webnovel

บ้านร้าง (2/4)

บ้านร้างหลังใหญ่น่ากลัว บรรยากาศหลอนชวนสะพรึง แต่ในเมื่อมีเสียงของแมงมุมชราคอยชักใยอยู่ในหัว ให้มาคนเดียวจะน่ากลัวน้อยว่านี้หลายเท่า

'ย่าจะพาไปดูว่าคนโกหกมีจุดจบยังไง'

คำอธิบายเพียงประโยคเดียวทำเอานาวีรู้สึกใจหายวูบไปกองตรงข้อเท้า เขาพอจะเดาได้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของลูกน้องย่าที่ทรยศ แต่ไม่แน่ใจว่ามีอย่างอื่นรออยู่ด้วยไหม หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งคำขู่ลมแล้งให้เขาคิดมากไปเอง

เหล่าเจ้าหน้าที่พิเศษกระจายตัวรักษาพื้นที่รอบตัวบ้าน มีเพียงส่วนหนึ่งตามเขาเข้ามาข้างใน นาวีถือแค่กล่องใส่เหรียญ อาศัยแสงจากโคมไฟทรงกลมที่เหล่าคนชุดขาวถือฉายให้เห็นทางและคำสั่งของย่าคอยชี้นำ

'ขึ้นบันไดข้างหน้า'

เด็กหนุ่มมุ่งไปยังบันไดด้านซ้ายของโถงทางเข้า คอยระวังไม่ให้ตัวเองเหยียบคราบสกปรกสุดความสามารถ ไม่ต้องพูดถึงเอื้อมมือไปจับราวสีทองเคยหรูหราที่เต็มไปด้วยหยากไย่ ตรงทางเดินข้างบนก็มีสภาพไม่ต่างกัน หนูตัวเขื่องวิ่งผ่าน แมงมุมขนรุงรังเกาะเพดาน คราบก้อนสีแดงเข้มจนเกือบดำแห้งติดพื้น

ด้านในห้องแรกเขาเข้าไปยิ่งแย่หนัก กลิ่นเน่าของห้องนั่งเล่นรก ๆ ไม่ได้ทำความสะอาดมาแรมปีพัดเข้าจมูกตั้งแต่ผลักประตูออก นาวีอยากวิ่งหนีออกไปหาอากาศบริสุทธิ์ แต่ต้องรอให้ย่าพิจารณาตู้หนังสือติดผนังอยู่นาน จากบรรยากาศที่ร่างขมุกขมัวปล่อยออกมา นาวีพอจะเดาได้ว่าย่ายังไม่เจอสิ่งที่ต้องการ

หลังคำสั่ง 'เก็บกลับไปให้หมด' คนชุดขาวก็ไปเอาของบนนั้นใส่กระเป๋าเหล็ก กวาดทุกอย่างใส่ไม่เว้นแต่จดหมายซองสีชมพูที่ดูไม่เกี่ยวข้องเลย จากนั้นเสียงบอกทางสั่งให้สำรวจตามห้องต่าง ๆ ต่อ พวกเขาผ่านห้องนอนรกรุงรัง ห้องหนังสือเหม็นอับ ทางออกไปสระว่ายน้ำที่เป็นสีเขียวอี๋

ตอนนั้นเองที่เสียงฝีเท้าดังจากข้างหน้า หางตานาวีเห็นแผ่นหลังวิ่งผ่านเร็ว ๆ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตัดสินใจ เจ้าหน้าที่สี่คนรีบพุ่งตัวออกไปทันที

'ตามไป'

ผู้สืบทอดรีบก้าวเร็วตาม เมื่อเขาเดินขึ้นบันไดวนไปถึงห้องโดมชั้นสี่ เหล่าคนชุดขาวต่างกระจายตัวหน้าผนังและหน้าต่างบานสูง ล้อมเป็นวงกลมรอบร่างหนึ่งที่นอนหงายอยู่กลางโดม เท้ามีมีดปักไม่ให้หนี

นาวีสูดหายใจเข้าเฮือก เท้าจะวิ่งเข้าไปหาผู้บาดเจ็บแต่พบว่าร่างกายไม่ทำตาม

เป้าหมายเป็นผู้หญิงวัยกลางคน เธออยู่ในชุดสีขาวเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่ต่างกันคือทั้งเก่าและมีกลิ่นเหม็นอับ บอกถึงเวลาว่าเธอติดอยู่ในบ้านมานานเท่าไรแล้ว

'ย่า ทำไมไม่ช่วย…เธอ-เธอเป็นพวกเรา' เด็กหนุ่มไม่ต่อสู้กับผู้ควบคุมร่างแล้วถามผ่านความคิดแทน

'แล้วก็เป็นคนทรยศ'

'แต่..'

'จิตแข็งน่าดูเลย เข้าไปใกล้ ๆ หน่อยซิจ๊ะ' หญิงชราสั่ง กระตุ้นให้เท้าอ่อนแรงของผู้เยาว์ให้ก้าวเดิน 'แล้วถามแทนย่าที'

ผู้สืบทอดคุกเข่ากลางพื้นห้อง สบกับสายตาแข็งทื่อที่มองตรงมาอย่างไร้ความรู้สึก เขาสังเกตเห็นแผลบนตาอีกฝ่าย มันตกสะเก็ดสีน้ำตาลเข้ม ลูกตาตรึงมองเขาจนเลือดไหลเป็นสาย เด็กหนุ่มรีบนำเหรียญใส่มือเหยื่อเพื่อการเชื่อมต่อทรงพลัง แต่เมื่อสัมผัสถึงผิวหนังเย็นยะเยือกเขารีบหดมือกลับ

"เท-เทวัญอยู่ไหน" เสียงที่ควรแข็งกร้าวตอนสืบสวนออกมาตะกุกตะกัก ย่าหัวเราะเอ็นดูอยู่ในห้วงจิต

เขารู้ว่าเป็นพลังของย่าที่ควบคุมเธออยู่ เป็นย่าที่กำลังทรมานเหยื่อผู้โชคร้าย ที่เขาไม่รู้คือทำไมตัวเองถึงยังรู้สึกผิดอยู่ อยากเอ่ยขอโทษแล้วเบือนหน้าหนีจากผู้ทรยศที่เอาแต่จ้องแล้วก็จ้อง แต่สุดท้ายก็เลือกจะทำตามย่าบงการอยู่ดี

"ใครที่ช่วยพวกคุณอยู่" เสียงอ่อนเยาว์เข้มแข็งขึ้น พยายามให้ออกมาข่มขู่ถึงช่วงปลายจะแผ่วลง "กลุ่มที่เข้ามาก่อนหน้านี้ล่ะ หา-หายหัวไปไหนกันหมด"

แพะใกล้ตายหัวเราะเสียงแหบแห้ง ส่ายหน้ามองเด็กหนุ่มเหมือนสถานการณ์นี้เป็นเรื่องน่าตลกเสียเต็มประดา

น่าแปลกที่เขาไม่ถูกจินโจมตี น่าแปลกที่เธอไม่พูดอะไรเลย กระทั่งเสียงกรีดร้องเจ็บปวดก็ไม่มี ดวงตาที่มีเลือดคั่งดูว่างเปล่าไม่ต่างจากกายเนื้อไร้วิญญาณ ราวกับคนตรงหน้าก็ถูกควบคุมอยู่อีกที

"วางแผนอะไรกัน—"

เสียงโหยหวนจากข้างหลังดังกลบคำพูดเขา

ร่างปริศนากระโจนใส่เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง แล้วผู้ทรยศกว่าสิบคนก็กรูกันเข้ามาทางประตู เกิดเป็นการต่อสู้โกลาหล

หนึ่งในผู้ทรยศปรี่เข้าหานาวีแล้วคร่อมเขาไว้กับพื้น เด็กหนุ่มรีบเหวี่ยงหมัดโต้ตอบ พร้อม ๆ กับที่ร่างวิญญาณของย่าปรากฏตัว กดสติผู้โจมตีให้แน่นิ่งไป

หญิงชรามุ่งตรงไปช่วยคุมสถานการณ์ตรงหน้าประตูห้อง เหลือนาวีไว้กับคนหมดสติและเหยื่อบูชายัญด้านหลัง—เธอไม่อยู่แล้ว

เขาพยายามลุกขึ้น มือสั่นเทาหาทางพาตัวเองออกจากร่างหนัก ๆ ที่นอนทับ ดวงตาตื่นตระหนกเห็นร่างหญิงวัยกลางคนปีนขอบหน้าต่างสูง ก่อนเธอจะพาตัวเองร่วงจากชั้นสี่ ดึงวิญญาณของย่าให้ตามไปด้วยกัน

___

พอไม่มีจิตทรงพลังของย่าคอยช่วยเหลือ ผู้สืบทอดก็เหมือนเนื้ออันโอชะท่ามกลางฝูงฉลาม นาวีจำได้แค่ว่าถูกฟาดศีรษะจนมึน ความเจ็บปวดวิ่งพล่านจนตาลาย ร่างกายถูกแบกไปที่ไหนสักแห่ง แต่เขาไม่ใช่คนเดียวที่ตกเป็นเหยื่อ เด็กหนุ่มเห็นราง ๆ ว่ามีหลายร่างที่ถูกแบกมาด้วยกัน

ตอนนั้นเองที่คลื่นจินถูกซัดผ่าน นาวีรู้สึกถึงความง่วงงุนโดยทันที รู้ตัวว่าความสบายขับไล่กลิ่นเหม็นไปจากโสตประสาท ไล่ความปวดหนึบไปจากศีรษะ พลังรุนแรงมากยิ่งกว่าตอนฝึกกับย่า ซึ่งเมื่อคิดว่าสามารถควบคุมได้ทีละเป็นสิบ ๆ คนแบบนี้ น่ากลัวว่าอาจเหนือกว่าจริง ๆ

เด็กหนุ่มต้องกัดฟันช่วยไม่ให้หลับ แต่สติก็ยังหลุดควบคุมไปครู่หนึ่งอยู่ดี

เมื่อลืมตาขึ้นในที่แปลกใหม่ ผู้ถูกลักพาตัวหรี่ตาลงด้วยถูกแสงสีส้มจากหลอดไฟแยงตา เขาย่นจมูกตั้งแต่ลมหายใจเข้าแรก ทั้งที่คิดว่าตัวเองชินกับกลิ่นเหม็นอับแล้ว แต่ความน่าสะอิดสะเอียนของห้องนี้ชนะทั้งบ้านรวมกันเลย

เขานอนอยู่บนเตียงแข็ง ๆ ตั้งระหว่างฉากกั้นทำจากไม้อัด ความยาวไม่ถึงครึ่งตัว สามารถเห็นปลายเท้ากับขากางเกงสีขาวจากเตียงข้าง ๆ ได้ หากเงยขึ้นมองจะเห็นแนวเตียงและฉากกั้นแบบเดียวกันจากอีกฝั่ง ชวนให้นึกถึงหอพักนักเรียนสมัยก่อน

นาวีแอบลงจากเตียง ข่มความคลื่นเหียนเมื่อเท้าแตะคราบปริศนาบนพื้น ก่อนแอบโผล่หน้าออกไปดูนอกฉาก—ไม่มีคน—ทางเดินตรงกลางแนวเตียงสองฝั่งว่างเปล่า ทั้งห้องมีแต่ร่างของเจ้าหน้าที่ที่หมดสติ

เสียงฝีเท้าเข้าใกล้ประตูทางออก นาวีรีบลงไปหลบใต้เตียงทันที

ข้างล่างไม่ได้แย่เท่าพื้นรอบ ๆ ที่เปื้อนคราบเลือดกับเศษเนื้อแห้งเน่า แต่ความคลื่นเหียนกลายเป็นปัญหาไร้สาระไปแล้วตอนนี้ เด็กหนุ่มถอยไปให้ชิดผนังที่สุด ภาวนาให้แสงไฟซีดเซียวช่วยปกป้องตัวเองจากอะไรก็ตามที่ใกล้เข้ามา ผู้ทรยศ? เทวัญ? เหล่าปีศาจที่ย่าเคยใช้ขู่เขา

ฟังจากเสียงเท้าเหยียบพื้นหนัก ๆ นาวีเดาว่าเขาตัวใหญ่น่าดู เจ้าของเสียงแวะเข้าเตียงแรกตรงใกล้ประตู แต่มันอยู่อับสายตาเลยได้แต่ฟังเสียงแทน เกิดความเงียบขึ้นนานกว่าหนึ่งอึดใจ ตามด้วยเสียงผ้าเสียดสี จบลงด้วยเสียงเจาะของบางสิ่งทะลุเข้าเนื้อ

นาวีใจเต้นระรัวอยู่ใต้ที่ซ่อน เขารู้ว่าควรวิ่งหนีแต่ร่างกายสั่นระริกไม่ยอมขยับ

ผู้ทรยศเข้าไปจัดการแต่ละเตียงโดยเริ่มจากอีกฝั่งก่อน แต่ในไม่นานก็จะถึงตรงนี้แน่ถ้าไม่ยอมหนี ไม่เลิกจ้องร่างสูงใหญ่ที่สร้างเสียงน่าสะพรึง เดินเข้าใกล้เตียงที่อยู่ตรงข้ามเขาพอดี แล้วผู้ซ่อนตัวก็ได้เห็นชัด ๆ ว่าแผลของพวกตาเลือดมีที่มายังไง

ชายตัวใหญ่ใช้มือหนึ่งจับศีรษะผู้โชคร้าย อีกมือถืออุปกรณ์คล้ายไขควงตอกเข้าใต้เปลือกตา นาวีรีบปิดปากตัวเอง กลืนความพะอืดพะอมกับเสียงร้องตกใจลงไป หลับตาปี๋ไม่ให้เห็นภาพเหยื่อที่กล้ามเนื้อกระตุกหงึก

เสียงลิ่มแหลมทิ่มเนื้อเล่นซ้ำไปมาหลังเปลือกตาปิดสนิท กว่านาวีจะกล้ามองโลกภายนอกอีกที ผู้ทรยศก็หายเข้าไปในฉากกั้นของเตียงอื่นแล้ว

ขยับสิ! ถ้าไม่หนีตอนนี้ก็รอความตาย ร่างสั่นเทาลุกออกจากที่ซ่อน รีบวิ่งออกนอกประตูบานแรก ผ่านไปเป็นแนวเตียงเหมือนเดิมหมดแค่ไม่มีเหยื่อนอนอยู่ สุดทางเป็นประตูไม้แกะสลักเก่า ๆ ที่ลูกบิดถูกหมุนก่อนเด็กหนุ่มจะวิ่งไปถึง เขาก้มลงใต้เตียงใกล้สุดแล้วรีบคลานหาผนัง

มือใหญ่จับรวบข้อเท้า ลากเขาออกจากที่ซ่อน—

นาวีพลิกตัวไปถีบเต็มแรง มันไม่ปล่อย เอื้อมมือจับหน้าเหยื่อทั้งเอาเข่ากดหน้าอกให้อยู่นิ่ง เด็กหนุ่มเหวี่ยงแขนป้องกันตัวสุดชีวิต

'อย่าขยับ'

เสียงคำสั่งดังก้องเหมือนเอาลำโพงมาจ่อหู นาวีหยุดกึกไปจังหวะหนึ่งแล้วตัดสินใจนอนนิ่ง ๆ ต่อ ปล่อยให้ถูกแบกขึ้นบ่าพากลับไปห้องเดิม ก่อนจะโดนเหวี่ยงลงกับเตียงอีกรอบ

เด็กหนุ่มยังไม่เลิกแกล้งทำเป็นโดนควบคุม ดวงตาสะลึมสะลือเห็นว่าผีร้ายตัวที่สองหันหลังกลับไป ผีถือเหล็กแหลมเดินเข้ามาแทน กำลังเอื้อมมือไปยังลิ่มที่สอดอยู่ในผ้ากันเปื้อน

ตอนนั้นเองนาวีลุกขึ้นแย่งอาวุธ แล้วแทงลิ่มใส่อกของอีกฝ่าย

เขารู้สึกว่าจินไหลบ่าเข้ามา—ไม่มีเวลาคิดแล้ว

ผีร้ายพยายามยื้อแย่งอาวุธกับเหยื่อ ปัดป้องกันไปมาจนลิ่มตกออกนอกฉากกั้น ระหว่างมันไล่ตามเหล็กแหลมเด็กหนุ่มฉวยโอกาสหนีให้เร็วที่สุด เขาพุ่งตรงไปทิศตรงข้ามกับห้องประตูแกะสลักทันที

เส้นทางใหม่เป็นบันไดวนขึ้นสู่ความมืด แต่ในเมื่อข้างหลังคือความตายเขาไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งขึ้นไป เขาใช้มือเกาะราวเหล็กเป็นเครื่องนำทาง เป้าหมายคือเส้นแสงมัว ๆ รวมกันเป็นกรอบสี่เหลี่ยมเหนือบันไดขั้นบนสุด

นาวีผลักประตูออกอย่างแรง ขายังวิ่งต่อไปไม่หยุด อากาศฝุ่นคลุ้งเหม็นอับข้างนอกกลิ่นเหมือนน้ำหอมหลังพึ่งรอดพ้นนรก ไม่ว่าจะทิ้งห่างห้องใต้ดินมาสักเท่าไรอัตราการสูดหายใจเข้าปอดยังสูงลิ่ว สมองสั่งให้หนีต่อไปถึงไม่รู้จุดหมาย เขาชนสิ่งของที่ขวางทางล้มคว่ำ ทั้งทำเสียงดังอยู่หลายรอบแต่ยังช็อกเกินกว่าจะรับรู้

ร่างหนึ่งขวางทางเขา เอ่ยพูดเบาเกินจนถูกเสียงตุบ ๆ ของชีพจรที่เต้นในหูกลบ

สัญชาตญาณแรกของนาวีคือหันหลังหนี ก่อนจะโดนอีกฝ่ายเข้าตะครุบตัวลากเข้าห้องไปด้วยกัน พาเข้าตู้เก็บเอกสารขนาดใหญ่แล้วปิดประตูตาม มือหยาบปิดปากเด็กหนุ่มไม่ให้ส่งเสียง

ทุกการดิ้นรนหนีหยุดลงทันทีที่เห็นผู้ทรยศผ่านช่องว่างของบานตู้ มันใช้ตาเลือดสอดส่องหาตำแหน่งเหยื่อ ค้างอยู่หลายวินาทีจนนาวีรู้สึกหัวหมุนติ้ว ๆ ใกล้หมดสติ ค่อยสงบลงได้ตอนมันถือลิ่มนรกเดินเลยไป

_____