webnovel

กำแพงหลังป่าไผ่

สายตาเจิดจ้าและคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังนั้นทำเอาอาหมิงถึงกับคิดหนัก จริงสินะ...คุณหนูของนางมิได้เป็นคนเลวร้ายเสียหน่อย นางจะห่วงอันใดกัน ทั้งคุณหนูยังเป็นผู้ที่อ่อนโยนอ่อนหวานไม่น้อยหน้าคุณหนูผู้ใดอยู่แล้ว นางจะไปกังวลว่าอาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้อย่างไร?...…..

"ถ้าเช่นนั้น...ถ้าคุณหนูอยากเดินเล่นข้างนอกไม่ไกลจากเรือนก็ได้อยู่เจ้าค่ะ" ที่นี่อยู่ห่างจากเรือนหลังอื่นในจวนมาก คงไม่มีผู้ใดมาสอดส่องจับตาดูไกลถึงเพียงนั้นหรอกนะ

"เย่!…ไปกันเลย!" อาหมิงในร่างฉีอันหนิงวิ่งกระโดกกระเดกออกจากประตูเรือนด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา อาหมิงตกใจรีบวิ่งตามทันที

"คุณหนูเจ้าคะ! อย่าวิ่ง…เอ่อ…กระโดด…เช่นนั้นสิเจ้าคะ"

โอ้โห! ได้วิ่งโดยที่เห็นถนนและทิวทัศน์รอบข้างเป็นความรู้สึกแบบนี้เองเหรอ…มีความสุขจังเลย

จู่ ๆ เธอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้สองเท้าที่กระเด้งอยู่หยุดชะงักฉับพลันจนอาหมิงที่วิ่งตามมาด้านหลังเกือบชนเข้าใส่

"ว้าย!…มีอะไรหรือเจ้าคะ?"

"นี่คือต้นไม้ใช่ไหม?" ปลายนิ้วเล็กชี้ไปยังแถวต้นไผ่สีเขียวที่ทอดยาวกว้างสุดลูกหูลูกตา

"ชะ…ใช่เจ้าค่ะ..ต้นไผ่อย่างไรล่ะเจ้าคะ?"

นี่เป็นต้นไผ่เองเหรอเนี่ย ในที่สุดก็ได้เห็นเสียที เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วหลับตาใช้มือลูบไล้แผ่วเบา อืม…ใช่แล้ว ที่นี่มีต้นไผ่เยอะมากเลยแฮะ

เอ?…ว่าแต่... "ทำไมไม่เห็นบ้านคนเลยล่ะ?" สาวน้อยถามด้วยความสงสัย เพราะรอบข้างนี้ นอกจากเรือนของฉีอันหนิงแล้วก็ไม่เห็นสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายกันอยู่ใกล้เคียงเลย เรียกว่าไม่เห็นเลยแม้แต่เงา

"เรือนของคนอื่นอยู่ทางฝั่งโน้นเจ้าค่ะ ถ้านับระยะทางแล้ว ห่างจากเรือนของคุณหนูไปประมาณหกลี้ แค่เดินมาที่นี่ก็เกือบชั่วยามกว่าแล้วเจ้าค่ะ"

"แล้วเมื่อเช้านี้เธอไปไหนมา?"

"ข้าเอาสำรับอาหารไปเก็บที่โรงครัวทางฝั่งโน้นเจ้าค่ะ" หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่นทันใดแล้วเอ่ยถามต่อ

"เธอบอกว่าแค่เดินมาที่นี่ก็เกือบชั่วยาม แล้วทำไมเธอเดินไปกลับถึงเร็วจังเลยล่ะ?"

อาหมิงยิ้มแห้ง ๆ ตอบเสียงอ่อย "เพราะข้าน้อย…วิ่งเจ้าค่ะ"

ดวงตาของคุณหนูฉีอันหนิงเป็นประกายมองคนข้างตัวด้วยสายตาชื่นชม "สุดยอด!" อาหมิงยิ้มเอียงอายก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังเมื่อเห็นสายตาเจิดจ้าของคุณหนูตน

"แต่ที่จริงแล้ว..ก็ไม่สมควรวิ่งเจ้าค่ะ ใครเห็นเข้าก็จะว่าเอาได้เจ้าค่ะ"

เฮ่อซินหมิงหัวเราะเอ่ยเสียงแผ่ว "ที่นี่มีใครเห็นซะที่ไหนเล่า"

อาหมิงชะงักพยายามทำความเข้าใจ "วะ…ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ?!...คุณหนู!!!"

ยังพูดไม่ทันจบคนเบื้องหน้าก็รวบชายกระโปรงขึ้นวิ่งโด่งไปไกลเสียแล้ว ผ้าคลุมผืนหนาลากไปตามพื้นถนนที่มีใบไผ่กองหนาให้สะอาดเกลี้ยงเป็นทางยาว

"คุณหนู!!!"

โธ่! นี่นางคิดผิดหรือคิดถูกกันนะ?!?

.................

สายลมเย็นที่ปะทะกับผิวหน้าให้ความรู้สึกที่ดียิ่งราวกับได้โผบินอย่างเสรี เฮ่อซินหมิงหลับตาพริ้มด้วยความสุขใจ สองเท้ายังไม่ลดความเร็วลง

พลั่ก!!

"โอ๊ย!!" ปลายเท้าเตะใส่ก้อนหินเท่ากำปั้นทำให้เธอล้มคว่ำร่างฟาดพื้นเต็ม ๆ อาหมิงที่ตามหลังมาตกใจหน้าซีดเผือด

"คุณหนูเจ้าคะ!! คุณหนูเป็นอะไรมากหรือไม่!!" สาวรับใช้คนสนิทเข้ามาประคองอีกร่างให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลด้วยทั้งสองต่างมีรูปร่างที่ตัวเล็กผอมบางไม่ต่างกัน

"คุณหนูร่างกายเปราะบางอย่าวิ่งแบบนี้สิเจ้าคะ"

"ใครว่าฉันเปราะบาง ฉันเนี่ยร่างกายแข็งแรงยิ่งกว่าเด็กในหมู่บ้านคนอื่นซะอีก..."

เอ๊ะ...แต่นี่ไม่ใช่ร่างกายของเธอนี่นา ถึงว่าทำไมรู้สึกไม่ค่อยมีแรงเลย

"คุณหนูน่าจะรู้จักร่างกายตัวเองดีที่สุดนะเจ้าคะ แล้วเด็กในหมู่บ้านคือใครหรือเจ้าคะ?"

เฮ่อซินหมิงหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะตอบ "เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็พูดไปเรื่อยน่ะ"

ทั้งสองเดินกันเข้าไปในป่าไผ่ทางด้านหลังเรือนชื่นชมความงามของธรรมชาติที่กว้างใหญ่ในป่าแห่งนี้ เฮ่อซินหมิงกวาดตามองไปรอบด้านด้วยความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง ทิวทัศน์ที่มีแต่สีเขียวเช่นนี้เมื่อมองแล้วรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจยิ่งนัก

เดินมาอีกหนึ่งเค่อก็เห็นกำแพงสูงอยู่หลังป่าไผ่ ด้วยความสงสัยอาหมิงในร่างคุณหนูสิบเอ็ดจึงเร่งฝีเท้าตรงไปทางนั้น

"คุณหนูเจ้าคะ นั่นคือกำแพงจวน เราเดินมาจนสุดทางแล้วเจ้าค่ะ"

กำแพงจวน? กว่าจะเดินมาถึงนี่ก็ผ่านป่าไผ่ที่แทบจะไกลสุดลูกหูลูกตาที่แท้ก็มีกำแพงกั้นไว้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย นึกว่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอดทางซะอีก

นิ้วเรียวเล็กลูบกำแพงสูงเบื้องหน้าก่อนจะเดินเลียบกำแพง ปลายนิ้วลากไปตามพ้นผิวขรุขระขาดที่คนดูแลโดยมีสาวใช้เดินตามหลังไม่ห่าง

"หลังกำแพงนี่มีอะไรเหรอ?"

อาหมิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ "ข้าก็มิรู้เจ้าค่ะเพราะข้าก็ไม่เคยเดินมาที่นี่เช่นกัน"

เธออยากรู้จริง ๆ ว่าหลังกำแพงนี่มีอะไรทำยังไงถึงจะออกไปนอกกำแพงนี่ได้นะ สายตาไล่ตามกำแพงมองไปจนถึงหลังคาสั้นที่มุงกำแพง แขนเรียวยื่นขึ้นไปจนสุดก็ถึงเพียงแค่ครึ่งกำแพงเพียงเท่านั้น นี่เป็นเพราะเธอเตี้ยหรือกำแพงมันสูงกันนะ

หันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย ความสูงของเธอกับอาหมิงก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ถ้าสองคนยืนต่อตัวกันจะถึงบนกำแพงไหมนะ?

"เธอมานี่" เมื่อเอ่ยเรียกแล้วเฮ่อซินหมิงก็คุกเข่าลงหันหน้าเข้ากำแพงทันที "เหยียบไหล่ฉันขึ้นไป ฉันจะลองดูหน่อยว่าจะถึงบนกำแพงหรือเปล่า"

อาหมิงตกใจหน้าซีดเผือด "ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู! ข้าทำแบบนั้นไม่ได้ อีกอย่างคุณหนูจะออกไปหรือเจ้าคะ?"

"แน่อยู่แล้ว รีบ ๆ เหยียบไหล่ฉันเร็วเข้า แล้วดูให้หน่อยว่ามองเห็นข้างนอกมั้ย"

สาวรับใช้ตัวน้อยทั้งรู้สึกตกใจและซาบซึ้ง ในจวนแห่งนี้มีแต่การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน มีแต่การเสนอตัวเองเพื่อจะได้ไปยังจุดที่สูงกว่าผู้อื่น นางไม่เคยเห็นผู้ใดยอมลดตัวให้ผู้อื่นเหยียบย่ำอย่างจริงใจเช่นนี้มาก่อน

โดยเฉพาะนายที่ยอมให้บ่าวได้ขึ้นไปยังจุดที่สูงกว่าตน.........…

Like it ? Add to library!

Have some idea about my story? Comment it and let me know.

SaonoiTrakunHancreators' thoughts