ตอนที่ 20 ของขวัญวันเกิด(3)
ณ ภายในทำเนียบประธานาธิบดีประจำเมืองหลวงของรัฐบาลกลาง ได้เกิดความวุ่นวายผิดปกติขึ้น
สามทหารในชุดเครื่องแบบเต็มยศพบเจอกันระหว่างทาง และเดินร่วมกันตรงไปยังห้องทำงานของประธานาธิบดีอย่างรวดเร็ว
“นายพลหลี่ ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
“นายพลจางเป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม?”
“น่ะ...นั่นนายพลซอง!”
ผู้คนจำนวนมากออกมาทักทายทั้งสามตลอดทางเดิน สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
หัวหน้าผู้บัญชาการกองทัพทั้งสามเหล่าปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน นี่มันเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น?
หรือว่าพวกจักรวรรดิฟูซีคิดจะก่อสงคราม?
ภายในหัวใจของผู้คนในที่นี้อดไม่ได้ที่จะวิตกกังวล
ฝีเท้าของสามนายพลไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พวกเขามุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ ไม่หยุดพูดคุยเหมือนปกติ แม้จะพบเจอกับนักการเมืองที่คุ้นเคยก็ยังไม่ทักทาย
ประตูห้องทำงานของประธานาธิบดีเปิดรออยู่เรียบร้อยแล้ว และสามนายพลก็เดินเข้าไป จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียง
“ท่านประธานาธิบดี เทพธิดากงเจิ้งได้ติดต่อหาท่านหรือไม่”นายพลหลี่เอ่ย
ชายชราผมสีเทาเอี้ยวตัวกลับมาและหันไปมองผู้ช่วยของเขาเป็นเชิงถาม
ในบรรดาผู้ช่วยหลายคนไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา มีเพียงคนที่ดูจะเป็นหัวหน้าที่เปิดปาก “ท่านผู้นำเป็นเพียงผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุฉุกเฉินเท่านั้น แต่ไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับสงคราม”
สีหน้าของชายชราผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยสั่ง “ท่านนายพล โปรดทำการเชื่อมต่อกับเทพธิดา”
หนึ่งในนายพลโค้งคำนับ ก่อนจะเปิดกระเป๋าเดินทางในมือ และวางอุปกรณ์สื่อสารระหว่างดวงดาวลงเบื้องหน้าประธานาธิบดี
อุปกรณ์สื่อสารระหว่างดวงดาวสว่างขึ้นในวินาทีต่อมา
ตามมาด้วยเสียงที่ดูเคร่งขรึมของเทพธิดากงเจิ้งที่ดังขึ้น
“การโทรแบบเข้ารหัสระดับสูงสุดกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องควรออกไปทันที มิฉะนั้นภายใต้มาตรการรักษาความลับของรัฐบาลกลาง พวกเขาจะถูกลบให้หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล”
ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้ถึงกับหน้าถอดสี
ลบในที่นี้ก็คือการฆ่า นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ที่ถึงกับทำให้เทพธิดากงเจิ้งต้องเก็บเป็นความลับ แม้กระทั่งชีวิตของผู้บริสุทธิ์ก็ยังถูกละเลย
ผู้คนภายในห้องหันไปสบตากันและกัน ก่อนที่จะค่อยๆ ถอยออกจากห้องไป
ทั่วทั้งห้องประธานาธิบดีเวลานี้เหลือเพียงแค่สามนายพล และตัวเจ้าของห้องเท่านั้น
ในตอนนั้นเอง เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุดกำลังจะเริ่มขึ้นที่ภายในป้อมปราการดวงดาวเฉินเตี้ยนเฮ่า…ยื่นเรื่องทำการร้องขออนุญาตจากประธานาธิบดีและผู้บัญชาการกองทัพทั้งสาม”
“ทำไมถึงต้องเริ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุด?” ประธานาธิบดีเอ่ยถาม
เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “ว่าด้วยมาตราที่ห้าตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาลกลาง ‘เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของมนุษยชาติหรือความก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย์จะได้รับการคุ้มครองในระดับสูงสุดจากทั่วทั้งรัฐบาลกลาง’ ”
สีหน้าของประธานาธิบดีเปลี่ยนเป็นจริงจัง เขาเอ่ยถาม “อะไรอยู่บนเฉินเตี้ยนเฮ่า แล้วเจ้าสิ่งนั้นกำลังทำอะไรอยู่?”
เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “เพื่อผลประโยชน์ เรื่องนี้จึงถูกเก็บเป็นความลับ ไม่อาจเปิดเผยได้ชั่วคราว”
ประธานาธิบดีและสามนายพล ทั้งหมดพากันยักไหล่โดยพร้อมเพรียง
ลำดับชั้นของพวกเขาเกือบจะอยู่สูงที่สุดจากทั่วทั้งรัฐบาลกลาง แต่เทพธิดากงเจิ้งก็ยังไม่แม้แต่จะยอมบอกพวกเขา
เทพธิดากงเจิ้งจะไม่เคลื่อนไหวเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะส่งเสริมผลักดันความก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย์ แต่จากประสบการณ์ในอดีตดูเหมือนว่าหลายอย่างจะไม่ง่ายดายเช่นนั้น
ประธานาธิบดีคิดและกล่าว “ฉันจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุดทำงานขึ้น คือเมื่อสามสิบปี ก่อน”
“ถูกต้อง” นายพลซองกล่าว “ในเวลานั้น นั่นคือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยีจั๊มป์ระหว่างดวงดาว และในการทดลองครั้งแรกมิติที่กองยานรบทำการจั๊มป์ออกไป ทำให้พวกเราได้พบมอนสเตอร์อวกาศ”
สามสิบปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่กองยานรบของรัฐบาลกลางได้ทำการจั๊มป์ข้ามรูหนอน และได้พบกับภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของที่กาแล็กซีอยู่ห่างออกไปกว่าห้าพันล้านปีแสง
พวกเขาพบกับมอนสเตอร์ตัวใหญ่ยักษ์กำลังเกาะติดอยู่กับดาวเคราะห์และกำลังดูดซับบางสิ่งบางอย่างจากภายในดาวขึ้นมา
เหตุการณ์อันน่าหวาดหวั่นนี้ ทำให้เทคโนโลยีจั๊มป์ระหว่างดาวเคราะห์ถูกระบุให้เป็นความลับระดับสูงสุด
มนุษย์ที่เกือบจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดต่างหันมาสบตากันและกัน สีหน้าของพวกเขาดูเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม
ความก้าวหน้าของอารยธรรม มักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่ไม่อาจคาดเดาได้ ดังนั้นดูจากปฏิกิริยาของเทพธิดาก็พอที่จะบอกได้ว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา
ประธานาธิบดีถอนหายใจ “ในเมื่อเทพธิดากงเจิ้งกำลังรอพวกเราอยู่ เช่นนั้นก็ทำการอนุมัติเถอะ”
เทพธิดากงเจิ้งตอบรับทันที “ป้อมปราการระหว่างดวงดาวเฉินเตี้ยนเฮ่า : มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับ SSS กำลังจะเริ่มดำเนินการ ประธานาธิบดีโปรดทำการอนุมัติ”
ประธานาธิบดีกล่าว “ฉันอนุมัติมัน”
“หัวหน้าผู้บัญชาการรบระหว่างดวงดาวโปรดทำการอนุมัติ”
นายพลซองกล่าว “ฉันอนุมัติ”
“หัวหน้าผู้บัญชาการกองทัพเรือโปรดทำการอนุมัติ”
นายพลหลี่ “ฉันอนุมัติ”
“หัวหน้าผู้บัญชาการกองทัพบกโปรดทำการอนุมัติ”
นายพลซาง “ฉันอนุมัติ”
“การยื่นคำขออนุมัติได้รับการยืนยันแล้ว เริ่มต้นดำเนินการภารกิจระดับ SSS”
เหนืออุปกรณ์สื่อสารระหว่างดวงดาว ฉายภาพทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ต่อเบื้องหน้าพวกเขา
ป้อมปราการระหว่างดวงดาวเซียนหวูเฮ่า หักเลี้ยวเต็มกำลัง และเตรียมมุ่งหน้าสู่เฉินเตี้ยนเฮ่าในไม่ช้า ป้อมปราการระหว่างดวงดาวหมิงกวงเฮ่า กำลังลอยลำเหนือพื้นสมุทร และเตรียมมุ่งหน้าสู่เฉินเตี้ยนเฮ่าในไม่ช้า เปิดสัญญาณเตือนภัยระดับสูงสุด มุ่งหน้าเต็มกำลัง
ยานรบประจัญบานแห่งรัฐบาลกลาง ลำที่ หนึ่ง เจ็ด สิบหก เตรียมมุ่งหน้าสู่เฉินเตี้ยนเฮ่า และเริ่มกระบวนการคุ้มกัน
“สมาชิกหน่วยหุ่นรบพิเศษระหว่างดวงดาวเตรียมพร้อมปฏิบัติการแล้ว เริ่มต้นทำการตรวจสอบอาวุธด้วยตนเอง เตรียมจุดชนวนและจะทำการปล่อยตัวอีกหนึ่งนาทีจากพื้นที่ใกล้เคียง ”
“เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็น โปรดดำเนินการร้องขอให้เทพนักสู้ซางซ่งหยางออกไปปกป้องเมืองชายแดน”
เทพธิดากงเจิ้งกล่าวถึงจุดนี้ หลายๆ คนก็มองไปที่นายพลซาง
นายพลซางยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าว “แข้งขาฉันแก่แล้ว คงไม่มีใครคิดมาเยี่ยมเยือนเป็นพิเศษหรอก”
ประธานาธิบดีกล่าวอย่างมั่นใจ “คุณยังได้ไปต่อ เชื่อฉันสิ หลังจากทั้งหมดนี้ ทั่วทั้งรัฐบาลกลาง มีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้นที่ไปได้ถึงระดับเทพนักสู้”
นายพลซางถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูระเบียงห้องประธานาธิบดีและเดินออกไป
ในวินาทีต่อมา ทั้งร่างของเขาก็โจนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทะลวงชั้นเมฆจนเกิดเสียงคำรามของโซนิคบูม ร่างของเขาเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าฟาด พริบตาเดียวก็หายลับไปไกลสุดขอบฟ้าเสียแล้ว
“เพื่อป้องกันการสอดรู้สอดเห็น และการรบกวนจากหลายๆ ประเทศทางทะเล โปรดดำเนินการร้องขอให้จ้าวสมุทร หลี่ดงหยวนออกไปปกป้องเขตชายฝั่ง”
นายพลหลี่ส่ายหัวและกล่าว “เวลาจะใช้ใครเทพธิดาไม่เคยเกรงใจกันเลยสักครั้ง ฉันไม่ได้เป็นคนขยันเหมือนนายพลซางหรอกนะ”
ประธานาธิบดีกล่าว “คุณไปเถอะ ฉันจะพูดกับเธอเอง”
นายพลหลี่หยิบขวดเล็กๆ ออกมาหลายขวด และจ้องมองมันทีละขวด
“ที่อยู่ใกล้กับที่นี่มากที่สุดก็น่าจะเป็นทะเลเหลือง”
เขาเปิดขวดที่มีป้ายเขียนว่า ‘ทะเลเหลืองออก’ และเทน้ำทะเลที่อยู่ภายในออกมา
น้ำทะเลเหล่านั้นลอยล่องอยู่กลางอากาศ ก่อนจะไหลมารวมกันอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นลูกโป่งน้ำ
นายพลหลี่คว้ามันพร้อมเอ่ย “ฉันไปก่อนนะ”
วินาทีต่อมา ทั้งร่างของเขาและลูกโป่งน้ำก็หายวับไปพร้อมกัน
ในห้องของประธานาธิบดีเวลานี้ เหลือเพียงเจ้าของห้องและหัวหน้าผู้บัญชาการยานรบระหว่างดวงดาว
และเสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง โปรดดำเนินการให้นายพลซองออกไปปกป้องเมืองหลวง”
นายพลซองถอนหายใจและกล่าว “โชคดีที่ฉันไม่ต้องรีบเหมือนกับคนอื่นๆ ”
…
เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว
ณ ภายในป้อมปราการระหว่างดวงดาวเฉินเตี้ยนเฮ่า
กู่ฉิงซานยังไม่รู้ถึงผลกระทบที่ตัวเขาเป็นคนก่อขึ้น
หลังจากเจ็ดชั่วโมงแห่งการต่อสู้มาอย่างต่อเนื่องได้จบลง ในที่สุดเขาก็สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าว “ตอนนี้ก็ได้เวลาเริ่มสร้างหุ่นรบสักที จากนี้ไปก็ขึ้นทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับอัลกอริทึมโครงสร้างชีวิตแล้ว”
“รับทราบ อัลกอริทึมพร้อม วัสดุพร้อม โปรดระบุโมเดลเกราะรบ”
“โมเดลเกราะรบ… ”
กู่ฉิงซานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดอุปกรณ์สื่อสารและป้อนข้อความลงไป
“เธอชอบขับหุ่นรบแบบไหน?”
ข้อความถูกส่งออกไป แต่แม้จะรออยู่สักพักก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ
กู่ฉิงซานยักไหล่ “งั้นพวกเราก็รอก่อนแล้วกันนะ”
เทพธิดากงเจิ้งไม่ตอบโต้ใดๆ
…
ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว ภายในเมืองหลวงของรัฐบาลกลาง เวลานี้เป็นช่วงที่มีงานคอนเสิร์ตของซูเปอร์สตาร์!
“ซีซวงหยาน!”
“ซีซวงหยาน!”
“ซีซวงหยาน!”
ฝูงชนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
บนเวทีที่เต็มไปด้วยชุดสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ มากมาย เด็กสาวที่รักในเสียงเพลงกำลังร้องบรรเลงท่วงทำนองอันไพเราะ ขณะที่มีอีกข้างโบกไปมาเพื่อตอบรับต่อเสียงเรียกร้องของแฟนๆ
ทว่านั้นตอนนั้นเอง จู่ๆ เหนือน่านฟ้าก็ปรากฏหุ่นรบหลายสิบตัว และหน่วยรบพิเศษอีกกว่ายี่สิบนาย บุกเข้าไปท่ามกลางฝูงชนจากทุกทิศทาง
เด็กสาวบนเวทีปิดปากลง และจ้องมองไปยังฉากตรงหน้านี้
บนท้องฟ้าบัดนี้ไม่อาจเห็นซึ่งแสงดาว มันถูกปกคลุมไปด้วยยานรบประจัญบานขนาดยักษ์ ที่ดูเหมือนจะจงใจจอดเหนืองานคอนเสิร์ตโดยตรง
“อยู่ในความสงบ ทุกคนอยู่ในความสงบ!”
“งานคอนเสิร์ตถูกระงับลงชั่วคราว และตอนนี้จะเริ่มทำการตรวจสอบผู้กระทำผิดที่ซ่อนตัวอยู่”
“พวกคุณต้องอยู่เฉยๆ มิเช่นนั้นจะถูกจับกุมตัวทันที และจะได้รับการสอบสวนเพิ่มเติมจากเทพธิดากงเจิ้ง”
ทหารหน่วยพิเศษเริ่มที่จะตรวจสอบฝูงชนทีละคน ทีละคน
ตอนแรกก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ก่อความวุ่นวาย บางคนโห่ร้องด้วยความโกรธ
แต่เมื่อเอ่ยถึงชื่อของ ‘เทพธิดากงเจิ้ง’ ออกมาเพียงคำสั้นๆ ทุกคนก็รู้ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ซะแล้ว และภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ผู้คนนับหมื่นก็หุบปากของพวกเขาลง
อุปกรณ์เครื่องเสียงทั้งหมดถูกปิด และเสียงจากผู้ชมก็หายไปหมด ฉากคอนเสิร์ตที่เดิมควรจะเต็มไปด้วยเสียงดังก็เงียบสนิท
ในตอนนั้นเอง ที่นั่งโซน วีไอพี ของซูเซี่ยเอ๋อก็ปรากฏเสียงเรียกเข้าอย่างต่อเนื่องจากอุปกรณ์สื่อสารของเธอ
ก่อนที่เธอจะทันได้รู้ตัวว่า ชื่อที่ปรากฏจากปลายสายก็ถูกสับเปลี่ยนจากชื่อ ‘เทพธิดากงเจิ้ง’ กลับมาเป็น ‘กู่ฉิงซาน’ดังเดิมซะก่อนแล้ว
ซูเซี่ยเอ๋อหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา และอ่านข้อความ ก่อนที่จะยิ้มอย่างมีความสุข
“พี่ใหญ่ฉิงซานต้องการสร้างโมเดลเกราะรบส่วนตัวให้ฉันอย่างนั้นเหรอ?”
ตัดกลับมา ณ ท่ามกลางจักรวาล
ในที่สุดกู่ฉิงซานก็ได้รับข้อความตอบกลับ
เขาผุดรอยยิ้มออกมาเช่นกัน
ใช่ มันจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ มันจะไม่ใช่แค่เพียงโมเดล แบบจำลอง
กู่ฉิงซานตอบกลับไป “บอกมาสิ ว่าเธอชอบขับเกราะรบแบบไหน”
ซูเซี่ยเอ๋อคิดอย่างจริงจังก่อนส่งข้อความตอบกลับไป “ฉันชอบขับแบบรุ่น ชิเทียนซี เพลิงนางฟ้า”
กู่ฉิงซานเอ่ยอย่างสงสัย “เพลิงนางฟ้า? เธอไปชอบรุ่นนั้นได้อย่างไร?”
“นั่นก็เพราะเพลิงนางฟ้าเปรียบดั่งเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความฝันอย่างไรล่ะ คนบ้า” ขณะนั้นเองได้ปรากฏสายตาคู่หนึ่งจ้องมองทุกๆ ข้อความที่ถุูกส่งมาและการกระทำของเธอจากด้านหลัง
“เข้าใจแล้ว งั้นตอนนี้ฉันขอจัดการของขวัญวันเกิดให้เธอก่อน แล้วเจอกัน”
“นายจะทำมันด้วยตัวเองจริงๆ เหรอ? ถ้าโมเดลออกมาขี้เหร่ล่ะก็ฉันจะไม่ให้อภัยนายแน่ จะหัวเราะเยาะนายจนอับอายไปเลย…เอาเถอะแล้วเจอกัน”
ถึงปากของซูเซี่ยเอ๋อจะบอกว่าไม่ให้อภัยเขา แต่หัวใจของเธอกลับหวานละมุน
กู่ฉิงซานได้ยินแบบนั้น เขาก็เริ่มตั้งใจทำของขวัญวันเกิดให้เธอเอาไว้ใช้ส่วนตัว ส่วนเรื่องที่ว่าเธอจะเอามันไปทำอะไร หรือโมเดลจะออกมาดูดีหรือไม่ กู่ฉิงซานไม่เก็บมาใส่ใจ ขอแค่ซูเซี่ยเอ๋อมีความสุขแค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว
.................................