webnovel

ความใจอ่อน

"พี่ว่าปรางเค้าเปลี่ยนไปนะครับน้องปริม"

ปกป้องชวนญาติผู้น้องสนทนาขณะกำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้าท่ามกลางแมกไม้อยู่ในสวนของรีสอร์ต เขากำลังนั่งรอสิปรางค์และปัณณ์มาร่วมรับประทานอาหารเช้า ปริมเป็นคนจัดการนัดบรรดาพี่น้องให้มารวมตัวในโอกาสที่พี่ชายใหญ่ขึ้นมาเยือนเชียงใหม่

ชายหนุ่มรู้สึกสดชื่นไปกับบรรยากาศที่เขาไม่ได้พบเจอบ่อยนัก นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ไปท่องเที่ยวที่ไหน หลังจากกลับมาจากอเมริกาเพื่อมารับช่วงธุรกิจผลิตกาแฟของครอบครัว ปกป้องก็แทบไม่ได้มีเวลาพักผ่อนส่วนตัว ด้วยความที่เป็นคนหนุ่มไฟแรง เขาจึงทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการทำงาน

ปกป้องต้องการจะปลุกปั้นบริษัทให้เป็นที่รู้จักระดับนานาชาติและเป็นอันดับหนึ่งของตลาดกาแฟสำเร็จรูปในเมืองไทย และชายหนุ่มก็ใกล้จะทำสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว บริษัทของครอบครัวเขากำลังจะเข้าตลาดหุ้น ปกป้องรู้ดีว่าเรื่องนี้ทำให้พ่อของเขาภาคภูมิใจในตัวเขามากเพียงไร

"เปลี่ยนยังไงหรือคะ" ปริมถามญาติผู้พี่อย่างไม่จริงจัง

หญิงสาวกำลังรับถาดขนมปังหลากชนิดมาจากแม่บ้านของรีสอร์ต หล่อนตั้งใจจัดโต๊ะอาหารเช้าอย่างสุดฝีมือ วันนี้หล่อนเตรียมอาหารเช้าสไตล์อเมริกันเอาไว้ เพราะรู้ว่าเป็นอาหารโปรดของทั้งปกป้องและสิปรางค์ พี่ชายคนนี้เป็นคนเนี้ยบ เขาชอบความมีพิธีรีตองและความเป็นระเบียบ ปริมอยากเอาใจญาติผู้พี่ที่นานๆจะได้เจอกันทีด้วยการเตรียมมื้ออาหารเช้าสุดหรูให้เขา

"ก็…ไม่รู้สิ พี่อธิบายไม่ถูก นี่เค้าเปลี่ยนใจไม่อยากให้พี่ปิดโรงงานแล้วนะ"

"หา จริงเหรอคะ เกิดอะไรขึ้นคะนี่ นี่ปริมกลับมาจากยุโรป ก็ยังไม่ได้เจอพี่ปรางเลยนะคะ วันนี้ได้โอกาสพี่ป้องมาพอดี"

น้องสาวคนเล็กของครอบครัวเพิ่งกลับมาจากทัวร์ยุโรปกับสามีและลูกสาวตัวน้อย คราวนี้หล่อนถือโอกาสไปค่อนข้างนาน เพราะตั้งใจจะไปตระเวนดูแบบอย่างของรีสอร์ตตามที่เล่นสกีบริเวณเทือกเขาแอลป์

"เค้าดื้อดึงจะหาหนทางยื้อโรงงานไว้" คนเป็นพี่ส่ายหน้ากลุ้มใจ "พี่ก็แปลกใจเหมือนกันนะ มาอยู่แค่เดือนเดียว ทำไมเค้าถึงเปลี่ยนใจได้"

ปริมนึกไปถึงคำบอกเล่าของแม่บ้านรีสอร์ต เมื่อหล่อนถามถึงความเป็นอยู่ของสิปรางค์หลังจากกลับมาจากทริปยุโรป

คุณวินแกมารับคุณปรางไปทำงานบ่อยๆค่ะ ป้าเห็นเพราะคุณปรางแกซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของคุณวินเข้ามาจอดขอกาแฟที่ห้องอาหารตอนเช้าๆน่ะค่ะ

แต่ผู้เป็นน้องสาวก็ไม่คิดติดใจอะไร หล่อนเดาไปเองว่าสิปรางค์อาจจะสนิทสนมกับวินเพราะต้องพูดคุยกันเรื่องการซื้อขายที่ดินริมน้ำ เอ แต่หรือว่ามันจะมีอะไรพิเศษไปกว่านั้น หญิงสาวหันไปทางปกป้อง

"ไม่น่าเชื่อ ปกติพี่ปรางเป็นคนเด็ดขาด เมื่อตัดสินใจแล้วก็ไม่เคยเปลี่ยนใจอะไรง่ายๆ"

"พี่ล่ะกลัวใจเค้าจริงๆ เวลาเค้าเกิดไม่ยอมแพ้ขึ้นมา"

ทั้งสองพี่น้องสบตากันอย่างหนักใจ ปกป้องถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ

"อื้อ กาแฟนี่รสชาติดีนะ หอมดีด้วย ยี่ห้ออะไรเนี่ย ของคู่แข่งเราล่ะสิ"

"อะไรกันพี่ป้อง นี่กาแฟของพี่ป้องเองนะคะ พี่ป้องจำรสชาติกาแฟของโรงงานแม่ริมไม่ได้หรือคะ" ปริมหัวเราะกับความไม่รู้ของพี่ชาย ปกป้องคงจะดื่มแต่กาแฟสำเร็จรูปจากโรงงานใหญ่ล่ะสิท่า

"เอ๊ะ กาแฟของพี่เหรอ กาแฟของโรงงานเรารสชาติดีขนาดนี้เลยหรือ"

"แหม พี่ป้อง กาแฟมิตรแท้ของเราน่ะเป็นที่นิยมมากนะคะ ใครมาเที่ยวเชียงใหม่ก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไป"

"อ้าว เหรอ นี่พี่ไม่เคยสนใจกาแฟที่โรงงานนี้เลยนะเนี่ย"

ปกป้องพลิกถ้วยกาแฟไปมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด ชายหนุ่มไม่เคยคิดจะสนใจโรงงานที่เชียงใหม่มาก่อนเลย เขาสละความใส่ใจและเวลาทั้งหมดให้กับโรงงานกาแฟใหญ่ที่ฉะเชิงเทรา ด้วยคิดว่ากาแฟโรบัสต้ามีโวลุ่มทางการตลาดมากกว่า คุ้มค่ากับการลงทุนสำหรับบริษัทเขา แต่รสชาติกาแฟสดของโรงงานที่แม่แตงนี้ มันทำให้เขาสะดุดใจ

"โอ้โห รู้เลย มื้อนี้เอาใจพี่ป้องกะพี่ปราง"

เสียงใสๆของหนุ่มปัณณ์ทำให้ความคิดของปกป้องชะงักไป ญาติผู้น้องอีกคนของเขามาถึงแล้ว หนุ่มน้อยกำลังมองโต๊ะอาหารเช้าตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น

"หวัดดีครับ พี่ป้อง พี่ปริม" เขายกมือไหว้ญาติผู้พี่ทั้งสอง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแผ่นขนมปังแล้วนั่งลงข้างๆปกป้อง

"เดี่ยว รอพี่ปรางก่อน" ปริมเอื้อมไปตีมือน้องชายเบาๆอย่างอารมณ์ดี นานแค่ไหนแล้วที่พี่ๆน้องๆไม่ได้มานั่งกันครบทีมขนาดนี้

"ว่าไงเรา ได้ข่าวว่าหนีคุณหญิงอามาถึงโรงงานที่นี่"

ปกป้องนั่งไขว่ห้างมองดูลูกพี่ลูกน้องคนสุดท้องอย่างเอ็นดู แต่ด้วยความที่เขาอายุห่างจากญาติผู้น้องคนนี้พอสมควร เขาจึงไม่ได้มีความสนิทสนมอะไรกับเด็กหนุ่มเป็นพิเศษนัก ขนาดปัณณ์แอบมาฝึกงานที่โรงงานของเขาเอง ชายหนุ่มยังไม่รู้เรื่องเลย จนปริมบอก เขาถึงเพิ่งจะรู้

"โรงงานใหญ่ของเราที่ฉะเชิงเทรามีอยู่ก็ไม่ไป เครื่องมือเครื่องจักรก็ทันสมัยกว่าแถวนี้แยะ มาทำงานที่นี่จะได้เรื่องได้ราวอะไร เสียเวลาเปล่าๆ" ชายหนุ่มไม่เข้าใจความคิดของวัยรุ่นคนนี้เอาซะเลย

ปัณณ์ยิ้มเจื่อนๆ ถึงจะอธิบายไปปกป้องก็คงไม่เข้าใจ พี่ใหญ่คนนี้จริงจังกับทุกเรื่องเสมอ พอๆกับพี่ปรางนั่นแหละ ทุกอย่างต้องเป็นเหตุเป็นผล เวลาต้องเป็นเงินเป็นทอง

"สงสัยอยากจะหนีจากคุณหญิงอา" ปริมเย้าน้องชาย "อ้าว พี่ปรางมาพอดี"

สิปรางค์เดินเข้ามาด้วยชุดอยู่บ้านสบายๆ อันที่จริงวันนี้หล่อนอยากจะนอนตื่นสายๆสักหน่อย แต่ปริมโทรนัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนให้มาร่วมโต๊ะอาหารเช้าด้วยกัน ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงไม่เป็นปัญหาสำหรับหญิงสาวเลย เพราะปกติก็เป็นคนตื่นเช้ามากเป็นนิสัยอยู่แล้ว

แต่มาหลังๆนี้ เหมือนจังหวะชีวิตหล่อนจะเดินช้าลงมาก หล่อนตื่นสายขึ้นเรื่อยๆ…

"พี่ป้องตื่นแต่เช้าเลยนะคะ" หญิงสาวหันไปทักทายพี่ชายคนโต

"ก็ธรรมดาหรือเปล่าครับน้องปราง ปกติพี่ก็เห็นเราตื่นเช้ากว่าพี่อีกนี่นา"

ปกป้องพยายามจ้องหน้าน้องสาวคนสนิท เขาอยากจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้าให้ได้มากที่สุด ชายหนุ่มยังไม่ได้ตกลงกับสิปรางค์อย่างชัดเจนเรื่องของโรงงาน มันนอกเหนือจากความคาดหมายเกินไปหน่อย เขาคงจะต้องการเวลาคิดทบทวน

สิปรางค์เสไปมองโต๊ะอาหารเช้าตรงหน้า ถาดเซรามิกเนื้อดีถูกวางเรียงรายไว้ด้วยแพนเค้กกับวาฟเฟิล ขวดโหลเล็กๆบรรจุน้ำผึ้งและแยมหลากหลายชนิดวางเป็นแถวเป็นแนวกันอยู่ข้างๆบรรดาโหลแก้วที่เต็มไปด้วยซีเรียลและธัญพืชต่างๆหลากสี กาแฟร้อนๆหอมกรุ่นถูกเสิร์ฟด้วยชุดถ้วยกาแฟลายดอกไม้จากอังกฤษ

นานเท่าไหร่แล้วที่หล่อนไม่ได้รับประทานอาหารเช้าแบบอลังการเช่นนี้ สมัยอยู่กรุงเทพ บ้านของหล่อนก็จะทานอาหารเช้าร่วมกันอย่างเป็นทางการแบบนี้เสมอ ครั้นมาอยู่เชียงใหม่ วิถีชีวิตประจำวันของหล่อนก็รวนเรไป

ในบางวันที่วินมารับหล่อนไปทำงาน บางทีเขาก็พาหล่อนไปทานโจ๊กง่ายๆที่ร้านข้างทาง หรือไม่ก็แวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเพื่อไปทานเป็นอาหารเช้าที่ออฟฟิศ แรกๆหญิงสาวก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ หล่อนไม่ค่อยชอบทำอะไรแบบมักง่ายเช่นนี้นัก แต่นานวันเข้า สิปรางค์กลับรู้สึกว่ามันก็ไม่ยุ่งยากดี แถมประหยัดเวลาไปเสียอีก…

"ว่าจะถามพี่ปรางเลยค่ะ ว่าเรื่องติดต่อซื้อที่ดินจากคุณวินไปถึงไหนแล้ว เค้ามีท่าทางจะยอมขายบ้างไหมคะ"

ปริมเอ่ยขึ้นในระหว่างมื้ออาหาร หล่อนพูดเหมือนกับไม่ได้จริงจัง แต่ในขณะเดียวกันก็แอบลอบมองปฏิกิริยาของหญิงสาวผู้เป็นพี่

"เอ่อ ก็กำลังคุยๆอยู่นะ"

สิปรางค์อึกอัก อันที่จริงหล่อนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท หลังๆมานี้หญิงสาวไม่เคยได้เอ่ยปากเรื่องนี้กับชายหนุ่มเจ้าของสวนอีกเลย

ผู้เป็นน้องเริ่มจะจับความผิดปกติของพี่สาวได้ พี่ปรางเปลี่ยนไปจริงๆด้วย พี่สาวหล่อนไม่เคยจะตอบอะไรแบบไม่แน่ใจ สิปรางค์มีความคิดของตนเอง และมั่นอกมั่นใจอยู่เสมอ

"อ้อ ช่วงนี้วันลอยกระทง เชียงใหม่เค้ามีจัดประเพณียี่เป็งกันอยู่นะคะ"

ปริมเปลี่ยนเรื่อง หล่อนไม่อยากจะคาดคั้นอะไรมากนักจากพี่สาว อันที่จริงหล่อนก็ไม่เคยคาดหวังเรื่องที่ดินริมน้ำนี้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

"เหรอ อืมม์ น่าสนใจนะ พี่ยังไม่เคยมาเชียงใหม่ช่วงนี้ซักที"

สิปรางค์แอบโล่งใจที่ปริมไม่ได้ซักไซ้เรื่องของหล่อนกับวินต่อ หล่อนจึงหันมาถามน้องสาวอย่างกระตือรือร้นเรื่องของงานยี่เป็ง หล่อนไม่ได้ลอยกระทงมานานแล้ว หญิงสาวเคยได้ยินชื่อเสียงประเพณีนี้ของเชียงใหม่มาบ้าง แต่ยังไม่เคยมาเห็นกับตาของตนเอง

"ปริมว่า พี่ปรางต้องไปดูที่วัดพันเตานะคะ สวยที่สุดแล้ว พี่ป้องไปกับพี่ปรางกับปัณณ์สิคะ ปริมคงไปด้วยไม่ได้ ช่วงนี้อยากอยู่ดูแลยัยชมพู่มากกว่าค่ะ" ลูกสาวตัวน้อยของหล่อนมีอาการไข้อ่อนๆตั้งแต่เมื่อคืน หล่อนอยากให้ลูกสาวได้นอนเต็มที่ จึงเป็นสาเหตุที่มาร่วมวงอาหารเช้าในวันนี้กับคุณลุงคุณป้าและคุณอาไม่ได้

"พี่ป้องไปด้วยกันสิคะ ปรางอยากไปเห็นประเพณีนี้" สิปรางค์หันมาทางพี่ชาย

"พี่คงขอตัวล่ะ นัดกินข้าวกับลูกค้าเอาไว้" ปกป้องไม่ค่อยสนใจนัก เขาไม่ชอบไปเดินปะปนกับคนเยอะๆ

แต่ชายหนุ่มกำลังประหลาดใจกับสิปรางค์ น้องสาวคนสนิทของเขาคนนี้เคยสนใจประเพณีอะไรพวกนี้ด้วยหรือ

"ผมก็ไม่ว่างครับ นัดเพื่อนเอาไว้" ปัณณ์รีบบอก

วันนี้หนุ่มน้อยของพี่ๆมีนัดกับเอื้องคำเสียแล้ว เขาชวนสาวน้อยไปเดินเที่ยวชมบรรยากาศงานลอยกระทงในตัวเมืองเชียงใหม่ และคนน่ารักก็ตอบรับคำเขาอย่างรวดเร็ว หลังๆนี้เขาได้คุยกับเอื้องคำบ่อยขึ้น และสาวน้อยมีทีท่าที่จะเปิดใจให้เขา แค่คิดปัณณ์ก็มีความสุขแล้ว

สิปรางค์มองญาติพี่น้องของหล่อนอย่างขัดใจ ไม่มีใครมีเวลาให้หล่อนเลย หล่อนอยากจะไปดูงานลอยกระทงของเชียงใหม่จริงๆ

แต่แล้วหญิงสาวก็แอบยิ้มในใจ หล่อนรู้ว่า มีใครบางคนพาหล่อนไปได้แน่ๆ…

ฝนที่ตกเมื่อตอนบ่ายแก่ๆนั้นทำให้อากาศที่ท่าน้ำเย็นชื้นขึ้น กีตาร์โปร่งวางสงบนิ่งรอการบรรเลงจากเจ้าของ แต่เห็นทีเจ้ากีตาร์จะต้องรอเก้อ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่มีท่าทีว่าจะหยิบมันขึ้นมาเล่นแต่อย่างใด เขาจุดบุหรี่มวนที่สองพร้อมกับปล่อยอารมณ์ให้ไหลไปตามสายน้ำ

"อ้ายวิน ป้อฮื้อมาตามไปกิ๋นข้าว"

เด็กชายตัวอ้วนกลมยืนตะโกนบอกเขาอยู่ไกลๆ เด็กน้อยเห็นชายหนุ่มสูบบุหรี่อยู่จึงไม่เข้ามาใกล้ เนื่องจากอ้ายวินเคยสั่งห้ามเด็กน้อยไม่ให้เข้าใกล้เวลาที่เขากำลังสูบบุหรี่

วินโบกมือไล่เด็กน้อยให้กลับไปโดยไม่หันไปมอง ชายหนุ่มยังคงนั่งกอดเข่าสูบบุหรี่อยู่ที่ขั้นบันได ก่อให้เกิดความสงสัยแก่ลุงแปงซึ่งกำลังยืนมองชายหนุ่มอยู่ไม่ไกลจากเด็กชายตัวอ้วนนัก คุณวินนั่งเฉยๆอยู่ตรงนั้นมานานพอควร เหมือนกำลังคิดอะไรในใจอยู่ ลุงแปงไม่เห็นเจ้านายของเขามีอาการแบบนี้มานานแล้ว

กึ๊ดจะเด็ดดอกฟ้ากาช่างวิน บ่ะเดียวเขาปิ๊กกรุงเทพ เขาก็ลืมเฮาแล้วก้า

คำพูดของช่างรุ่นพี่ในโรงงานเมื่อสิบกว่าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำเขาอีกครั้ง ภาพสาวน้อยผู้หนึ่งผุดซ้อนขึ้นมาในความทรงจำอย่างรางๆ เสียงหัวเราะสดใส เสียงเรียกชื่อเขาดังก้องแทรกขึ้นมา

วินสะบัดหัวไปมา อดีตอันเลือนรางนั้นจะย้อนกลับมาซ้ำรอยอีกครั้งหรือ เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ความรู้สึกที่รู้ว่าไม่มีหวัง แต่เขาก็ห้ามใจไม่ได้

"วิน…"

แล้วเสียงที่ชายหนุ่มไม่อยากจะได้ยินก็ปลุกภวังค์เขา หากในความผลักไสนั้นก็มีความอยากพบอยากเจอเจือปนอยู่

"ใจลอยอยู่นะเรา เรียกตั้งหลายครั้งแล้ว" คนที่เขาทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอก้าวมายืนตรงหน้า

วินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยๆนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย นี่เขาโกรธอะไรหล่อน ไม่รู้สิ เขาเองก็ตอบตัวเองไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ชายหนุ่มหันไปดับบุหรี่ แล้วก็หันกลับมาจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้าต่อไป

"งอนเราอยู่เหรอ" หญิงสาวกอดอก ทำหน้าซื่อจ้องเขาเขม็ง

นายช่างหนุ่มไม่ตอบ หากยังคงจ้องมองหล่อนเงียบๆอยู่อย่างนั้น

"เราอยากไปวัดพันเตา อยากเห็นผางประทีปว่ามันจะสวยขนาดไหน" แล้วคนตรงหน้าก็ทำเสียงตื่นเต้นทำหน้าสนใจใคร่รู้ โดยไม่สนใจอาการเงียบเฉยของเขา

"วินพาเราไปนะ"

สายตาอันออดอ้อนนั้นทำเอาเขาเกือบจะใจอ่อน แต่แล้วชายหนุ่มก็กลั้นใจตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

"ไม่!"

แสงประทีปที่ส่องสว่างท่ามกลางบรรยากาศแบบล้านนาทั่ววัดพันเตายามค่ำคืนนี้ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก เบื้องหน้าของสิปรางค์คือความสวยงามอย่างที่หล่อนไม่สามารถจะบรรยายได้

"เชียงใหม่จะสวยกว่านี้ได้อีกไหมนะ" หญิงสาวอุทาน

นานแค่ไหนแล้วที่หล่อนไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ สิปรางค์ไปอยู่ต่างประเทศมาเสียนานจนทำให้ลืมเลือนเทศกาลต่างๆในเมืองไทยไปแล้ว

เชียงใหม่ไม่สวยไปกว่าได้แล้วล่ะ ทุกความสวยมันมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าผมแล้ว

แสงสีส้มอ่อนนับร้อยแสงในยามนี้ส่งให้ใบหน้าสวยที่อยู่ชิดเขาแค่คืบนั้นสวยผุดผาดยิ่งขึ้นไปอีก เสี้ยวหน้าคมนั่นงามหวานจับใจ ปอยผมเส้นเล็กที่กำลังลูบไล้แก้มนวลนั่นช่างมีเสน่ห์เย้ายวนเหลือเกิน

"แล้วไหนล่ะที่เรียกว่าผางประทีป" แต่จู่ๆใบหน้าสวยนั่นก็หันมาหาแบบไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว

คนร่างสูงสะดุ้ง สีหน้าเก้อเขินไปเล็กน้อย

"นั่นไงครับ ผางประทีป" วินชี้ไปบริเวณพื้นวัดที่เรียงรายไปด้วยต้นเทียนที่ทำมาจากดินเผานับร้อยนับพันต้น เหล่าผางประทีปกำลังแข่งกันโชนแสงเสมือนประหนึ่งว่ายามค่ำคืนนี้จะไม่มีวันมืดมิด

"ส่วนโคมแบบนั้น เค้าเรียกว่าโคมยี่เป็ง" ชายหนุ่มหันไปบริเวณวัดที่ถูกประดับประดาไปด้วยโคมไฟล้านนาแบบต่างๆอย่างตระการตา

"ทำไมวัดนี้ถึงชื่อว่าวัดพันเตาล่ะ แต่ก่อนวัดนี้มีเตาเผาเยอะ อย่างนี้เหรอ"

"ก็ใช่ครับ ผมก็เคยได้ยินมาว่า เมื่อก่อนวัดแห่งนี้เป็นสถานที่สร้างเตาหล่อพระนับร้อยนับพันเตา จึงได้ชื่อว่า วัดพันเตา"

วินคะเนว่า สิปรางค์ต้องทำหน้าภาคภูมิใจที่รู้ว่าหล่อนเดาถูก แล้วก็จริง…

"แต่เค้าก็เล่ากันมาหลายแบบนะครับ แต่ก่อนคนเชียงใหม่จะเรียกวัดแห่งนี้ว่า วัดปันเต้า หรือ พันเท่า ซึ่งหมายถึงทำบุญเพียงหนึ่ง แต่จะได้บุญกลับไปถึงพันเท่า"

"อือม์ ก็น่าสนใจ แต่เราว่าสมมุติฐานของเราดูจะมีเหตุผลกว่านะ"

"อื้อ ตามใจมะปรางเลยครับ เอาที่สบายใจ" ชายหนุ่มเลิกถือสาหาความกับอาการไม่ยอมแพ้ของคนตัวเล็กข้างๆมานานแล้ว

"อุ้ย!" สิปรางค์เซเข้ามาหาเขา หล่อนถูกกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่เบียดมาจากทางข้างหลัง

ทุกคนกำลังมุ่งตรงไปชมความอลังการของพิธีจุดผางประทีปเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา หญิงสาวมองเห็นพระภิกษุสามเณรกำลังเดินเท้าออกมาจากพระวิหารหอคำหลวง และข้ามสะพานไม้ไผ่ไปสู่ลานต้นโพเพื่อทำพิธีสวดมนต์และทำพิธีลอยประทีปใต้ต้นไม้

ความขลังของบรรยากาศเบื้องหน้าบวกกับอากาศที่เย็นสบายทำเอาสิปรางค์ตกอยู่ในห้วงภวังค์พักใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงวินกระซิบที่ข้างหู

"ไปหาที่ลอยกระทงกันเถอะครับ"…

ความเงียบสงบที่ศาลาท่าน้ำของวัดริมน้ำเล็กๆอย่างนี้ช่างแตกต่างจากบรรยากาศในเมืองที่หล่อนจากมาอย่างสิ้นเชิง วินพาหญิงสาวแวะซื้อกระทงเล็กๆที่ทำจากใบตองจากร้านข้างทางระหว่างทางมาวัด เป็นกระทงที่ทำง่ายๆแต่ก็น่ารักจับใจ

ทั้งสองคุกเข่าลงที่บันไดท่าน้ำ พากันตั้งจิตอธิษฐานก่อนที่จะปล่อยกระทงลงแม่น้ำไป หนุ่มสาวทั้งคู่มองตามกระทงที่กำลังลอยไปในสายน้ำที่ประปรายไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ

"วินอธิษฐานอะไรน่ะ บอกหน่อย" สิปรางค์หันขวับมาจ้องหน้าเขา สีหน้าแววตาจริงจังใคร่รู้

"เฮ้ย…" เขาทำท่าผงะออก แล้วแสร้งทำหน้าเหนื่อยหน่าย "ใครเค้าบอกกันล่ะครับ มันเป็นความลับ"

"อย่าบอกนะ ว่าอธิษฐานขอให้โลกนี้สงบสุข" คนสวยคาดคั้น

วินหัวเราะน้อยๆ เขาหันมาช่วยสิปรางค์ให้ลุกยืนขึ้น ก่อนจะถามหล่อนบ้างด้วยแววตาหยอกเย้า

"แล้วมะปรางล่ะ อธิษฐานว่าอะไรครับ"

สิปรางค์ถอนหายใจ นึกถึงสิ่งที่หล่อนเพิ่งอธิษฐานขอต่อพระแม่คงคาไป

ขอให้พระแม่ดลใจให้ลูกหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับโรงงานแห่งนี้ด้วย

แต่คำอธิษฐานนี้หล่อนคงบอกชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้สินะ

"เราก็เม้าท์มอยอะไรนิดหน่อยกับเจ้าแม่คงคาน่ะ" หล่อนทำน้ำเสียงไม่ใส่ใจ เหม่อมองไปยังสายน้ำ ไม่กล้าสบตาชายหนุ่มร่างสูงข้างๆ

วินหันมามองสิปรางค์อย่างเต็มตา ใบหน้าด้านข้างของหญิงสาวที่ฉาบไปด้วยแสงเรืองรองจากแม่น้ำนั้นแม้จะดูเศร้าสร้อย แต่ก็อ่อนหวานเหลือเกิน ไรผมที่ตกระมาที่ต้นคอนั้นปลิวไปตามลมอ่อนๆที่พัดพามาจากแม่น้ำ แล้วเสียงอธิษฐานของเขาก็ดังก้องขึ้นมาในหัว

พระแม่คงคา ช่วยลูกด้วย ใจลูกเต้นแรงทุกครั้ง ที่อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้…