ตอนที่ 227 รางวัลสามชิ้น
บนจอม่านแสง เพชฌฆาตตัวตลก แสร้งแสดงละครเอ่ยกล่าวอย่างจริงจัง “อา...ช่างเป็นคู่รองเท้าที่งดงาม”
“รองเท้านี่ดีมากก็จริง แต่กระผมก็ยังหวังว่าจะได้รับอุปกรณ์สวมใส่มากยิ่งขึ้นกว่านี้”
“บางทีหลายๆ ท่านยังอาจจะเต็มใจเข้าไปมีส่วนร่วมกับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ในครั้งถัดไปอยู่ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพอชนะกลับมา ก็ช่วยเอาอุปกรณ์ดีๆ อย่างเจ้ารองเท้าบูทคู่นี้กลับมาให้กระผมหน่อยจะได้ไหม?”
“แม้จุดจบของท่านจะไม่แตกต่างไปจากแชมป์เปี้ยนคนนี้ แต่โปรดมั่นใจได้เลยว่ากระผมจะเก็บรักษารางวัลที่ท่านแลกมาด้วยหยาดโลหิตเอาไว้เป็นอย่างดี!”
วิดีโอภาพถูกหยุด มันลอยนิ่งค้างอยู่ในจอม่านแสงเบื้องหน้าทุกผู้คน
และแทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ตัวตลกพูดจบ เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ก็เริ่มตอบโต้ทันที
น้ำเสียงชราภาพฟังดูดุเดือดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เพื่อที่จะต่อสู้กับความชั่วร้าย”
“เพื่อให้แน่ใจว่าชีวิตของผู้ร่วมการแข่งขันท้าทายจะปลอดภัย”
“เพื่อที่จะทำให้นักรบผู้กล้าหาญของเราไม่ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว และเติบใหญ่ขึ้นในภายภาคหน้า”
“เมื่อเข้าสู่เกมนี้ ผู้ท้าทายจะได้รับรางวัลใหญ่กว่าที่แล้วมา”
“แชมป์เปี้ยนในครั้งนี้ นอกเหนือไปจากรางวัลสองอย่างที่จะได้รับจากเกมแห่งชีวิตนิรันดร์แล้ว พวกเขาจะได้รับรางวัลเพิ่มเติมดังต่อไปนี้”
“อย่างแรก น้ำยายกระดับ คุณสมบัติของมันก็คือ ทันทีหลังจากที่ใช้งาน ผู้ใช้จะสามารถยกระดับขึ้นจากมืออาชีพ ไปเป็นมืออาชีพขั้นสูงกว่าได้ในทันที”
“อย่างที่สอง แหวนเคลื่อนย้าย คุณสมบัติของมันก็คือ เมื่อพบเจอกับอันตรายใดๆ ขอให้เริ่มเปิดใช้งานมันทันที แล้วตัวเจ้าจะถูกส่งกลับมายังสังเวียนเพื่อหลบภัย และจากนั้น มันจะส่งพวกเจ้ากลับไปในสถานที่ปลอดภัยบนดาวโลกอีกครั้งโดยการสุ่ม”
เสียงชราหยุดไปสักพัก ราวกับว่าต้องการให้มนุษย์กลั่นกรองในสิ่งที่เขาพึ่งพูดไป
ก่อนที่จู่ๆ จะเริ่มเอ่ยปากอีกครั้งว่า “จริงสิ ข้าได้ยินคำถามบางอย่างมา แต่ที่พวกเจ้าสงสัยนับว่าถูกต้องแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเป็นมืออาชีพในระดับใด ขอเพียงแค่ใช้น้ำยายกระดับ พวกเจ้าก็จะสามารถทะลวงด่านไปยังระดับถัดไปได้ในทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข”
“ส่วนแหวนเคลื่อนย้าย มันไม่มีระยะเวลาคูลดาวน์ ตราบใดที่เจ้าต้องการให้มันทำงาน ไม่ว่าพลังของพวกเจ้าจะเป็นหวนคืนไร้ลักษณ์ เทียนซวน หรือธาตุทั้งห้า ขอให้ทำการถ่ายเทมันลงไปยังแหวน แล้วพวกเจ้าก็จะถูกส่งตัวกลับมายังสังเวียนเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ได้ทันที”
“เจ้าจะสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจในสังเวียน และเมื่อพร้อมออกเดินทางอีกครั้ง เจ้าก็จะได้รับการเคลื่อนย้ายกลับไป แบบสุ่ม”
“และไม่ต้องกังวลไป ในเรื่องของทุกๆ สถานที่ที่จะถูกส่งกลับไปแบบสุ่ม พวกข้าขอรับประกันว่าสถานที่เหล่านั้น ล้วนเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน”
“ตอนนี้เท่าที่จำเป็นก็มีเพียงแค่การแข่งขัน การแข่งขันที่เจ้าจะได้รับทั้งชีวิตนิรันดร์และน้ำยายกระดับขั้นของมืออาชีพ และแหวนเคลื่อนย้ายที่สามารถหลบเร้นจากภยันตรายได้ทุกที่ทุกเวลา!”
“ได้รับสามรางวัลอันทรงเกียรตินี้ในครั้งเดียว!”
“แล้วพวกเจ้ายังมามัวลังเลอะไรกันอยู่อีก?”
“นี่นับว่าเป็นรางวัลใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน”
“จงมาเถอะ รีบมาลงทะเบียนเล่นเกมกันโดยเร็ว!”
สิ้นเสียงชราภาพ ฉากของสังเวียนเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ก็ปรากฏขึ้น
เหล่าผู้คนหลับตาลง และเห็นว่ามีสามสิ่งลอยอยู่อย่างสงบเหนือสังเวียน
สิ่งแรกจากทางซ้ายสุดก็คือ สิ่งที่แสนจะคุ้นเคย มันคือเม็ดยาสีดำที่ทุกคนเคยได้เห็นมาแล้วในครั้งก่อนๆ นั่นเอง
สิ่งที่สองก็คือ ขวดแก้วที่ภายในเต็มไปด้วยของเหลวที่เปล่งแสงสีเขียวสดใส เพียงแค่ผู้คนได้มอง ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันไร้ที่สิ้นสุดที่อยู่ภายในได้ทันที
สิ่งที่สามก็คือ แหวนสีทอง หากสังเกตดีๆ จะพบว่าอากาศที่ว่างเปล่ารอบข้างมัน บางครั้งก็เกิดการฉีกมิติขึ้นเป็นครั้งคราว เผยให้เห็นถึงรอยร้าวของมิติอันมืดมิด
เม็ดยาแห่งชีวิตนิรันดร์ น้ำยายกระดับ และแหวนเคลื่อนย้าย
ประกายแสงอันงดงามเข้าปกคลุมสมบัติทั้งสามเอาไว้อย่างแน่นหนา แสดงให้เห็นถึงใจความที่บ่งบอกว่าพวกมันกำลังรอคอยมนุษย์ที่แข็งแกร่งเข้ามาครอบครองอยู่
การแข่งขันท้าทายยังไม่ทันจะได้ผู้ชนะ แต่รางวัลล้ำค่ากลับปรากฏขึ้นเสียแล้วต่อหน้าทุกคน
ในช่วงเวลานี้ แม้กระทั่งคนที่มีสติและรู้จักใช้สมองคิดอย่างมีเหตุผลจำนวนมากมาย ต่างก็มองไปยังรางวัลทั้งสามด้วยแววตาร้อนผ่าว
“เจ้าเกมนี้ ถ้ามันไม่ได้มีการฆ่าคนแล้วล่ะก็ บอกตามตรงเลยว่าฉันคงหลงเชื่อคำโฆษณา กระโจนเข้าไปร่วมเล่นด้วยแล้วอย่างแน่นอน และในอนาคต ตัวเกมของมันจะต้องยิ่งใหญ่กว่านี้มากเป็นแน่” เหลียวฮังเอ่ยพึมพำ
“มันเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความโลภในสันดานมนุษย์ แต่ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะทำได้สำเร็จหรอก” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“ทำไมล่ะ?” เหลียวฮังถาม
“เพราะเพชฌฆาตตัวตลก ได้ฝังรากลึกแห่งความหวาดกลัวเข้าไปในหัวใจของผู้คนได้แล้วน่ะสิ” แอนนาตอบแทน
ทุกครั้งที่เธอมองไปยังเย่เฟย์หยู เธอมักจะรู้สึกว่ามันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ ในยามปกติกับในยามแสดงเป็นตัวตลกของบุคคลคนนี้ช่างแตกต่างกันอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ
“ฉันคิดว่าเวลานี้ ก็ยังคงพอจะมีบางคนที่ยังคิดจะเข้าร่วมนั่นแหละ เรื่องจำนวนที่ลดน้อยลงมันไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญก็คือยังมีคนที่ไม่ว่ายังไงก็คิดจะเข้าร่วมการแข่งขันท้าทายในครั้งนี้อยู่ดีต่างหาก” กู่ฉิงซานกล่าว
นี่คือประโยคที่ทุกคนไม่อาจโต้แย้งได้
ความโลภเป็นบาปมหันต์ บาปที่แท้จริงของมนุษย์ แม้กระทั่งเรื่องผลประโยชน์ทางด้านเงินๆ ทองๆ ทั่วไป ผู้คนก็ยังเพิกเฉยต่อชีวิต และกระโจนเข้าคว้ามันแม้จะรู้ว่าเสี่ยงก็ตามที
แถมรางวัลของเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ในครั้งนี้ เป็นถึงสมบัติล้ำค่าที่มีอยู่ถึงสามชิ้น!
บางคนไม่อาจอดทนต่อสิ่งยั่วยุล่อลวงใจของพวกมารได้
“แหวนที่ใช้หลบหนีนั่น พวกเราจะสามารถป้องกันไม่ให้แชมป์เปี้ยนใช้งานมันได้ไหม?” เหลียวฮังถาม
“ถ้าในความเป็นจริง มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะหยุดยั้งการทำงานของแหวน” แอนนากล่าว
“ตอนนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการระบุตัวของแชมป์เปี้ยน ว่าตัวเขาจะเผยเทคนิคเฉพาะตัวแบบไหนออกมาให้พวกเราตามร่องรอยไปได้” กู่ฉิงซานหันไปมองซางหยิงฮ่าว
“ใช่แล้วล่ะ” ซางหยิงฮ่าวกล่าวเห็นด้วย
“เทคนิคเฉพาะตัว? รู้ไปแล้วมันจะได้อะไรกัน?” แอนนาเอ่ยถาม
ซางหยิงฮ่าวกล่าวอย่างไม่แยแส “จะได้ฆ่าถูกตัวยังไงล่ะ”
บนสังเวียน ผู้คนเริ่มปรากฏขึ้นประปรายแล้ว
แม้ว่าจะมีผู้คนปรากฏตัวขึ้นในสังเวียนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่ปรากฏตัวตนที่ครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่อย่างเช่นในครั้งก่อนๆ ออกมาเลย
เมื่อการลงทะเบียนสิ้นสุดลง บนสังเวียนเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ กลับพบว่ามีผู้ท้าทายเพียงแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น
เสียงชราภาพดังกังวานขึ้นอีกครั้ง ทว่ามันมิได้เผยถึงความรู้สึกหดหู่ใจใดๆ
ดูเหมือนว่ามันจะคิดว่า เพียงแค่ให้ใครบางคนกลายเป็นแชมป์เปี้ยน และสามารถใช้แหวนเคลื่อนย้ายหลบหนีจากเพชฌฆาตตัวตลกได้ นั่นก็นับว่าเป็นชัยชนะสำหรับมันแล้ว
“เวลานี้คนที่ต้องการได้รับชีวิตนิรันดร์ได้ถูกเลือกแล้ว”
“มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันท้าทายทั้งหมดหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเอ็ดคนจากทั่วโลก”
“หลังจากการแข่งขันอันเข้มข้นดุเดือดนี้จบลง พวกเราก็จะได้พบกับผู้ชนะคนสุดท้าย”
“ผู้ชนะจะได้รับรางวัลสามสิ่ง รางวัลอันเลอค่าอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน”
“ข้าขอย้ำอีกครั้งว่ารางวัลทั้งสามนี้เป็นวัตถุที่มีค่าอย่างหาที่ใดเปรียบ พวกมันคือเม็ดยาแห่งชีวิตนิรันดร์ น้ำยายกระดับ และแหวนเคลื่อนย้าย”
“ผู้สังเกตการณ์ทั้งหลายเอ๋ย จงหลับตาลงเพื่อรับชมการต่อสู้ท้าทายเอาชีวิตรอดกันได้เลย!”
“การต่อสู้ท้าทายอันน่าตื่นเต้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ บัดนี้!”
แผ่นหินบนสังเวียนพลิกกลับด้าน ตามมาด้วยกองอาวุธและเกราะที่ปรากฏขึ้น
คนกว่าร้อยแยกย้ายกระจัดกระจายกันไปทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็เฝ้าระวังมิให้คนอื่นๆ ลอบลงมือโจมตีตนเอง ขณะที่กำลังทำการเลือกอาวุธอยู่
ไม่นานนัก การฆ่าฟันนองเลือดก็เริ่มต้นขึ้น
“แล้วพวกเราจะทำยังไงต่อดีตอนนี้ รอให้เกมมันจบลงก่อนใช่ไหม?” แอนนาถาม
ทั้งสามคนหันไปมองกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานกล่าว “อันดับแรก พวกเราต้องรีบไปหาตัวเย่เฟย์หยูในทันที”
“จะไปหามันทำไมกัน แกวางใจเถอะ ในบรรดาผีดิบนักฆ่าทั้งหมด ไม่มีตัวไหนสามารถฆ่ามันได้หรอก” เหลียวฮังกล่าว
“วางใจไม่ได้หรอก ตัวเขาในตอนนี้ตกอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน บางทีอาการเจ็บประสาทหูของเขาอาจจะกำเริบขึ้นมาอีกก็ได้ แล้วถ้านั่นเป็นช่วงที่เขากำลังต่อสู้อยู่พอดี ผีดิบนักฆ่าตนอื่นๆ อาจอาศัยช่วงเวลานั้นฆ่าเขาได้” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
“ร่างกายของนายยังไม่แข็งแรงดี ฉันจะไปกับนายเอง” แอนนายืนขึ้นและกล่าว
เดิมทีแล้วซางหยิงฮ่าวคิดจะเอ่ยประโยคนี้ แต่โดนแอนนาชิงตัดหน้าไปเสียก่อน จึงทำแค่เพียงจ้องมองเธออย่างเงียบๆ
เขายกมือขึ้นมา ใช้นิ้วชี้ถูจมูกแล้วกล่าว “อย่างนั้นฉันกับเหลียวฮังจะรอนายอยู่ที่บ้านก็แล้วกัน รีบกลับมาล่ะ”
“ไม่ได้ พวกนายต้องไปรอที่เฉินเตี้ยนเฮ่า หลังจากที่เจอเย่เฟย์หยูแล้ว ฉันจะทดลองตัวยานี้กับเขาทันที” กู่ฉิงซานกล่าว
“ก็ได้ๆ” ซางหยิงฮ่าวกล่าวพลางลุกขึ้น
แอนนาพยุงตัวกู่ฉิงซานขึ้นไปยังรถเหินเวหา ‘สะเก็ดไฟ’ ของเธอ ก่อนจะลอยลำขึ้นและเร่งความเร็วออกไปอย่างฉับพลัน
ภายใต้สายตาของซางหยิงฮ่าวและเหลียวฮัง รถสะเก็ดไฟลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และค่อยๆ หายลับไปในเส้นขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
บนรถเหินเวหา แอนนาดึงขวดเหล้าฤทธิ์แรงออกมาขวดหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเธอเอามันมาซ่อนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนจะหันมาส่งสัญญาณเชิญชวนให้กู่ฉิงซาน
“อยากจะชิมซักกรึ๊บไหม?”
“ไม่ล่ะ เธอรีบหันไปขับรถเถอะ ฉันอยากทำเวลาให้มันเร็วยิ่งขึ้นกว่านี้อีก” กู่ฉิงซานกล่าว
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ? ท่าทีของนายดูจะเป็นกังวลมากทีเดียว” แอนนาถามด้วยความสงสัย
“ฉันรู้สึกเป็นห่วงเย่เฟย์หยูนิดหน่อยน่ะ ประสาทหูของเขามีอาการปวดร้าวกำเริบอยู่บ่อยครั้ง และหากคำนวณจากช่วงเวลาแล้ว มันคงกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเร็วๆ นี้” กู่ฉิงซานกล่าว
“การตื่นขึ้นของเทคนิคเทียนซวนน่ะ มักจะมีเงื่อนไขหรือสภาวะที่ผิดปกติแตกต่างกันออกไปตามแต่ละคน เอาจริงๆ ฉันไม่อยากให้นายกังวลเกี่ยวกับมันมากจนเกินไปนะ” แอนนากล่าว “แต่ตรงกันข้าม ฉันเนี่ยอยากจะรู้จริงๆ ว่าผีดิบนักฆ่าจะปลุกเทคนิคเทียนซวนแบบไหนขึ้นมาได้กันแน่นะ”
“เขาเป็นผีดิบนักฆ่าที่สามารถวิวัฒนาการได้อย่างสมบูรณ์แบบ การตื่นของเทคนิคเทียนซวนจะต้องแตกต่าง ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน ฉันว่าพวกเราควรจะเร่งความเร็วให้มากกว่านี้สักหน่อยนะ” กู่ฉิงซานกล่าว
แอนนาพอถูกย้ำหลายๆ รอบ เธอก็วางขวดเหล้าลง และเริ่มที่จะทำการควบคุมรถเหินเวหาอย่างจริงจัง
“อย่างนั้นก็ดูฝีมือการขับของฉันไว้ดีๆ ล่ะ” เธอเอ่ย
ตูม! บังเกิดเสียงแข็งกร้าวของโซนิคบูม รถสะเก็ดเพลิงได้เข้าสู่โหมดความเร็วเหนือเสียงในทันที
“เทพธิดากงเจิ้ง ช่วยฉันทำการเชื่อมต่อกับเย่เฟย์หยูให้หน่อยสิ” กู่ฉิงซานกล่าว
“กำลังเริ่มทำการเชื่อมต่อ” เทพธิดาขานรับ
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงตูมตามดังกระหึ่มก็ดังออกมาจากสมองควอนตัมอย่างต่อเนื่อง
“คิดยังไงถึงโทรหาฉันในเวลานี้ ตอนนี้ฉันกำลังต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่นะ” เย่เฟย์หยูบ่นอุบ
“ตอนนี้ฉันขอให้นายรีบหนีออกมาจากที่นั่นก่อน แล้วมารวมตัวกับพวกเรา”
“ให้ฉันหนี? นายล้อเล่นรึเปล่า นี่มันช่วงเวลาอาหารเย็นอันโอชะของฉันเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายก็แข็งแกร่งไม่ใช่เล่นเลย มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะหลบหนีออกไป”
กู่ฉิงซานไม่รอช้า เขาตัดการเชื่อมต่อเองเลยโดยตรง
“เทพธิดากงเจิ้ง ระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเขาไปให้แอนนาหน่อยสิ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ทราบแล้ว ใต้เท้า” เทพธิดารับคำ
แอนนาได้รับตำแหน่งมา เธอหันไปมองกู่ฉิงซานและกล่าว “นายไม่ต้องกังวลไป มันไม่ได้ไกลมากนัก ไม่นานพวกเราก็จะไปถึงแล้ว”
เย่เฟย์หยูจ้องมองไปยังผีดิบนักฆ่าฝั่งตรงข้าม สมองของเขาเต้นตุบๆ ด้วยอาการปวดหัวเล็กน้อย
มันเป็นผีดิบนักฆ่ากลายพันธุ์ที่ทั้งร่างเปลี่ยนเป็นสีเทา นอกจากนี้ยังเป็นผีดิบนักฆ่าระดับหกเหมือนกันกับเขาอีกด้วย เพียงแต่ในเวลานี้ เย่เฟย์หยูดูจะทรงพลังยิ่งกว่ามันอยู่หลายส่วน
ฝีมือของเย่เฟย์หยูก้าวล้ำยิ่งกว่าในช่วงก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขาและคนอื่นๆ ยังได้ติดตามกู่ฉิงซานเรียนรู้ฝึกฝนทักษะใหม่ๆ จำนวนมากในทุกๆ วัน ดังนั้นโดยปกติแล้วมันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรที่จะสังหารอีกฝ่ายลง
อย่างไรก็ตาม ความสามารถของผีดิบนักฆ่ากลายพันธุ์ตัวนี้ทำให้เขารู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
มันไม่ตาย
ไม่ว่าเย่เฟย์หยูจะโจมตีมันอย่างรุนแรง หรือไม่ว่าตัวมันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน ก็จะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว และไม่อาจพบวี่แววว่ามันจะตายลงได้เลย
ในทางตรงกันข้าม มันกลับใช้ประโยชน์ในช่วงที่เย่เฟย์หยูประมาทเลินเล่อ ฝากบาดแผลลึกอันโหดเหี้ยม ไว้ในกายเขาได้ถึงสองแผล
“บ๊ะ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่สามารถฆ่าแกได้” เย่เฟย์หยูถุยฟองเลือดออกมา ปากเอ่ยกล่าวอย่างดุดัน
เขาทะยานตัวบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า สองมือแปรสภาพกลายเป็นมีดยาว ควบแน่นไปด้วยเลือดเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด
“หลังจากที่ฉันเฉือนตัวแกจนขาดเป็นสองท่อน อยากจะรู้จริงๆ ว่าแกจะยังดื้อด้านมีชีวิตอยู่อีกไหม” เขาบ่นพึมพำ
ผีดิบนักฆ่าร่างเทาเบื้องล่าง เมื่อมองเห็นว่ามือของอีกฝ่ายสามารถแปรสภาพเป็นใบมีดที่ลุกไหม้ได้ ตัวมันก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างไม่ยินยอมว่าตนเองนั้นด้อยกว่า
เย่เฟย์หยูระเบิดกำลังออกมาอย่างฉับพลัน ทิ้งดิ่งลงไปยังเบื้องล่าง
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ในหูของเขาก็บังเกิดเสียงกังวานแปลกๆ ขึ้น ราวกับมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักกำลังเอ่ยสนทนาอยู่ในหูของเขา
“แย่ล่ะสิ! ทำไมถึงต้องเป็นเวลานี้ด้วยนะ!”
สีหน้าของเย่เฟย์หยูแปรเปลี่ยนกลับกลายครั้งใหญ่
ในวินาทีต่อมาความเจ็บแปลบก็ลุกลามจากใบหูลงไปถึงไขกระดูกของเขา
“อ๊าก”
เย่เฟย์หยูโหยหวนอย่างน่าสังเวช เหวี่ยงแขนไปมาในอากาศ
และแน่นอน ผีดิบนักฆ่าร่างเทามิได้ผ่อนปรนความระมัดระวังของมันลง ตรงกันข้าม มันเลือกที่จะถอยออกไปอย่างรอบคอบ
เย่เฟย์หยูที่กำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในอากาศ กระแทกเข้าใส่ตึกสูงตระหง่าน ก่อนจะเหวี่ยงตัวเองมาโหม่งเข้ากับเสาไฟสูงข้างถนน และบินเป๋ไปมาจนสุดท้ายก็ร่วงลง
ตูม!
พื้นดินเบื้องล่างแตกระแหงเป็นหลุมขนาดใหญ่
ภายในหลุม บังเกิดเสียงครวญของเย่เฟย์หยูดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
“มันเจ็บ! เจ็บเหลือเกิน!”
“อ๊าก”
“ใครก็ได้…ช่วยดะ...ด้วย...”
แล้วในตอนนี้ ผีดิบนักฆ่าร่างเทาก็วิ่งออกมาข้างหน้า มันยืนอยู่ตรงขอบหลุม และก้มมองลงไป
มองไปยังเย่เฟย์หยูที่กำลังยกสองมือขึ้นมาปิดหู กลิ้งไปมาบนพื้นและเกือบจะสูญสิ้นอำนาจการต่อสู้ทั้งหมดของตัวเองไป
ผีดิบนักฆ่าตัวสีเทาใช้เวลาเฝ้าสังเกตเพียงไม่กี่วินาที ก่อนที่มันจะเริ่มรู้สึกโล่งใจ
ถ้าหากมันสามารถฆ่าเจ้าหมอนี่ได้ ตัวมันก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาลอย่างแน่นอน
มันไม่ลังเลอีกต่อไป สองเท้าย่ำลงบนพื้น ก่อนจะทะยานตัวลงไปยังเบื้องล่าง พร้อมด้วยรอยยิ้มอันน่าสยดสยองแขวนไว้บนใบหน้า
มือทั้งสองข้างแปรสภาพกลายเป็นใบมีดยาว พร้อมด้วยชั้นหมอกสีเทาอ่อนจางๆ ที่ปกคลุมตัวใบมีดอย่างสมบูรณ์
ด้วยใบมีดนี้ มันจะต้องตัดหัวของอีกฝ่ายให้จงได้
ทว่าในขณะที่มันกำลังจะคว้าชัยชนะเอาไว้ได้อยู่แล้วนั่นเอง ท่ามกลางความว่างเปล่า เปลวเพลิงสีดำก็พุ่งเข้าต้อนรับ กระแทกเข้าแสกหน้ามันอย่างฉับพลัน
เปลวเพลิงสีดำค่อยๆ ขยายตัวขึ้นอย่างช้าๆ และแปรเปลี่ยนสภาพเป็นร่างโครงกระดูกที่ลุกไหม้และสวมใส่เกราะครึ่งตัวในสภาพร้อมรบ!
........................................................