webnovel

บ้านร้าง (1/4)

"อือ"

ใครจะรู้ล่ะว่าความฝันก็ทำให้ปวดหัวได้ นาวีสะลึมสะลือตื่นขึ้นตอนกลางดึกทั้งที่ควรจะพักผ่อนเอาแรงหลังงานกดดัน ฉากฝันดีฝันร้ายปนกันมั่วยังค้างอยู่หลังเปลือกตาหนักอึ้ง ภาพลากผ่านไปรวดเร็ว จับต้องสิ่งใดไม่ได้ ไม่เห็นการเชื่อมต่อ

เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบ ๆ ในความมืดเหมือนน้ำหมึก สติงัวเงียบอกให้เขาหลับต่อ แต่ความผิดปกติบางอย่างตรงทางออกดึงสายตาของเขาไป แสงใต้ช่องประตูที่ควรเป็นเส้นตรงยาวถูกคั่นด้วยเงาดำ ๆ สองเงา นาวียังง่วงเกินกว่าจะคิดออกว่ามันคืออะไร จนกระทั่งมันขยับ

เท้าคู่หนึ่งยืนอยู่หลังบานประตู

เด็กหนุ่มใจเต้นผิดจังหวะ เงี่ยหูฟังเสียงไขลูกบิดอย่างระมัดระวังในความเงียบ มือที่กำผ้าห่มเริ่มชื้นเหงื่อตามระดับความกังวล นอกจากย่าแล้วคนที่เข้ามาที่นี่ก็มีแค่ผู้คุม ทำไมต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ

นาวียังไม่ทันได้คำตอบเงาหน้าประตูก็ผละออกไปก่อน แล้วในเวลาเพียงนาทีเดียว กลุ่มผู้คุมตัวจริงเสียงจริงก็พรวดพราดเข้ามา หน้าตาแต่ละคนดุร้ายและหงุดหงิดอย่างสุนัขล่าเนื้อคลาดกับเหยื่อ

"มีใครเข้ามาไหม" หนึ่งในนั้นตะคอกถาม

"ไม่นะครับ…" คนพึ่งตื่นส่ายหน้าสับสน แต่คำพูดเขาไม่น่าเชื่อถือสำหรับผู้คุม ทั้งสี่ถึงกระจายกำลังไปค้นทุกซอกทุกมุมท่ามกลางไฟสว่างโร่ เด็กหนุ่มต้องลุกขึ้นมายืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กลางห้องเพื่อไม่ขวางการค้นเตียง

ราวกับโชคชะตาสนุกกับการซ้ำเติมเขา ร่างวิญญาณของย่าปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า

'มีเพื่อนมาเยี่ยมเหรอจ๊ะ นาวี เดี๋ยวนี้มีเพื่อนกับเขาแล้วเหรอ'

"ครับ…? ผมไม่เข้าใจ"

เงาขมุกขมัวไล่ต้อนผู้เยาว์ให้ถอยหลังหนี ขู่ให้กลัวทั้งทางกายภาพและจินตภาพ แต่พอเขาจะก้าวถอยร่างวิญญาณกลับอ้อมไปขวางให้นาวีหยุดกับที่ หลังคอรู้สึกขนลุกชันเมื่อย่าลอยวนรอบเหยื่ออย่างเชื่องช้า น่าครั่นคร้าม

'เล่นอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ กันน่ะ ซ่อนแอบเหรอจ๊ะ ไหน มันไปอยู่ตรงไหน'

"ผม-ผมไม่ทราบครับ ผมพึ่งตื่น แล้วผู้คุมก็มา" นาวีไม่ชอบร่างวิญญาณเลย เขาไม่สามารถอ่านสีหน้าของสิ่งโปร่งแสงได้ชัดเท่าตัวเป็น ๆ ยากจะรู้ว่าต้องตอบอย่างไรผู้ชราถึงจะพอใจ

'หนูซ่อนมันไว้ไหน

"ผมไม่เจอใครจริง ๆ"

ย่าทำเสียงเดาะลิ้นไม่พอใจ ส่งสัญญาณให้เขาหุบปาก

นาวียืนนิ่ง นึกอยากตะโกนถามออกมาว่าย่าต้องการอะไร เขาพูดความจริงทั้งหมดอีกคนก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ย่ามีคำตอบที่ต้องการอยู่ในใจอยู่แล้วและอยากให้เขาสารภาพบาป เหล่าผู้คุมค้นห้องอย่างละเอียด ราวกับซอกเล็ก ๆ ระหว่างตู้กับผนังจะมีมนุษย์ทั้งคนโดดออกมา จนแล้วจนรอดก็ต้องยอมรับความจริง

"ไม่เจอครับ"

ร่างวิญญาณนิ่งอย่างน่าอึดอัด ย่าเงียบไปอึดใจหนึ่งหลังได้รับรายงาน

"ย่า…ผมไม่เห็นใครจริง ๆ ผมไม่ได้โกหก ผมสาบานกับอะไรก็ได้ เชื่อผมเถอะ" นาวีใช้น้ำเสียงอ่อนแอเป็นพิเศษด้วยหวังให้หญิงชรารู้สึกผิด แต่คิดอีกที มันเป็นไปไม่ได้หรอก

เงาขมุกขมัวเคลื่อนเข้าใกล้ ต้อนเด็กหนุ่มให้ถอยไปชิดผนังห้อง ลมหายใจของเขาตื้นลงด้วยไม่คาดคิด เขานึกว่าย่าจะใช้น้ำเย็นเข้าลูบ หรือหาข้ออ้างร้อยแปดพันเก้ามาพิสูจน์ว่าตัวเองทำถูกแล้ว ไม่นึกจะเจอการสอบสวนจริงจังจากร่างวิญญาณ

'แล้วตอนกลางวันมองอะไรน่ะนาวี'

"ผม…ผมแค่ตาฝาด"

'ขยายความซิจ๊ะ หนูเห็นอะไร'

"ไม่-ไม่รู้ครับ อาจเงากิ่งไม้"

ความเงียบก่อนพายุกระหน่ำปกคลุมทั่วห้อง นาวีกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขาเคยคิดว่าตัวเองตาฝาดไปเอง ความจริงเมื้อกี้ถ้าทุกคนไม่ตอบสนองกันเกินเหตุ เขาคงนึกว่าเงาเท้านอกประตูคือฝันด้วยซ้ำ

มีใครบางคนแอบตามเขา…การถูกติดตามทำให้นาวีร้อนรนยิ่งกว่าถูกดุด่าเกรี้ยวกราด หวาดกลัวยิ่งกว่าถูกข่มขู่กดดัน ผู้บุกรุกยืนอยู่แค่หน้าประตูนี่เอง ใกล้มากเกินไป ถ้าเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นมาจริง ๆ เขาแทบจะไร้ทางสู้

'หนูทำให้ย่านึกถึงคนคนหนึ่ง' ย่าเปลี่ยนเรื่อง ผู้ฟังรู้สึกปั่นป่วนในช่วงอก รอยยิ้มใจดีแบบนั้นไม่ได้มาดีแน่ แต่ย่าก็พาอ้อมโลกไปแทนที่จะบอกว่าต้องการอะไร 'เทวัญ คนโง่เง่าที่ไล่ตามสิ่งไม่สมควร สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้ตัวตนเลวร้ายข้างใน'

'ทันทีที่เลือกอดีต สิ่งแรกที่เขาทำคือกลับไปคร่าชีวิตครอบครัวตัวเองทุกคน เพื่อนร่วมสมาคมที่หวังเข้าช่วยไม่มีใครได้กลับมา หลายชีวิตบริสุทธิ์ต้องถูกสังเวยเพราะความบ้าคลั่งของเขา'

นาวีมือสั่น ไม่ว่าย่าจะเล่าความจริงหรือไม่ คำว่าครอบครัวดึงรสชาติขมขื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

'ถ้ายังไม่เลิกจมอยู่กับอดีตหนูก็จะเป็นเหมือนกัน'

"ผมไม่มีวันเป็นแบบเขา"

'ย่ารู้จ้ะ หนูเป็นเด็กดี มีอะไรก็บอกย่าทุกเรื่อง แค่นี้ก็ทำให้หนูต่างจากปีศาจอย่างมันมาก ๆ แล้ว'

"ผม-ผมบอกย่าไปแล้วว่าไม่เห็นจริง ๆ ผมจะสารภาพสิ่งที่ไม่รู้ได้ยังไง"

'ยังโกหกอยู่อีกเหรอ'

"แต่…แต่ผม…ไม่โกหกนะ ผมไม่เห็นใครทั้งนั้น" นาวีอ้อนวอน ทั้งคำขู่น่ากลัว การโดนดูถูก การต้องทาเดาคำตอบที่อีกฝ่ายต้องการอีก เด็กหนุ่มรู้สึกรุนแรงจนอยากจะร้องไห้ "ย่าอยากให้ตอบอะไรก็บอกมาเลยสิ!"

ปากบอกว่าไม่อยากให้โกหก แต่การกระทำไล่ต้อนเป็นการบังคับกลาย ๆ ให้เขาเล่าความเท็จ หญิงชราสนุกกับการปั่นหัวเขาขนาดไหนกัน

'ย่าแค่ห่วง อดทนกับผู้เฒ่าผู้แก่หน่อยนะลูก' หลังพึ่งเอาน้ำกรดสาด ย่าเอาน้ำเย็นเข้าลูบ 'ที่ทำไปก็เพื่อปกป้องหนูรู้ไหม มีแต่คนจะเอาหนูไปจากย่า'

ความรู้สึกสิ้นหวังของเขาฉายชัดผ่านสีหน้า เป็นครั้งแรกที่ย่ายอมเชื่อ หรือมีทางออกอื่นอยู่แล้วที่ไม่ว่านาวีจะโกหกหรือไม่ ย่าก็มีทางป้องกันไม่ให้เขาหนีได้เหมือนเดิม

___

เวลาที่นาวีอยากอยู่ในศูนย์ที่สุดย่ากลับส่งเขาออกนอกศูนย์ ผู้สืบทอดต้องออกเดินทางทันที ทิ้งห้องผาสุขที่ถูกค้นของกระจุยกระจายไว้เบื้องหลัง และทิ้งโอกาสที่จะรู้คำตอบของเขาไปพร้อมกัน เหลือเพียงความร้อนรนกระวนกระวายไปตลอดทาง

ใครอยู่หลังประตู ย่ายังฝังใจว่าเขาโกหกอยู่ใช่ไหม ย่าจะทำอะไร ปิดประตูตีแมว? นาวีกลัวเหลือเกินว่าหญิงชราจะทำสำเร็จ

หลังรถปิดฟิล์มทึบ ถนนว่างเปล่า ทางเดินไร้ผู้คน และการมีผู้คุ้มกันล้อมหน้าล้อมหลังตลอดทาง นาวีถูกส่งเข้าห้องพักหรูหราที่ไร้หน้าต่าง แล้วก็ถูกปล่อยทิ้งให้อยู่ในนั้นนานเกือบหนึ่งอาทิตย์ ปฏิสัมพันธ์เดียวกับผู้คนภายนอกคือเวลาส่งอาหาร เขาเห็นโถงทางเดินสั้น ๆ ที่เชื่อมกับบันไดตอนผู้คุมเปิดประตู น่าเสียดายที่ไม่เห็นอะไรมากกว่านั้น

นาวีอยากกลับไป แต่ในเมื่อเขาไร้พลังเขาไร้หนทาง ทุกการตัดสินใจอันผิดพลาดมันนำเขามาที่นี่…ที่ที่ทำได้แค่รอ

ในช่วงเย็นของวันที่เจ็ด ประตูห้องถูกเปิดออกนอกเวลาปกติ ด้านนอกไม่ได้มีแค่ผู้คุมแต่ยังมีเจ้าหน้าที่ในชุดขาวยืนอยู่ด้วยกัน แล้วนาวีก็ได้ยินคำพูดแรกที่โต้ตอบกลับหลังถูกเงียบใส่มาหลายวัน

"กรุณาตามมาด้วยครับ"

"ผมต้องไปไหน"

"การทดสอบครั้งสุดท้าย"

คำว่าสุดท้ายที่ไม่เคยสุดท้ายทำให้เขาหงุดหงิดหน่อย ๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งแรกที่นาวีสนใจ "ย่าล่ะครับ ย่ายังอยู่ที่ศูนย์เหรอ ทำไมผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ที่ศูนย์เกิดอะไรขึ้น ทำไมย่าไม่มาด้วยตัวเอง"

เด็กหนุ่มไม่ได้รับคำอธิบายเช่นเดิม เมื่อมัวแต่ยึกยักลังเลผู้คุมก็เข้ามาลากแขนให้เดินตามเป็นนักโทษ พากลับไปที่รถปิดทึบคันเดิม

ไม่เป็นไร…คราวนี้เขาจะหาคำตอบด้วยตัวเอง นาวีให้สัญญาในใจขณะกัดริมฝีปากอย่างอดกลั้น ความกดดันในรถเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่เขาเคยเผชิญ เวลาแห่งการอดทนจะจบลงเร็วกว่าที่คาดไว้ตอนแรก แค่อีกไม่นานเท่านั้น

รถหยุดจอดถึงที่หมายในสามสิบนาที โลกภายนอกแรกที่ได้เห็นหลังออกจากห้องผาสุข คือบ้านร้างน่าขนลุก

บ้านเดี่ยวหลังใหญ่กลางพื้นที่ที่เคยเป็นสวน ถูกปล่อยรกไม่ได้รับการดูแลจนเป็นกึ่ง ๆ ป่า ที่รอนาวีอยู่คือเจ้าหน้าที่พิเศษอย่างน้อยสามสิบคน ยืนออกันอยู่ตรงป้อมยามติดกำแพง

ชายที่นั่งข้างคนขับมาเปิดประตูให้เขาลงจากรถ คนชุดขาวที่รออยู่หันมาหาผู้สืบทอดอย่างพร้อมเพรียง ย่าไม่ได้มาด้วย แต่เมื่อคิดว่ามีลิ่วล้อของย่าตามติดแทบจะหายใจรดหลังคอ บ้านร้างน่าขนลุกก็ชักไม่น่าขนลุกเท่าไร

ในหมู่ผู้คนที่รอต้อนรับอยู่ ชายในชุดสูทคนหนึ่งดูสะดุดตาท่ามกลางผู้คนในลุคโทนขาว แม้ว่าเขาจะพยายามหาทางหลบมุมต้นไม้แล้วก็ตาม นาวียิ่งเลิกคิ้วสงสัย ความสะดุดตาของชายหนุ่มเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกเกลียดแปลก ๆ ตอนเห็นหน้า ชักเขม่นจาง ๆ ทั้งที่ไม่ได้คุยกัน อีกฝ่ายสบตารับรู้ว่ากำลังถูกมองก่อนจะหลบอย่างรวดเร็ว

เด็กหนุ่มไม่ได้อยู่พิจารณานานไปมากกว่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่มอบกล่องสีขาวใบจิ๋วให้ ความสนใจทั้งหมดของเขาก็เปลี่ยนไปหามันทันที ก่อนกลายเป็นความผิดหวังตอนเห็นว่าข้างในเป็นเหรียญธรรมดา—รำลึกเชื่อม ที่แย่ยิ่งกว่าคือสิ่งที่จะมาพร้อมกัน

ร่างวิญญาณของหญิงชราปรากฏขึ้น

"ย่า…ย่าพาผมมาที่นี่ทำไม ที่ศูนย์มีอะไรกันครับ ผมกลับไปไม่ได้เหรอ"

ใต้ความเงียบของคู่สนทนานาวีได้ยินความหงุดหงิด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี แสดงว่าหญิงชราไม่ได้สิ่งที่ต้องการ

_____