ตอนที่ 226 เหมาะกับเจ็ดดารามังกรแหวกธารา
แล้วฉันควรจะเลือกอันไหนดี?
พลังศักดิ์สิทธิ์ร่างเงาแสงสายฟ้า (เดี๋ยนกวงหวนหยิง) ที่มีความสามารถสร้างภาพลวงตาก็ไม่เลวเลย หากในระหว่างต่อสู้ กู่ฉิงซานสามารถแบ่งร่างตัวเองออกเป็นสามได้มันจะสุดยอดขนาดไหนกัน?
ระหว่างต่อสู้ หากจู่ๆ ก็สามารถแบ่งร่างแยกออกมาได้อย่างฉับพลัน มันจะช่วยสร้างความสับสนให้แก่ศัตรูอย่างมหาศาล และเพียงใช้มัน ผลลัพธ์การต่อสู้อาจจะแตกต่างออกไปจากเดิมเลยก็เป็นได้
แต่นี่มิใช่สไตล์การต่อสู้ของกู่ฉิงซาน
เขาจึงตัดเจ้าสิ่งนี้ออกก่อนเลยเป็นอันดับแรก
ส่วนที่ยังเหลือคือ ‘เสริมศักยภาพ’ (เฉียนหนิงซิจี่) กับ ‘ไม่ยอมอ่อนข้อ’ (เจียงซี)
กู่ฉิงซานไตร่ตรองอยู่สักพัก และในที่สุดก็ตัดสินใจเลือก ไม่ยอมอ่อนข้อ
“ส่วน ‘เสริมศักยภาพ’ ที่สามารถเร่งความเร็วในการเคลื่อนที่และความเร็วในการโจมตีได้นั้น แม้จะยอดเยี่ยม ทว่ากู่ฉิงซานครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์อย่าง ‘ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว’ อยู่แล้ว จึงไม่มีความต้องการที่จะเร่งความเร็วในการเคลื่อนที่ให้สูงมากเกินความจำเป็น”
ส่วนในเรื่องความเร็วโจมตีที่สูงขึ้น กู่ฉิงซานก็มีสมญา ‘นายพลชั้นโหยวจี’ ที่มีสกิลพิเศษ ‘โจมตีฉับไว’ ที่สามารถเพิ่มความว่องไวในการโจมตีโดยตรงได้ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องการเสริมความว่องไวในส่วนนี้เพิ่มขึ้นไปอีก
ในทางตรงกันข้าม พลังศักดิ์สิทธิ์ ‘สูญสิ้นการควบคุม’ มันได้ช่วยชีวิตกู่ฉิงซานเอาไว้หลายครั้งแล้วในการต่อสู้
‘สูญสิ้นการควบคุม’ สามารถสตั้นเป้าหมายได้เพียงหนึ่งวินาที แต่ ‘ไม่ยอมอ่อนข้อ’ นั้นสตั้นได้สองวินาที
‘ไม่ยอมอ่อนข้อ’ บางทีมันน่าจะเป็นขั้นสองของ ‘สูญสิ้นการควบคุม’ และหากเขาสามารถยกระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ได้อีกในขั้นต่อไป ในตัวเลือกครั้งหน้า มันอาจจะมีขั้นสามของสูญสิ้นการควบคุมมาให้เลือกก็เป็นได้
สำหรับผู้ฝึกดาบสองวินาทีก็เพียงพอแล้วที่ที่จะฆ่าสังหารศัตรู ในยามที่กำลังเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว
หากวันหนึ่ง พลังศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเล่ยเดี๋ยนยกระดับไปจนถึงขั้นสามารถสตั้นศัตรูได้ยาวนานถึงห้าวินาทีแล้วล่ะก็…
ไม่สิ ขอแค่เพียงสามวินาที…สามวินาทีเท่านั้น
ด้วยระยะเวลาสามวินาที ตัวกู่ฉิงซานจะสามารถเชื่อมต่อเพลงดาบเจ็ดดาราได้ในคราเดียว!
เจ็ดดารามังกรแหวกธาราแต่ละกระบวนท่านั้นล้วนเป็นเทคนิคลับแห่งดาบ มันจึงต้องการเวลาในการใช้ออกมากกว่ากระบวนท่าดาบธรรมดา แม้จะไม่มากมายอะไร แต่ก็มากกว่าอยู่ดี
เอาล่ะ จบเรื่องนี้เสียที ขั้นต่อไปก็คือการยกระดับก้าวขึ้นสู่ระดับแก่นทองคำ เมื่อถึงเวลานั้น กู่ฉิงซานจะได้ใช้มังกรแหวกธาราโดยมิต้องให้ร่างกายแบกรับภาระอันหนักอึ้งอีกต่อไป
เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ยกระดับไปยังขั้นถัดไป ตัวเขาเพียงแค่กระตุ้นพลังของมัน ก็สามารถใช้คมดาบตัดสะบั้นฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสบายๆ แล้ว
ยามที่ฝ่ายตรงข้ามสูญสิ้นความสามารถในการต้านทานอย่างฉับพลัน เจ็ดดาราก็จะเชื่อมต่อกันจนเสร็จสมบูรณ์ในเวลาไม่กี่วินาที
เจ็ดดารานั้นจำต้องโจมตีออกไปตามลำดับของมัน
ผลลัพธ์ของการต่อสู้ว่าจะพ่ายแพ้หรือชนะ จะถูกตัดสินโดยขึ้นอยู่กับว่าจะใช้มันโจมตีโดนจนครบหรือไม่
เพียงแค่จินตนาการว่าเขามีเวลาว่างถึงสองวินาที การจะโจมตีต่อเนื่องด้วยเทคนิคลับพวกนั้นก็ช่างเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง!
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะเดียวกัน ยิ่งตัวเขาเองสามารถเพิ่มพูนพื้นฐานวรยุทธ มังกรสายฟ้าก็จะยิ่งทรงพลังยิ่งขึ้น และน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิมเป็นเงาตามตัว
“ระบบ ดูจากคำอธิบายที่บอกมา แสดงว่ายังมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือยิ่งกว่า สูญสิ้นการควบคุม และ ไม่ยอมอ่อนข้อ อยู่อีกใช่ไหม” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“มี” ระบบตอบคำอย่างกระชับเรียบง่าย
มาถึงจุดนี้ กู่ฉิงซานไม่ลังเลอีกต่อไป และเลือก ไม่ยอมอ่อนข้อ ทันที
ติ๊ง!
“ผู้เล่นได้เลือกทิศทางการวิวัฒนาการของเล่ยเดี๋ยน พลังศักดิ์สิทธิ์สูญสิ้นการควบคุมจะถูกพัฒนาขึ้นไปเป็นไม่ยอมอ่อนข้อในไม่ช้า”
“ผู้เล่นได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ ทัณฑ์ปีศาจขั้นสูง ‘ไม่ยอมอ่อนข้อ’”
“‘ไม่ยอมอ่อนข้อ’ หลังจากที่เป้าหมายถูกโจมตีโดยธาตุสายฟ้าของคุณ พวกเขาจะสูญเสียการควบคุมร่างกายเป็นเวลา 2 วินาที”
กู่ฉิงซานถอนหายใจยาว โล่งใจขึ้นหลายส่วน
ในที่สุด ความพยายามทั้งหมดก็ไม่สูญเปล่า
ด้วยสองวินาที ประสานงานกับสกิลศักดิ์สิทธิ์ ‘ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว’ เขาจะสามารถฉวยโอกาสใช้เจ็ดดาราใส่ศัตรูได้ ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็ใช้ออกไปถึงช่วงปลายอย่างแน่นอน
ต่อจากนี้ไปในอนาคต ‘ไม่ยอมอ่อนข้อ’ จะมาแทนที่ ‘สูญสิ้นการควบคุม’ ในฐานะไพ่ตายใบสำคัญ และมันจะต้องเปล่งประกายเจิดจรัสในยามต่อสู้!
เมื่อสิ้นสุดการพัฒนาพลังศักดิ์สิทธิ์ บนหน้าต่างระบบเทพสงครามก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
สองวงแหวนเปล่งแสงเรืองรองขึ้นในเวลาเดียวกัน
วงแหวนเล็กที่เป็นตัวแทนบ่งบอกถึง ทัณฑ์ปีศาจขั้นสูง ค่อยๆ จางหายไป
หมอกสีเทาในวงแหวนใหญ่เริ่มสลาย กระจายตัวออก เผยให้เห็นถึงสีสันที่อยู่ภายใน
ในที่สุดก็มาถึงซะที
“ขอแสดงความยินดีด้วย!”
“ท่านได้บรรลุภารกิจพลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“ท่านสามารถเปิดใช้งานภารกิจ สกัดพลังศักดิ์สิทธิ์ใหม่ได้แล้วในขณะนี้”
“เมื่อท่านก้าวเข้าสู่ขอบเขตแก่นทองคำ ท่านจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธจำนวนน้อยที่สามารถปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ให้ตื่นขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง”
“เริ่มต้นเปิดใช้งานภารกิจสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์ใหม่”
หลังจากนั้น เส้นแสงตัวอักษรก็ร้อยเรียงกันเป็นหลายบรรทัด ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน ขณะเดียวกันวงแหวนขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสว่างก็ค่อยๆ เริ่มหมุนช้าลงอย่างต่อเนื่อง
กู่ฉิงซานเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา
ภารกิจนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สองของเขาคืออะไร
ในเรื่องของการสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับโชคล้วนๆ
ธาตุทั้งห้า หวนคืนไร้ลักษณ์ และเทียนซวน ชนิดของทั้งสามประเภทนั้นกว้างใหญ่ไพศาลไม่แตกต่างไปจากห้วงจักรวาล และการสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์แบบสุ่มนี้ การที่จะได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ตนชื่นชอบจริงๆ ในครั้งเดียว นับว่าเป็นเรื่องยากจริงๆ
ครั้งล่าสุดที่เขาทำการสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์ในช่วงที่กำลังก้าวขึ้นสู่ขั้นก่อตั้ง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ กู่ฉิงซานได้รับมาถึง สี่ตัวเลือก
และในสี่ตัวเลือกนั้น เขาโชคดีที่ได้รับเทคนิคสนับสนุนชีวิตเล่ยเดี๋ยนมาครอบครอง
พลังศักดิ์สิทธิ์เล่ยเดี๋ยน ‘สูญสิ้นการควบคุม’ ในอดีตที่ผ่านมา มันมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการต่อสู้
และในเวลานี้ ตนเองก็กำลังจะได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ใหม่อีกครั้ง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม กู่ฉิงซานได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
ว่าเขาต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุภารกิจนี้ให้ดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุดให้จงได้ เพราะเขาได้พบเจอกับตาตัวเองมาในการสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์ครั้งก่อนแล้วว่า ยิ่งตัวเขาสามารถจบภารกิจได้สมบูรณ์เท่าไหร่ ตนเองก็จะยิ่งมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
มองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม วงแหวนที่หมุนวนอยู่นาน ในที่สุดก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปรไป
มันกลายเป็นลูกบอลแก้วขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่า
บรรทัดเส้นแสงหิ่งห้อยจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นข้างๆ กับลูกแก้ว
“เงื่อนไขเบื้องต้นของภารกิจ...ภารกิจสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์จะไม่เริ่มขึ้นจนกว่าท่านจะกลับเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกยุทธ”
“คำอธิบายภารกิจ...ภารกิจนี้เป็นภารกิจจัดอันดับของผู้เล่น ยิ่งผู้เล่นได้รับคะแนนสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสสุ่มได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเท่านั้น”
“คำอธิบาย...การต่อสู้ระหว่างทั้งสองโลก ได้นำมาซึ่งสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ดังนั้น โปรดเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม กำอาวุธของท่านให้แน่น แล้วตั้งตารอช่วงเวลานั้นที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้”
กระทั่งกู่ฉิงซานอ่านเนื้อหาบนเส้นแสงหิ่งห้อยจบลง พวกมันก็ยังมิได้หายไป ทำแค่เพียงโฉบไปมาอยู่รอบๆ ลูกแก้วขนาดใหญ่เท่านั้น
กู่ฉิงซานตกใจเล็กน้อย ปากเอ่ยพึมพำ “จะต้องเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกยุทธก่อนถึงจะสามารถเริ่มภารกิจได้?”
“แปลกจัง มันเป็นภารกิจอะไรกันแน่นะ?” เขามองไปยังลูกแก้วที่ว่างเปล่า ในหัวครุ่นคิด
ทว่าไม่นานนัก ความเจ็บปวดตามร่างกายก็ร้องเตือนเขาว่าสิ่งที่ตนเองสมควรจะกระทำในตอนนี้คืออะไร
เนื่องจากไม่ว่าอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้ กู่ฉิงซานจึงไม่คิดจะไปยุ่งกับมันอีก
เขาหยิบเม็ดยารักษาขั้นสูงมาเทลงบนมือ และกลืนมันลงไป
จ้องมองไปยังขวดหยกในมือ ที่ภายในหลงเหลือเม็ดยารักษาอยู่ไม่มากนัก
นี่คือเม็ดยารักษาที่ถูกตระเตรียมเอาไว้สำหรับเขาโดยนักปราชญ์ไป่ฮั่ว หากมันถูกทิ้งเอาไว้ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธแม้เพียงหนึ่งเม็ดและถูกค้นพบโดยผู้คน ย่อมบังเกิดการต่อสู้แก่งแย่งกันของผู้คนนับหมื่น แต่ตอนนี้กู่ฉิงซานกลับกินมันเป็นว่าเล่นราวกับขนมขบเคี้ยวที่หาซื้อได้ตามร้านค้าไป
แต่บอกตามตรง ว่าการกระทำเช่นนี้ ตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญ ก็คือการรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองต่างหาก
ค่ำคืนผ่านพ้นไป
ท้องฟ้าเริ่มสว่างไสว ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดินที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
กู่ฉิงซานเดินออกมาจากห้อง แต่ละก้าวช่างแผ่วเบาและเชื่องช้า
“นายเป็นยังไงบ้าง” แอนนามองดูเขาและเอ่ยถามด้วยความกังวล
“ก็ถ้าเป็นพวกกิจวัตรง่ายๆ ฉันคงทำได้อย่างไม่มีปัญหาแล้วล่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องต่อสู้คงยังไม่ได้”
กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ และเอ่ยถาม “แล้วเย่เฟย์หยูล่ะ เขาไม่อยู่เหรอ?”
เหลียวฮังกล่าว “เจ้านั่นมันออกไปฆ่ามอนสเตอร์ตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว มันบอกว่านี่เป็นการจัดเตรียมของเทพธิดากงเจิ้ง ให้ไปจัดการเก็บกวาดเมืองบางส่วน”
กู่ฉิงซาน “ฉันแค่จะบอกว่าน้ำยาปลุกเทคนิคเทียนซวนของเขาพร้อมแล้วก็เท่านั้นเอง”
“เอาล่ะๆ ไว้รอให้เขากลับมาแล้วค่อยเอาให้ก็ยังไม่สายนะ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“เทพธิดากงเจิ้ง ประสาทหูของเย่เฟย์หยูเกิดอาการเจ็บปวดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้อีกหรือเปล่า?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ช่วงเวลาที่เจ็บปวดจะอยู่ที่ราวๆ ยี่สิบเอ็ดถึงสามสิบเก้าชั่วโมง ครั้งล่าสุดคือเมื่อสามสิบห้าชั่วโมงที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่เกิดอาการเจ็บปวดขึ้น”
“เป็นปัญหาซะแล้วสิ ถ้ามันเกิดอาการขึ้นในช่วงเกมแห่งชีวิตนิรันดร์จบลงแล้วล่ะก็…” กู่ฉิงซานกล่าว
แล้วในตอนนั้นเอง เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ก็กลับมาอีกครั้ง
เสียงชราดังกังวานไปทั่วทั้งโลก
“เหล่ามวลมนุษย์แห่งโลกใบนี้เอ๋ย”
“วันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว พร้อมทั้งภัยพิบัติที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่รู้จบ โชคชะตาของพวกเจ้าเปรียบดั่งมดตัวน้อยๆ ที่กำลังจะถูกน้ำท่วม และไม่อาจได้รับซึ่งอิสรภาพ”
“แล้วเจ้าต้องการจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนหรือไม่เล่า?”
“ดิ้นรนต่อสู้กับโชคชะตา เปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นเพชฌฆาต ก้าวเดินไปยังเบื้องหน้า มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้”
“หากเจ้าต้องการที่จะครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์ จงเข้าร่วมการแข่งขันท้าทาย และเมื่อสามารถพิชิตชัยได้ เจ้าก็จะได้มีชีวิตนิรันดร์!”
“การแข่งขันท้าทายได้ทำการเปิดลงทะเบียนแล้ว ณ บัดนี้!”
สิ้นประโยคดังกล่าว เบื้องหน้าทุกคนในโลกก็ปรากฏเส้นแสงตัวอักษรขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศที่ว่างเปล่า
“คุณต้องการที่จะลงทะเบียนเล่นเกมเพื่อครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์หรือไม่ [ใช่] / [ไม่]”
ซางหยิงฮ่าวกับเหลียวฮังหันมามองหน้ากันและกัน และเห็นถึงความกังวลในแววตาของอีกฝ่าย
เจ้าเกมนี้ทำการอัพเดทเสร็จสิ้นแล้ว และในที่สุดก็โผล่ออกมาอีกครั้ง
กู่ฉิงซาน “เทพธิดากงเจิ้ง”
“ฉันกำลังฟังอยู่ ใต้เท้าโปรดพูด”
“ฉายภาพเพชฌฆาตตัวตลกออกไปซ้ำอีกรอบซะ”
“ทราบแล้ว”
สมองควอนตัมบนโลกทั้งใบส่องสว่างขึ้น
รอยยิ้มเย็นชืดแข็งค้างที่แลดูน่าสยองขวัญ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกผู้คนอีกครั้ง
.........................................................