบุกเข้าไปหาศัตรู ดังนั้นพวกเราจะมีเวลาเพิ่มขึ้นมาอีกแห่ง ทำให้สามารถก้าวข้ามกองทัพสัตว์ประหลาดบรรพกาลจนมุ่งสู่ตำแหน่งการสร้างอาวุธได้อีกครั้ง”
กู่ฉิงซานเงียบก่อนกล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะตายกันหมดนะ”
ลั่วปิงหลีกล่าวว่า “พวกเขาล้วนเป็นมนุษย์ ไม่มีตัวตนในอนาคต ดังนั้นเจ้าไม่ต้องเห็นใจหรอก”
“แล้วถ้าข้าช่วยพวกเขาล่ะ” กู่ฉิงซานถามอย่างมีนัย
ลั่วปิงหลีผงะก่อนรีบพูดขึ้นมาว่า “เจ้าห้ามทำแบบนี้ เพราะประวัติศาสตร์หนึ่งหมื่นปีถูกกำหนดไว้แล้ว แต่ช่วงเวลานี้ไม่แน่นอน หากเจ้าเปลี่ยนช่วงเวลานี้ขึ้นมา เช่นนั้นมันจะส่งผลกระทบร้ายแรงกับผู้คนและสิ่งของนับไม่ถ้วนเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปีและเจ้าจะถูกลบล้างโดยเวลากับชะตากรรมไปพร้อมกัน”
กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เพราะพวกเขาไม่ได้ปรากฏตัวในอนาคตก็เลยต้องตายอยู่ในช่วงเวลานี้เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาโลกในเวลาต่อมาใช่หรือเปล่า”
“ถูกต้อง!” ลั่วปิงหลีกล่าวเสียงสั่น
“แต่สามเหรียญสามารถเดินทางผ่านมิติและเวลาเพื่อเปลี่ยนหลายสิ่งได้ แต่คนที่ใช้เหรียญกลับทำไม่ได้หรือ” กู่ฉิงซานสงสัย
“เพราะอย่างนั้นเวลาสามเหรียญทำการรบกวนมิติและเวลามากเกินไปจนนำสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงกลัวมาสู่เผ่าพันธุ์มนุษย์ นี่คือสาเหตุหลักของหายนะทั้งหมด!” ลั่วปิงหลีกล่าว
“เข้าใจแล้ว”
กู่ฉิงซานพยักหน้าก่อนเผยสีหน้าเข้าใจออกมา
ลั่วปิงหลีกล่าวต่อว่า “ยังไงก็ตาม ข้ามีเหรียญของราชาอมตะ ไม่ว่าจะไปส่วนไหนของสมรภูมิ นักพรตมนุษย์จะตายเพื่อเจ้าในฐานะผู้แสวงหาดาบ… นี่คือครั้งสุดท้าย ดาบศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งสำคัญที่สุด อย่าให้ตกอยู่ในมือของสัตว์ประหลาดหุบเหวเด็ดขาด”
“อีกอย่าง หลังจากสามสิบอึดใจ กองทัพแนวหน้าจะมาถึงเนินของพวกเรา ถึงตอนนั้น ข้าจะใช้เหรียญของราชาอมตะเพื่อสั่งให้พวกเขาเข้าหากลุ่มศัตรูทันทีเพื่อทำการเสียสละก่อน นี่จะช่วยประหยัดเวลาพวกเราไปด้วย”
ลั่วปิงหลีหยุดพูด
ไม่มีการตอบรับจากด้านหลัง
นางหันศีรษะไปมองก่อนจะเกิดความประหลาดใจ “เดี๋ยว เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
นางเห็นกู่ฉิงซานหยิบบอลแสงออกมาหนึ่งลูก เขากำลังตรวจสอบบอลแสงอย่างตั้งใจ
“ข้าต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้” เขากล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา
เพราะเวลาที่เร่งรีบและมีวัสดุในคลังสมบัติของราชาเทพไม่มาก กู่ฉิงซานจึงใช้ได้เพียงวัสดุที่ค้นเจอในศูนย์กักกันหุบเหวเพื่อสร้างฮอร์ครักซ์ต่อสู้ส่วนตัวมากกว่าสามสิบตัวขึ้นมา
มันคือวัสดุที่ล้ำค่ามาก พวกมันถูกใช้หมดในคราวเดียว
สิ่งที่คุ้มค่ากว่าคือการเรียนรู้วิธีทดลองสร้างฮอร์ครักซ์ กู่ฉิงซานใช้พลังวิญญาณมากกว่าหนึ่งล้านแต้มผ่าน “สกิลเทพสงคราม”
แต่สิ่งที่ทำให้คุ้มค่าน้อยกว่าคือฮอร์ครักซ์มีอายุการเก็บรักษา
ใช้เวลาไม่นานนักก่อนฮอร์ครักซ์ต่อสู้ส่วนตัวเหล่านี้จะกลายเป็นเผ่าพันธุ์เทพที่มีสติ
มีแค่ครั้งนี้ที่มันสามารถใช้ได้
บอลแสงอยู่ในมือของกู่ฉิงซาน เขาแตะมันเบา ๆ
บอลแสงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ขนาดเล็กที่แผ่แสงสว่างออกมา
ตรงกลางหว่างคิ้วของสิ่งที่คล้ายมนุษย์นี้ กลุ่มเปลวเพลิงร้อนแรงลอยขึ้นมาอย่างเงียบงัน
เทพขนาดเล็กมีใบหน้าหมองหม่น น้ำเสียงการพูดไม่เต็มไปด้วยอารมณ์แม้แต่นิดเดียว
“ท่านคือผู้ให้วิญญาณไฟ ท่านต้องการให้ต่อสู้หรือ”
ด้วยเสียงนี้ วิญญาณไฟพุ่งออกจากร่างกายของกู่ฉิงซาน
เขาครอบครองพลังวิญญาณอสนีบาต ครั้งนี้เขาใส่พลังวิญญาณไฟเข้าไป หมายความว่าคนคนเดียวจะมีสองพลังพร้อมกัน
กู่ฉิงซานถือบอลแสงสีน้ำเงินเข้มที่บิดเบี้ยวไปมาก่อนบดขยี้มันในครั้งเดียว
กระแสอากาศที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากตัวเขา
หลังจากนั้นไม่นาน รอยแยกสีดำปรากฏขึ้นก่อนหายไปอย่างต่อเนื่อง มันวนเวียนรอบร่างกายของเขาเป็นครั้งแรก
สามพลังอยู่ในตัวคนเดียวพร้อมกัน
นี่เป็นการทำลายพรมแดนของกฎเกณฑ์
“นี่เจ้า…” ลั่วปิงหลีถามอย่างลังเล
“ข้าสร้างฮอร์ครักซ์ต่อสู้ส่วนตัวที่มีอายุการเก็บรักษาขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ทำการทดสอบความสามารถการต่อสู้ของพวกมัน” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าถึงกับสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ เป็นการยากนักที่จะนึกว่าเผ่าพันธุ์เทพเคยเป็นฮอร์ครักซ์ต่อสู้ส่วนตัวเพื่อการสงคราม” ลั่วปิงหลีถอนหายใจ
“ถ้าเจ้าวางแผนเรื่องใหญ่ก็ต้องทำอย่างระวัง” กู่ฉิงซานกล่าวเสียงเบา
เขาคลิ้กบอลแสงอีกครั้ง
บอลแสงถูกเขาแตะอีกครั้ง มันกลายเป็นฮอร์ครักซ์มาลอยอยู่ด้านหลังของเขา
ท้ายที่สุด บอลแสงลูกสุดท้ายก็ลอยอยู่ในอากาศ
กู่ฉิงซานไม่เอื้อมมือไปสัมผัสพวกมัน
เขานึกถึงคำพูดของชายคนนั้นตอนรับมรดกจากคลังสมบัติของราชาเทพครั้งแรก
“ความจริง นอกจากพลังของฝั่งเวทมนตร์แล้ว ข้ายังพยายามถ่ายพลังหลายหลากรูปแบบเข้าไปอีกด้วย นั่นรวมถึงฝั่งลี้ลับ ฝั่งบรรพกาล ฝั่งเทคโนโลยี ฝั่งมาร ฝั่งความว่างเปล่าและฝั่งอื่น ๆ อีกมากมาย สรุปก็คือ ข้าได้ทำการสร้างและผสานพลังเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ชายคนนั้นกล่าวกับจอแสง
“ฮอร์ครักซ์ต่อสู้ประจำตัวตัวนี้แตกต่างจากตัวก่อนหน้า มันมีพลังของฝั่งบรรพกาล แต่ข้าก็ไม่สามารถดูดกลืนพลังเข้ามาได้ ดังนั้นจึงมอบพลังของฝั่งลี้ลับไปให้ ท้ายที่สุดจึงประสบผลสำเร็จ”
ชายคนนั้นกล่าวช้า ๆ
เขากระโดดเล็กน้อยก่อนทะยานขึ้นสู่อากาศ
ฉับพลันนั้นเอง ทั่วร่างของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
หลังจากนำเสนอแล้ว คนคนนั้นกล่าวว่า
“อย่างที่พวกเรารู้ ยักษ์อมตะเป็นสิ่งมีชีวิตที่โด่งดังและวิเศษมาก ร่างกายยากจะถูกทำลายด้วยการโจมตีทางกายภาพ พลังเวทมนตร์ทั้งหมดใช้ไม่ได้ผลกับมัน”
“ทีนี้ ข้าจะใช้ฮอร์ครักซ์ต่อสู้ประจำตัวเพื่อเพิ่มพลังเข้าไป”
ยักษ์หินกำหมัดก่อนจะเตรียมกระแทกกับพื้น
มันหยุดนิ่งในฉับพลัน
“ฮ่าฮ่า ข้าเกือบลืมตัวไป คลังแห่งนี้ไม่สามารถต้านทานพลังของข้าและยักษ์อมตะที่รวมกันเป็นหนึ่งได้”
ยักษ์หินหมิงกวงค่อย ๆ หดตัวลงก่อนกลายเป็นคนเดิมเหมือนเมื่อครู่
…
กู่ฉิงซานถือบอลแสงขณะรออยู่หลายอึดใจ
ในที่สุด เวลาก็มาถึงแล้ว
กองทัพแนวหน้าเผชิญกับการท้าทายขณะถอยไปที่เนิน
ลั่วปิงหลีกล่าวอีกครั้งว่า “ข้าจะสั่งไม่ให้พวกเขาถอยเอง จากนั้นเมื่อจบเรื่อง พวกเราจะไปค่ายซ่อมดาบ เข้าใจหรือไม่”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ กล่าวกับฉานนู่ว่า “เมื่อพวกเราลงมือ เจ้าต้องปกป้องเสี่ยวซีด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี จากนั้นตามข้ามา”
ฉานนู่พยักหน้าอย่างวิตก
ตอนนี้ กลุ่มอู่เซียวของกองทัพแนวหน้าถอยมาอยู่หน้าเนินในที่สุด
ลั่วปิงหลีหยิบเหรียญเป็นประกายขึ้นมาก่อนทะยานลงมาจากหลังเนิน
กู่ฉิงซานตามไปทันที
“ทุกคนฟังคำสั่ง!”
นางตะโกนเสียงดัง
พวกนักพรตมอง ทันใดนั้นก็เห็นกู่ฉิงซานและลั่วปิงหลียืนอยู่ที่เนิน
แม่ทัพที่ได้รับบาดเจ็บเดินเข้ามา จิตเทพของเขาโคจรรอบเหรียญก่อนกล่าวเสียงดังว่า “นี่มันเหรียญของราชาอมตะ โปรดถ่ายทอดคำสั่งด้วย!”
เมื่อพวกนักพรตเห็นเหรียญ พวกเขาคล้ายกับเย็นสันหลังวาบทันทีขณะมองดูและรอฟังอย่างตั้งใจ
ลั่วปิงหลีสูดหายใจเข้า รู้สึกได้ว่าเป็นการยากที่จะเปิดปากพูด
นางรู้ถึงความเข้มงวดของคำสั่งทหารในเผ่าพันธุ์มนุษย์และรู้ว่าเมื่อใดก็ตามที่นางหยิบเหรียญนี้ออกมา นางก็เหมือนกับเป็นราชาอมตะ
นางถึงขั้นรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนักพรตเหล่านี้ที่เต็มไปด้วยความหวังและความปรารถนาในดวงตา
…ขอแค่พูดออกมา นักพรตเหล่านี้จะตายทันที
ลั่วปิงหลีกัดริมฝีปาก
ห้ามคิด นี่คือการเสียสละที่จำเป็น
ใช่แล้ว เพื่อชะตากรรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพื่อดาบศักดิ์สิทธิ์ เพื่อผู้คนนับไม่ถ้วนที่ต้องเสียสละชีวิตมาแลกกับโอกาสสุดท้าย!
ทั้งหมดนี้จำเป็น!
ลั่วปิงหลีถือเหรียญไว้แล้วกล่าวเสียงดังว่า “ข้าขอสั่งให้พวกเจ้า…”
ทันใดนั้น กู่ฉิงซานหยิบเหรียญนางไปอย่างแผ่วเบาและช่ำชอง
“คำสั่งทหารจะล่าช้าไม่ได้ หากพูดช้าเกินไป ข้าจะพูดเอง” เขากล่าว
ลั่วปิงหลีตกตะลึง
นางเห็นกู่ฉิงซานก้าวเข้ามาข้างหน้า มือถือเหรียญราชาอมตะเอาไว้
ด้านหลังเขาคือเทพขนาดเล็กนับไม่ถ้วนที่ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า
วิญญาณไฟสีแดงโลหิต พลังเยือกแข็งสีขาวเข้ม วิญญาณลมสีฟ้า อสนีสีขาวน้ำเงิน แสงสีขาวดำ ภาพมายาและความเป็นจริง เงาและความจริง มีคมและทื่อ…
พลังอันไร้ขีดจำกัดยังคงมองให้กับเขา
ฉากนี้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน
สิ่งนี้ลบล้างความเข้าใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์จนหมดสิ้น… แต่มันไม่ได้ป้องกันพวกเขาจากการยืนยันถึงความน่าสะพรึงของพลังนี้เมื่อใช้จิตเทพ
นี่คือพลังแก่กล้าที่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์เทพ!
ทันใดนั้น ใครบางคนเริ่มส่งเสียงร้องออกมา
“แสดงว่าพวกเราไม่ต้องตายแล้ว” ใครบางคนสะอื้น
“ข้ารู้ พวกเรายังมีหวังอยู่” อีกคนพึมพำ
“ดูนั่น! ดูนั่น! นี่คือพลังของพวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์! นี่คือพลังของพวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์!” ใครบางคนกรีดร้องเสียงหลงราวกับกำลังคลุ้มคลั่ง
กู่ฉิงซานหันศีรษะมามองลั่วปิงหลี
ลั่วปิงหลีนิ่งเฉยแล้ว
“เจ้า… จะตายนะ” นางกล่าวอย่างเหม่อลอย
“ไม่ จะไม่มีใครตายทั้งนั้น”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างหนักแน่น
เขาหยิบบอลแสงลูกสุดท้ายออกมาก่อนแตะมันอย่างแผ่วเบา
บอลแสงกระจายออกเป็นละอองแสงขนาดเล็กมากก่อนหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขา
ตูม!
เท้าขนาดใหญ่กระทบกับพื้นจนเกิดการสั่นไหวและเสียงที่ดังสนั่น
ผิวแข็งสีเทาเข้มประกอบด้วยหินสีสันสดใส กลิ่นอายสังหารรุนแรงปกคลุมทั่วร่าง
กู่ฉิงซานกลายเป็นยักษ์อมตะสูงหกเมตร
ดาบบินหนึ่งร้อยเล่มปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า พวกมันทั้งหมดรวมตัวกันจนเกิดเป็นดาบยาวขนาดใหญ่
ยักษ์อมตะถือดาบยาวเอาไว้
มันชี้ไปที่ฝูงสัตว์ประหลาดบรรพกาลที่อยู่ไม่ไกลนักก่อนแผดเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนโลก “เพื่อชะตากรรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ตามข้ามา!”
………………………………………