เห็นคุณหนูทำหน้าขมวดคิ้วมองบนไม่ถึงอึดใจนางก็หันกลับมาส่งรอยยิ้มสดใสให้กับนาง รอยยิ้มเช่นนี้แปลกนัก ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่จะอ่อนโยนอ่อนหวาน พอเห็นแล้วใจจะรู้สึกอบอุ่นอยากดูแลอยากอยู่ใกล้ชิด แต่รอยยิ้มนี้เมื่อมองแล้วกลับทำให้รู้สึกราวกับว่าต่อให้พบเจอเรื่องเลวร้ายมากมายเพียงใดเมื่อเห็นรอยยิ้มนี้หัวใจจะส่องสว่างสดใส หมอกความเศร้าหมองจะสลายหายไปโดยพลัน
อาหมิงตาลอยมองรอยยิ้มนั้นอยู่เป็นนานจนอีกฝ่ายต้องสะกิดโดยการเอานิ้วมาจิ้มที่หัวไหล่
"นี่ ๆ เป็นอะไรเหรอ?"
อาหมิงกะพริบตาหลายทีรีบเอ่ย "เปล่าเจ้าค่ะ คุณหนูอันหนิง" ส่งรอยยิ้มกว้างตอบกลับ
เฮ่อซินหมิงยืดขาออกแล้ววางมือทั้งสองไปด้านหลังดูท่าทางเอื่อยเฉื่อยเกียจคร้านเป็นที่สุดทั้งนางยังส่งเสียงดัง
"เอ้ออออออ…"
อาหมิงมองการกระทำของคุณหนูด้วยความฉงนใจ คุณหนูดูเหมือนอาการจะดีขึ้นแล้วนะ?
สาวรับใช้นั่งบนส้นเท้าด้วยท่าทางเรียบร้อยสองมือกุมกันอยู่ที่ตัก ส่วนผู้เป็นนายนั่งแผ่ขาอยู่บนพื้นราวกับขี้เมาที่นั่งกลางถนน
"ถามอะไรหน่อยสิ" จู่ ๆ ผู้เป็นนายก็พูดขึ้น อาหมิงเอียงหน้ารับ
"ฉันออกไปข้างนอกได้ใช่มั้ย?"
สาวใช้นิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ "ในความจริงก็ออกไปได้เจ้าค่ะ แต่ว่าสุขภาพของท่านไม่สู้ดีนัก ทุกคนก็เลยให้ท่านอยู่แต่ในเรือน อีกอย่างคุณหนูเองก็บอกว่าไม่อยากออกไปไหนด้วย…"
อาหมิงในร่างฉีอันหนิงตาลุกวาว "แสดงว่าออกไปได้ใช่มั้ย!?!" อาหมิงขมวดคิ้วมุ่นหน้าตางุนงงยิ่ง แล้วพยักหน้าเบา ๆ "เจ้าค่ะ"
ดีล่ะ…ในที่สุดนางก็จะได้เห็นโลกกว้างเสียที…เอาล่ะ…แผ่นดินใต้หล้าอันกว้างใหญ่ไพศาล เฮ่อซินหมิงคนนี้จะออกไปท่องเที่ยวแล้วนะ!!!...….
............…
คุณหนูสิบเอ็ดฉีอันหนิงในชุดเสื้อคลุมหนามิดชิดยาวกรอมเท้า ชุดคลุมทั้งผืนมีรอยปุปะเต็มไปหมด
"......…"
เฮ่อซินหมิงพูดไม่ออกเมื่อได้ออกมาสู่โลกภายนอกตามที่นางตั้งใจไว้ "นะ...นี่...ว่าไงนะ?"
"คุณหนูออกมาได้แค่พื้นที่ภายในเรือนพักของคุณหนูเท่านั้นเจ้าค่ะ"
เฮ่อซินหมิงกวาดตามองไปทั่วบริเวณกำแพงที่มีตะไคร่สีเขียวเกาะครึ้มเถาวัลล์เลื้อยลดดูอิสรเสรียิ่ง ทิวทัศน์นี้ก็น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนางอยู่หรอกนะ แต่ว่า...แค่นี้จริง ๆ เหรอ?
ฮือ...…น่าเศร้าใจจัง อุตส่าห์มีลูกตามองเห็นทั้งที...
"ทำไมถึงออกไปข้างนอกไม่ได้ล่ะ?" เสียงนั้นดูทั้งสงสัยทั้งเศร้าสร้อย ในใจของอาหมิงเกิดความสงสารขึ้นมาจึงตอบด้วยเสียงนุ่มนวล
"เพราะคุณหนูมีฐานะเป็นถึงคุณหนูสิบเอ็ดแห่งจวนมหาเสนาบดีอย่างไรล่ะเจ้าคะ"
เฮ่อซินหมิงขมวดคิ้วมุ่นเอ่ยถามต่อ "แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ คนอื่นก็อยู่แถวนี้ใช่มั้ย เรือนของทุกคนเป็นแบบนี้หมดเลยเหรอ?"
อาหมิงก้มหน้าลงต่ำรู้สึกละอายและสงสารผู้เป็นนายยิ่งนัก "เปล่าเจ้าค่ะ ฮูหยินทั้งสี่และคุณหนูคุณชายท่านอื่นอยู่ห่างจากที่นี่มากนัก อีกทั้งเรือนก็ยังโอ่อ่างดงามกว่าที่นี่มากนัก…"
"แล้วทำไมฉันถึงได้มาอยู่แบบนี้คนเดียวล่ะ?"
"ข้าละอายใจนัก ข้าก็มิรู้เช่นกันเจ้าค่ะ" ตั้งแต่อยู่กับคุณหนูมานางก็ไม่เคยถามถึงเรื่องเกี่ยวกับภายในจวนมาก่อน ทำให้นางก็มิได้ซักถามผู้อื่นหรือบอกนางเช่นกัน
"ฉันเป็นลูกของมหาเสนาบดีเหรอ?" น้ำเสียงนั้นไม่มีความน้อยใจแม้แต่น้อย อาหมิงโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง
"เจ้าค่ะ...เป็นบุตรีคนที่สิบเอ็ดของมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ"
"ข้ามีพี่น้องกี่คน?"
"ถ้าหากรวมท่านก็ยี่สิบสามคนเจ้าค่ะ"
"ห๊ะ!?!" เสียงที่ลั่นออกมาทำเอาอาหมิงตกใจจนสะดุ้งสุดตัว
"เท่าไหร่นะ!!…ยี่สิบสาม?!? โอ้โห!!...ยี่สิบสาม อะไรมันจะไปเยอะขนาดนั้น!?!" เสียงกระโชกโฮกฮากที่เปล่งออกมาทำให้สาวรับใช้ข้างกายหน้าตางุนงง
"เมื่อวานมีฮูหยินหลายคนมาใช่ไหม?…แล้ว…เอ่อ...จะพูดยังไงดี…มีฮูหยินกี่คนล่ะ?"
"ในจวนนี้มีฮูหยินสี่คนเจ้าค่ะ"
อะโหย!...สี่คน!?!
"แล้วฉันเป็นลูกใครล่ะ?" อาหมิงก็คงอยากจะรู้สึกเศร้าสร้อยร้องไห้เป็นเพื่อนคุณหนูอันหนิงอยู่หรอก ถ้าน้ำเสียงนางไม่ดูใสซื่อเฉยเมยเพียงนั้น
"แท้จริงแล้วฮูหยินสี่ปัจจุบันต้องเป็นฮูหยินห้าเจ้าค่ะ…มารดาของคุณหนูเป็นฮูหยินคนที่สี่ทว่านางได้จากไปตั้งแต่ท่านคลอดเจ้าค่ะ…"
เมื่อเอ่ยจบสาวใช้ก็รู้สึกเศร้าใจแทนนายหญิงของตนนัก เมื่อเหลือบสายตาขึ้นมองคุณหนูก็ต้องตกใจนักเมื่อเห็นแววตาลุกวาวและประกายที่เต้นระริกระรี้ภายในดวงตา
"แสดงว่าไม่มีใครจะมาสนใจเราน่ะสิ…ถ้าเราออกไปคงไม่มีใครสนใจหรอกจริงไหม?"
จริงสินะ...ปกติก็ไม่มีใครจะมายุ่งเกี่ยวกับคนในเรือนนี้อยู่ ถ้าหากออกไปคงไม่มีผู้ใดสนใจหรอกใช่หรือไม่?
"ตะ…แต่ว่า คุณหนูเจ้าคะ หากมีคนทราบเรื่องเข้าเราอาจจะโดนลงโทษเลยก็ได้นะเจ้าคะ อีกทั้งอาจจะทำให้ชื่อเสียงของท่านมหาเสนาบดีเสื่อมเสียลงได้นะเจ้าคะ…"
ถึงแม้นางจะอยากให้คุณหนูของตนได้ออกไปท่องเที่ยวบ้างแต่นางพูดควรเตือนและห้ามไว้เสียหน่อย
"นี่เธอคิดว่าฉันจะไปทำอะไรให้เสียชื่อเสียงของมหาเสนาบดีเลยเหรอ? เอาน่า…ฉันไม่ได้จะไปทำอะไรไม่ดีสักหน่อย ฉันยังไม่เคยได้มองเห็นโลกภายนอกเลย เธอก็คงจะเคยออกไปข้างนอกอยู่ใช่ไหม? เธอก็ไปกับฉันด้วยสิ"
สายตาเจิดจ้าและคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังนั้นทำเอาอาหมิงถึงกับคิดหนัก จริงสินะ...คุณหนูของนางมิได้เป็นคนเลวร้ายเสียหน่อย นางจะห่วงอันใดกัน ทั้งคุณหนูยังเป็นผู้ที่อ่อนโยนอ่อนหวานไม่น้อยหน้าคุณหนูผู้ใดอยู่แล้ว นางจะไปกังวลว่าอาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้อย่างไร?...…..
Have some idea about my story? Comment it and let me know.
Like it ? Add to library!